ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 649 เจ้าจิ้งจอกน้อยกลับมาหา + บทที่ 650 การตัดสินใจอันยากลำบาก
- Home
- ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน
- บทที่ 649 เจ้าจิ้งจอกน้อยกลับมาหา + บทที่ 650 การตัดสินใจอันยากลำบาก
บทที่ 649 เจ้าจิ้งจอกน้อยกลับมาหา
ไป๋โม่เหลือบมองข้ารับใช้ของตน “ฝีมือการต่อสู้ของหนิงเมิ่งเหยานั้นเหนือกว่าพวกเจ้าทุกคน แล้วนางยังมีกระบี่หิมะโปรยอยู่ในมืออีกด้วย”
นี่เป็นสิ่งที่เขากังวล เท่าที่เขารู้นั้นคนธรรมดาคงไม่อาจดึงพลังของกระบี่หิมะโปรยมาใช้ได้อย่างเต็มที่ แต่เขารู้สึกว่าหนิงเมิ่งเหยากลับค่อยๆ ควบคุมพลังของกระบี่ได้เสียอย่างนั้น
ดวงตาของไป่โม่หรี่ลงเล็กน้อย ไม่ได้การ
หลังไป๋โม่กลับไป หนิงเมิ่งเหยาจึงทรุดลงนั่งกับพื้น กำปั้นของนางชุ่มไปด้วยเหงื่อ หากขืนยังสู้กับไป๋โม่ต่อ เห็นทีว่าคนที่ได้รับบาดเจ็บคงจะเป็นนางเอง
“องค์หญิง ท่านเป็นอะไรหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” หมายเลขสามและคนที่เหลือต่างมองหนิงเมิ่งเหยาด้วยความเป็นห่วง
เมื่อก่อนนั้น ถึงแม้พวกเขาจะรู้ว่าองค์หญิงเป็นคนที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง แต่พวกเขาก็ไม่เคยเห็นนางลงมือเองกับตาเสียที ทว่าเมื่อได้เห็นการต่อสู้ของนางในวันนี้ พวกเขาต่างตระหนักได้ว่าองค์หญิงของพวกเขานั้นแข็งแกร่งกว่าที่คิดเอาไว้อย่างมาก
“ข้าสบายดี” หนิงเมิ่งเหยาส่ายหน้าแล้วลุกขึ้นจากพื้น นางรู้สึกเหนียวตัวเพราะเหงื่อที่ซึมชื้นออกมา ดังนั้นนางจึงกลับเข้าไปในบ้านเพื่อล้างตัว
ทันทีที่นางก้าวเข้ามาในห้อง นางเห็นเฉียวโม่ซางกำลังจับขาของตัวเองขึ้นมาอมอยู่
ดวงตาของหนิงเมิ่งเหยาดำทะมึน นางเดินเข้าไปเอาเท้าของเขาออกจากปาก “อย่าเอานิ้วเท้าเข้าปากตัวเอง”
“ท่านแม่…”
หนิงเมิ่งเหยายกมือขึ้นลูบหัวเล็กๆ ของเขา “เป็นเด็กดีนะ เจ้าลิงน้อย”
หลังฝากเฉียวโม่ซางให้เฉียวโม่เฟิงดูแล หนิงเมิ่งเหยาจึงเอนกายลงในอ่างอาบน้ำ พลางนึกถึงหญิงสาวที่อยู่ภายในห้องลับ
เสียงที่นางได้ยินภายในห้องลับ และหญิงที่นางเห็น นางสงสัยว่าหญิงผู้นั้นอาจจะเป็นมารดาของตน
หากในตอนนั้นนางรู้เช่นนี้ นางจะต้องพาท่านแม่ออกมาแน่ แต่น่าเสียดายนักที่นางไม่รู้
ดูเหมือนว่านางคงทำได้เพียงหาหนทางอื่นเพื่อกลับไปที่นั่น
ขณะที่หนิงเมิ่งเหยากำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับการค้นหาเส้นทางลับนั้นอยู่ เฉียวเทียนช่างกับหนานชีกลับกำลังเดินอยู่ภายในทางเส้นนั้นอย่างระมัดระวัง
