ภาพรักสีจางกลางสมุทร - ตอนที่ 45 มือที่อาบเลือด / ตอนที่ 46 เหยื่ออีกคน
ตอนที่ 45 มือที่อาบเลือด
“คุณคือ…?” จางหยางถามขึ้น
“ผมชื่อโม่หัน เป็นทนายความและพี่ชายของเธอครับ”
จางหยางคุ้นชื่อของเขาอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน เขาเบิกตากว้างทันที “คุณคือทนายโม่ที่หัวหน้าจางพูดถึงมาตลอดใช่ไหมครับ”
“คุณรู้จักหัวหน้าจางด้วยเหรอ”
จางหยางยิ้มพลางยกมือเกาศีรษะ “หัวหน้าจางเป็นหัวหน้าของผม เขาเป็นคนคอยสอนงานให้ผมครับ”
เขาจำได้ว่าหัวหน้าจางพูดถึงทนายโม่ว่าเป็นคนช่วยเขาทำคดีฉ้อโกงที่ซับซ้อนเมื่อหลายปีก่อน ตั้งแต่นั้นมาหัวหน้าจางก็รู้สึกขอบคุณอีกฝ่ายมาตลอด จางหยางยิ้มออกมาเจื่อนๆ “ผมขอโทษด้วยนะครับ ผมไม่รู้ว่าคุณคือทนายโม่ จริงๆ แล้วไม่ค่อยมีอะไรต้องทำที่นี่แล้วล่ะครับ พวกคุณกลับบ้านได้เลยนะครับ”
โม่หันตอบ “ขอบคุณครับ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมก็ติดต่อผมได้ตลอดนะครับ หัวหน้าจางมีเบอร์ของผมอยู่ เราจะให้ความร่วมมือกับทางการอย่างเต็มที่ครับ”
เขาบอกลาจางหยาง ก่อนขับรถพาซย่าชิงอีกลับบ้าน ขณะที่เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นและเปิดไฟ ซย่าชิงอีเอ่ยถามอย่างอดไม่ไหว “ขนมปังของฉันอยู่ไหนคะ”
ขณะที่เขาหันมามองเธอก็สังเกตเห็นคราบเลือดแห้งกรังที่เลอะมือของเธอ เขามุ่นคิ้ว จับมือของเธอขึ้นมาดูใกล้ๆ แล้วถามขึ้น “ทำไมถึงมีคราบเลือดบนมือล่ะ”
เธอมองคราบเลือดนั้นก่อนดึงมือกลับ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันหกล้มบนพื้นน่ะ เป็นรอยเลือดของผู้หญิงคนนั้น”
เขาตรวจดูไปทั่วร่างของเธอและพบว่ามีรอยเลือดเลอะที่ข้อเท้าของเธอเช่นกัน “ขาของเธอไม่เป็นไรใช่ไหม”
โม่หันถามขึ้นเผื่อว่าเธอจะรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้า ข้อเท้าของเธอน่าจะเลอะเลือดตอนที่เธอสะดุดล้มก่อนหน้านี้ เธอพึมพำขึ้นมาเมื่อขยับข้อเท้าแล้วไม่รู้สึกเจ็บแต่อย่างใด “ฉันล้มเลยได้แผลมานิดหน่อยน่ะค่ะ แค่ล้างแผลก็ไม่เป็นไรแล้ว”
ตอนนี้ความสนใจของเธอไม่ได้อยู่ที่อาการบาดเจ็บแต่อย่างใด เธอรู้สึกหิวสุดๆ อยากจะกลับมาหาอะไรกินตั้งแต่เลิกเรียน แต่กลับผิดแผนเพราะเหตุคาดไม่ถึงที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เธองอแงกับโม่หัน “ข้าวของฉันอยู่ไหนคะ ฉันหิวแล้วนะ! ”
เขามองเธอ “ไปล้างเนื้อล้างตัวก่อน พี่จะให้เธอกินก็ต่อเมื่อเธอทำแผลที่ขาเรียบร้อยแล้ว”
