ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 65 การทำน้ำปรุงรส + บทที่ 66 การจัดเตรียม
บทที่ 65 การทำน้ำปรุงรส
หลังจากต้มเหล้าองุ่นจวนจะเสร็จ หนิงเมิ่งเหยาจึงเพิ่งรู้ว่าระหว่างนั้นการก่อสร้างโรงเลี้ยงสัตว์ และบ่อปลาก็เสร็จสิ้นลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขาดก็แต่ว่ายังไม่ได้เริ่มใช้งานเท่านั้น
เมื่อไตร่ตรองดูอีกครั้ง หนิงเมิ่งเหยาตัดสินใจว่านางจะซื้อเป็ด และไก่สองสามตัวมาเลี้ยงดู แต่ถ้าหากทางนางเป็นผู้เลี้ยงดูเอง เห็นทีว่าผลลัพธ์ที่ออกมาคงไม่เป็นที่น่าพอใจสักเท่าไรนัก ถ้าอย่างนั้นนางควรทำเช่นไรดี?
นางลูบคาง และตัดสินใจว่าจะหาคนมาช่วยดูแลเรื่องนี้
เมื่อนึกถึงการต้องจ้างใครสักคนมาช่วยงาน หนิงเมิ่งเหยาก็หน้านิ่วคิ้วขมวด สำหรับนางแล้วเรื่องนี้ดูจะลำบากอยู่สักหน่อย เพราะว่านางไม่รู้จักผู้ใดในหมู่บ้านที่จะเหมาะสมกับหน้าที่นั้นเลย
นางโน้มตัวลงกับโต๊ะพลางครุ่นคิดด้วยดวงตาเหม่อลอย
นี่คือสภาพที่นางเป็นอยู่ตอนเฉียวเทียนช่างเข้ามาถึง และเดินมาหยุดข้าง ๆ เขาก้มศีรษะลง และมองเข้าไปในดวงตาของนาง “เจ้าทำอะไรอยู่?”
ใบหน้าที่จู่ๆ ก็โผล่มาตรงหน้าทำเอาหนิงเมิ่งเหยาตกใจลุกพรวด จนนางเซไปทับกับร่างของเฉียวเทียนช่าง
“ระวังหน่อย เจ้าโตแล้วแต่ก็ยังซุ่มซ่ามยิ่งนัก” เฉียวเทียนช่างมองหนิงเมิ่งเหยาอย่างจนใจ แล้วบอกกับนางเสียงต่ำ
หนิงเมิ่งเหยาลุกขึ้นจากอ้อมแขนของเขาด้วยใบหน้าแดงจัดกับดวงตาที่หันไปทางซ้ายทีขวาที โดยไม่ยอมมองเฉียวเทียนช่างตรงๆ ท่าทางเช่นนั้นทำให้เฉียวเทียนช่างขำพลางส่ายหน้าไปมา
“วันนี้ข้ามาเพราะมีเรื่องจะขอร้อง” เฉียวเทียนช่างมองหนิงเมิ่งเหยาตรงๆ ดวงตาของเขานั้นดูจริงจัง
หนิงเมิ่งเหยาจ้องมองเขาด้วยความสงสัย “ข้ายินดีรับฟัง”
“เจ้าช่วยข้าทำเนื้อกับเห็ดบดสักหน่อยได้หรือไม่? จะถือว่าเป็นการซื้อต่อจากเจ้าก็ได้” เฉียวเทียนช่างบอกสาเหตุที่เขามาแก่นาง
“ไม่จำเป็น ถ้าท่านอยากกินก็มาเอาจากที่นี่ไปก็ได้ ไม่ต้องซื้อหรอก” หนิงเมิ่งเหยาส่ายหน้าเบาๆ และมองเฉียวเทียนช่างอย่างจริงจัง
เขาช่วยนางมาหลายต่อหลายครั้ง นี่ควรจะนับว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณเสียด้วยซ้ำ
เฉียวเทียนช่างลุกขึ้นพลางประสานสายตากับหนิงเมิ่งเหยา และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “จริงๆ แล้วข้าอยากส่งของพวกนี้ให้แก่สหายของข้าน่ะ”
“เอ๋?” หนิงเมิ่งเหยามองไปยังเฉียวเทียนช่างที่ยืนอยู่ตรงหน้านางด้วยสีหน้านิ่งสนิท
“ข้าทำเช่นนั้นได้หรือไม่?”
“ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้หรอก แต่คงจะยุ่งยากสักหน่อย ข้าคงทำเองคนเดียวไม่ได้” หนิงเมิ่งเหยายักไหล่ และกล่าวเบาๆ
เฉียวเทียนช่างจ้องมองร่างเล็กๆ ของหนิงเมิ่งเหยา และเข้าใจว่านางหมายความว่าอย่างไร สุดท้ายเขาจึงทำเพียงอยู่เงียบๆ ไม่ได้พูดอะไร
“เอาอย่างนี้ไหม ข้าจะหาคนมาช่วยสร้างโรงงาน แล้วพอโรงงานเสร็จเมื่อใด ท่านก็ค่อยช่วยสหายของท่านมาซื้อ” ตอนนี้นางอยากจะทำในสิ่งที่ตนตั้งใจไว้ เช่นนั้นการเปิดโรงงานเล็กๆ ก็คงไม่เลวนัก
เฉียวเทียนช่างคิดทบทวน และรู้สึกว่าน่าจะไม่เป็นไร หากเขาต้องการจะซื้อตอนนี้ หนิงเมิ่งเหยาก็คงจะขายให้ในราคาถูกอย่างแน่นอน แต่ในเมื่อเขาอยากให้นางได้เงิน เช่นนั้นเขาก็จะไม่ปล่อยให้นางขาดทุน
“เอาล่ะ ไม่ต้องห่วง เขาผู้นั้นไม่ขัดสนเรื่องเงินทอง เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าไม่ต้องลดราคาก็ได้”
หนิงเมิ่งเหยาจ้องมองเฉียวเทียนช่างอย่างพูดไม่ออก นางลูบจมูกตัวเอง แล้วกล่าวอย่างหดหู่ “ข้าดูเหมือนคนที่จะทำการค้าขายอย่างไม่ซื่อตรงรึ?”
“ไม่เหมือน”
“ข้าดูเหมือนคนที่ร้อนเงินรึ?”
เฉียวเทียนช่างมองนาง และส่ายหน้า “เงินเยอะๆ ก็คงไม่แทงมือเจ้าหรอก”
หนิงเมิ่งเหยาจับคางตัวเองพลางจ้องเขม็งไปยังเฉียวเทียนช่างโดยใช้สายตาที่ทำให้เขาอดลูบต้นคอไม่ได้ เขามองนางกลับอย่างระแวดระวัง “เหตุใดเจ้าจ้องข้าเช่นนั้น?”
“ไม่มีอะไร ข้าแค่อยากจะถามท่านว่าท่านสนใจจะแบ่งรายได้ร่วมกันหรือไม่ ข้ากับท่าน เราแบ่งกันคนละครึ่ง” หนิงเมิ่งเหยาเห็นว่าเขากำลังใช้สายตาระวังภัยมองนาง นางก็ทำเพียงแค่ไหวไหล่บอกเป็นนัยๆ ว่าตนนั้นบริสุทธิ์ใจ
เฉียวเทียนช่างครุ่นคิด และรู้สึกว่าน่าจะสามารถทำได้ “ตกลง แต่ข้าไม่ต้องการครึ่งหนึ่ง ขอเพียงแค่สามจากสิบส่วนก็พอ”
“ได้ เช่นนั้นข้าจะไปบอกลุงหยางให้ช่วยหาคนมา พวกเขาน่าจะคุ้นเคยกับหมู่บ้านมากกว่า เราต้องหาคนที่ซื่อสัตย์ และไว้ใจได้มาจัดการ” หนิงเมิ่งเหยาลูบคาง และกล่าวอย่างไม่เร่งร้อน
“เจ้าตัดสินใจเรื่องนี้เอา ข้าจะจัดการแค่เรื่องรายได้เท่านั้น”
หนิงเมิ่งเหยากลอกตาใส่เฉียวเทียนช่าง “แค่พูดน่ะมันง่าย จะว่าไปท่านเองก็คุ้นเคยกับในเมืองดีสินะ ข้าอยากหาคนจัดหาวัตถุดิบด้วย พวกเราจะทำโรงงานได้อย่างไรถ้าไม่มีวัตถุดิบ?”
“เจ้าวางแผนไว้ว่าจะทำเช่นไร?”
