ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 12 จอมเวทผู้แข็งแกร่งที่สุด (12)
“ซูหว่าน?”
สวินหรานตูมองซูเจินเจินแล้วเรียกชื่อเธออย่างแผ่วเบา เป็นเวลาเพียงสองเดือนนับจากการแยกทางกันครั้งสุดท้าย บอกตามตรงว่า สวินหรานตูยังไม่ลืมรักแรกของเขาทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นใบหน้าที่ดูซีดเซียว แต่ก็ยังคงกะพริบตาดวงตาใสๆ จ้องมายังตัวเองของซูเจินเจิน นั่นทำให้สวินหรานตูนึกถึงวัยเด็กโดยไม่รู้ตัว
ตอนที่ซูหว่านยังเด็ก ก็ใช้สายตาจ้องมองตัวเองด้วยความชื่นชมและเคารพแบบนี้
“เอ่อ..สวิน…หรานตู…ฉัน…”
ซูเจินเจินอ้าปากพูด กับพระเอกผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรน่ะสิ!
“พอแล้ว ไม่ต้องยืนอยู่ด้านนอกแล้ว หรานตู ในเมื่อพวกเธอมาตามหาเจ้า เจ้าก็พาเธอไปที่พักของเจ้าเถอะ”
เยี่ยจื่ออันที่ยืนอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
“ครับ อาจารย์อาเจ้าสำนัก”
สวินหรานตูได้ยินคำพูดของเยี่ยจื่ออันถึงได้รู้สึกตัว ถึงอย่างไรเหล่าผู้อาวุโสต่างก็อยู่ที่นี่กันทั้งหมด ห้องโถงในสำนักนี้ก็ไม่ใช่สถานที่ที่เขาและซูหว่านจะมาเล่าถึงอดีต
เห็นสวินหรานตูพาหญิงทั้งสองออกไป เยี่ยจื่ออันจึงได้หันหน้ายังซูรุ่ยที่อยู่ด้านข้าง “ศิษย์หลานหม่า นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้ามายังสำนักซั่งชิงของพวกเราใช่ไหม มาๆ มาด้านในห้องโถงลองชิมชาวิญญาณที่พวกเราเก็บมาใหม่ปีนี้ก่อน”
เยี่ยจื่ออันพูดกับซูรุ่ยพร้อมกับทำสัญลักษณ์บอกเป็นนัย ซูรุ่ยยิ้มออกมาเบาๆ พร้อมกับตามเยี่ยจื่ออันเข้าไปในห้องโถงใหญ่
ผู้อาวุโสสองคนที่อยู่ข้างๆ เขากลับไม่เข้าไปในห้องโถง
“อาวุโสหลี่ เจ้าว่าเจ้าสำนักต้องการจะทำอะไร”
ผู้ที่อาวุโสกว่าลูบเคราของเขาและมองไปยังคนข้างๆ อย่างครุ่นคิด
“อาวุโสจาง นี่เจ้าดูไม่ออกรึ หม่าเย่ว์สังหารมั่วหัน ถึงแม้จะบอกว่าเป็นการสะสางปัญหากับพรรคอู่สิง แต่เบื้องลึกของเขาคือเผ่ามังกรปราบมารตระกูลหม่านะ! ได้ยินว่าเขาทำร้ายผู้อาวุโสตระกูลหม่าหลายท่าน เรื่องนี้สุดท้ายก็ถูกตระกูลหม่าเหยียบเก็บเงียบเอาไว้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใด นั่นไม่ใช่เพราะพรสวรรค์อันสูงล้ำที่หาได้ยากในรอบศตวรรษของหม่าเย่ว์หรอกรึ”
“อืม”
