ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 17 จอมเวทผู้แข็งแกร่งที่สุด (17)
แม่กุญแจผนึกวิญญาณ เป็นสมบัติวิเศษที่สืบทอดต่อกันมาในโลกผู้บำเพ็ญเพียรตั้งแต่สมัยโบราณ พอมาถึงสมัยปัจจุบันบันก็ไม่ค่อยได้เห็นกันแล้ว
ฉืออีปู้คนนี้สมกับที่เป็นหลวงจีนร้อยสมบัติจริงๆ สิ่งของที่พกติดตัวมาล้วนเป็นสมบัติที่มีมูลค่าสูงทั้งนั้น ซูหว่านพลิกแม่กุญแจผนึกวิญญาณบนฝ่ามือตนเองดูไปพลาง ค่อยๆ เดินไปยังหน้าโซฟาไปพลาง
“โฮ่ง โฮ่ง~”
ราชันมังกรดำขดตัวเล็กๆ ของตนเอง ยืนมองซูหว่านอย่างน่าสงสาร…
เจ้า เจ้าอย่าเข้ามานะ! ถ้าเจ้าเข้ามา ข้าผู้เป็นราชันจะร้องคำรามแล้วนะ~
โฮ่ง ช่วยด้วย~
“เหอะๆ”
ซูหว่านเห็นใบหน้าหวาดกลัวสุดขีดของราชันมังกรดำ ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “มังกร? ราชันมังกร? จิ๊ๆ แกนี่มันกล้ามากเลยนะ!”
ราชันมังกรดำพลันนึกในใจ ข้าผู้เป็นราชันโดนดูถูกเหยียดหยามแล้วหรือนี่
“พอได้แล้ว ภรรยา คุณไม่ต้องไปหยอกเขาแล้ว ผมไปรองน้ำอาบก่อนนะ อีกสักพักคุณก็รีบไปอาบด้วยแล้ว คืนนี้พักผ่อนเยอะๆ ด้วยล่ะ”
พอพูดเสร็จ ซูรุ่ยก็เดินไปเข้าห้องอาบน้ำ พลางถอดเสื้อตัวนอกออก รอจนเขาเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำ เสื้อผ้าท่อนบนก็ถอดออกหมดแล้ว
หน้าอกที่กำยำและมัดกล้ามได้สัดส่วนของซูรุ่ยสะท้อนอยู่ในกระจกของโรงแรม
เขาก้มตัวไปล้างหน้าที่อ่างล้างหน้า พอถึงตอนนี้ เสียงประตูห้องอาบน้ำก็ดังขึ้นมา แกร่ก เป็นเสียงล็อกประตูจากข้างใน
หือ ซูรุ่ยทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะว่าจู่ๆ ก็มีลมเย็นพัดเข้ามาเลยทำให้ขนบนตัวเขาลุกซู่
กระจกที่อยู่ในห้องน้ำไม่รู้ว่ามีหมอกเข้ามาปกคลุมเมื่อไหร่ จู่ๆ ก็มีมือน้อยๆ ที่เย็นๆ ขาวๆ นุ่มๆ มาพาดที่หัวไหล่ของซูรุ่ยแล้วพูดว่า “คุณทั้งหล่อทั้งแมนจัง เค้าชอบมากเลยนะ”
เสียงนุ่นนวลและเย้ายวนของผู้หญิงดังมากจากข้างหลังเขา เขาพลันคิ้วขมวดด้วยความสะอิดสะเอียน ทันทีที่ยกมือขึ้นก็คว้าไปจับมือที่พาดอยู่ตรงที่ไหล่ของตน เมื่อหันหลังกลับไป ซูรุ่ยให้มีดอวี้หลิงที่อยู่มือเขาก็ฟันเข้าที่กรามของผีสาวผู้นั้น
“ท่านเทพบุตร พ่อรูปหล่อ พ่อหนุ่มหน้าหวาน!”
เมื่อปะทะกับสายตาเยือกเย็นของซูรุ่ย ผีสาวใจกล้าหื่นกามตนนั้นก็ตกใจกลัวจนตัวสั่น “เค้ากลัวนะ คุณอย่าทำแบบนี้กับเค้าเลยนะ”
ขณะที่พูด เธอยังคงไม่ลืมที่จะขยิบตาให้กับซูรุ่ย
ซูรุ่ยกลับไม่ได้มองเธอเลยสักนิด มีดที่อยู่บนมือพลันตวัดแทงออกไป ผีสาวกรีดร้องอย่างน่าเวทนาและกลายเป็นเถ้าธุลีในที่สุด
“สามี?”
