ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 647 ท่านคือไป๋โม่ + บทที่ 648 บาดเจ็บสาหัส
บทที่ 647 ท่านคือไป๋โม่
ราชครูไม่ได้พูดอะไรต่อ ส่วนหนิงเมิ่งเหยาเองก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมาเช่นกัน นางเพียงแค่ ยกถ้วยชาที่อยู่บนโต๊ะหินขึ้นจิบ
“บอกสิ่งที่ท่านต้องการมา”
“ท่านราชครู ข้าไม่ชอบคำพูดของท่านเอาเสียเลย ท่านหมายความว่าอย่างไรที่ว่าสิ่งที่ข้าต้องการ น่าจะหมายถึงสิ่งที่พวกท่านต้องการต่างหากกระมัง หากท่านต้องการให้ข้าปล่อยตัวฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงจริงๆ ล่ะก็ สิ่งที่ท่านควรทำคือชดใช้ที่เขามารบกวนเวลาพักผ่อนของข้ามิใช่หรือ” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยประโยคนั้นออกมาอย่างหน้าไม่อาย ทำเอาราชครูถึงกับพูดไม่ออก
เพียงเพราะชายผู้นั้นรบกวนเวลานอนของนาง นางถึงกับต้องสอนบทเรียนให้เขาเชียวหรือ
“เป็นโชคดีของท่านที่ข้างกายข้ามีคนที่รู้เรื่องกู่พิษอยู่ มิฉะนั้นตอนนี้เหมียวเจียงคงจะไม่สงบสุขถึงเพียงนี้แน่” แน่นอนว่าหนิงเมิ่งเหยาเข้าใจความหมายของราชครูดี ริมฝีปากของนางหยักขึ้นขณะมองชายในชุดสีขาวด้วยรอยยิ้มที่ไม่ใช่ยิ้ม
ราชครูมองหนิงเมิ่งเหยา เขารู้ว่าหนิงเมิ่งเหยาตั้งใจจะบอกอะไร เมื่อคืนก่อนฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงคงใช้กู่พิษกับพวกนาง
“หากท่านยังต้องการให้ข้าปล่อยตัวเขา ข้าก็จะทำตาม อย่างไรเสียตอนนี้พวกข้าก็อยู่ในถิ่นของท่านนี่” หนิงเมิ่งเหยาสะบัดมือแล้วเอ่ยด้วยท่าทางจนปัญญา
มุมปากของราชครูกระตุกไม่หยุด
“หากอยากให้เขาอยู่ต่อ เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า ตกลงไหม” ช่วยหยุดพูดจาพิกลเช่นนั้นเสียทีได้หรือไม่
หนิงเมิ่งเหยาเยาะขึ้นว่า “ข้าควรขอบคุณท่านสำหรับการอนุญาตในครั้งนี้ไหม”
ราชครูมาที่นี่วันนี้ด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม เขามั่นใจว่าตนสามารถพาตัวฮ่องเต้แห่งเหมียวเจียงกลับไปได้แน่
แต่ผ่านไปได้เพียงครู่เดียว ความมั่นใจของเขากลับกลายเป็นเศษซากไปในพริบตา
“หนิงเมิ่งเหยา เจ้าไม่ควรทำตัวเช่นนี้” ราชครู่โพล่งขึ้น
เหตุใดหญิงสาวผู้แสนอ่อนโยนเช่นหย่าเอ๋อร์จึงมีบุตรสาวนิสัยเช่นนี้ได้
หนิงเมิ่งเหยาหัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านคิดว่าข้าควรทำตัวเช่นใดหรือ ยอมให้คนอื่นกลั่นแกล้งและยอมถูกบงการรึ ข้าควรทำตัวเช่นนั้นหรือไร”
ราชครูไม่ได้ตอบ แต่มองหนิงเมิ่งเหยานิ่งๆ สุดท้ายเขาจึงลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวกลับ
หนิงเมิ่งเหยามองร่างที่กำลังจะเดินหายไปจากสายตา แล้วจู่ๆ นางก็เอ่ยขึ้นว่า “ในวันหน้า ข้าจะเอาคืนในสิ่งที่ท่านทำกับท่านพ่อของข้าเป็นร้อยเท่า”
ประโยคที่นางพูดออกมาทำให้ราชครูชะงักฝีเท้า จากนั้นเขาจึงหมุนตัวกลับไปมองหนิงเมิ่งเหยา “ท่านคิดว่าข้าเป็นคนจับตัวเขาไปหรือ”
“ท่านคือไป๋โม่ใช่ไหม” หนิงเมิ่งเหยาไม่ได้ตอบคำถามของราชครู เพียงแต่มองเขาแล้วยิ้มออกมา
ดวงตาของราชครูฉายแสงวาบ “คนชื่อไป๋โม่ที่เจ้าพูดถึง…คือผู้ใดกัน”
หนิงเมิ่งเหยาหัวเราะอย่างพึงพอใจ เขาไม่รู้หรือว่าไป๋โม่คือใคร แต่ถึงไม่รู้ก็ไม่สำคัญหรอก
“ฮ่าๆ การแสดงของท่านราชครูช่างยอดเยี่ยมนัก ท่านมีรูปร่างใกล้เคียงกับไป๋โม่ อีกทั้งเสียงก็ยังคล้ายกันยิ่งนัก แต่ท่านดื่มยาเปลี่ยนเสียงเข้าไปใช่ไหม มีอีกอย่าง ท่านสังเกตหรือไม่ว่าตัวเองมีรอยแผลเป็นตรงข้อมือขวา ตำแหน่งเดียวกันกับที่ไป๋โม่มีไม่มีผิด” คำพูดของหนิงเมิ่งเหยาทำให้สีหน้าของราชครูเปลี่ยนไป
เขายกมือขึ้นดูรอยแผลบริเวณข้อมือของตนโดยไม่รู้ตัว
พอทำเช่นนั้น เขาจึงรู้ตัวว่าตนเองพลาดท่าเข้าเสียแล้ว
แต่ในเมื่อนางรู้ความลับของเขาแล้ว ดังนั้นคงไม่จำเป็นต้องปิดบังอีกต่อไป
ราชครูยกมือขึ้นถอดหน้ากากของตนออก ใบหน้าที่เผยออกมาคือใบหน้าของคนที่หนิงเมิ่งเหยาเคยพบมาก่อน
เมื่อหนิงเมิ่งเหยาเห็นหน้าของเขา สีหน้าของนางก็พลันเปลี่ยนไป “เป็นท่านจริงๆ”
หนิงเมิ่งเหยานึกแปลกใจตั้งแต่ตอนที่ได้ยินเสียงของเขาภายในห้องลับ แต่บัดนี้ความคลางแคลงใจทั้งหมดของนางกระจ่างแล้ว
นางรู้สึกว่าเรื่องนี้ช่างไม่ยุติธรรมสำหรับท่านพ่อของนางยิ่งนัก ทั้งที่ในตอนนั้นนางให้คำแนะนำกับท่านพ่อไป แต่เขากลับเลือกที่จะเชื่อใจชายผู้นี้แทน
ความรู้สึกของการถูกคนที่ตนไว้ใจแทงข้างหลังนั้นคงเลวร้ายยิ่งนัก
“เจ้ารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ไป๋โม่มองหนิงเมิ่งเหยา ในดวงตาของเขามีรอยยิ้มอยู่ ทว่ารอยยิ้มนั้นไม่ได้แสดงออกมาบนใบหน้าแต่อย่างใด
หนิงเมิ่งเหยามองไป๋โม่ “มีหลายจุดที่บ่งบอกว่าเป็นท่าน โดยเฉพาะบริเวณตาทั้งสองข้างและน้ำเสียง”
ไป๋โม่ยกมือขึ้นสัมผัสดวงตาของตน จากนั้นจึงหัวเราะออกมา “นั่นคือต้นเหตุหรือ”
“ข้าสงสัยเหลือเกินว่าเหตุใดท่านจึงทำเช่นนั้นกับท่านพ่อของข้าได้ เขาเชื่อใจท่านจริงๆ” แม้กระทั่งตอนนี้ หนานกงเยี่ยนก็คงยังไม่เชื่อว่าไป๋โม่หักหลังตน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดล้วนเป็นความจริง
“เด็กๆ ไม่ควรยุ่งกับเรื่องของผู้ใหญ่ สาวน้อย อย่าอยู่ที่นี่นานเกินไป มันไม่เป็นผลดีสำหรับเจ้า” ไป๋โม่ไม่รู้ว่าทำไมจึงพูดประโยคนั้นกับหนิงเมิ่งเหยา
บทที่ 648 บาดเจ็บสาหัส