เมื่อได้ยินคำพูดของอาวุโสหลี่ อาวุโสจางก็ลูบเคราของตัวเองเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้า “สิ่งที่เจ้าพูดไม่ผิดเลย กลิ่นอายของเด็กคนนี้นิ่งสงบเต็บเปี่ยมไปด้วยพลังวิญญาณ อานุภาพแข็งแกร่ง เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดีจริงๆ อีกทั้ง…แค่เขาคนเดียวก็สามารถกำจัดราชันผีของมั่วหันได้ ที่จริงแล้วเกรงว่าความแข็งแกร่งของเขาน่าจะเป็นอันดับหนึ่งของเยาวชนในรุ่นนี้เลย เจ้าสำนักสุภาพกับเขาขนาดนี้หรือว่าคิดจะ…”
“ไม่ผิด”
อาวุโสหลี่ที่อยู่ข้างๆ ยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ “ตระกูลหม่าเพื่อที่จะสืบทอดเผ่ามังกรปราบมารของตัวเอง อีกทั้งก็ยังกลัวว่าวิชาลับของเผ่าตัวเองจะแพร่กระจายออกไป งานแต่งงานของเผ่าพวกเขาจึงเคร่งครัดมาก ลูกสาวของตระกูลหม่าไม่สามารถแต่งงานกับคนของสำนักลี้ลับได้ ลูกชายของตระกูลหม่าก็ต้องแต่งงานกับหญิงสาวที่ไม่มีพลังวิญญาณเท่านั้น ลูกสาวของเจ้าสำนักเรา ไม่ใช่ว่าไร้พรสวรรค์ไม่อาจฝึกวิชาได้พอดีหรอกหรือ”
เอ่ยถึงเยี่ยอวี้ฉี ใบหน้าของอาวุโสหลี่ก็แสดงความเสียดายออกมา เยี่ยอวี้ฉีเป็นหญิงสาวที่ดีคนหนึ่ง ตั้งใจและอดทน อีกทั้งยังมีความพากเพียรอุตสาหะที่คนรุ่นใหม่ไม่มี เสียดายแค่…เธอเกิดมาพร้อมกับไม่สามารถฝึกวิชาได้ หากเธอได้แต่งงานกับหม่าเย่ว์ คงจะเป็นเรื่องดีไม่น้อย
…………
ด้านในสำนักซั่งชิง เรือนพักลูกศิษย์
“เชิญนั่งเถอะ”
สวินหรานตูพาซูหว่านและซูเจินเจินเข้ามาในเรือนพักของตัวเอง เพราะว่าอาจารย์ของเขาเป็นศิษย์พี่ของเยี่ยจื่ออัน ดังนั้นในสำนักซั่งชิง ตำแหน่งของสวินหรานตูถือว่าไม่ได้ด้อยเลย ที่พักอาศัยของเขามีห้องพักและห้องข้างเป็นของตัวเอง
ภายในห้องมีกลิ่นอายความโบราณ ทั้งหมดนี้เป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อแข็งชั้นดี ให้ความรู้สึกเหมือนว่าทะลุมิติมาในยุคโบราณไม่มีผิด
ซูหว่านดึงซูเจินเจินให้ไปนั่งตรงเก้าอี้ข้างๆ โต๊ะ สวินหรานตูนั่งตรงข้ามด้านหน้าของพวกเขา “ซูหว่าน พลังหยินในร่างกายของเธอ…มันเกิดอะไรขึ้น”
พลังหยิน…
เมื่อได้ยินสวินหรานตูพูดถึงพลังหยินในร่างกายของตัวเอง ทันใดนั้นใบหน้าของซูเจินเจินก็เปลี่ยนไป ในตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรมากมายแล้ว เธอยกมือขึ้นพร้อมกับจับแขนเสื้อสวินหรานตูไว้แน่น “พี่ใหญ่สวิน ช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วย ฉันไม่อยากตาย”
สวินหรานตูที่ถูกซูเจินเจินจับแขนเสื้อไว้แน่น ใบหน้าพลันเปลี่ยนเป็นความเขินอายไปทั้งใบ “ซูหว่าน เธออย่ากังวลไป ถึงแม้ว่า…แม้ว่าเราจะยกเลิกงานแต่งแล้ว แต่ว่าฉันก็จะช่วยเธอ”
งานแต่ง?
ได้ยินคำพูดของสวินหรานตู ซูเจินเจินก็มองหน้าซูหว่านโดยไม่รู้ตัว
ซูหว่าน “…..”
