ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 67 ซื้อทาส + บทที่ 68 ราวกับเจ้าหน้าที่สอบสวน
บทที่ 67 ซื้อทาส
หนิงเมิ่งเหยาคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบในสิ่งที่เฉียวเทียนช่างกล่าว เมื่อก่อนตอนที่นางไม่ได้อยากทำอะไรนั้น การจะมีคนงานหรือไม่มีก็ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่ แต่บัดนี้เมื่อลงมือสร้างโรงงาน จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่นางจำเป็นต้องจ้างคนมาสักสองสามคน
นางลูบหน้าผากตนก่อนพูดขึ้น “ข้าเข้าใจแล้ว สำหรับที่นี่คงมีความจำเป็นต้องจ้างคนสักสองคน”
“เจ้าควรจัดการเรื่องนี้เอง” เฉียวเทียนช่างเพียงแนะนำเท่านี้
หลังจากการพูดคุยสิ้นสุดลง หนิงเมิ่งเหยาก็เดินทางเข้าเมืองในเช้าวันถัดไปเพื่อซื้อทาสแล้วจะได้พาพวกเขากลับไปยังหมู่บ้าน
เมื่อนางมาถึง และได้เห็นทาสสองสามคน หนิงเมิ่งเหยาคิดกับตัวเองว่านางจะหันหลังกลับไปตอนนี้เลยดีหรือไม่?
“แม่นางท่านนี้อยากได้ทาสแบบไหนหรือ? ข้ามีพร้อมเสนอให้ท่านทุกแบบเลยเชียว เชิญเข้ามาดูทางนี้” เมื่อแม่ค้าทาสเห็นว่าหนิงเมิ่งเหยาแต่งกายด้วยชุดดูมีราคา นางก็รีบกล่าวอย่างกระตือรือร้น
หนิงเมิ่งเหยาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ นางเห็นผู้คนอยู่ด้านในนั้น แล้วก็ชี้นิ้วเลือกเอาเด็กสาวสามคน ชายวัยกลางคน และหญิงวัยกลางคนออกมา
การซื้อทาสห้าคนภายในครั้งเดียวทำให้เจ้าของร้านยิ้มกว้างปากฉีกจนตาหยี รอยยิ้มนั้นกว้างเสียจนมองเห็นแต่ฟันของนาง
หนิงเมิ่งเหยาพาพวกเขากลับ เมื่อปิดประตูลง นางก็หันไปตรวจสอบทั้งห้าคน
“ทำความเคารพคุณหนู” ทั้งห้าคนคุกเข่าลงพร้อมกัน และมองหนิงเมิ่งเหยาอย่างเคารพนบนอบ
“ลุงเจี่ยง ทำไมท่านจึงมาอยู่ที่นี่ได้?” หนิงเมิ่งเหยาลูบหน้าผากของตน ตอนที่นางจากมานั้น นางไม่ได้บอกพวกเขาเลยสักคนว่านางจะไปอยู่ที่ไหน พวกเขาหานางเจอที่นี่ได้อย่างไร?
เจี่ยงเฉวียนขมวดคิ้วพลางมองหนิงเมิ่งเหยา และกล่าวอย่างไม่เห็นด้วยว่า “ระหว่างที่พวกเรากำลังออกตามหาคุณหนู เราก็ได้ทราบว่าบ้านของคุณหนูถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านไปหมดขอรับ ตอนนั้นข้าก็บอกท่านแล้วว่าข้าไม่เห็นด้วยที่คุณหนูจะไปอาศัยอยู่ในที่แบบนั้น แต่คุณหนูก็ไม่ฟังความข้าเลย”
มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาเป็นห่วงเพียงใดยามเมื่อเห็นซากปรักหักพังบนพื้นดินนั่น
พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดคุณหนูของพวกเขาจึงเลือกที่จะมาอาศัยอยู่ที่บ้านสวนภายในหมู่บ้านเล็กๆ เช่นนี้ แทนที่จะไปอยู่ในบ้านหลังใหญ่ซึ่งหรูหรากว่า
หนิงเมิ่งเหยาชะงัก เพราะเหตุนี้พวกเขาจึงมาที่นี่งั้นหรือ “บ้านหลังนั้นข้าเป็นคนเผาเอง”
“อะไรนะขอรับ? ท่านเผามัน? คุณหนู ทำไมล่ะขอรับ?” เจี่ยงเฉวียนมองคุณหนูของตนอย่างไม่อยากเชื่อ นางไม่ชอบบ้านหลังนั้นขนาดนั้นเชียวหรือ? เหตุใดนางจึงเผามันลงเล่า?
