ภาพรักสีจางกลางสมุทร - ตอนที่ 77 เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว / ตอนที่ 78 ฉันเป็นพี่สะใภ้ของเธอ
ตอนที่ 77 เป็นไปไม่ได้อีกแล้ว
โม่หันลุกเดินจากไปหลังพูดจบ ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงของเฉินโหรวก็โพล่งดังขึ้นเสียงอ่อนไล่หลังมาราวกับเธอยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว “โม่หัน เรื่องระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้แล้วจริงเ เหรอคะ”
เขาเอ่ย “มันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว”
ในโลกนี้มีความสัมพันธ์มากมายที่ต้องพบเจอกับอุปสรรคจนต้องลงเอยด้วยความผิดหวัง แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่สุขสมหวังด้วยความรักที่พวกเขามีให้แก่กัน ทั้งยังมีคู่รักอีกมากที่อยู่กันไปจนแก่เฒ่า ด้วยรักแท้ที่หล่อเลี้ยงความสัมพันธ์เอาไว้ จะมีสักกี่คนที่เชื่อว่าพวกเขาจะอยู่ข้างใครบางคนในอนาคตข้างหน้าอย่างมีความสุขในทุกวัน ที่ทุกๆ ความเจ็บปวดจะกลายเป็นความยินดีปรีดาเพราะใครคนนั้น
โม่หันรู้ว่าเขาไม่ใช่ใครคนนั้นของเฉินโหรว เขายังใช้ชีวิตเช่นเดิมแม้กระทั่งหลังจากตกลงคบหากับเธอ และไม่เคยเชื่อว่าจะมีใครที่พร้อมจะก้าวข้ามผ่านห้วงความเจ็บปวดไปด้วยกันกับเขาในอนาคตข้างหน้า
วันนี้ทุกคนในสำนักงานต่างรู้สึกถึงบางอย่างซึ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น เมื่อทนายโม่ เจ้านายของพวกเขาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนบ้างานไม่ได้มาปรากฏตัวที่สำนักงานตลอดทั้งวัน
เขาส่งข้อความมาบอกเลขาเมื่อเช้าว่าเขาอาจจะเข้ามาสายหน่อยเพราะธุระส่วนตัว
ใช่แล้ว เขาบอกว่าเขาจะมาทำงานสายหน่อย แต่ก็ยังไม่มีใครเห็นเขาจนตอนนี้ใกล้ได้เวลาเลิกงานแล้ว
เลขาสาวอยากจะโทรหาโม่หันเพื่อบอกว่ามีเอกสารกองใหญ่ที่เขาต้องเซ็นรออยู่บนโต๊ะทำงาน แต่เขาบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าห้ามไปรบกวนเวลาส่วนตัวของเขา เธอจึงลังเลที่จะทำเช่นนั้น
ขณะที่คิดพิจารณาอยู่โม่หันก็โทรเข้ามาหาแล้วสั่งให้เธอเตรียมเอกสารที่เขาต้องเซ็นไว้ก่อนที่เขาจะมาถึงสำนักงานเพื่อเข้ามาจัดการสะสางพวกมัน
ฝ่ายที่รับสายยิ้มออกมาพลางพยักหน้าตอบรับก่อนรีบไปเตรียมการทุกอย่างตามคำสั่ง และแน่นอนว่าสำนักงานยังคงเปิดทำการตามปกติเมื่อทนายโม่ไปถึง
เวลาเดียวกันนั้นเอง โม่หันเร่งขับรถไปยังสำนักงานเมื่อวางสายจากเลขาของเขาโดยมีซย่าชิงอีนั่งทำหน้าบูดบึ้งอยู่ข้างๆ
ตอนบ่ายหลังจากให้น้ำเกลือและกินยาไป เธอก็รู้สึกดีขึ้นมาก ตั้งใจว่าพอออกจากโรงพยาบาลจะไปมหาวิทยาลัยเพื่อยื่นเรื่องเปลี่ยนคณะ เธอรับปากกับอาจารย์เอาไว้ว่าจะกลับไปดำเนินการให้เสร็จภายในวันนี้
ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้ไปเจออาจารย์สาว โม่หันที่ได้ข่าวเรื่องของเธอจากที่ไหนก็ไม่รู้ก็ปรากฏตัวขึ้น และพาตัวเธอกลับมาโดยที่เธอยังไม่มีโอกาสได้อธิบาย ซย่าชิงอีตั้งใจจะไปอาคารกิจการนักศึกษาหากแต่เขาก็เข้ามาจับแขนทันที ก่อนบอกว่าเธอย้ายคณะได้แต่เขาจะให้เธอทำก็ต่อเมื่อเธอกลับไปพักรักษาตัวจนหายดีแล้ว
ใครจะไปเชื่อ! เดี๋ยวไม่กี่วันถัดมา พี่ก็จะส่งฉันไปเรียนเหมือนเดิมอีก!