หนิงเมิ่งเหยามองไป๋โม่ “ท่านแม่ของข้าอยู่ในมือของท่านด้วยใช่ไหม” หนิงเมิ่งเหยาประสานสายตากับเขา นางทำเป็นไม่สนใจคำพูดของไป๋โม่
ริมฝีปากของไป๋โม่โค้งขึ้น ก่อนเอ่ยว่า “ข้าต้องขอชมว่าเจ้าฉลาดยิ่งนัก”
แม้ไป๋โม่จะไม่ได้ยอมรับในสิ่งที่หนิงเมิ่งเหยาเอ่ย แต่คำพูดของเขาก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเซียวเฉิงหย่าน้ันอยู่ในมือของเขา
“ทำไม”
“ทำไมน่ะหรือ เพราะข้าไม่พอใจน่ะสิ ข้ารู้จักหย่าเอ๋อร์ก่อนหนานกงเยี่ยนเสียอีก แต่หย่าเอ๋อร์กลับไปตกหลุมรักหนานกงเยี่ยนแทนที่จะเป็นข้า มิหนำซ้ำยังคลอดเจ้าออกมาด้วย” สีหน้าอันสง่าผ่าเผยของไป๋โม่พลันแตกเป็นเสี่ยงๆ
บนหน้าของเขาไม่เหลือซึ่งความสง่างามอยู่อีกแล้ว มีเพียงความเกลียดชังที่หวังจะกำจัดหนานกงเยี่ยนออกไปให้พ้นตา
“เรื่องของความรู้สึกนั้นไม่มีใครมาก่อนหรือหลังหรอก แล้วท่านจะเก็บท่านแม่ของข้าไว้กับตัวอีกทำไมเล่า ในเมื่อนางไม่ยอมลืมตาตื่นขึ้นมา” หนิงเมิ่งเหยาเผลอนึกถึงหญิงผู้หนึ่งที่อยู่ในห้องลับขึ้นมา หญิงผู้นั้นคือมารดาของนางหรือ
ไป่โม่เกลียดคนที่กล่าวเช่นนั้นเป็นที่สุด เขาจ้องหนิงเมิ่งเหยาเขม็ง ดวงตาของเขาแดงก่ำ “เจ้าจะไปรู้อะไร เจ้าไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง”
ไป๋โม่กางกรงเล็บก่อนจะกระโจนเข้าหาหนิงเมิ่งเหยา มองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าเขาต้องการเอาชีวิตนาง
หนิงเมิ่งเหยาไม่ใช่คนอ่อนแอ นางเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็วก่อนจะโบกมือส่งสัญญาณให้หมายเลขสามกับพรรคพวกเข้ามาจัดการ
เมื่อมองไปที่ท่าทางอันมุ่งร้ายของไป๋โม่ หนิงเมิ่งเหยาก็รู้สึกว่าท่านแม่ของตนนั้นช่างเป็นคนที่มีเสน่ห์ยิ่งนัก
“จริงอยู่ที่ข้าไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง แต่ที่ข้ารู้ก็คือข้าไม่มีแม่เพราะท่าน” หนิงเมิ่งเหยาไม่ได้หลบการโจมตีที่หมายจะเอาชีวิตของไป๋โม่ แต่นางกลับปรากฏกายขึ้นอีกด้านแล้วอัดฝ่ามือเข้ากลางหลังของไป๋โม่แทน
ไป๋โม่ไม่ทันสังเกตเห็น แม้เขาคิดจะหลบแต่ก็สายเกินไปเสียแล้ว เขาทำได้เพียงพยายามลดทอนพลังโจมตีนั้นให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
“นายท่าน…”
เหล่าลูกน้องคนสนิทของไป๋โม่ต่างหน้าถอดสีในทันทีที่เห็นผู้เป็นนายบาดเจ็บ พวกเขาต้องการเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย แต่กลับถูกขวางเอาไว้เสียก่อน “พวกข้าจะเป็นคู่มือให้เจ้าเอง”
เมื่อเห็นคนที่ขวางทางตนอยู่ ชายสองสามคนในกลุ่มนั้นก็โกรธจนควันออกหู “พวกเจ้ากำลังรนหาที่ตาย”
