ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 15 จอมเวทผู้แข็งแกร่งที่สุด (15)
“ศิษย์พี่หม่า ศิษย์พี่หม่า พี่ตื่นหรือยัง”
เช้าตรู่ ซูรุ่ยถูกเสียงเคาะประตูหนวกหูของเยี่ยอวี้ฉีปลุกตื่น เขาลุกจากเตียง นวดคลึงหน้าผากของตนเองอย่างเหนื่อยหน่ายอยู่บ้าง
เมื่อคืน…
“ศิษย์พี่หม่า?” เสียงเรียกจากด้านนอกยังคงดังมาอย่างต่อเนื่อง น่ารำคาญจริงๆ
“มาแล้ว”
ซูรุ่ยเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย เดินไปยังหน้าประตูอย่างช้าๆ แล้วเปิดประตู
นอกประตู แสงยามเช้าอันสดใส เยี่ยอวี้ฉีสวมใส่เครื่องแบบของสำนักซั่งชิง ผมยาวเสมอไหล่ ยืนอยู่ตรงหน้าของซูรุ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธออุ้มราชันมังกรดำที่กำลังทำหูตกสีหน้าไม่มีความสุขอยู่
“ศิษย์พี่หม่า…เมื่อคืนพี่ไม่ได้พักผ่อนเต็มที่ใช่ไหม”
เห็นสีหน้าซูรุ่ยที่ดูแย่กว่าเมื่อวานเยอะมาก เยี่ยอวี้ฉีอดไม่ได้ที่จะถามไถ่อย่างเป็นห่วง
“เปลี่ยนที่นอน หลับไม่ค่อยสนิท”
ซูรุ่ยตอบกลับด้วยสีหน้าอันเย็นชา
ราชันมังกรดำได้แต่ร้อง “โฮ่ง โฮ่ง~”
โกหก เสี่ยวเย่ว์เย่ว์เมื่อคืนมัวแต่มั่วกับผีผู้หญิง~ ระวังสักวันจะโดนผีผู้หญิงดูดจนแห้ง~
ได้ยินเสียงของสัตว์เลี้ยงตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมอกร้อง เยี่ยอวี้ฉีอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบขนของราชันมังกรดำ “ศิษย์พี่หม่า หลงหลงของพี่ไม่รู้ว่าเมื่อคืนวิ่งไปอยู่ที่เรือนของศิษย์พี่สวินได้ยังไง เขาเห็นแล้วนึกว่าเป็นจิ่วเย่ว์เลยส่งมาที่ห้องของฉัน ฉันเห็นว่าเมื่อคืนมันดึกมากแล้ว ก็เลยไม่ได้มารบกวนพี่ เอามาไว้ที่ห้องฉันทั้งคืน พี่ไม่ว่าอะไรใช่ไหม”
“ผมไม่ว่าอะไร”
ซูรุ่ยมองดูราชันมังกรดำที่ยังคงท่าทีเกียจคร้านเช่นเคยในอ้อมอกของเยี่ยอวี้ฉี ไอ้มังกรเฒ่าหัวงูตัวนี้ เมื่อวานไม่รู้ว่าจะมีความสุขไหมนะ~
เรื่องนี้ถ้าพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง ยังไม่แน่ใจเลยว่าใครจะว่าอะไรใครกันแน่~
“ศิษย์พี่ไม่ได้ว่าอะไรฉันก็สบายใจแล้ว ใกล้จะถึงเวลาที่ฝึกซ้อมตอนเช้าแล้ว ฉันไปฝึกซ้อมก่อนนะ เจอกันใหม่ค่ะศิษย์พี่”
เยี่ยอวี้ฉีเอาราชันมังกรดำยัดไว้ในอกของซูรุ่ย แล้วก็กระโดดพุ่งตัวไปยังโรงฝึกซ้อมอย่างผ่อนคลาย
มองไปยังทิศทางที่เธอกำลังไป ราชันมังกรดำก็มีสีหน้าอาลัยอาวรณ์ไปทั้งใบ…
น้องหญิง เจ้ารีบกลับมานะ~ อ้อมกอดของเจ้าช่างอบอุ่นและนุ่มนวลเหลือเกิน ข้าไม่อยากให้เจ้าจากไปเลยนะ~
“มังกรเฒ่าหัวงู”
