ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 645 ท่านอิจฉาอะไรหรือ + บทที่ 646 ถ้าขู่แล้วจะทำไม
บทที่ 645 ท่านอิจฉาอะไรหรือ
หนานอวี่ติดตามเฉียวเทียนช่างอยู่ในสนามรบเป็นเวลาหลายปี แน่นอนว่าเขาต้องฉลาดพอที่จะรู้ว่าฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงมีความสำคัญเพียงใดในตอนนี้
“พี่สะใภ้…”
“ตราบใดที่เขายังไม่ตายก็ไม่เป็นไร แต่คงจะจัดการลำบากหน่อย” หนิงเมิ่งเหยาเข้าใจหนานอวี่ เมื่อคนที่ฆ่าล้างตระกูลมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเช่นนี้ แล้วเขาต้องการจะล้างแค้นให้กับตระกูลของตนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด
หนานอวี่พยักหน้า “ท่านพี่สะใภ้อย่ากังวลไปเลยขอรับ ข้าจะไม่ทำให้เสียเรื่องแน่นอน” สองสามีภรรยามีสารพัดวิธีในการทรมานผู้คน ทั้งสองย่อมไม่ปล่อยให้ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงได้อยู่อย่างสบายแน่
ข่าวที่หนิงเมิ่งเหยากักขังฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงเอาไว้ไปถึงหูของราชครูอย่างรวดเร็ว
ราชครูหัวเราะออกมาเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินว่าหนิงเมิ่งเหยาห้ามไม่ให้หนานอวี่ล้างแค้น
“นางเป็นหญิงที่เฉลียวฉลาดยิ่งนัก นางรู้ว่าตอนนี้ยังปล่อยให้คนผู้นั้นตายไม่ได้ แต่นางคิดผิดไปข้อหนึ่ง”
“นายท่านหมายความว่าอย่างไรหรือขอรับ”
“ข้าจะไปพบนางด้วยตัวเอง อย่างไรเสียเขาก็เป็นถึงฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียง” แม้เขาจะเอ่ยเช่นนั้น แต่คนฟังต่างรู้ได้จากคำพูดของเขาว่าเขาหาได้ห่วงใยฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงไม่
เมื่อมีคนมาเคาะประตูบ้านของตน หนิงเมิ่งเหยาก็เบ้ปาก นางหันไปมองหมายเลขสาม “ไปเปิดประตู”
“พ่ะย่ะค่ะองค์หญิง”
หมายเลขสามเดินไปเปิดประตู เขาเห็นคนสองสามคนยืนอยู่ด้านนอก คนที่ยืนอยู่หน้าสุดแต่งกายในชุดคลุมสีขาว มีหมวกคลุมศีรษะที่ติดอยู่กับชุดปิดบังใบหน้าของเขาอยู่
“มีเรื่องอะไร”
“ข้าต้องการพบองค์หญิงของเจ้า”
สายตาของหมายเลขสามเปลี่ยนไปในทันทีราวกับเดาฐานะของคนที่อยู่ตรงหน้าออก เขาเบี่ยงตัวไปด้านข้าง ยอมให้คนกลุ่มนั้นเข้ามา
หนิงเมิ่งเหยาเคาะโต๊ะด้วยมือข้างหนึ่ง พลางมองชายที่กำลังเดินเข้ามา บรรยากาศที่เขาแผ่ออกมานั่นช่างคุ้นตายิ่งนัก นางรู้สึกราวกับว่านางเคยพบเขามาก่อน
“ลมอะไรหอบท่านราชครูมาที่นี่หรือ ขออภัยด้วยที่ข้าไม่ได้ออกไปต้อนรับ” หนิงเมิ่งเหยามองชายในชุดสีขาวด้วยสายตาเยาะหยัน
ฝีเท้าของราชครูหยุดลง จากนั้นเขาจึงหัวเราะออกมา “องค์หญิงถ่อมตนเกินไปแล้ว”
เสียงที่หนิงเมิ่งเหยาได้ยินนั้นทุ้มต่ำ ราวกับว่าเขาตั้งใจกดเสียงของตนลง แต่กระนั้นนางกลับยังสัมผัสได้ถึงความคุ้นเคยบางอย่างอยู่
“ท่านราชครูมาเยี่ยมเยือนที่นี่ด้วยเหตุอันใดหรือ” หนิงเมิ่งเหยาถามออกไปตรงๆ นางไม่อยากข้องเกี่ยวกับชายผู้นี้มากเกินไป
