ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน - บทที่ 77 แอบเข้าบ้านที่ไม่มีคนอยู่ + บทที่ 78 ข้าจะแต่งงานกับเจ้า
- Home
- ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน
- บทที่ 77 แอบเข้าบ้านที่ไม่มีคนอยู่ + บทที่ 78 ข้าจะแต่งงานกับเจ้า
บทที่ 77 แอบเข้าบ้านที่ไม่มีคนอยู่
เขาหยิบขนมใส่ปากพลาง เคี้ยวไปพลาง ครุ่นคิดว่าควรหาอะไรให้หนิงเมิ่งเหยาเป็นการตอบแทนไปพลาง ต้องเป็นของที่ไม่มากเกินควร และไม่เล็กน้อยเกินไป
เฉียวเทียนช่างรู้สึกอับจนหนทางเมื่อคิดไม่ออกว่าจะให้อะไรดี หญิงสาวผู้นั้นดูจะมีทุกอย่างแล้ว
สุดท้ายเฉียวเทียนช่างก็ตัดสินใจขึ้นภูเขาเผื่อว่าตนจะหาจิ้งจอกได้ ถ้าทำสำเร็จ เขาจะแบ่งขนจิ้งจอกเป็นสองชิ้นให้นาง
เขาคิดพลางกินขนมไปด้วย จากนั้นก็เก็บที่เหลือไว้อย่างดีแล้วคว้าคันธนูกับลูกธนูขึ้นเขาเพื่อสำรวจดูรอบๆ
พอเฉียวเทียนช่างไป หยางชุ่ยก็แอบปีนกำแพงข้ามมา นางกลัวสิ่งกีดขวางตรงขอบกำแพง หลังจากจ้องอยู่พักใหญ่ นางจึงมีทางเลือกเพียงปีนขึ้นบนประตูแล้วกระโดดข้ามมาจากตรงนั้นเสีย
เมื่อนางขึ้นไปบนประตูได้สำเร็จ มีคนในหมู่บ้านมาเห็นนางเข้า “แม่นางชุ่ย เจ้าทำอะไรของเจ้าน่ะ เจ้าของบ้านเขาลงกลอนประตูไว้ เจ้าก็รู้”
มือหยางชุ่ยลื่น นางพลัดตกลงมาเพราะโดนทัก
หยางชุ่ยล้มลงบนพื้น นางมองยังคนตรงหน้าด้วยแววตากล่าวโทษ “เจ้าเรียกข้าทำไม”
“ข้าบอกว่า เจ้าปีนกำแพงทำไม ไหนจะเป็นกำแพงบ้านคนอื่นอีก”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับเจ้า เป็นหมามาทำจับหนู ยุ่งเรื่องของคนอื่นไปทั่ว”
พอคนผู้นั้นได้ยินถ้อยคำของหยางชุ่ย นางก็ฉุนเฉียวจนหัวเราะออกมา
“ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเลยอย่างเจ้าว่า ข้าไม่น่าไปทักเจ้าเลย น่าจะปล่อยให้เจ้าแอบเข้าบ้านคนอื่นไปเสีย พอเจ้าของบ้านกลับมา ข้าจะได้ไปรายงานกับทางการว่าเจ้าแอบเข้าบ้านคนอื่น แล้วปล่อยให้เจ้าโดนลากไปขัง” หญิงชาวบ้านคนนั้นทักนางด้วยความปรารถนาดี ใครจะรู้ว่าเธอจะถูกว่ากล่าวเช่นนี้
หน้าหยางชุ่ยเปลี่ยนจากเขียวเป็นขาว ถลึงตามองคนตรงหน้าอย่างชิงชังก่อนจะลุกขึ้นปัดฝุ่นตรงบั้นท้ายแล้วเดินไป
คนเดินผ่านไปมาเห็นหยางชุ่ยที่กำลังจะไปก็ทำเสียง ‘ยี้’ แล้วผ่านไปพร้อมกระซิบกระซาบกันเอง
หยางชุ่ยกลับเข้าไปในสวนของตนอย่างทุกข์ตรม พอเห็นว่าบันไดยังพาดอยู่ที่เดิม แววตานางก็ฉายความไม่พอใจ ถ้าไม่ใช่เพราะคนพวกนั้น นางคงเข้าไปข้างในได้แล้วแทนที่จะมานั่งอยู่ตรงนี้