ทั้งสองฝ่ายต่างเข้าต่อสู้กัน ทว่าฝ่ายของหนิงเมิ่งเหยากำลังจะจนมุม
ฝีมือของไป๋โม่นั้นเหนือกว่าหนิงเมิ่งเหยายิ่งนัก ขืนยังสู้กันต่อ ผลสุดท้ายคนที่จะได้รับบาดเจ็บคงเป็นตัวนางเอง
เหตุผลที่นางยังสามารถประมือกับเขาได้อยู่ในตอนนี้เป็นเพราะเขากำลังถูกโทสะครอบงำจนหน้ามืดตาบอด หากเขาใจเย็นลงเมื่อใด นางคงสิ้นท่าแน่
ในเวลานั้นหนิงเมิ่งเหยาไม่คิดจะใส่ใจเรื่องศีลธรรมในการต่อสู้อีก นางสะบัดข้อมือ กระบี่หิมะโปรยพลันปรากฏขึ้นในมือของนาง
เมื่อมีกระบี่หิมะโปรยเข้ามาเป็นตัวช่วย หนิงเมิ่งเหยาจึงเริ่มได้เปรียบขึ้นทีละน้อย ทว่าฝ่ายราชครูเองก็เริ่มใจเย็นลงเช่นกัน แต่กระนั้นเขาก็ยังเปิดช่องว่างให้โจมตีได้ในเวลาเดียวกัน
หนิงเมิ่งเหยาใช้ประโยชน์จากช่องว่างนั้นแทงกระบี่เข้าหาชายตรงหน้า ขณะที่ฝ่ามืออีกข้างของนางก็เตรียมพร้อมอัดเข้าที่หน้าอกองเขา
การโจมตีจากฝ่ามือและกระบี่ทำให้ไป๋โม่กระอักเลือดออกมา
เขายกมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปาก จากนั้นจึงมองหนิงเมิ่งเหยาที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากตัวเอง ก่อนเอ่ยว่า “ข้าประเมินเจ้าต่ำไป”
หนิงเมิ่งเหยาไม่ตอบ ใบหน้าของนางยังคงไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ แต่ร่างของนางตื่นตัวเตรียมพร้อมรับกับการจู่โจมที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
ไป๋โม่หัวเราะ “สมกับเป็นลูกสาวของหนานกงเยี่ยน ดี ดียิ่งนัก ข้าจะรอให้เจ้ามาที่วังหลวง”
จากนั้นเขาจึงลุกขึ้นแล้วเดินจากไป เหล่าคนสนิทของเขาเองก็ถอยกลับไปให้ทันผู้เป็นนายด้วย
หลังกลับมาถึงจวนของตน ไป๋โม่กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง สีหน้าของเขาซีดยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
เขายกมือขึ้นสะกัดจุดตายสองสามจุดบนร่าง แล้วจึงมองบาดแผลบริเวณไหล่ของตนที่ยังมีเลือดไหลอยู่ ไป๋โม่หัวเราะกับตัวเอง ครั้งสุดท้ายที่เขาบาดเจ็บจนถึงขั้นนี้นั้นผ่านมาแล้วกี่ปีกัน
“นายท่าน ท่านเป็นอะไรหรือไม่ขอรับ ได้โปรดลงโทษข้าเถอะขอรับ” คนที่เดินตามหลังเขามาคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น
ไป๋โม่โบกมือ “ไม่เป็นไร ข้าเพียงต้องการพักสักหน่อยเท่านั้น”
“นายท่านขอรับ ให้ข้าพันแผลให้ก่อนเถิด”
“ได้”
ไป๋โม่หลับตาก่อนจะเอนกายลงบนเก้าอี้ ยอมให้ข้ารับใช้ของตนช่วยทำแผลให้
แม้แผลจากกระบี่จะได้รับการรักษาแล้ว แต่อาการบาดเจ็บภายในยังคงไม่อาจรักษาให้หายได้ในระยะเวลาสั้นๆ
เขายกมือขึ้นลูบหน้าอกของตน ยังสัมผัสถึงความเจ็บปวดจนชาบริเวณนั้นได้ดี
“นายท่าน ให้ข้าไปสังหารนางเถิดขอรับ”