สีหน้าของหนิงเมิ่งเหยาแข็งขึ้น ใบหน้ามีรอยยิ้มเกร็งๆ พาดผ่าน “ลุงเจี่ยง เรื่องเป็นเช่นนี้” หนิงเมิ่งเหยาเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้พวกเขาฟังทั้งหมด
เมื่อได้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้น ใบหน้าของเจี่ยงเฉวียนก็ซีดเผือด “ไอ้เวรหลิงหลัว! มันคิดว่าเพราะตัวเองเป็นทายาทก็เลยยิ่งใหญ่นักหนาหรือ? บ้าเอ๊ย! พวกข้าจะไปตัดเสบียงจวนของพวกมันให้หมด!”
“ไม่ต้องหรอกลุงเจี่ยง ข้าไม่เป็นไร ข้าไม่มีความสัมพันธ์อันใดกับเขาแล้ว” เมื่อเห็นลุงเจี่ยงโกรธขนาดนั้น หนิงเมิ่งเหยาก็หัวเราะออกมาเบาๆ
เจี่ยงเฉวียนจ้องหน้าคุณหนูของตนพลางถอนหายใจออกมายืดยาว ในดวงตาของเขามีความรู้สึกอับจนหนทางอยู่ภายใน ในตอนแรกนั้นพวกเขาต่างก็รู้สึกว่าหลิงหลัวกับคุณหนูนั้นเป็นคู่ที่เหมาะสมกัน แต่มาตอนนี้ ไอ้หมอนั่นมันก็แค่คนสารเลวคนหนึ่ง
เด็กสาวสวมชุดสีเขียวซึ่งยืนอยู่ข้างๆ กล่าวขึ้นมาอย่างเดือดดาลว่า “คุณหนูเจ้าคะ เพียงท่านสั่งมาคำเดียว ข้าจะไปพังจวนพวกมันให้หมด”
“ไม่เป็นไร ชิงเสวี่ย เจ้าเป็นผู้หญิง ดังนั้นอย่าเอาแต่ตะโกนว่าจะฆ่าแกงกันเลย” หนิงเมิ่งเหยานวดขมับ และถอนหายใจ เหตุใดคนพวกนี้ที่อยู่ใต้อาณัตินางจึงเป็นคนป่าเถื่อนทุกคนเลยหนอ?
“คุณหนู ข้าคิดว่าสิ่งที่ชิงเสวี่ยกล่าวนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ” เด็กสาวเจ้าของสีหน้าเย็นชาข้างกายชิงเสวี่ยมองหนิงเมิ่งเหยา
ตั้งแต่เมื่อใดกันที่คุณหนูของพวกนางกลายเป็นผู้ที่คนอื่นสามารถรังแกได้? นี่เท่ากับการเอาชีวิตมาทิ้งชัด ๆ
มันเป็นเพราะเจ้าผู้ชายสารเลวนั่น พวกเขาออกตามหาคุณหนูอยู่เนิ่นนานเหลือเกิน ไอ้บ้านั่นทำให้พวกเขาโกรธยิ่งนัก
หนิงเมิ่งเหยาผู้ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีมองไปยังเด็กสาวซึ่งกำลังเดือดดาลอยู่ตรงนั้น “ชิงซวง ข้าไม่เป็นไร เป็นเช่นนี้ก็ไม่แย่เท่าไหร่นัก ข้าไม่มีความสัมพันธ์อันใดกับเขาอีกแล้ว”
“เอาล่ะ พวกเจ้าทุกคน ในเมื่อคุณหนูบอกว่าสบายดี ดังนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้กันขึ้นมาอีก อย่าให้เจ้าหนุ่มผู้นั้นเข้าใกล้คุณหนูได้ เจ้าได้ยินที่ข้าพูดชัดเจนใช่หรือไม่?” แม่นมวัยกลางคนจ้องมองชิงเสวี่ย และชิงซวง พร้อมกับสั่งการด้วยเสียงอันเย็นเยียบ
“เจ้าค่ะ แม่นมฉิน”
ไม่มีผู้ใดรู้ชื่อของแม่นมฉิน พวกเขาต่างก็เรียกนางว่า ‘แม่นมฉิน’ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบนาง
“ในเมื่อพวกเจ้ามาแล้ว ก็อยู่ที่นี่ก็แล้วกัน การสร้างโรงงานที่นี่ฆ่าเวลาก็ไม่แย่เท่าไหร่นัก” หนิงเมิ่งเหยาปิดปากหาว นางมองพวกเขา และกล่าวสบายๆ
ชิงเสวี่ยมองหนิงเมิ่งเหยา และหัวเราะออกมา “ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ คุณหนู ว่าแต่คราวนี้ท่านวางแผนจะทำอะไรอีกหรือเจ้าคะ?”