และในขณะนั้นก็มีคนเปิดประตูเข้ามาในห้องน้ำพอดี ซูหว่านพุ่งเข้ามาด้วยสีหน้าที่วิตกกังวล “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ไม่เป็นไรหรอก”
ซูรุ่ยส่ายศีรษะ “ก็แค่ผีตนหนึ่งเท่านั้นเอง”
“อือ”
พอซูหว่านได้ยินที่ซูรุ่ยพูด สีหน้าของซูหว่านก็ค่อยๆ ดีขึ้นมา “คุณยังไม่ได้อาบน้ำนี่ เดี๋ยวฉันไปรองน้ำไว้ให้คุณแล้วกัน “
ขณะพูด เธอก็หันหลังกลับไป และเปิดก๊อกน้ำที่อยู่ข้างๆ อ่างอาบน้ำ น้ำร้อนไหลทะลักออกมาอย่างต่อเนื่อง ห้องอาบน้ำเต็มไปด้วยหมอกไอน้ำร้อน
ซูรุ่ย ณ เวลานี้ก็ยืนอยู่ที่ข้างๆ และออกไปเอาอุปกรณ์อาบน้ำอย่างช้าๆ มองจากมุมของซูหว่านสามารถมองเห็นรอยแดงๆ หลายรอยบนแผ่นหลังของซูรุ่ยได้ เป็นรอยเล็บของเธอเมื่อคืน
ดูไปดูมาซูหว่านก็หน้าแดงขึ้นมาแบบไม่ได้ตั้งใจ แล้วพูดว่า ”สามี เรา…ไม่ได้อาบน้ำด้วยกันมานานแล้วนะ วันนี้…จะ…”
“ดีเลย”
ซูรุ่ยพลันหันตัวกลับ ส่งยิ้มให้ซูหว่าน ค่อยดันซูหว่านไปในอ่างอาบน้ำ “คุณชอบอาบน้ำ อย่างนั้นคุณ…ก็อาบน้ำให้พอเลยแล้วกัน!”
ขณะพูด เขาก็จับหัวซูหว่านกดลงไปในน้ำร้อน
“แค่ก แค่กๆ”
“สา สามี คุณทำอะไร ฉัน…ฉันเป็น…อุ๊บ แค่กๆๆ…”
แรงมือของซูรุ่ยเยอะมาก เกือบจะกดเธอลงไปในน้ำทั้งตัว ยิ่งยื้อยุดอยู่ตรงอ่างอาบน้ำกันอย่างไม่หยุดหย่อน ความเยือกเย็นในแววตาของซูรุ่ยยิ่งมากขึ้น “ยังไม่กล้าปรากฏตัวด้วยร่างจริงอีกเหรอ”
เขาหัวเราะเยาะเสียงเย็น กระบี่วิญญาณพลันก่อตัวกันขึ้นมาบนมือ “หลิน ปิง โต้ว เจ่อ…”
“ท่านเทพ ไว้ชีวิตฉันด้วย!”
เงาร่างที่ยื้อยุดกันอยู่อย่างไม่หยุดหย่อนนั้นในที่สุดก็กลับคืนสู่ร่างเดิมของตนเอง เป็นผีสาวที่มีใบหน้าที่ขาวซีดตนเดิม
“ท่านเทพ ท่านเทพฉันไม่ได้อยากจะทำแบบนั้นเลย แต่ แต่ว่า…บนร่างของคุณ…บนเรื่องร่างขอนคุณนมีกลิ่มหอมเป็นพิเศษ…ฉัน ฉันควบคุณตนไม่ได้ ท่านเทพ ไว้ชีวิตฉัน ไว้ชีวิตฉันทีเถอะนะ!”
กลิ่นหอม?
สีแดงในแววตาของซูรุ่ยกะพริบวาบ คลายมือข้างที่จับผีสาวไว้เบาๆ “กลิ่นบนร่างฉันดึงดูดเธอมาอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ ที่ฉันพูดไปมันเป็นเรื่องจริงนะ”
ผีสาวตนนั้นเห็นว่าซูรุ่มยอมปล่อยมือเธอแล้ว อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาอย่างซาบซึ้งว่า “กลิ่นแบบนั้นมันหอมราวกับดึงดูดวิญญาณ มีพลังดึงดูดร้ายแรงต่อวิญญาณอย่างมาก ฉัน…ฉันไม่รู้ว่าฉันมาที่นี่ได้อย่างไร พอเห็นคุณฉันก็เลยอยากจะ…”
พูดถึงตรงนี้ สีหน้าอาราณ์ของผีสาวตนนั้นลังเลอย่างมาก ก็แหม ฉันเป็นผีสาวที่ใสซื่อบริสุทธิ์มาโดยตลอด ฉันเป็นผีสาวที่ใสซื่อบริสุทธิ์จริงๆ นะ~
“พอแล้ว เธอรีบไปเลยนะ อย่าให้ฉันเห็นเธออีก ไม่อย่างนั้น…”
“ได้ๆๆๆ!”
