ภาพรักสีจางกลางสมุทร - ตอนที่ 103 สิ่งเล็กๆ ที่ช่วยชีวิต / ตอนที่ 104 นอนหลับ
ตอนที่ 103 สิ่งเล็กๆ ที่ช่วยชีวิต
โม่หันชะงักมือ เขาเงียบไปแม้มือจะขยับเช็ดศีรษะให้เธออยู่ ชายหนุ่มช้อนอุ้มซย่าชิงอีขึ้นในท่าเจ้าหญิงหลังจากเช็ดผมของเธอจนแห้ง เขาเดินผ่านผู้คนมากมายไปที่ล็อบบี้โรงแรมก่อนติดต่อเพื่อขอเปิดห้อง
เขาวางเธอบนเตียงเมื่อมาถึงห้องพัก ซย่าชิงอีนั่งเงียบบนเตียงสายตาว่างเปล่า เขาหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำ ย่อตัวลงแล้ววางมันลงบนมือเธอ สบตามองอีกฝ่าย “ไปอาบน้ำก่อนนะ เสร็จแล้วเราค่อยคุยกัน”
แววตาของเธอวูบไหวเล็กน้อยขณะลุกขึ้นยืน ค่อยๆ เดินก้มหน้าตรงไปยังห้องน้ำและปิดประตูลงเบาๆ
เสียงน้ำดังลอดออกมาจากห้องน้ำขณะที่เขานั่งบนเตียงอย่างอยู่ไม่สุข เดินไปมารอบห้องก่อนทิ้งตัวนั่งลงอีกครั้ง
ซย่าชิงอีก้าวออกมาจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว เส้นผมยังคงเปียกจนหยดน้ำหยดลงเปียกบนพื้น เหลือบมองอีกฝ่ายที่นั่งอยู่บนเตียง เอนตัวพิงกับกำแพงด้านหลังพร้อมผ้าขนหนูในมือ เธอยังคงก้มหน้านิ่งเงียบ
เขาดึงตัวเธอให้มานั่งบนเตียง หยิบผ้าขนหนูในมือของเธอไปเช็ดผมให้ “บอกพี่มา”
เธอก้มมองนิ้วมือตัวเอง น้ำเสียงแหบเอ่ยขึ้นเบาๆ “ฉันไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดีค่ะ”
เขาตอบ “เธอเล่าเรื่องที่เธออยากจะเล่าที่สุดก่อนก็ได้”
เธอสูดหายใจลึก ผ่อนคลายขึ้นกับสิ่งที่เขาทำให้ “ฉันเห็นผู้ชายที่ตายไปแล้วค่ะ”
อีกฝ่ายไม่ได้แสดงท่าทีเปลี่ยนไปพลางเช็ดผมให้เธอต่อ
“ฉันจำสิ่งที่เขาพูดกับฉันได้รางๆ เขาบอกให้สัญญาบางอย่างกับเขา เรียกฉันว่าคุณหนูตอนที่เขาขอร้องให้ฉันช่วย” น้ำตาของเธอไหลลงมาพร้อมกำเสื้อเชิ้ตในมือไว้แน่นอย่างไม่รู้ตัว
“เขาขอร้องให้ฉันช่วยเขา ขอให้ฉันช่วยเขา…” เธอสะอึกสะอื้น
โม่หันหยุดมือที่เช็ดผมให้เธอและขยับไปนั่งข้างๆ “เธอรู้ได้ยังไงว่าเขาตายแล้ว”
“เขาตายแล้วค่ะ” เด็กสาวหวาดกลัวขึ้นมาเมื่อนึกถึงภาพที่เห็น “เลือดอาบเต็มตัวเขา เลือดเต็มไปหมด”
เธอถูกดึงดูดไปในภาพที่เห็นในหัว เธอละล่ำละลักพูดจนไม่เป็นประโยค เล่าทุกอย่างที่เธอนึกออก “เขาบอกฉันว่าอย่าออกมา! ห้ามออกมาแม้ว่าเขาจะตายก็ตาม! เขาขอร้องและตะโกนใส่ฉัน ฉันร้องไห้ไม่หยุด เดินเข้าไปในตรอกเล็กๆ ฝนตกลงมา ใช่ ฝนกำลังตกลงมา ฉันจำได้แล้ว วันนั้นพื้นเปียกไปหมด และ…”