ราชครูถอดผ้าคลุมออก เผยให้เห็นใบหน้าที่มีหน้ากากบังอยู่อีกชั้น
เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้น หนิงเมิ่งเหยาก็หรี่ตาลง เขายิ่งดูคุ้นหน้าขึ้นไปอีก
“เมื่อคืนก่อน ฮ่องเต้มาเยี่ยมท่านที่บ้านแล้วไม่ได้กลับออกไป” ราชครูไม่ได้พูดสิ่งที่ตนคิดออกมาจนหมด มิหนำซ้ำยังอธิบายเหตุการณ์ที่ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงบุกบ้านผู้อื่นยามวิกาลว่าเป็นการเยี่ยมเยือนเสียอีก การพูดเช่นนั้นไม่ต่างจากการบอกว่าทุกอย่างเป็นความผิดของพวกนาง
หนิงเมิ่งเหยาเล่นกับถ้วยชาในมือ นางเงยหน้ามองคนที่ยืนตรงหน้าตนอย่างเกียจคร้าน “มาเยี่ยมหรือ ดูเหมือนว่าฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงคงจะเป็นคนป่าเถื่อนพอตัว ถึงได้มาเยี่ยมบ้านคนอื่นตอนกลางดึกเช่นนั้น มิหนำซ้ำยังเอาแต่พูดถึงเรื่องการรบราฆ่าฟันเสียอีก เป็นไปได้หรือไม่ว่า… เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการต้อนรับจากเหมียวเจียง”
มือของราชครูหยุดเคลื่อนไหว แล้วเขาจึงหัวเราะขึ้น “สมกับเป็นคนที่กุมอำนาจของทงเป่าไจเอาไว้ยิ่งนัก”
“เช่นนั้นข้าพูดได้หรือไม่ว่าท่านเองก็สมกับเป็นราชครูที่กุมบังเหียนของเหมียวเจียงทั้งหมดเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวเหมือนกัน” หนิงเมิ่งเหยาตอกกลับโดยไม่ไว้หน้า
แม้ว่าราชครูจะไม่ได้ถือสากับความหยาบคายของหนิงเมิ่งเหยา แต่กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังของเขาไม่อาจยอมรับได้ “รนหาที่ตาย”
สายตาของหนิงเมิ่งเหยาเย็นชา ประกายแสงอันเย็นเยียบแล่นผ่านมือของนาง ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นล้วนได้ยินเสียงโลหะกระทบพื้นและเสียงครางไม่ได้ศัพท์ดังขึ้น
“เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใครกัน”
ราชครูหรี่ตาลงมองกระบี่เล่มหนึ่งในมือของนาง “กระบี่หิมะโปรย”
หนิงเมิ่งเหยาเก็บกระบี่ของตน นางมองราชครูอย่างเย็นชา “ถ้าใช่แล้วจะทำไมหรือ”
“ข้าได้ยินคนพูดกันมาว่ามีคนยอมจ่ายเงินมหาศาลไปเพื่อซื้อกระบี่เพียงเล่มเดียว ตอนแรกข้าไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้ข้าเชื่อแล้ว” สายตาของราชครูหยุดอยู่ที่กระบี่หิมะโปรยในมือของหนิงเมิ่งเหยา
ริมฝีปากของหนิงเมิ่งเหยาโค้งขึ้น “ท่านราชครูมีปัญหาเรื่องเงินหรือ ข้าแบ่งให้ท่านบ้างดีไหม”
เกี่ยวอะไรกับการให้ทานน่ะหรือ เห็นได้ชัดว่าหญิงผู้นี้กำลังบอกว่าพวกเขาไม่มีเงิน ไม่ใช่แค่นั้น นางยังใช้น้ำเสียงราวกับพร้อมจะเจียดเศษเงินเหล่านั้นให้เขาเสียอีก เป็นคนอื่นคงโกรธจนควันออกหูไปแล้วหากได้ยินคำพูดพวกนั้นเข้า แต่น่าเสียดายที่ราชครูแห่งเหมียวเจียงผู้นี้ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ
“แต่ข้ามั่นใจว่าท่านราชครูคงมีเงินมากพออยู่แล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านกำลังอิจฉาอะไรอยู่กันแน่”
ราชครูสำลักลมหายใจตัวเอง เขาเพียงแค่ถามเฉยๆ ไฉนจึงกลายเป็นว่าตนกำลังอิจฉาอะไรนางอยู่ได้กัน
“เจ้า…” กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังราชครูทำท่าเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกห้ามเอาไว้เสียก่อน
บทที่ 646 ถ้าขู่แล้วจะทำไม
หนิงเมิ่งเหยาตวัดสายตามองคนที่หุนหันพลันแล่นผู้นั้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หากท่านจัดการคนของตนไม่ได้ ข้าก็พร้อมจะช่วย”
“ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าลำบากหรอก” ราชครูเอ่ยราวกับเป็นเรื่องเล็กน้อย
หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้ว นางไม่อยากคุยกับคนผู้นี้อีกต่อไป ดังนั้นนางจึงหันไปมองเขาแล้วเอ่ยอย่างเฉยเมย ว่า “ท่านราชครูมาทำอะไรที่นี่หรือ”
“ไม่มีอะไร ข้าเพียงหวังว่าองค์หญิงจะยอมปล่อยเขาไป”
“เขาหรือ ใครกันเล่า ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดถึงใครอยู่” หนิงเมิ่งเหยาสะบัดมือแล้วมองราชครูราวกับนางเป็นผู้บริสุทธิ์
ราชครูขมวดคิ้ว “ฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียง”
“เอ๋ เขาเป็นฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงหรอกหรือ ข้านึกว่าเขาเป็นอันธพาลเสียอีก” หนิงเมิ่งเหยามีสีหน้าตกตะลึงขณะมองราชครู
หนังตาของราชครูกระตุก นางเล่นละครเก่งยิ่งนัก
“ข้าอยากรู้ว่าต้องทำเช่นไรองค์หญิงจึงจะยอมปล่อยเขาหรือ” ราชครูขมวดคิ้วพลางมองหนิงเมิ่งเหยาอย่างไม่เห็นด้วย “การกระทำของท่านมีแต่จะทำให้การพำนักอยู่ในเหมียวเจียงลำบากยิ่งขึ้น”
หนิงเมิ่งเหยากะพริบตา “ข้าต้องการสิ่งใดหรือ ข้าควรถามท่านมากกว่าท่านราชครูต้องการอะไร มีคนบุกเข้ามายังที่พักของข้ากลางดึกและต้องการที่จะสังหารข้าเช่นนั้น นับว่าข้าใจดีมากแล้วที่ยังไม่จัดการปลิดชีพเขาทิ้งเสียตั้งแต่ตอนนั้น”
“เช่นนั้นท่านต้องการอะไร”
“ต้องการอะไรน่ะหรือ ข้าได้ยินมาว่าการค้ากว่าครึ่งของเหมียวเจียงต้องพึ่งพาตระกูลเว่ย จริงหรือไม่” จู่ๆ หนิงเมิ่งเหยาก็มองราชครูแล้วถามขึ้น
ราชครูรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี เขามองหนิงเมิ่งเหยาอย่างระมัดระวัง “ท่านต้องการจะพูดอะไร”
“เมื่อหลายวันก่อน ข้าเพิ่งรู้ว่าตระกูลเว่ยทำการค้าร่วมกับทงเป่าไจ มิหนำซ้ำความสัมพันธ์ทางธุรกิจยังค่อนข้างแน่นแฟ้นเสียด้วย” หนิงเมิ่งเหยามองราชครูอย่างเยือกเย็น นางกำลังรอดูความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของเขา
แน่นอนว่าสีหน้าของราชครูเปลี่ยนไปโดยพลัน แม้สีหน้าของเขาจะถูกหน้ากากบดบังเอาไว้ แต่ดวงตากลับแสดงออกอย่างชัดเจน
“ท่านกำลังขู่ข้าอยู่หรือ”