เธอเดินเข้าห้องน้ำไปล้างรอยเลือดและแผลที่ขาอย่างไม่พอใจ ก่อนเดินไปในห้องนอนหยิบขวดยาล้างแผลออกมา นั่งลงบนโซฟา เปิดขวดเทยาลงบนแผลอย่าลวกๆ จนโม่หันต้องขัดขึ้นมา “เธอรู้วิธีทำแผลหรือเปล่าเนี่ย”
อีกฝ่ายมองเขาอย่างซื่อๆ “แล้วมันทำยังไงล่ะคะ”
“สำลีอยู่ไหน” เขาถอนหายใจขณะก้าวไปหาเธอ พลางหยิบขวดยาไว้ในมือ
“ไม่รู้ค่ะ ฉันหาในห้องนอนไม่เจอ”
ในที่สุดเขาก็เจอสำลีในลิ้นชักในห้องนั่งเล่น เขานั่งยองๆ ข้างโซฟา ประคองเท้าของเธอเอาไว้แล้วค่อยๆ เทยาลงบนสำลีก่อนแตะลงบนแผลเบาๆ ท่าทางอ่อนโยนของเขาทำให้เธอรู้สึกหวาดระแวงเล็กน้อย เหมือนกับความสงบที่มักมาก่อนพายุ
ฝ่ามือด้านของเขาที่สัมผัสเท้าของเธออยู่ทำให้รู้สึกแปลกๆ จนประหม่า เธออยากจะชักเท้าออกแต่ติดที่เขาจับขาไว้แน่น “หยุดขยับไปมาได้แล้ว พี่ทายาให้เธออยู่นะ! ”
เด็กสาวทำได้เพียงจ้องมองเขาที่กำลังทำแผลให้เธอ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเมื่อในที่สุดโม่หันก็ปล่อยขาเธอเสียที เขาลุกขึ้นเอาขวดยาไปเก็บก่อนเดินกลับมาพร้อมจานขนมปังถั่วแดง “ขนมปังเย็นหมดแล้ว พี่เลยเอาไปอุ่นให้ใหม่”
เธอยื่นมือรับจานมาอย่างมีความสุข ก่อนเริ่มจัดการกับขนมปังตรงหน้าอย่างไม่สนใจว่าจะดูมูมมามขนาดไหน
อีกฝ่ายมองเธอที่กินอย่างกับหนูแฮมสเตอร์ที่เก็บอาหารไว้เต็มปากจนแก้มป่องแล้วก็อดไม่ได้ที่จะขำออกมา ดีใจที่เห็นเธอกินได้แบบนั้นจนทำให้เขานึกอยากจะกินเช่นกัน
ดูเหมือนว่าครั้งหน้าเขาจะต้องซื้อขนมปังถั่วแดงให้มากขึ้นเสียแล้ว
ตอนที่ 46 เหยื่ออีกคน
เหล่านักศึกษาตื่นตระหนกกับเหตุที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย ทุกคนต่างพากันพูดถึงคดีฆ่าข่มขืน ที่เกิดเหตุถูกกั้นไว้ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปในพื้นที่ นักศึกษาหญิงหลายคนหวาดกลัวจนไม่กล้าออกไปไหน ภายในมหาวิทยาลัยไร้ซึ่งผู้คนทั้งที่เวลาเพียงสองทุ่มเท่านั้น
ทว่าซย่าชิงอีกลับเมินเฉย เธอไปเรียนหนังสือตามตารางเรียนและแทบจะไม่ได้คุยกับเพื่อนร่วมชั้นเหมือนปกติ ใช้เวลาหลังเลิกเรียนไม่ที่บ้านก็ที่สำนักงานของโม่หัน
เธอยุ่งกับการเรียนเมื่ออยู่ในคาบ แต่เมื่อถึงเวลาก็มีเวลาสั้นๆ ให้ได้พัก
เธอคาดไม่ถึงว่าจางหยางจะเข้ามาคุยกับเธออีกครั้ง
“ขอโทษนะครับ มีนักศึกษาที่ชื่อซย่าชิงอีในห้องหรือเปล่าครับ” เขาก้าวเข้ามาในห้องในชุดเครื่องแบบ แสดงบัตรเจ้าหน้าที่ให้อาจารย์ที่ถูกรบกวนระหว่างการสอนดู