ซูรุ่ยยกมือขึ้นมาตบหัวของราชันมังกรดำเบาๆ เขารีบร้อง “โฮ่ง” ออกมาเสียงหนึ่ง หันหัวมาทำหน้าโกรธใส่ซูรุ่ย เสี่ยวเย่ว์เย่ว์เช้านี้กินอิ่มนอนอิ่มแล้วสินะ มีทั้งผีผู้หญิงร่วมอุ่นเตียง เคยคิดถึงความรู้สึกข้าผู้เป็นราชันบ้างไหม โดนขังไว้ที่บ่อมังกรเป็นหมื่นปี หนึ่งหมื่นปีเลยนะ~ อย่าพูดถึงผู้หญิงเลย แค่ยุงตัวเมียข้าผู้เป็นราชันยังไม่เคยเจอเลย~ เฮ้อ พลังของข้าผู้เป็นราชันลดลงไปตามกาลเวลา ไม่อย่างนั้นอาศัยเพียงผีผู้หญิงอ่อนแอของเจ้าผู้นั้น จะเป็นคู่มือของข้าผู้เป็นราชันได้หรือ ฮึฮึฮึ สักวัน สักวันข้าผู้เป็นราชันจะ…
“แกจะทำอะไร”
ราชันมังกรดำที่กำลังสบถบ่นอย่างมีความสุขอยู่ในใจ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงอันเย็นชาดังมาจากบนหัวของตนเอง ฉับพลันนั้นเขาขนขนชันลุกไปทั้งตัว…
มารดามันเถิด ได้ยินเสียงในใจของข้าผู้เป็นราชัน เจ้าก็ไม่บอกตั้งแต่ตั้งแต่แรก
เสี่ยวเย่ว์เย่ว์ ข้าผิดไปแล้ว ข้าแค่พูดเล่นๆ นะ จริงๆ นะ ข้าผู้เป็นราชันไม่เคยโกหกใครเลย~
“หึ”
ได้ยินเสียงในใจของราชันมังกรดำ ซูรุ่ยก็แค่ยักไหลน้อยๆ แววตากลับเย็นลงเรื่อยๆ “ทางที่ดีแกเชื่อฟังฉันจะดีกว่านะ ไม่งั้น…ฉันจะกลืนแก”
กลืน~
ไม่ใช่หมายความอย่างที่ข้าผู้เป็นราชันคิดไว้นั่นใช่ไหม หืม
“หมายความอย่างที่แกคิดไว้นั่นแหละ”
ในตอนที่ราชันมังกรดำกำลังสั่นกลัว ซูรุ่ยก็หมุนตัวและเดินไปยังโถงใหญ่ของสำนักซั่งชิง ถึงแม้จะอยากเห็นว่าของในวังจิ่วเซียววั่นฝูตกลงแล้วมันคืออะไรกันแน่ แต่สำนักซั่งชิงนี้ไม่เหมาะที่จะอยู่นาน…
“อะไรนะ เจ้าบอกว่าเจ้าจะไปแล้วหรือ”
…
ในเวลานี้ ซูเจินเจินก็เพิ่งตื่นนอน ทันทีที่ลืมตาขึ้นก็เห็นซูหว่านนั่งอยู่ข้างๆ เตียงของตน เธอพลันสะดุ้งตกใจทีหนึ่ง ซูหว่านเห็นว่าเธอตื่นแล้ว ก็ทำเพียงเอ่ยเสียงเบาด้วยใบหน้านิ่งว่า “ฉันจะไปแล้ว เธออยู่ที่นี่ให้ดีๆ เถอะ รอสวินหรานตูจัดการพลังหยินในร่างให้ก่อน เธอจะอยู่หรือไป เธอก็ตัดสินใจเองเถอะ”
ได้ยินคำพูดของซูหว่าน ซูเจินเจินก็นิ่งไปชั่วครู่ แล้วค่อยมองไปยังซูหว่าน เอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “เธอจะไปที่ไหน จะไปเกิดใหม่เหรอ”
“เธออ่านนิยายผีเยอะเกินไปแล้ว”
ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะเหลือบซูเจินเจินทีหนึ่ง “จะพูดไปแล้ว ฉันยังไม่ตาย ฉันจะไปเกิดใหม่อะไรได้”
เอ๋…
ซูเจินเจินสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอถึงเพิ่งนึกได้ว่า ตนกำลังครอบงำร่างกายของซูหว่าน ถ้าคิดตามให้ดีจริงๆ ตนนี่แหละที่เป็นผีเร่ร่อนตนหนึ่งใช่ไหม
ซูหว่านไม่ทันได้สังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของซูเจินเจิน ณ ตอนนี้เธอก็มีเรื่องในใจเต็มไปหมด
คืนก่อน สวินหรานตูทำไมถึงได้ลงมือกับตนอย่างกะทันหันแบบนั้น
เขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตนแล้วเหรอ
หรือว่าเป็นเพราะสาเหตุอื่นๆ
ถ้าบั๊กของโลกใบนี้คือซูเจินเจินที่ทะลุมิติมาจากที่อื่น ถ้างั้นจะแก้ไขบั๊กนี้ยังไง
ฆ่าซูเจินเจิน?