คนฟังกุมมือเธอไว้ให้เธออารมณ์สงบลง “ฟังพี่นะ ไม่ต้องคิดอย่างอื่นแล้ว บอกพี่มาก็พอว่าเธอจำชื่อของเธอได้ไหม”
ซย่าชิงอีนิ่งไป มองเขาด้วยใบหน้าที่อาบน้ำตา ส่ายหน้าและร้องไห้ออกมาอีกครั้ง “ฉันจำไม่ได้ค่ะ… ฉันไม่รู้… ตัวของเขาชุ่มโชกไปด้วยเลือด… ฉันได้ยินเขาเรียกฉันว่าคุณหนู… เขาอยากให้ฉันช่วย… อยากให้ฉันช่วยเขาแต่ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไง… ฉันไม่รู้ว่าจะช่วยเขายังไง…”
โม่หันโอบกอดและลูบศีรษะเธออย่างปลอบโยน “ไม่เป็นไรนะ ถ้าเธอจำไม่ได้ก็ไม่ต้องคิดแล้ว พี่อยู่นี่แล้ว”
เธอยังคงร้องไห้ ห้ามตัวเองไม่ให้สั่นไม่ได้เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงสิ่งที่เห็นในน้ำ
“ฉันช่วยเขาไว้ไม่ได้… ร่างของเขาอาบไปด้วยเลือด… เลือดเต็มไปหมด…” ซย่าชิงอีปล่อยโฮออกมาเสียงดังจนคนฟังรู้สึกใจสลายตามไปด้วย
เขาสัมผัสได้ถึงความโศกเศร้าลึกๆ ในใจของเธอจึงยกมือลูบศีรษะอีกฝ่ายที่ยังตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างอ่อนโยน มือของเธอกำเสื้อของเขาแน่นราวกับมันเป็นสิ่งเล็กๆ เพียงหนึ่งเดียวที่ปกป้องเธอไว้
ตอนที่ 104 นอนหลับ
โม่หันได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเบาๆ เป็นสายจากคนในที่ประชุมแต่เขาไม่ได้รับสาย เป็นครั้งแรกที่เขาเมินเฉยกับเรื่องงานและปล่อยให้โทรศัพท์ดังต่อไปอย่างนั้น เขาเอ่ยเสียงนุ่มนวลข้างหูของซย่าชิงอี “มันไม่ใช่ความผิดของเธอ… ไม่เป็นไรนะ… มันผ่านไปแล้ว…”
เขาไม่รู้ว่าในอดีตเธอเคยผ่านอะไรมาจนทำให้เธอเจ็บปวดได้ถึงเพียงนี้ ครั้งสุดท้ายที่เธอร้องไห้คือตอนที่เธอฝันร้ายคราวนั้น แต่เธอก็ได้แต่ร้องไห้และจำฝันนั้นไม่ได้หลังจากตื่นขึ้นมา เขาเดาว่าภาพที่เห็นในฝันคงคล้ายกับสิ่งที่เธอเห็นในวันนี้
ความกังวลใจก่อตัวขึ้นขณะที่โอบกอดร่างสั่นๆ ของเธอไว้ โม่หันหวังให้เธอจำเรื่องราวในอดีตของตัวเองไม่ได้
“พี่จะพาเธอกลับบ้าน กลับบ้านไปนอนนะ ไม่ต้องคิดอะไรอีกแล้ว” เขาดันตัวเธอออกและเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของอีกฝ่าย
ซย่าชิงอีสงบอารมณ์ลงเล็กน้อยและลืมตาขึ้น เมื่อเห็นเสื้อเชิ้ตของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำมูกและน้ำตาของตัวเองก็รู้สึกอายขึ้นมานิดหน่อย เธอเอื้อมมือไปเช็ดมันออกให้ สบตามองเขาอย่างรู้สึกผิด “ฉันขอโทษที่ทำเสื้อผ้าพี่เลอะนะคะ”
เขาก้มมองเสื้อของตัวเองก่อนเบ้หน้าหนี และลุกขึ้นหากระดาษมาเช็ดมันออก “ไปกันเถอะ พี่จะไปส่งเธอกลับบ้าน”