หนิงเมิ่งเหยาโบกนิ้วเบาๆ “ท่านอย่าพูดเช่นนั้นเลย ข้าเป็นคนคุยง่าย แต่หากข้าอารมณ์ไม่ดี ข้าก็จะทำให้อีกฝ่ายอารมณ์ไม่ดีตามไปด้วย ท่านราชครู ท่านเข้าใจที่ข้าพูดหรือไม่”
“ท่าน…”
“ท่านราชครู ข้าก็เป็นเช่นนี้ หากมีคนคิดจะทำให้ข้าไม่มีความสุข มันผู้นั้นก็หยุดคิดที่จะมีความสุขไปได้เลย” หนิงเมิ่งเหยายกมือข้างหนึ่งขึ้นเท้าคาง พลางชื่นชมสีหน้าที่เปลี่ยนไปของราชครู
เหมียวเจียงเป็นของเขา เขาคงไม่ยอมให้ผู้ใดมาทำลายเมืองนี้แน่
นั่นเป็นเหตุผลที่หนิงเมิ่งเหยาสามารถทำตามอำเภอใจได้
“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะไม่ยอมให้พวกเจ้าได้ออกไปจากเหมียวเจียงหรือ”
“ท่านราชครู ท่านลองดูก็ได้ มาดูกันว่าท่านจะสามารถหยุดพวกข้าไม่ให้ไปจากที่นี่ได้หรือไม่ หรือจะเป็นเหมียวเจียงที่หายไปจากแผนที่กันแน่ พูดตรงๆ ว่าข้าเองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน เหตุใดเราไม่ลองพิสูจน์กันดูล่ะ” หนิงเมิ่งเหยามองราชครูด้วยสายตาคาดหวัง นางกำลังบอกว่าถึงเขาจะเริ่มเคลื่อนไหว แต่นางก็ไม่หวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นว่าราชครูกำลังมองตนอย่างเย็นชา หนิงเมิ่งเหยาก็รู้สึกว่าสิ่งที่พูดไปยังไม่เพียงพอต่อการยั่วโมโหเขา ดังนั้นนางจึงมองเขาแล้วแย้มรอยยิ้มออกมา “ภายในหนึ่งเดือน ความร่วมมือระหว่างตระกูลเว่ยกับทงเป่าไจจะเพิ่มขึ้นจากยี่สิบเป็นสามสิบส่วน ทว่าหากมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับตระกูลเว่ยในเวลานี้แล้วล่ะก็ การค้าทั้งหมดภายในเหมียวเจียงจะไม่ล้มครืนลงมาพร้อมกันหรือ”
ราชครูรู้สึกว่าตนเอวประเมินหนิงเมิ่งเหยาต่ำไปจริงๆ
ตั้งแต่พวกนางมาถึงเหมียวเจียง หนิงเมิ่งเหยาก็รับบทเป็นเพียงหญิงสาวผู้อ่อนหวานและบอบบาง ส่วนเฉียวเทียนช่างเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
แต่หลังจากเฉียวเทียนช่างหายตัวไป เขาจึงตระหนักได้ว่าคนที่รับมือยากนั้นหาใช่เฉียวเทียนช่างไม่ แต่เป็นหญิงสาวผู้มีท่าทีอ่อนโยนและแสนเรียบร้อยผู้นี้ต่างหาก
“ท่านกำลังพยายามข่มขู่ข้าหรืออยู่”
หนิงเมิ่งเหยาหัวเราะออกมา “ถ้าใช่แล้วจะทำไมหรือ”
เป็นจริงดังว่า แม้หนิงเมิ่งเหยาจะข่มขู่เขาอยู่จริง แต่เขาก็ไม่อาจทำอะไรได้ ด้วยระยะเวลาสั้นๆ เพียงเท่านี้ เขาไม่มีทางจัดการปัญหาเรื่องนี้ได้ เมื่อเวลานั้นมาถึง เหมียวเจียงต้องตกอยู่ในความโกลาหลแน่
ก่อนหน้านี้หนิงเมิ่งเหยาเคยใช้กลยุทธ์นี้ปราบเมืองหลิงมาแล้ว เขารู้ดีว่าหนิงเมิ่งเหยามีความสามารถพอที่จะทำเช่นนั้นได้ แม้ทงเป่าไจจะไม่ได้มีอิทธิพลภายในเหมียวเจียงมากนัก
แต่พ่อค้าที่ทำธุรกิจภายในเหมียวเจียงส่วนใหญ่ล้วนแต่ต้องพึ่งพาความร่วมมือกับทงเป่าไจ
หากนางเล่นแง่ พ่อค้าเหล่านั้นงจะต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนหามาได้แน่
เมื่อถึงเวลานั้น เรื่องนี้จะไม่ใช่เพียงปัญหาส่วนตัวของเขาอีกต่อไป แต่จะเป็นปัญหาด้านการค้าของเหมียวเจียงทั้งหมด