นางอยากจะเข้าไปดูว่านางแพศยาหนิงเมิ่งเหยาให้อะไรเฉียวเทียนช่างเป็นของขวัญวันปีใหม่ เขาถึงดีใจนักหนา
นางเองก็อยากให้ของขวัญปีใหม่กับเฉียวเทียนช่าง แต่ว่าโดนปฏิเสธมา เขาบอกว่าเขาไม่ได้ทำอะไรให้สมควรได้รับของขวัญจากนาง
ดูเอาเถอะ พอกับนาง เกิดจะมีเหตุว่าไม่ได้ทำอะไรให้ควรได้รับของขวัญ แต่พอเป็นหนิงเมิ่งเหยา เขากลับรับทุกอย่างไว้ ทำไมถึงแตกต่างกันปานนี้
เพราะแบบนี้ หยางชุ่ยจึงแค้นหนิงเมิ่งเหยานัก แต่ขณะเดียวกันนางก็ไม่รู้ว่าหญิงผู้นั้นให้อะไรเขา รองเท้ากับเสื้อผ้าหรือเปล่า
ผู้หญิงแบบไหนให้รองเท้ากับเสื้อผ้าชายอื่น ถ้าคนอื่นรู้เข้าย่อมถูกว่าร้ายลับหลัง
เฉียวเทียนช่างที่ขึ้นไปบนภูเขาไม่ได้รับรู้สักนิดว่าเกิดอะไรขึ้น เขาไม่เจอจิ้งจอก แต่กลับเจอกระต่ายขนสีขาวโพลน ถ้านำไปทำผ้าขนสัตว์ คงออกมาดูดีทีเดียว
ขณะที่ชายหนุ่มเตรียมตัวกลับ มีร่างสีแดงพุ่งผ่านไป ตาเฉียวเทียนช่างเป็นประกายทันใด นั่นไม่ใช่รึที่เขาตามหาอยู่
เขาตามร่างสีแดงไป กว่าจะจับร่างสีแดงอันว่องไวนั้นได้ ถึงกับใช้พลังงานไปมากทีเดียว
พอเห็นว่าเจ้าจิ้งจอกเริ่มอ่อนแรง ดวงตาเฉียวเทียนช่างมีประกายแห่งความปิติยินดี ในทีสุดเขาก็จับมันมาได้
เขานำเหยื่อกลับบ้านไป แล้วโดนรั้งไว้ตอนเดินใกล้ถึงประตูบ้านของตน
“ข้าเตือนเลยนะ พี่ชาย เจ้าต้องลงกลอนประตูบ้านเจ้าให้แน่นหนาเลย”
“หืม เกิดอะไรขึ้นหรือ” เฉียวเทียนช่างมองอีกฝ่ายอย่างงุนงงแล้วเอ่ยถาม
ฝ่ายนั้นชำเลืองไปทางบ้านของหยางชุ่ยแล้วแอบกระซิบ “หยางชุ่ยน่ะสิ นางคนนั้นอยากจะปีนข้ามกำแพงเพื่อเข้าไปในบ้านระหว่างที่เจ้าไม่อยู่ ข้าทักนางไว้ แล้วนางก็ตกใจ เจ้าระวังตัวไว้ดีกว่า” พูดจบ คนผู้นั้นก็ผละตัวจากไป
อารมณ์ที่เคยดีของเฉียวเทียนช่างเมื่อตอนจับจิ้งจอกมาได้เลือนหายไปหลังได้ยิน ใบหน้าเขากลายเป็นถมึงทึง
นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน นางแอบมาที่บ้านเขาอีกแล้วหรือ
เขามองบ้านของตัวเองที่มีเพียงกำแพงกั้นจากบ้านของหยางชุ่ย แล้วตัดสินใจว่าพอหลังปีใหม่ ตนจะไปซื้อที่ตรงอื่นเพื่อสร้างบ้านสักหลัง
เขาเปิดประตูเข้าไปในบ้าน แต่พอเข้าไป สีหน้าของเฉียวเทียนช่างก็ยิ่งอึมครึม
ทำไมน่ะหรือ ก็เพราะหยางชุ่ยเข้ามานั่งในบ้านเขาอีกแล้ว มือของนางกำลังหยิบขนมทานเล่นที่หนิงเมิ่งเหยาให้เขาไว้มากินไม่หยุด