พอเห็นว่าซูรุ่ยยอมปล่อยตนไป ผีสาวตนพลันปาดน้ำตายิ้มๆ แล้วเงาร่างของเธอก็สลายหายไปต่อหน้าซูรุ่ย
น้ำในอ่างอาบน้ำก็ยังรองต่อไปเรื่อยๆ ทว่าน้ำอุ่นใสๆ นั่นอยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนสีไปอย่างไม่รู้ตัว…
สีแดง
สีแดงที่แสบตา สีแดงที่ฉูดฉาด
สีแดงอันสิ้นหวังและน่าเวทนา…
กลับมาเถอะ
กลับมาเถอะ!
ข้ารอเจ้ากลับมานะ เด็กน้อย…ของข้า…
เสียงเรียกหาอันห่างไกล เหมือนมีเหมือนไม่มี
ซูรุ่ยค่อยๆ หลับตาลง กระบี่วิญญาณในมือแทงลงไปในน้ำอย่างรุนแรง…
ละอองน้ำสาดกระเด็น สีแดงเหล่านั้นก็หายไปกับกระแสน้ำไหล เหมือนกับว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาเลย
สีแดง ทะแลเดง สีแดงของมหาสมุทรเหนือ
ปีศาจทะเลยึดครองที่นั่นมาเป็นพันปี เป็นเธอที่กำลังเรียกหาตนเหรอ
ซู่รุ่ยค่อยๆ คลายมือออก กระบี่วิญญาณที่อยู่ในมือค่อยๆ สลายหายไป…
รอจนซูรุ่ยออกมาจากห้องอาบน้ำ ซูหว่านก็นอนอิงโซฟาหลับไปแล้ว เหมือนเธอคงจะเหนื่อยมาก
ซูรุ่ยอดไม่ได้ที่จะเดินไปหาซูหว่านซึ่งกำลังนอนหลับอยู่ที่โซฟา ขณะมองคิ้วตาของเธอ ซูรุ่ยอดไม่ได้ที่จะก้มตัวลงไปหอมแก้มของซูหว่าน
“อืม”
ซู่หว่านที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟาพลันตื่นขึ้นมา ยกมือโอบกอดซูรุ่ย “คุณอาบน้ำเสร็จแล้วเหรอ”
ขณะพูดเธอก็เหงยหน้าขึ้นมาดมร่างกายของซูรุ่ย “หอมจัง คุณใช้ครีมอาบน้ำยี่ห้ออะไรหรือ กลิ่นมันแปลกๆ นะ แต่ว่า… มันหอมมากเลยนะเนี่ย ทำให้ฉันอยากจะกินคุณเลยแหละ”
แววตาของซูรุ่ยวาบประกายสงสัย แต่กลับยิ้มมุมปากแล้วพูดว่า “มันหอมขนาดนั้นจริงๆ เหรอ ทำไมผมไม่ได้กลิ่นเลย”
“จมูกคุณไม่ดีแล้วหรือเปล่า ฮ่าๆ”
ซูหว่านหัวเราะอย่างไม่ได้สติจากการตื่นนอน รู้ตัวอีกทีร่างของซูรุ่ยก็ขยับเข้ามาใกล้แล้ว “เหนื่อยจัง ไม่อยากอาบน้ำแล้ว คุณรีบอุ้มฉันไปบนที่นอนเถอะ ฉันอยากนอนแล้ว”
“อืม โอเคครับ”
ซูรุ่ยก้มตัวลงไปอุ้มซูหว่าน แล้วมุ่งไปที่เตียงนอนในห้องนอน
เตียงนอนที่โรงแรมนั้นนุ่มเป็นพิเศษ พอไปถึงบนที่นอน ซูหว่านรู้สึกราวกับว่าทั้งร่างจมลงไป เหนื่อยมากๆ เหนื่อยจนไม่อยากขยับตัว รู้สึกว่าตนไม่มีแรงเลยสักนิด…
เห็นซูหว่านนอนหลับลงบนเตียงแล้ว สายตาของซูรุ่ยก็จ้องไปบนร่างของเธอตลอดเวลา เวลากลางคืนเป็นตอนที่ภูตผีวิญญาณจะมีความสดชื่นกระฉับกระเฉงที่สุดไม่ใช่เหรอ ทำไม เธอถึงง่วงนอนหมดแรงแบบนี้
“เสี่ยวเฮย? เสี่ยวเฮย?”