นี่มันยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวจริงๆ! นั่นเป็นเรื่องที่ดีมากจริงเลยล่ะ~
“หือ”
เห็นซูเจินเจินเอาแต่มองซูหว่าน สวินหรานตูก็อดไม่ได้ที่จะมองเธอ “เธอชื่อซู…เจินเจิน? ทำไมเมื่อก่อนฉันไม่เคยเห็นเธอล่ะ”
“ฉัน…”
ซูหว่านอ้าปากเอ่ย สีหน้าเผยความสับสนออกมา “ฉันเติบโตที่บ้านนอก บางเรื่องฉันไม่สามารถพูดมากได้ พี่เขยไม่ต้องสนใจฉันหรอก”
ซูหว่านที่พูดคำว่า ‘พี่เขย’ ออกมา ทำให้ซูเจินเจินหน้าแดงไปทั้งหน้า
สวินหรานตูที่อยู่ด้านข้างก็ถึงกับต้องกุมขมับด้วยความเขินอาย “เจินเจิน เรื่องของฉันกับพี่สาวของเธอ ที่จริงแล้วคือ…”
“พี่สาวฉันก็แค่คนโง่คนหนึ่ง เธอนึกว่าตัวเองจะมีชีวิตไม่ถึงตอนอายุยี่สิบ ก็เลยจงใจทิ้งคุณ พี่เขย คุณคงไม่ได้ไม่ชอบพี่สาวของฉันจริงๆ ใช่ไหม พี่สาวออกจะน่าสงสารขนาดนั้น!”
ขณะที่ซูหว่านพูดอยู่ ก็ยกมือขึ้นเริ่มเช็ดน้ำตาไปด้วย
ซูเจินเจินนึกในใจ เงาด้านหลัง! นี่คือ~
“ซูหว่าน สิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง?” เมื่อสวินหรานตูได้ยินคำพูดของซูหว่าน ก็มองไปที่ซูเจินเจินด้วยความตกใจ
โอ้แม่! ซูเจินเจินรู้สึกว่าตัวเองจะเป็นบ้าแล้ว
ฉันคือซูหว่าน ซูหว่านคือเจินเจิน~
นี่มันคือการเล่นคำใช่ไหม~
“เอ่อ ที่จริงแล้วคือ…”
ในฐานะที่เป็นหญิงทะลุมิติ ทักษะการพูดถือเป็นเรื่องที่จำเป็น! ในเวลานี้ซูเจินเจินก็พยายามจนถึงที่สุดแล้ว “ความจริงฉันรู้ตั้งนานแล้วว่าธาตุหยินในร่างกายของฉันมีการเปลี่ยนแปลง เมื่อสามเดือนก่อน ฉันได้พบกับปีศาจเฒ่าตนหนึ่งแถวบ้าน เขาบอกกับฉันว่า…เขาบอกกับฉันว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงยี่สิบปี พี่สวิน ฉัน…ฉันในตอนนั้นกลัวมากจริงๆ”
ในขณะที่พูด ซูเจินเจินก็กัดริมฝีปากของตัวเองแน่น “ฉันนึกว่าตัวฉันจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ฉันไม่อยากให้คุณเสียใจ จริงๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ สวินหรานตูก็เงียบลงไป
ที่จริงแล้วสวินหรานตูก็เป็นคนฉลาดเช่นกัน แต่ถึงจะเป็นคนที่ฉลาดแค่ไหนก็ไม่อาจจัดการกับความสับสนวุ่นวายในใจได้ เวลานี้เขาเพิ่งมาอยู่สำนักซั่งชิงได้ไม่นาน และเยี่ยอวี้ฉีก็แค่เพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกัน ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็ไม่ได้พัฒนาต่อไปเป็นคู่รัก
ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้เอง จู่ๆ อดีตคู่หมั้นก็มาขอคืนดี นี่…
พ่อพระเอกผู้ยิ่งใหญ่วุ่นวายใจเอามากๆ!