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ทุกสายตาพุ่งตรงมาที่ซย่าชิงอีที่นั่งอยู่หลังห้อง กำลังขีดๆ เขียนๆ ลงในสมุด
คนถูกตามหานิ่งไปเมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง มองกลุ่มชายในเครื่องแบบที่ยืนอยู่บนแท่นที่อาจารย์ยืนสอนอยู่
เธอยกมือขึ้นอย่างประหม่า ก้มหัวลง “ฉันเองค่ะ”
เขามองตรงมาที่เธอ “ออกมาข้างนอกสักครู่ได้ไหมครับ”
เด็กสาวยิ้มอย่างเกร็งๆ พลางยืนขึ้นเงียบๆ ก่อนเดินออกจากห้องเรียนไปทางประตูหลัง
ทันทีที่เธอเดินพ้นประตูไป เสียงซุบซิบจากนักศึกษาก็ดังขึ้น ต่างคาดเดากันไปต่างๆ นานา นักศึกษาบางคนถึงกับถกเถียงกันว่านักเรียนใหม่คนนี้อาจเป็นฆาตกรต่อเนื่อง
คำพูดของคนธรรมดาอาจดูไม่น่าเชื่อถือเท่าคนที่มีตำแหน่งพิเศษอย่างตำรวจที่ทำให้ผู้คนเชื่อคำพูดของพวกเขาอย่างน้อยก็แปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว
นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ข่าวลือค่อยๆ ถูกเข้าใจว่าเป็น ‘เรื่องจริง’
เธอถามจางหยางตรงๆ ด้วยท่าทีเรียบเฉย “มาหาฉันทำไมคะ”
อีกฝ่ายทำหน้าจริงจัง “ผมขอโทษที่มารบกวน แต่ช่วยมากับเราด้วยครับ”
เธอยิ้มรับ “อะไรอีกล่ะคะ คุณยังไม่เลิกสงสัยว่าฉันเป็นฆาตกรอีกเหรอ!”
“ไม่ใช่นะครับ ผมแค่อยากคุยบางอย่างกับคุณเท่านั้น”
เธอมองเขาอย่างสงสัย
“มีคนพบอีกศพเมื่อเช้านี้บนถนนในเขตตะวันออก วิธีการฆ่าเหมือนกับที่ฆาตกรใช้ก่อเหตุที่นี่”
ก่อนหน้านี้เขานำข้อสันนิษฐานของซย่าชิงอีไปเทียบกับรายงานหลักฐานทางนิติเวชและพบว่าทั้งสองคดีมีลักษณะคล้ายกัน ทั้งแผลบนคอของเหยื่อที่ถูกทำร้ายด้วยมีดผ่าตัด ไม่เพียงเท่านั้นยังถูกล่วงละเมิดทางเพศก่อนที่จะเสียชีวิตและมีร่องรอยการต่อสู้อีกต่างหาก
เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนคดีนี้อย่างแข็งขัน รวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อไขคดีให้ได้ แต่ทว่าฆาตกรกลับทิ้งหลักฐานในที่เกิดเหตุไว้น้อยเหลือเกิน ทั้งยังไม่พบสิ่งผิดปกติจากภาพจากกล้องวงจรปิดเช่นกัน ทำให้การสืบสวนคดีมาถึงทางตัน
จางหยางที่เป็นกังวลอยู่นึกถึงซย่าชิงอีทันที แม้เขาจะมองเธอในแง่ร้ายตั้งแต่ครั้งแรกเจอ แต่เขาก็เชื่อว่าเธอจะสามารถช่วยสืบหาเบาะแสเพื่อตามหาตัวฆาตกรในคืนนั้นได้ เขาจึงคิดว่าควรมาหาเธอในวันนี้
อย่างไรก็ตามซย่าชิงอีปฏิเสธที่จะไปสถานีตำรวจด้วยเหตุผลส่วนตัวของเธอ เขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากหาร้านกาแฟใกล้ๆ มหาวิทยาลัยที่สามารถนั่งคุยกันได้