“นายท่านขอรับ ที่แห่งนี้แปลกประหลาดจริงๆ”
“จริงดังว่า ระวังตัวด้วย” พวกเขาไม่รู้ว่าตอนนั้นเขากับหนิงเมิ่งเหยาตกลงไปจากจุดไหน ดังนั้นพวกเขาจึงเดินเข้ามาจากทางออกแทน
หลังเข้ามาภายในดินแดนต้องห้ามของเหมียวเจียงได้อีกครั้ง เฉียวเทียนช่างก็รู้สึกโล่งใจ เขาสงสัยว่าตอนนี้หนิงเมิ่งเหยากับบุตรชายทั้งสองของตนจะเป็นอย่างไรกันบ้าง
“นายท่าน มาถึงแล้วขอรับ เราควรทำอย่างไรต่อหรือ” หนานชีมองเฉียวเทียนช่าง เขาเคยมาที่นี่เพียงครั้งเดียวสมัยยังเป็นเด็ก แต่ที่แห่งนี้ไม่ได้อยู่ในสภาพเดียวกันกับปัจจุบัน
“ตามข้ามา”
ใช้เวลาหลายวันกว่าเฉียวเทียนช่างจะพาหนานชีมาถึงบริเวณที่ตนกับหนิงเมิ่งเหยาเดินออกมา
หนานชีมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสับสน “นายท่านขอรับ นี่เป็นทางน้ำใต้ดิน แต่ข้าไม่รู้ว่ามันไหลไปที่ใดขอรับ”
“ข้ารู้ ออกไปจากที่นี่กันเถอะ” เขาอยากลองดูว่าคราวนี้เขาจะสามารถพาหญิงผู้นั้นกลับไปได้หรือไม่ ถึงแม้จะทำไม่ได้ แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องมาตรวจสอบให้มั่นใจว่านางสบายดีหรือไม่
ขณะที่เฉียวเทียนช่างกำลังเตรียมจะลงไป ร่างสีขาวขนปุกปุยร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นที่ไหล่ของเขา สองเท้าเล็กๆ ของมันปีนป่ายขึ้นมาบนไหล่ ดวงตากวาดมองไปรอบ ๆ
เจ้าจิ้งจอกน้อยนี่เอง เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับจิ้งจอกตัวนี้ดี
เฉียวเทียนช่างยกมือขึ้นลูบจิ้งจอกน้อยบนไหล่ รอยยิ้มฉายขึ้นในดวงตา “เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”
จิ้งจอกน้อยส่งเสียงออกมาก่อนกระโดดลงจากไหล่ของเฉียวเทียนช่างแล้ววิ่งตรงไปยังทางน้ำใต้ดิน
เฉียวเทียนช่างรีบคว้าคอของมันขึ้นก่อนวางมันไว้บนไหล่ตัวเอง “เจ้าเป็นจิ้งจอก ว่ายน้ำไม่เป็น ใจเย็นๆ แล้วรออยู่ตรงนี้เสีย”
จิ้งจอกน้อยส่งเสียงขึ้นอีกอีกสองสามครั้งพลางส่ายอุ้งเท้าเล็กๆ ของมันไปมา ท่าทางราวกับกำลังดูถูกเฉียวเทียนช่าง
เฉียวเทียนช่างไม่สนใจจิ้งจอกน้อย แต่เตรียมตัวพาหนานชีกับจิ้งจอกน้อยข้ามน้ำออกไป
ทว่าหนานชีกลับมองจิ้งจอกน้อยโดยไม่พูดอะไร ดวงตาเล็กๆ เป็นประกายของมันดูคล้ายว่ามันอยากบอกอะไรกับพวกเขา
“เจ้ามองอะไรอยู่”
“นายท่านขอรับ ท่านรู้ความเป็นมาของจิ้งจอกตัวนี้หรือไม่ขอรับ” หนานชีกลืนน้ำลายแล้วถามเสียงสั่น
เฉียวเทียนช่างส่ายหน้า “ไม่รู้”
“นี่น่าจะเป็นจิ้งจอกหิมะ สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในตำนานของเหมียวเจียง”
เฉียวเทียนช่างหันกลับไปมองจิ้งจอกน้อยบนไหล่ เขาไม่รู้ว่าสัตว์ศักดิ์สิทธ์ที่ว่านั่นคืออะไร แต่ที่เขารู้ก็คือแม้ว่าเจ้าตัวเล็กนี่จะเป็นสิ่งที่เหยาเหยาต้องการ แต่มันก็ไม่ได้มีค่าอะไรไปมากกว่าอาหารว่างในเวลาที่เกิดหิวขึ้นมา
“แล้วยังไงหรือ”
หนานชีสำลัก ก็จริง แล้วอย่างไรเล่า ยังไงก็ไม่มีใครรู้เรื่องมันอยู่แล้ว
บทที่ 650 การตัดสินใจอันยากลำบาก
อย่างไรเสียจิ้งจอกน้อยก็อยู่ในมือของเจ้านายตน หนานชีก็ไม่คิดว่าคนอื่นจะสามารถชิงมันไปได้
“ท่านเจอจิ้งจอกตัวนี้ได้อย่างไรหรือขอรับ”
“คราวที่แล้วตอนที่ข้ามานี่ มันวิ่งมาหาข้าเอง” เฉียวเทียนช่างตอบตรงๆ พลางสาวเท้าเดินต่อ
ฝีเท้าของหนานชีชะงักไปครู่หนึ่ง นายท่าน เหตุใดท่านจึงโชคดีเช่นนี้ขอรับ
เฉียวเทียนช่างมองหนานชี “ไม่มีสิ่งใดให้เจ้าต้องอิจฉาหรอก”
ด้วยประสบการณ์จากครั้งก่อน เฉียวเทียนช่างจึงสามารถข้ามทางน้ำใต้ดินได้อย่างไม่ลำบากยากเย็นนัก แต่หนานชีกลับแทบจะโดนน้ำพัดหายไป
“เรามาที่นี่กันทำไมหรือขอรับนายท่าน” พวกเขาข้ามป่าข้ามเขามาจนถึงดินแดนต้องห้ามของเหมียวเจียงโดยใช้เส้นทางลับนั้น อีกทั้งตอนนี้พวกเขายังข้ามทางน้ำใต้ดินมาอีก นายท่านของเขาตามหาสิ่งใดอยู่กันแน่
“อย่าถามมาก อีกไม่นานเจ้าก็จะรู้เอง”
หนานชีปิดปากตัวเองให้สนิทแล้วเดินตามเฉียวเทียนช่างไปอย่างระมัดระวัง
“เหตุใดจึงมีทางลับอยู่ตรงนี้อีกเล่า” เมื่อเห็นทางลับอีกเส้น หนานชีก็โอดครวญขึ้นมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“อย่าเสียงดัง ไปกันต่อ” เฉียวเทียนช่างมองหนานชี ในเวลาเช่นนี้ เจ้าโง่นี่ยังอุตส่าห์มีอารมณ์มาบ่นเรื่องไร้สาระได้อีก
หนานชีเร่งฝีเท้าตามไป แต่ขณะที่พวกเขากำลังเดินอยู่ภายในเส้นทางลับนั้น จู่ๆ เฉียวเทียนช่างก็หยุดเดิน
พอหนานชีกำลังจะอ้าปากถาม เฉียวเทียนช่างกลับรีบเอามือปิดปากเขาไว้ “เงียบ”
หนานชีมองเจ้านายของตนด้วยความตกใจ เขาจ้องอีกฝ่ายเขม็ง “นายท่านขอรับ อย่าโหดร้ายถึงเพียงนี้ได้ไหม”
“หุบปาก”
ตอนที่มือของเฉียวเทียนช่างสัมผัสกับคันโยกตรงเพดาน เขาได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นจากบนนั้น ชายหนุ่มจึงเอามือลงแล้วแนบตัวกับผนังพลางเงี่ยหูฟังบทสนทนานั้นอย่างเงียบๆ
ไป๋โม่นั่งอยู่ข้างเตียงและมองเซียวเฉิงหย่าที่อยู่บนนั้น ใบหน้าของนางยังคงซีดเผือด เห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บจากครั้งก่อนของนางยังคงไม่หายดี
“หย่าเอ๋อร์ ลูกสาวเจ้าช่างต่างกับเจ้ายิ่งนัก ฝีมือของนางทำให้ข้ารู้สึกอยากฆ่านางทิ้งเหลือเกิน เจ้าจะว่าอย่างไรหากข้าสังหารนางเสีย ตอนนั้นเจ้าจะตื่นขึ้นมาหรือไม่” ไป๋โม่พูดกับตัวเอง เขาไม่ทันสังเกตว่านิ้วมือของเซียวเฉิงหย่าขยับเล็กน้อย