โม่หันไม่ยอมฟังเธอ เขากลัวว่าเธอจะหนีไปอีกจึงบังคับให้ขึ้นมาบนรถและพามาที่ที่ทำงานด้วยกัน เพื่อเข้าไปจัดการเอกสารที่ค้างคาอยู่ก่อนกลับบ้าน
ซย่าชิงอีจึงต้องมาลงเอยด้วยการนั่งทำหน้าบึ้งตึงตั้งแต่ขึ้นรถมาจนถึงตอนนี้
เมื่อเขามาถึงบริษัท ในที่สุดซย่าชิงอีก็ได้หนีจากเขาได้และวิ่งไปคุยเล่นกับลูกน้องของเขา หลิวจื้อหย่วนและคนรอบข้างเขาต่างสนุกกับการเล่นกับเธอมากกว่าเจ้านายผู้เย็นชาอย่างเขา
เมื่อเห็นซย่าชิงอีซึ่งทำหน้าตาไม่สำนึกผิด เอาแต่คุยกับหลิวจื้อหย่วนและพนักงานคนอื่นๆ เหมือนกับไม่ได้ป่วยเลยสักนิด เขาก็เรียกเลขาของเขาเข้ามาในห้องทำงานอย่างหงุดหงิดก่อนลงมือสะสางกองเอกสารตรงหน้า
ระหว่างที่เขากังวลเกี่ยวกับอาการป่วยของซย่าชิงอีและคิดว่าเฉินโหรวน่าจะกลับถึงบ้านแล้ว เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่อยู่ที่บริษัทนานนัก ทำเพียงเซ็นเอกสารสำคัญไม่กี่ฉบับและเก็บส่วนที่เหลือติดตัวไปที่บ้าน เมื่อเขาจะกลับก็เรียกซย่าชิงอีที่ยังคงคุยกับคนอื่นอยู่
เมื่อเลขาสาวเห็นดังนั้น เธออ้าปากค้างอย่างประหลาดใจขณะที่โม่หันผู้บ้างานก้าวออกไปหลังจากเข้ามาเพียงสิบนาที
วันนี้ต้องมีบางอย่างที่สำคัญเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ตอนที่ 78 ฉันเป็นพี่สะใภ้ของเธอ
ทันทีที่เธอกลับถึงบ้าน ซย่าชิงอีเห็นเฉินโหรวกำลังเก็บของของเธอ กระเป๋าเดินทางตั้งอยู่กลางห้องนั่งเล่น ในมือถือกระเป๋าใบเล็กพลางเก็บของใช้ส่วนตัวลงไป ซย่าชิงอีประหลาดใจกับภาพที่เห็น
เมื่อเฉินโหรวเห็นพวกเขากลับมาถึง เธอเงยหน้าและส่งสายตามองผ่านซย่าชิงอีไปทันที ก่อนหยุดสายตาที่โม่หัน จากแววตาที่แข็งกร้าวของเธอ ดูเหมือนจะมีคำพูดมากมายที่เธอต้องการจะพูดออกมา
ซย่าชิงอีมองดวงตาที่บวมและแดงก่ำของเธอ เดาได้ว่าคงผ่านการร้องไห้มาเป็นเวลานาน
“ฉันมีบางอย่างจะพูดกับคุณ” เฉินโหรวเอ่ย
“ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีกแล้ว” โม่หันตอบกลับ
“ไม่ค่ะ ฉันอยากพูดมัน”
“ถ้าอย่างนั้นก็พูดตรงนี้”
“ฉันอยากคุยกับคุณเป็นการส่วนตัวค่ะ” เธอปรายตามองไปยังซย่าชิงอีที่ยืนข้างเขา แววตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและขุ่นเคือง ซย่าชิงอีรู้สึกว่าเฉินโหรวมองมาที่เธอราวกับเธอเป็นขโมยอย่างไม่รู้สาเหตุ สายตานั้นทำให้เธอกลัว
เธอจึงรีบขยับตัวออกห่างจากโม่หัน
ซย่าชิงอีรู้ดีว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เฉินโหรวไม่ชอบให้เธอยืนอยู่ข้างเขา
โม่หันไม่ทันเห็นว่าซย่าชิงอีดูงุนงงกับสิ่งที่เห็น เขาหันไปบอกเธอ “รออยู่ที่ห้องนั่งเล่นสักพักนะ” จากนั้นจึงเดินเข้าไปห้องทำงานกับเฉินโหรว
ซย่าชิงอีเงี่ยหูฟังระหว่างที่รออยู่ด้านนอก ทิ้งตัวนั่งลงช้าๆ ก่อนเริ่มคิด