“ซูหว่าน เธออย่าคิดมากเลย เธอกับน้องสาวของเธอก็พักอยู่ที่นี่ไปก่อน รอให้ฉันช่วยผนึกพลังหยินในร่างเธอเสร็จก่อนแล้วเราค่อยมาพูดเรื่องอื่นกัน เธอคิดว่าไง”
เมื่อได้ยินข้อเสนอของสวินหรานตู ซูเจินเจินก็รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก “งั้นก็ต้องขอบคุณพี่สวินแล้วล่ะ!”
“ไม่ต้องเกรงใจ เดี๋ยวฉันจะเรียกคนมาเก็บกวาดห้องให้ พวกเธอนั่งก่อน”
ในขณะที่พูด สวินหรานตูก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วเดินก้าวใหญ่ออกไป เมื่อเห็นเขาเดินออกไป ซูเจินเจินก็รีบหันหน้าไปทางซูหว่านทันที พูดออกมาอย่างร้อนรน “ซู…อู้อี้”
เธอถลึงตาโต คนเพิ่งจะอ้าปากออก ทั้งปากก็โดนซูหว่านปิดไว้แล้ว
“พี่สาว”
ซูหว่านมองลึกลงไปในตาของซูเจินเจิน “ฉันเห็นพี่เขยปฏิบัติกับพี่ก็ดูเป็นมิตรดีนะ ฉันบอกแล้ว สิ่งที่พี่กังวลมาตลอดนั่นมันเกินไป”
ขณะพูด ซูหว่านก็ค่อยๆ เอามือออกจากปากของซูเจินเจิน สายตาชำเลืองไปยังข้างนอก
ซูเจินเจินก็เข้าใจคำพูดซูหว่านโดยทันที พูดต่อ “เจินเจิน ที่จริงแล้วพี่กับเขาไม่ได้เจอกันมานาน เขาเปลี่ยนไปเป็นแบบไหนบ้างพี่ก็ไม่รู้ ยังดีที่เขาเหมือนกับในตอนนั้น ไม่แน่…ครั้งนี้พี่ควรจะเชื่อเขา”
ถ้าพูดว่าจะใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ก็ต้องเตรียมที่จะแสดงให้ดี
เห็นซูเจินเจินเข้ามาร่วมอย่างรวดเร็ว ซูหว่านก็วางใจฃงได้จริงๆ แล้ว…
สู้ๆ นะ สาวน้อยทะลุมิติ! โต้กลับนางเอก เคียงคู่พระเอก อนาคตที่สดใสรอเราอยู่…
เวลานี้ ที่นอกประตู
สวินหรานตูที่ยืนกลั้นหายใจอยู่ตรงนั้น ได้ยินเสียงสองสาวคุยกันอย่างชัดเจน
อย่าบอกนะว่าตัวเองคิดสงสัยมากไป
เป็นถึงคนในแวดวงสำนักลี้ลับ แม้สวินหรานตูจะทำงานขับไล่ปีศาจเป็นหลัก แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาก็เข้าใจพวกเรื่องฮวงจุ้ยและดูดวงชะตา
เมื่อก่อนเขาเคยสังเกตใบหน้าของซูหว่านมาก่อน ชีวิตของเธอไม่เคยมีพี่น้องเลยสักคน
แล้วนี่มีน้องสาวมาคนหนึ่ง นี่มันเกิดอะไรขึ้น
ตอนที่อยู่ในห้อง สวินหรานตูก็แอบสังเกตใบหน้าของซูเจินเจิน เธอหน้าตาเหมือนซูหว่านอย่างกับแกะ แต่ถ้าให้มองดีๆ ทั้งสองคนจะมีความต่างอยู่
‘ซูเจินเจิน’ คนนั้น เขาไม่สามารถคาดคำนวณอะไรจากบนใบหน้าของเธอได้ นี่มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ
สุดท้ายสวินหรานตูก็ขมวดคิ้วพร้อมกับส่ายหัว ‘ซูเจินเจิน’ คนนั้นทำให้เขามีความรู้สึกแปลกๆ บนตัวเธอต้องมีความลับอะไรซักอย่าง แต่…ถ้าเธอไม่มาหาเรื่องเขาก่อน งั้นก็ปล่อยเธอไปชั่วคราวแล้วกัน…