สายตาเขาจับจ้องยังมือที่หยิบขนมอยู่ เฉียวเทียนช่างนึกอยากหักมือคู่นั้นทิ้งเสียเหลือเกิน
มือหยางชุ่ยหยุดชะงัก นางไม่คิดว่าเฉียวเทียนช่างจะกลับมาเร็วนัก
นางยืนเก้ๆ กังๆ มองขนมในมือตัวเองแล้วรีบโยนทิ้งไป เช็ดมือตัวเองพลางเรียกเขาอย่างเก้อเขิน “พี่ใหญ่เฉียว…”
บทที่ 78 ข้าจะแต่งงานกับเจ้า
เฉียวเทียนช่างไม่เคยหงุดหงิดใจแบบนี้มาก่อน หญิงนางนี้จะไร้ยางอายไปถึงไหนกัน นางรุกล้ำเข้ามาในบ้านเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เท่านั้นไม่พอยังทำกิริยาท่าทางเสมือนนางเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ นางทำเช่นนี้ไปเพื่อใคร
พอเห็นสีหน้าเฉียวเทียนช่างโกรธขึ้งขึ้นเรื่อยๆ หยางชุ่ยก็รู้ว่าไม่เข้าท่าเสียแล้ว นางพูดเสียงตะกุกตะกักขณะรีบเดินไปยืนข้างเฉียวเทียนช่าง ทำเสียงเล็กเสียงน้อย “พี่ใหญ่เฉียว ท่านเป็นอย่างไรบ้าง อย่าโกรธข้าเลยนะ ได้หรือไม่”
เฉียวเทียนช่างสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ เขาคว้าคอเสื้อแล้วโยนนางออกไป
มีคนอยู่ข้างนอก และพอพวกเขาเห็นหยางชุ่ยโดนเฉียวเทียนช่างโยนออกมา พวกเขาก็พากันอยากรู้อยากเห็น
“เจ้าหนุ่มเฉียว เกิดอะไรขึ้น” สีหน้าเขาน่าเกลียดน่ากลัวยิ่งนัก
เฉียวเทียนช่างไม่ตอบคนที่ถาม เขาเพียงใช้สายตาเย็นชา และกระหายเลือดจับจ้องไปที่หยางชุ่ย “หยางชุ่ย ข้าจะเตือนเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าเจ้าแอบเข้ามาในบ้านข้าอีก อย่าโทษที่ข้าไม่ใจดีกับเจ้าแล้วกัน ถ้าเจ้าสร้างปัญหาให้ข้า ข้าจะทำอะไรกับเจ้าก็ได้ บ้านของข้าไม่ใช่บ้านของเจ้า เข้าใจให้ถูกเสีย แล้วอีกอย่าง เจ้าเป็นหญิง อย่าทำตัวไร้ยางอายเพียงนี้” ชาวบ้านที่รุมดูได้ยินคำพูดของเฉียวเทียนช่างก็มองหน้ากันเอง นี่เขาโกรธเพียงใดกันถึงกล่าวคำรุนแรงเช่นนี้
แต่พอเห็นหน้าซีดเซียวของหยางชุ่ย พวกเขาก็บอกได้ว่าชายหนุ่มพูดจริง ไม่อย่างนั้นแล้วเขาจะพูดแต่ชื่อนางทำไม
“เป็นไปได้อย่างไรกัน แม่นางชุ่ย นี่เจ้าเข้าบ้านคนอื่นอีกแล้วรึ ข้าเตือนเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ” หญิงคนที่ทักตอนหยางชุ่ยกำลังปีนกำแพงก่อนหน้านี้มองหยางชุ่ยอย่างไม่อยากเชื่อ
พอได้ยินเข้า ชาวบ้านก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อได้ฟังคำอธิบาย สายตาที่มองหยางชุ่ยพลันเต็มไปด้วยความรังเกียจ