พวกเขาน่าจะเลิกกันแล้ว ว่าแต่ทำไมกันล่ะ เมื่อวานตอนที่เธอออกมาจากห้อง พวกเขายังดูแนบชิดสนิทสนมกันอยู่เลย ทำไมถึงกลายมาเป็นอย่างนี้ได้ภายในเวลาแค่วันเดียว เธออดไม่ได้ที่จะคิดมากเรื่องนี้ มันทำให้เธอรู้สึกกลัว เธอเข้ากับเฉินโหรวไม่ค่อยได้แต่นั่นเป็นเพราะเฉินโหรวไม่ชอบเธอก่อน เธอคิดเหตุผลที่พวกเขาเลิกกันไม่ออกเลย
มันเกี่ยวกับเธอหรือเปล่านะ ซย่าชิงอีนึกถึงสายตาของเฉินโหรวที่มักใช้มองเธอ แต่ไม่ว่าจะไม่ชอบสิ่งที่อีกฝ่ายปฏิบัติกับเธอมากแค่ไหน ก็ไม่ได้หมายความว่าเธออยากจะให้พวกเขาทะเลาะกันจนเลิกกันเสียหน่อย
ซย่าชิงอีได้ยินเสียงร้องไห้และเสียงตะโกนของเฉินโหรวดังมาจากห้องทำงาน เสียงนั้นทำให้เธอปวดไปทั้งหัว รู้สึกได้ว่าเสียงร้องนั้นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มตามมาด้วยเสียงตัดพ้อต่อว่าที่ทะลุเข้าหูของเธอ ราวกับต้องการกล่าวโทษเธอมาจากข้างใน
ซย่าชิงอีอยากจะปิดหูไม่ให้ได้ยินเสียงร้องไห้เหล่านั้น แต่เสียงนั้นกลับดังก้องชัดอยู่ในหูอย่างเข้าใจความเจ็บปวดของอีกฝ่าย รู้สึกว่าเธอจะทำร้ายอีกฝ่ายให้เจ็บมากขึ้น หากมองข้ามความทุกข์ทรมานของเฉินโหรวไป
เธอได้ยินเสียงเปิดประตูก่อนเสียงปิดประตูจะตามมาติดๆ
เฉินโหรววิ่งออกมา มือทั้งสองข้างปิดบังใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตา ซย่าชิงอีสบตาเข้ากับเธอ รู้สึกถึงแววตาเชือดเฉือนที่พร้อมจะฉีกเธอเป็นชิ้นๆ อีกฝ่ายก้าวเข้ามาหาก่อนหยุดยืนตรงหน้าเธอแล้วเอ่ยขึ้น “ฉันเลิกกับพี่ชายของเธอแล้ว สาแก่ใจเธอแล้วหรือยังล่ะ”
“ฉัน… ไม่…”
“ยังไงก็ตามฉันจะบอกเธอให้รู้ไว้ว่าท้ายที่สุดฉันก็ยังจะมาเป็นพี่สะใภ้ของเธอจนได้” สายตาของเฉินโหรวฉายแววมุ่งมั่น
โม่หันตะโกนมาจากด้านหลัง “เฉินโหรว… ผมว่าผมพูดกับคุณชัดเจนแล้วนะ”
เธอหันกลับไปมองเขา หากแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ทำเพียงลากกระเป๋าเดินออกไป
ซย่าชิงอีเอ่ยถามโม่หัน “พวกพี่… ทำไมถึงเลิกกันล่ะคะ”
“ไปด้วยกันไม่ได้น่ะ”
เธอส่งยิ้มอ่อน “สามปีเนี่ยนะคะ! ไปด้วยกันไม่ได้มาจนป่านนี้เนี่ยนะคะ”
เขามุ่นคิ้ว “เธอหมายความว่ายังไง”
เธอกล่าว “ฉันหมายความว่าพี่ไม่ควรเลิกกับเธอยังไงล่ะคะ”
“เรื่องของพี่ พี่ตัดสินใจเองได้” เขาโกรธเล็กน้อย
ซย่าชิงอีว่าขึ้น “ฉันก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องของพี่เหมือนกันแหละค่ะ ต่อไปฉันจะไม่ถามเรื่องส่วนตัวของพี่อีก”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายก้มหน้า เขาก็โกรธเธอไม่ลง ทำเพียงเอ่ยปากบอก “เธอเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล รีบไปพักก่อนเถอะ”
เธอรับคำของเขาก่อนเดินเข้าห้องนอนของตัวเองไปอย่างเชื่อฟัง
ซย่าชิงอีพูดขึ้น “รู้แล้วค่ะ”