หนิงเมิ่งเหยาเคาะโต๊ะ นางคิดถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเนื้อบดผักบดหลายชนิดในยุคที่นางจากมา และนางก็รู้จักอยู่หลายชนิดทีเดียว นางสามารถทำเต้าหู้ยี้ที่เหมือนจะไม่เคยเห็นที่นี่มาก่อนได้จริงๆ
“พวกผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากการบดมีอยู่หลายอย่างด้วยกัน อย่างเช่นเนื้อวัวบด เนื้อกระต่ายบด เนื้อไก่บด แล้วก็ยังมีผลิตภัณฑ์ชนิดอื่นที่ทำมาจากการเอาถั่วมาบดซึ่งไม่เหมือนกันกับที่ชาวบ้านทำกันด้วย” หนิงเมิ่งเหยาบอกเขาในสิ่งที่นางอยากจะทำ
“ตกลง เช่นนั้นเจ้าตัดสินใจเอาก็แล้วกัน ข้าไม่เข้าใจหรอก”
บทที่ 66 การจัดเตรียม
“เนื้อวัวค่อนข้างจะหายากเพราะฉะนั้นตัดออกไปได้ เนื้อกระต่ายคือสิ่งที่ต้องซื้อเป็นอันดับแรก แต่ท่านก็สามารถเอากระต่ายมาให้ข้าเลี้ยงไว้ก่อนได้” การมีวัตถุดิบเป็นของตัวเองน่าจะดีกว่า นางตั้งใจจะเพาะพันธุ์ไก่ และเป็ดเอาไว้ เพราะถ้าไม่ทำเช่นนั้น เมื่อถึงตอนที่จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบเข้าจริงๆ เช่นนั้นคงจะเกิดปัญหาขึ้นมาแน่
“เอาล่ะ ข้าจะช่วยจับมาให้เจ้าก็แล้วกัน”
หนิงเมิ่งเหยาส่งเสียงตอบรับในลำคอ จากนั้นทั้งสองก็พูดคุยกันอีกหลายเรื่อง แล้วนางก็มองหน้าเฉียวเทียนช่าง “ข้าสงสัยนิดหน่อย เหตุใดสหายของท่านจึงอยากจะซื้อสิ่งนี้กัน?”
“เขาเคยกินตอนมาเยี่ยมข้าครั้งหนึ่ง และคิดว่ามันอร่อยมาก ก็เลยอยากจะซื้อไว้” เนื้อกระต่ายบด และเห็ดบดที่หนิงเมิ่งเหยาทำนั้นรสชาติดีจริงๆ ตอนเช้าเขาไม่ต้องทำกับข้าวอย่างอื่นเลย เพียงแค่อุ่นหมั่นโถว จากนั้นก็กินคู่กันกับเนื้อบดพวกนี้ ด้วยรสชาติอันแสนเอร็ดอร่อยนี้เขาสามารถกินหมั่นโถวได้ห้าถึงหกลูกเลยด้วยซ้ำ
ถ้าของพวกนี้วางขาย จะต้องทำกำไรได้อย่างงดงาม
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง”
“เช่นนั้นข้าจะขึ้นเขาไปลองเสี่ยงโชคดูล่ะ” หลังจากพูดคุยกับหนิงเมิ่งเหยา เฉียวเทียนช่างก็เตรียมตัวเพื่อขึ้นเขา เขาอาจจะจับกระต่ายได้บ้างก็ได้ ใครจะรู้?
หลังจากเฉียวเทียนช่างกลับไป หนิงเมิ่งเหยาก็ไปที่หมู่บ้าน เมื่อมาถึงบ้านของหยางจู้ นางสังเกตเห็นว่าหยางจู้ไม่ได้อยู่ข้างใน แต่คนที่อยู่คือหยางอี้
“พี่หยางอี้ เข่าหายดีแล้วหรือ?” หนิงเมิ่งเหยาคิดแล้วถามออกไปตรงๆ
หยางอี้มองเข่าทั้งสองข้างของตน และพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรแล้ว ขอบใจเจ้ามากน้องเหยา”
“เช่นนั้นข้าขอให้พี่หยางช่วยอะไรได้หรือไม่?” หนิงเมิ่งหยางพิจารณาเล็กน้อยแล้วถามออกไป
หยางอี้หยุดการกระทำแล้วหันไปมองหนิงเมิ่งเหยาอย่างตั้งใจ “ว่ามาสิ”
“ข้าสร้างโรงเลี้ยงไก่มาเพราะวางแผนว่าจะเลี้ยงไก่ เป็ด แล้วก็กระต่ายน่ะ บางทีข้าอาจจะสามารถเลี้ยงหมูได้ด้วย แต่ข้าตัวคนเดียวคงไม่สามารถจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ได้ด้วยตนเอง ดังนั้นข้าก็เลยมองหาใครสักคนที่จะมาช่วยข้าจัดการมันอยู่ ท่านทำได้หรือเปล่า? ข้าสามารถให้เงินเดือนท่านได้ทุกเดือน” หนิงเมิ่งเหยากล่าว รู้สึกว่าความคิดนี้ไม่แย่นัก ดังนั้นนางจึงมองหน้าเขา “ข้าทำเช่นนี้เพื่อเปิดโรงงานผลิตน้ำปรุงรส ท่านจะช่วยข้าได้หรือไม่?”