“แม่นางชุ่ย ถึงเจ้าจะมีพี่ชายเป็นถึงซิ่วไฉ แต่เจ้าจะรุกล้ำที่ของคนอื่นไม่ได้ ถ้าเจ้าหนุ่มเฉียวอยากจะเอาเรื่องนี้ถึงที่สุด เจ้าได้เข้าคุกแน่”
“จริงด้วย แม่นางชุ่ย เจ้าถึงวัยต้องคิดเรื่องแต่งงานแล้ว เจ้าควรทำตัวให้ดีกว่านี้”
ชาวบ้านพากันออกความเห็นต่างๆ นานา พาให้หน้าหยางชุ่ยบิดเบี้ยว แต่นางหาอะไรมาเถียงกลับไม่ได้เลย
ในอกหยางชุ่ยบีบตัวแน่น นางมองเฉียวเทียนช่างพลางพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าเสียใจ “พี่ใหญ่เฉียว ข้ารู้ว่าข้าผิดไปแล้ว ข้าชอบท่านจริงๆ ข้าเพียงแค่อยากจะแต่งงานกับท่าน”
เฉียวเทียนช่างมองหยางชุ่ยด้วยสายตาประชดประชัน “เสียใจกับเจ้าด้วยยิ่งนัก ข้าไม่ชอบเจ้า ข้าไม่อยากแต่งงานกับหญิงไร้ยางอายแบบเจ้า” พูดจบ เขาปิดประตูแล้วเดินตรงไปยังบ้านของหยางจู้
ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เขาต้องคลุ้มคลั่งเป็นแน่
หยางชุ่ยคิดว่าพอบอกเขาว่านางอยากจะแต่งงานกับเขา เขาจะต้องตอบตกลงทันที ใครจะคิดว่านอกจากปฏิเสธนางแล้ว เขายังดูถูกนางเช่นนี้
นางมั่นใจว่านับจากวันนี้ไป นางจะเป็นหญิงไร้ยางอายในสายตาคนทุกคน
หยางชุ่ยทนโดนผู้คนชี้หน้าไม่ได้ นางปิดหน้าแล้ววิ่งกลับบ้าน ถ้าหากนางรู้ว่าทุกอย่างจะลงเอยเช่นนี้ นางก็คงไม่ทำแบบนั้นลงไป บัดนี้นางเหมือนคนที่พยายามโปรยเปลือกข้าวเพื่อขโมยไก่ แต่กลับเสียเปลือกข้าวไปหมด
เมื่อเฉียวเทียนช่างลองถามหยางจู้ดู เขาก็ได้รู้ว่าหนิงเมิ่งเหยาซื้อที่ตรงตีนเขาไปหมดแล้ว ถ้าเขาอยากจะซื้อที่ตรงนั้นก็ต้องไปซื้อต่อจากหนิงเมิ่งเหยา
เฉียวเทียนช่างประหลาดใจกับเรื่องนี้เล็กน้อย แต่พอลองคิดทบทวนดูแล้ว เขาก็ไม่ได้สนใจนัก พื้นที่ตรงนั้นไม่มีเจ้าของ แล้วตอนนี้นางเปิดโรงงาน ที่บริเวณนั้นไม่ได้เล็กเลย นางจะซื้อไว้ย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก
“ขอบคุณ ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ไว้ข้าจะไปถามนาง”
“ไปเถอะ”
ตอนเฉียวเทียนช่างไปถึง หนิงเมิ่งเหยากำลังวางแผนเรื่องที่ดินตรงด้านหลังภูเขา และโดยรอบที่นางซื้อเมื่อไม่นานมานี้พอดี
“พี่ใหญ่เฉียว อะไรพาให้มาที่นี่รึ” หนิงเมิ่งเหยามองเฉียวเทียนช่างด้วยความสงสัย
“ข้าอยากจะซื้อที่บางส่วนจากเจ้า ไม่ใหญ่นักหรอก เพียงหนึ่งถึงสองหมู่เท่านั้น” เฉียวเทียนช่างไม่อ้อมค้อมแล้วเข้าประเด็นที่เขาต้องการ