ใบหน้าของเฉียวเทียนช่างน่าเกลียดน่ากลัวขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำพูดแสลงหูจากคนที่อยู่อีกฝั่ง ชายผู้นี้คิดจะฆ่าภรรยาของเขาจริงๆ ยกโทษให้ไม่ได้
หนานชีหดคอลงแล้วมองเฉียวเทียนช่าง เขาร้องไห้อยู่ในใจ เจ้านายของเขาน่ากลัวยิ่งนัก
ท้ังสองยืนฟังบทสนทนานั้นอยู่อีกครู่ใหญ่ ตอนที่ขาของหนานชีกำลังจะเป็นเหน็บเสียงอีกฝั่งของกำแพงก็เงียบลง
เฉียวเทียนช่างไม่ได้เข้าไปในทันที เขารอจนกระทั่งได้ยินเสียงประตูหินปิดลงแล้วจึงวางใจ
“นายท่านขอรับ คนที่อยู่ในนั้นคือ…” หนานชีพอจะเดาออก แต่เขาก็อดถามขึ้นมาไม่ได้
เฉียวเทียนช่างพยักหน้า “ใช่ นางคือเซียวเฉิงหย่า องค์หญิงใหญ่แห่งเมืองเซียว และเป็นมารดาของพี่สะใภ้เจ้า” เฉียวเทียนช่างไม่ได้ปิดบังสิ่งใดต่อหนานชี
หนานชีมองเฉียวเทียนช่างด้วยความตกใจ “ท่านรู้ได้อย่างไรขอรับ”
“ข้าเดาเอาจากความบังเอิญเมื่อครั้งก่อน”
“นายท่าน ท่านตั้งใจจะทำอะไรขอรับ”
“ข้าจะพานางกลับไปกับข้า”
หนานชีส่ายศีรษะไปมา เขาไม่เห็นด้วยกับแผนการของเฉียวเทียนช่าง “นายท่านขอรับ ตอนนี้ท่านยังทำเช่นนั้นไม่ได้ พี่สะใภ้ต้องดูแลเด็กอีกสองคน และท่านป้าผู้นี้ก็ยังคงไม่ได้สติ ซึ่งนั่นหมายความว่าเราจำเป็นต้องมีคนคอยดูแลนาง หากไม่มีใครรู้ว่านางหายไปก็คงไม่เป็นไรขอรับ แต่หากมีคนรู้ พวกเรารังแต่จะมีปัญหานะขอรับ เราคงไม่อาจปกป้องทุกคนได้อย่างทั่วถึงขอรับ”
หากเฉียวเทียนช่างบอกว่าต้องการทำให้นางเป็นอิสระ แน่นอนว่าเขาต้องคิดปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้เอาไว้แล้ว แต่เขาก็ไม่อยากเห็นหนิงเมิ่งเหยาต้องเจ็บปวดทุกวันเพราะเรื่องนี้
“นายท่านขอรับ ข้ารู้ว่าท่านกำลังทำเพื่อพี่สะใภ้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมจริงๆ ขอรับ อีกฝ่ายเองก็มาดูแลท่านป้าที่นี่ด้วย ดังนั้นคงไม่มีอันตรายอันใดทำร้ายนางได้แน่ ไม่ใช่แค่นั้นขอรับ นายท่าน หากพวกเราช่วยนางออกไปตอนนี้ ก็มีแต่จะทำให้อีกฝ่ายรู้ตัว” ในตอนนั้นเองที่เฉียวเทียนช่างตัดสินใจได้
เฉียวเทียนช่างมองประตูศิลาเงียบๆ สุดท้ายจึงวางมือของตนลงบนคันโยก
หลังประตูเปิดออก เฉียวเทียนช่างจึงเดินเข้าไปที่เตียงแล้วมองผู้หญิงที่ยังคงนอนหลับอยู่บนนั้น
แม้นางจะไม่ได้ดูต่างจากครั้งก่อนที่เขาเห็นมากนัก แต่ผิวพรรณของนางก็ดูมีน้ำมีนวลขึ้น
“ดูสิขอรับนายท่าน ท่านป้าได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ดังนั้นท่านไม่ต้องห่วงหรอกขอรับ”