“พี่ไม่ต้องไปประชุมแล้วเหรอคะ”
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพี่โทรบอกพวกเขาทีหลัง” เขาจัดสูทและโยนกระดาษทิ้งในถังขยะ
เธอสูดหายใจฟุดฟิด “ฉันกลับเองได้ค่ะ”
โม่หันเดินไปที่ประตู เปิดออกและหันหลังมามองเธอที่นั่งอยู่บนเตียง “ไปเถอะน่า ใช้เวลาไม่นานนักหรอก”
ซย่าชิงอีเดินตามหลังเขาไป พร้อมกับคนเดินข้างหน้าที่โทรหาคนในที่ประชุม บอกว่าเขามีธุระส่วนตัวที่ต้องไปจัดการและให้พวกเขาประชุมต่อและส่งรายงานการประชุมตามมาให้เขา
เธอใจลอยตลอดทางกลับบ้าน ตามองถนนด้านนอกจากด้านในตัวรถ เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าเรื่องราวในอดีตสำคัญกับเธอขนาดนี้
แม้ว่ามันจะทำให้เจ็บปวดเหลือเกิน แม้ว่าเธอจะสูญเสียมันไป
เธอรู้สึกได้ทันทีว่าสิ่งที่เห็นตอนที่อยู่ในน้ำต้องเป็นเรื่องสำคัญของช่วงชีวิตในอดีตของเธอ หรืออาจจะสำคัญกับอนาคตของเธอ หากไม่เกิดสิ่งเหล่านั้น ชีวิตของเธอคงไม่สมบูรณ์
เธอยังจำประโยคสุดท้ายที่ได้ยินในหัวตอนที่โผล่พ้นมาจากผิวน้ำ “ถ้าฉันตายไปก็แค่รับมันไปเพื่อตอบแทนที่เคยช่วยฉันไว้ แต่หากฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันจะไม่กลับมาอีก แค่แสร้งทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนก็พอ”
ซย่าชิงอีรู้สึกราวกับหัวใจหยุดเต้นเมื่อนึกถึงประโยคนั้น
“นอนพักให้สบายไปก่อน เดี๋ยวพี่กลับมา” โม่หันเอ่ยขณะปิดประตูห้องของเธอ
อาจเป็นเพราะเธอเหนื่อยมากจึงทำเพียงยกมือรับคำให้เขา เอนตัวนอนและผล็อยหลับไป
ซย่าชิงอีนอนหลับไม่สบายนัก เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางคันหลายครั้งก่อนค่อยๆ กลับสู่ห้วงนิทรา เมื่อโม่หันกลับมาถึง เธอยังคงนอนหลับอยู่
เขารีบกลับหลังจากจัดการงานทุกอย่างเสร็จแล้ว ก้าวเข้ามาในบ้านและเห็นว่าไฟในห้องนั่งเล่นยังปิดไว้จึงรู้ว่าอีกคนยังหลับอยู่ในห้อง
เขาเข้ามาในห้องและเป็นอย่างที่ตัวเองคาด เด็กสาวยังคงนอนหลับอยู่บนเตียง ผมยุ่งไม่เป็นทรง ศีรษะโผล่พ้นผ้าห่มออกมา
ชายหนุ่มแตะตัวเธอเบาๆ เธอเปิดเปลือกตาแล้วกะพริบขึ้นลง เมื่อเห็นซย่าชิงอีเริ่มรู้สึกตัว โม่หันก็กล่าว “ตื่นได้แล้ว พี่ซื้อข้าวมาให้”
อีกฝ่ายเดินออกมาทั้งทรงผมยุ่งๆ ท่าทางยังสะลึมสะลืออยู่ เธอเห็นเขานำอาหารสำหรับสองคนที่ซื้อมาจัดวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว แถมยังมีขนมปังถั่วแดงของโปรดของเธอที่เขาซื้อมาให้ด้วย