ไม่ น่าจะไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
การทะลุมิติมาของซูเจินเจินเป็นเพียงอุบัติเหตุ และเธอก็ไม่ได้มีพลังวิญญาณอะไรเลย ไม่สามรถสร้างผลกระทบอะไรให้กับโลกใบนี้ได้เลยนะ!
โลกใบนี้ บั๊กที่แท้จริงคืออะไรกันแน่
แค่หามันให้เจอ ซูหว่านกับซูรุ่ยก็จะสามารถเปิดช่องทางที่จะออกจากที่นี่ได้อีกครั้ง
ในหัวของซูหว่านตอนนี้วุ่นวายมาก เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความลำบากที่อาจจะเกิดขึ้น เธอจำเป็นต้องรีบออกจากสำนักซั่งชิง ออกจากพื้นที่ในระยะสายตาของสวินหรานตู อย่างน้อยในตอนนี้ เธอและซูรุ่ยยังไม่สามารถปะทะกับพระเอกได้โดยตรง
…………
ในตอนนี้ บนมหาสมุทรเหนือซึ่งอยู่ห่างจากสำนักซั่งชิงเป็นหมื่นลี้
มหาสมุทรเหนืออันกว้างใหญ่ คลื่นซัดกระหน่ำ คลื่นที่กระทบโดนโขดหิน เปล่งเสียงอันน่าฟังออกมาให้ได้ยิน
แสงสว่างของยามเช้าตกกระทบบนผิวทะเล เหนือทะเลสีฟ้าครามปรากฏแสงสีทองงามตาสายหนึ่ง แต่ว่า ในส่วนลึกของมหาสมุทรเหนือนั้น กลับมีสีแดงอันมืดมนกำลังคืบคลาน แผ่ขยายลุกลามออกมาไม่หยุดหย่อน…
กลับมา
กลับมา
กลับมาเถอะ ลูกของข้า
สีแดงที่โหมกระหน่ำกลืนกินความมืดมิดใต้ท้องทะเล กลืนกินสัตว์ร้ายและสิ่งมีชีวิตทุกชนิดใต้ท้องทะเล สีแดงอันไร้ขอบเขตกำลังลุกลาม กำลังพลุ่งพล่าน พวกมันตะโกนเรียกหา ร้องเรียกหาไม่หยุดหย่อน
กลับมาเถอะ!
กลับมาเถอะ!
กลับมาเถอะ…
การร้องเรียกหาอันลึกล้ำเหนือระยะห่างของห้วงมิติเวลา ใครได้ยินต่างก็รู้สึกถึงความลึกซึ้ง…
ข้า รอเจ้ามาหนึ่งพันปี
เพื่อรอการพบกันครั้งนี้
เจ้า รีบกลับมา ข้า ยังคงรอเจ้าอยู่ที่เดิม…
……
ยามเย็น ตีนเขาเหมาซาน
“พวกเธอไม่ต้องส่งฉันแล้ว พี่ใหญ่หม่าเขาจะไปนครใต้พอดี ถือโอกาสส่งฉันกลับบ้านด้วย”
ซูหว่านยืนอยู่ที่ตีนเขามองไปยังซูเจินเจินและสวินหรานตูที่อยู่ตรงหน้า มีรอยยิ้มน้อยๆ ประดับบนใบหน้า
ซูเจินเจินอ้าปาก เหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ส่งยิ้มให้ซูหว่านอย่างไร้เสียง
จากกันครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันตอนไหน
แต่สวินหรานตูดูเหมือนจะสงบนิ่งอยู่ตลอดเวลา สายตาของเขากวาดมองไปยังร่างของซูหว่านแบบไม่ใส่ตั้งใจ แล้วสายตาก็ตกลงบนตัวของซูรุ่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ
ซูรุ่ยยังคงเย็นชาเหินห่างจากทุกคนเช่นเคย อุ้มราชันมังกรดำด้วยมือเดียวอยู่ในอ้อมอก มืออีกข้างหนึ่งหมุนมีดอวี้หลิงของตนเองอย่างน่าเบื่อ
หม่าเย่ว์ ยังมีสัตว์เลี้ยงตัวนั้นของเขา…
สวินหรานตูกะพริบตา สุดท้ายก็ได้แต่พยักหน้าให้ทั้งสองคน “พวกคุณเดินทางปลอดภัย ผมไม่ไปส่งแล้วนะ อยากจะขอเจินเจิน หลังจากที่เธอกลับถึงบ้าน ฝากบอกคุณลุงคุณป้าด้วย ผมจะดูแลซูหว่านอย่างดี”
ซูหว่านพยักหน้า “มีพี่เขยเป็นคนดูแลพี่สาว ยังไงพ่อกับแม่ก็ไว้วางใจอยู่แล้ว”
ได้ยินคำที่ซูหว่านพูด ซูเจินเจินก็เขินจนต้องก้มหน้าลง เยี่ยอวี้ฉีที่อยู่ข้างที่มาส่งพร้อมกันกะพริบตามองสวินหรานตู เธอก็เพิ่งรู้ตอนนี้เหมือนกันว่า ที่แท้คุณหนูซูคนนั้นก็เป็นคู่หมั้นของศิษย์พี่สวิน
เฮ้อ ทั้งสองชายหล่อหญิงสวยถือว่าเหมาะสมกันดี!
น่าเสียดายก็ตรงที่ตนยัง…
เยี่ยอวี้ฉีนึกมาถึงตรงนี้ อดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองซูหว่านและซูรุ่ยที่อยู่ด้านหลังของเธอ
“ศิษย์พี่หม่า หลังจากที่พี่ส่งคุณหนูซูกลับนครใต้ ก็จะกลับไปยังบ้านตระกูลหม่าเลยไหม”
“หือ”
ได้ยินคำถามของเยี่ยอวี้ฉี ซูรุ่ยหยุดคิดไปสักพัก “ไม่แน่ใจ อาจจะไปฝึกซ้อมอยู่ที่อื่นอีกสักพัก”
“อ้อ”
เห็นซูรุ่ยพูดแบบนี้ เยี่ยอวี้ฉีพยักหน้าน้อยๆ “ฉันนึกว่าศิษย์พี่หม่าจะกลับบ้านไปเจอแฟนสาวของตนซะอีก พวกพี่จากกันมานานขนาดนี้ เธอน่าจะคิดถึงพี่มากๆ เลยนะ”
แฟน สาว?
ได้ยินคำพูดของเยี่ยอวี้ฉี หน้าของซูรุ่ยยังคงเย็นชาเหมือนเคย แต่ซูหว่านที่อยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “แหม ที่แท้พี่ใหญ่หม่าก็มีแฟนแล้วเหรอเนี่ย พี่โดดเด่นหล่อเหลาขนานนี้ แฟนของพี่ต้องอ่อนโยนน่ารัก เข้าใจคนอื่น สวย เมตตา และใจกว้างมากแน่ๆ ใช่ไหม”
“อืม”
ซูรุ่ยทำสีหน้าอ่อนโยนแล้วตอบกลับไปว่า “ไม่ใช่แค่นั้น เธอดีที่สุดในโลก ไม่มีใครเทียบได้”
“…” ซูเจินเจินอึ้งงัน
เคยเห็นนะ คนที่โชว์ความรัก แต่ไม่เคยเห็นใครโชว์แล้วมีความสุขขนาดนี้มาก่อน~
ราชันมังกรดำนึกในใจ ฮ่าๆๆ ข้าผู้เป็นราชันขำจะตายแล้ว เอ๊ะ ไม่สิ ที่เสี่ยวเย่ว์เย่ว์พูดมาคือความจริงทั้งหมด พวกเจ้าเหมาะสมกันที่สุดแล้ว~
“…” เยี่ยอวี้ฉีหมดคำจะพูดต่อ
ดูออกว่าศิษย์พี่หม่ารักแฟนของเขามากจริงๆ~ เป็นแฟนเขาช่างมีความสุขเหลือเกิน
“…” สวินหรานตูไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
ผิดประเด็นแล้ว พวกคุณรู้หรือเปล่าเนี่ย