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้เล่า?” หยางอี้พยักหน้าตอบทันควัน เขาไม่ได้ตั้งคำถามเรื่องเงินที่เขาจะได้รับเสียด้วยซ้ำ งานที่ทำให้เขาสามารถช่วยเหลือทั้งนาง และตระกูลของตนได้นั้น ช่างเป็นงานที่ดี
เมื่อเห็นว่าหยางอี้ตกปากรับคำ หนิงเมิ่งเหยาก็ยิ้ม
“ถ้าเช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ ว่าแต่ท่านรู้หรือไม่ว่าที่ไหนเขาขายลูกไก่ และลูกเป็ดบ้าง?”
“ข้ารู้ ถ้าเจ้าจะซื้อ เดี๋ยวข้าพาไป”
“เอาสิ เช่นนั้นไปกันตอนนี้เลย”
ทั้งสองออกเดินไปอย่างอารมณ์ดี เมื่อพวกเขากลับมา บ้านของหนิงเมิ่งเหยาก็เต็มไปด้วยลูกเป็ดลูกไก่หลายร้อยตัว
นางบอกให้หยางอี้มาช่วยในวันพรุ่งนี้
หลังจากจัดการปัญหาเรื่องไก่ และเป็ดเสร็จแล้ว หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนนี้ได้เวลาเปิดโรงงานทำน้ำปรุงรสแล้ว แต่มันจะขายได้จริงๆ หรือ?
นางหลับตาลงเพื่อคิดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน และเมื่อนางลืมตาขึ้น ดวงตาของหนิงเมิ่งเหยาก็ไร้ซึ่งความลังเล นางได้ตัดสินใจแล้วว่านางจะทำอะไรต่อไป
นางเอากระดาษ และพู่กันขึ้นมา ก่อนเริ่มเขียน และวาดบางสิ่ง
เมื่อหนิงเมิ่งเหยาจัดการงานของตนจนเสร็จ ท้องฟ้าก็มืดแล้ว
เช้าวันถัดมา หนิงเมิ่งเหยาออกไปตามหาชาวบ้านที่มาช่วยนางสร้างโรงเลี้ยงไก่ และบอกพวกเขาว่านางอยากจะสร้างโรงงานเล็กๆ ขึ้นสักแห่ง
เนื่องจากมีคนมาช่วยหลายคนจึงสามารถทำงานได้อย่างรวดร็ว และโรงงานก็ก่อสร้างจนเสร็จสิ้น ภาระของหนิงเมิ่งเหยาก็ค่อยๆ ลดน้อยลงในขณะเดียวกัน
นางเพียงต้องการตระเตรียมทุกอย่างให้เสร็จ แล้วนางจะได้เริ่มงานได้
ระหว่างรอเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับการทำงาน หนิงเมิ่งเหยาก็ไปที่บ้านของเหล่าลูกศิษย์ตัวน้อยหลายคน หวังว่าจะมีผู้หญิงในบ้านนั้นที่จะสามารถมาช่วยงานนางได้
หนิงเมิ่งเหยาไม่ได้วางแผนที่จะทำโรงงานนี้ให้เป็นโรงงานใหญ่ ตอนนี้นางเพียงแค่เพิ่งจะเริ่มเท่านั้น และหากสถานการณ์เป็นใจ ถึงตอนนั้นนางค่อยตัดสินใจอีกที
ในระยะเวลาห้าวัน หนิงเมิ่งเหยาก็จัดการงานทุกอย่างจนเสร็จสิ้น เฉียวเทียนช่างเองก็ช่วยเรื่องการหาวัตถุดิบเช่นกัน เขาจับกระต่ายได้ทั้งหมดสิบเอ็ดคู่ และยังจับลูกกระต่ายได้อีกไม่น้อย แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าพวกมันสามารถเอาไปทำเนื้อกระต่ายบดได้มากขนาดไหนก็ตาม
“ทุกอย่างพร้อมแล้วหรือ?” เฉียวเทียนช่างเลิกคิ้วเป็นเชิงถามหนิงเมิ่งเหยา
นางพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนตอบ “แน่นอน ข้าใช้เวลาไปตั้งมากขนาดนั้น จะไม่พร้อมได้อย่างไรเล่า?”
“ก็จริง” เฉียวเทียนช่างยักไหล่และเอ่ยเบาๆ
ทั้งสองมองกัน และกันแต่ไม่มีผู้ใดพูดอะไรขึ้นมา จนสุดท้ายเฉียวเทียนช่างก็เปิดปาก “เมื่อเจ้ามีโรงงานแล้ว เจ้าคิดจะจ้างคนงานสักสองสามคนหรือไม่?” หากหลายสิ่งทำให้นางต้องลงมาจัดการเอง เช่นนั้นมันก็คงจะยุ่งยากมากนัก การจ้างคนมาช่วยงานนางนั้นคงจะดีกว่า