“น้ำปรุงรส มีบางคนอยากจะซื้อมัน ข้าก็เลยจะทำให้น่ะ”
“โอ้ ได้เจ้าค่ะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกข้าเอง”
“เช่นนั้นก็ฝากด้วย”
บทที่ 68 ราวกับเจ้าหน้าที่สอบสวน
การมาถึงของชิงเสวี่ย และคนเหล่านั้นทำให้หนิงเมิ่งเหยารู้สึกโล่งใจเล็กน้อย เมื่อเฉียวเทียนช่างมาหา ทั้งห้าคนต่างก็ใช้สายตาพินิจพิเคราะห์จ้องมองเขาจนทำเอาภายในใจเขารู้สึกแปลกๆ
ในใจรู้สึกราวกับว่าเขาไปทำให้พวกเขาไม่ชอบใจ
“เอ่อ… ข้าทำให้พวกเจ้าไม่พอใจหรือ?” เขามองข้ามเรื่องอะไรไปหรือเปล่าหนอ? แต่เมื่อเขาเห็นแม่นมฉิน และเจี่ยงเฉวียนจ้องกลับมา เฉียวเทียนช่างก็รู้สึกอยากหนีไปให้ไกลจากตรงหน้าพวกเขาเสียเหลือเกิน
เมื่อเห็นแม่นมฉิน และคนอื่นๆ ใช้สายตาสำรวจ และระแวดระวังมองเฉียวเทียนช่าง เมื่อเห็นอากัปกิริยาอันแสนระวังตัวของเฉียวเทียนช่างแล้ว หนิงเมิ่งเหยาก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่อยู่ “เอาล่ะ แม่นมฉิน เขาเป็นเพื่อนข้า แล้วก็เป็นคนที่ข้าร่วมทำโรงงานด้วย”
แม่นมฉินมองเฉียวเทียนช่าง ดวงตาทั้งคู่ของนางนั้นคมกริบราวกับลูกธนู “ทำงานร่วมกัน? คุณหนูเจ้าคะ คนผู้นี้มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ท่านควรอยู่ให้ห่างจากเขา ยิ่งกว่านั้น ผู้ชายกับผู้หญิงไม่ควรจะใกล้ชิดกันเกินไป เขาไม่รู้เรื่องนี้หรือเจ้าคะ?
หนิงเมิ่งเหยาแทบกระอักเลือดเพราะสิ่งที่แม่นมฉินพูด “ข้าไม่ได้มีอะไรกับเขาจริงๆ พี่เฉียวเป็นคนดี เขามาช่วยข้าหลายต่อหลายครั้ง”
“เอาล่ะ แม่นมฉิน คุณหนูรู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่ ไม่ต้องไปตื่นตัวต่อชาวบ้านเขาราวกับว่าเขาเป็นโจรเลย ข้ารู้สึกว่าชายผู้นี้เป็นคนดี” เจี่ยงเฉวียนเห็นว่าแม่นมฉินยังคงทำท่าเหมือนอยากกล่าวอะไรอีก เขาจึงรีบตัดบทขึ้นมาทันที
“ใช่แล้ว แม่นมฉิน เขาเป็นแขกที่มาบ้าน ดังนั้นท่านจะไปห้ามไม่ให้เขาเข้ามาก็ไม่ได้ใช่หรือไม่เล่า?” ชิงจู๋ยิ้มให้แม่นมฉิน
การถูกกลุ่มคนคัดค้านไม่เห็นด้วยทำให้แม่นมฉินรู้สึกอับอาย ดังนั้นนางจึงเดินไปข้างเจี่ยงเฉวียนก่อนออกไปหาอะไรทำ
เมื่อเห็นแม่นมฉินเดินออกไป หนิงเมิ่งเหยาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก นางอธิบายให้เฉียวเทียนช่างฟังด้วยท่าทางหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “พี่เฉียว ข้าขอโทษเรื่องก่อนหน้านี้ด้วย”
“ไม่เป็นไร คนพวกนี้คือคนที่เจ้าพามาเมื่อวานหรือ?” เฉียวเทียนช่างเลิกคิ้วใส่คนที่เหลือซึ่งกำลังแยกย้ายกันไป
หากสิ่งที่เขาเห็นนั้นไม่ผิดพลาด คนเหล่านี้ล้วนดีต่อหนิงเมิ่งเหยาเป็นอย่างมาก และไม่มีบรรยากาศของความไม่คุ้นเคยปรากฏอยู่เลยแม้แต่น้อย นี่เป็นสิ่งที่คนที่รู้จักกันมานานเท่านั้นจะมีให้กันได้
ดูเหมือนว่าหญิงสาวผู้นี้จะไม่ใช่เด็กกำพร้าธรรมดา
“ใช่แล้ว แม่นมฉินเป็นแบบนั้นมาตลอด นางแค่ห่วงข้ามากเกินไปก็เท่านั้น”
“ข้าพอจะรู้”
แต่แม่นมฉินผู้นี้มีฝีมือยิ่งนัก สายตานั้นทำให้เขานึกถึงหญิงแก่พวกนั้นซึ่งมีหน้าที่สอนมารยาท
หนิงเมิ่งเหยาพูดคุยหลายสิ่งกับเฉียวเทียนช่างอยู่ด้านหนึ่ง ในขณะที่อีกด้านนั้น แม่นมฉินก็กำลังจ้องมองเจี่ยงเฉวียน “เจี่ยงเฉวียน ปล่อยคุณหนูไว้คนเดียวกับชายผู้นั้นจะดีหรือ?”