ซูรุ่ยออกมาเรียกราชันมังกรดำข้างนอกห้อง เสียงเรียกกลับไม่เป็นการรบกวนให้ซูหว่านตื่น
ราชันมังกรดำ “…”
ใครคือเสี่ยวเฮย ชื่ออันไร้รสนิยมอย่างหลงหลง ข้าผู้เป็นราชันยังจำต้องยอมรับอย่างไม่เต็มใจ แล้วเสี่ยวเฮยนั่นมันอะไรกัน เจ้าอย่าแม้จะคิดเรียกเลย…นะ
“เสี่ยวเฮย!”
รู้สึกถึงน้ำเสียงที่ดุร้ายของซูรุ่ย ราชันมังกรดำก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องทันทีอย่างว่าง่าย
“โฮ่ง~”
แค่กๆ เรื่องนี้ ในฐานะที่เป็นมังกรตัวหนึ่ง ก็ควรจะปรับตัวให้เข้ากับทุกสถานการณ์ นี่ถึงจะเป็นลูกผู้ชาย
“แกดูหน่อยสิว่าเธอเป็นอะไร”
ซูรุ่ยดูไม่ออกว่าซูหว่านเป็นอะไร แต่เขาเลือกที่จะเชื่อราชันมังกรดำเพราะมันมีชีวีตเป็นหมื่นปีแล้ว ต้องรู้เรื่องที่เขาที่เขาไม่รู้อย่างแน่นอน
นาง?
ผีสาวตนนี้นาง…
ราชันมังกรดำใช้จมูกดม กระโดดขึ้นไปข้างเตียง มองดูซูหว่านที่กำลังนอนหลับลึกอยู่บนเตียง
นางคือ…วิญญาณมีชีวิต?
ราชันมังกรดำถึงกับตกตลึง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ซูหว่านใช้พลังวิญญาณของผีบำเพ็ญเพียร บนร่างแผ่พลังหยินอยู่เลือนราง เขานึกว่านางจะเป็นผีบำเพ็ญเพียรธรรมดาเสียอีก คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่านางจะเป็นวิญญาณมีชีวิต!
วิญญาณมีชีวิต!
เวลานี้รับรู้ได้ถึงคำพูดของราชันมังกรดำ ซูรุ่ยเองก็ดวงตาวาบประกาย เขาเกือบลืมไปเลยว่าซูหว่านอยู่บนโลกใบนี้เธอยังไม่ตาย เธอยัง ‘มีชีวิต’ อยู่
อันที่จริงแล้ววิญญาณมีชีวิตจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าวิญญาณทั่วไป แต่ว่าพวกเขากลับมีจุดด้อยที่ทำให้ถึงแก่ความตายได้
ราชันมังกรหรี่ตากลมโตแล้วหันไปมองซูรุ่ย เจ้าดูดพลังวิญญาณของนางเหรอ
“พลังวิญญาณ?
ซูรุ่ยทำสีหน้างุงงง สิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับโลกใบนี้ นอกจากโครงเรื่องเนื้อหาแล้ว ก็มีแค่ความทรงจำที่หม่าเย่ว์ทิ้งเอาไว้ แต่ในความทรงจำเหล่านั้นกลับไม่ได้รวมถึงเรื่องเหล่านี้ด้วย
พอเห็นสีหน้างุนงงของซูรุ่ย สีหน้าของราชันมังกรดำพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา เสี่ยวเย่ว์เย่ว์ เจ้าไม่รู้สึกหรือ เจ้าพูดมาเถอะ ที่แท้แล้วเจ้าเป็นใครกันแน่ ในร่างกายเจ้า…ที่จริงแล้วซ่อนอะไรไว้กันแน่
ซ่อนอะไรไว้?
สีหน้าของซูรุ่ยพลันเปลี่ยนไปกะทันหัน…
เขานึกขึ้นได้ว่าซูหว่านเข้ามาในโลกใบนี้ก่อนตนเอง ในตอนนั้นโลกใบนี้ยังปกติอยู่ใช่ไหม
ถ้าอย่างนั้น ซูเจินเจินก็ไม่ได้เป็นบั๊กอย่างที่พวกเขาคิดน่ะสิ
บั๊กที่แท้จริงแล้ว คือหม่าเย่ว์
หรือจะบอกว่า ในร่างของหม่าเย่ว์มีความลับซ่อนเอาไว้อยู่อย่างนั้นเหรอ