“เจ้าไม่เห็นหรือ? ความสัมพันธ์ของคุณหนูกับพ่อหนุ่มผู้นั้นดูดีทีเดียว” เจี่ยงเฉวียนมองแม่นมฉินอย่างช่วยไม่ได้
เขาเข้าใจความกังวลของแม่นมฉินได้เพราะนางคิดกับคุณหนูราวกับว่าเป็นลูกในไส้ของนางเอง
ตอนที่นางรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหลิงหลัว และคุณหนูเป็นครั้งแรก นางใช้เวลาอยู่นานกว่าจะสามารถยอมรับได้ นางรู้สึกว่าหลิงหลัวไม่ใช่คนดี และไม่คู่ควรกับหนิงเมิ่งเหยาแม้แต่น้อย
ในตอนนั้น ทุกคนล้วนคิดว่านางคงจะคิดมากเกินไป แต่ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้คิดมากไปเลย บุรุษผู้นั้นไม่มีคุณสมบัติใดคู่ควรกับคุณหนูของพวกเขาจริงๆ
“ข้ารู้ แต่ก็มีเรื่องหลิงหลัวคนหนึ่งแล้ว ข้ากลัวว่าคุณหนูจะโดนหลอก” แม่นมฉินหน้านิ่วคิ้วขมวดพลางกล่าวอย่างไม่พอใจ
แม้ว่าเฉียวเทียนช่างจะโตมาอย่างดี และคุณหนูจะชอบพอเขา แต่นางก็ยังไม่สามารถวางใจได้
“แม่นมฉิน พวกเรารู้ว่าท่านเป็นห่วงคุณหนู แต่ทำไมท่านไม่ลองนึกถึงนิสัยของคุณหนูดูเล่า? ในเมื่อนางเข้ากับคนผู้นั้นได้ดี มิใช่ว่านางยอมรับเขาแล้วหรือ?” ชิงจู๋บอกกับแม่นมฉินตรงๆ
“ใช่แล้ว ยิ่งกว่านั้น ท่านไม่รู้สึกหรือ? คุณหนูดูผ่อนคลายมากเมื่ออยู่กับพ่อหนุ่มผู้นั้น นางไม่เคยเป็นเช่นนี้เลยเมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าทายาทนั่น” ชิงซวงดูมีท่าทีเข้าอกเข้าใจเป็นอย่างมากขณะที่นางกล่าวกับแม่นมฉิน
เมื่อได้ยินทั้งสองพูดเช่นนั้น แม่นมฉินก็คิดทบทวนดู และรู้สึกว่าเป็นจริงดังว่า เมื่อคุณหนูเห็นพ่อหนุ่มผู้นั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็ดูผ่อนคลายยิ่งนัก
“หากเป็นเช่นนั้น พวกเราต้องลองสังเกตการณ์ต่อ” แม่นมฉินว่าอย่างไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่
เจี่ยงเฉวียนมองแม่นมฉิน ส่ายศีรษะไปมาด้วยไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “เจ้านี่นะ เป็นเช่นนี้อยู่เรื่อย ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะทำอย่างไรกับเจ้าดี”
แม่นมฉินส่งสายตาคาดโทษให้เจี่ยงเฉวียน “คุณหนูเป็นคนดีขนาดนั้น มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เราต้องหาลูกเขยดีๆ ให้มิใช่หรือ ยิ่งหลังจากเจอเรื่องหลิงหลัวมาอีกด้วย”
หลิงหลัวคนเดียวก็ทำให้นางเผาบ้านที่นางถูกใจจนวอดวาย ถ้าหากมีคนแบบนั้นอีก คราวนี้คุณหนูจะทำอย่างไรเล่า?