ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 22 จอมเวทผู้แข็งแกร่งที่สุด (22)
ในที่สุดถูหมีก็ตามจักรพรรดิชั่วร้ายและจากไป เงาร่างทั้งสองเลือนหายไปเหนือมหาสมุทรเหนือที่ค่อยๆ กลับคืนความสงบเงียบ
ฉืออีปู้เพียงแค่สลบไป ทั้งตัวไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก ในทางกลับกันซูรุ่ยฝืนบังคับให้ใช้วงเวทสายฟ้าสวรรค์ ทั้งตัวถูกพลังวิญญาณสะท้อนกลับ ตอนนี้ใบหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก มุมปากของยังมีรอยเลือดจางๆ อยู่
ซูหว่านจับมือของซูรุ่ย คิดอยากจะถ่ายพลังวิญญาณให้กับเขา แต่ซูรุ่ยรีบโบกมือให้ซูหว่าน “ผมไม่เป็นไร ค่อยๆ ปรับลมหายใจเดี๋ยวก็ดีขึ้น คุณลองติดต่อสำนักงานใหญ่ ดูว่าบั๊กได้รับการแก้ไขแล้วหรือยัง”
“อืม”
หลังจากได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ซูหว่านก็หลับตาลงรวบรวมสมาธิติดต่อสำนักงานใหญ่ทันที ในขณะนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงขัดจังหวะการถ่ายทอดพลังจิตของซูหว่าน
“คุณหนูซู ศิษย์พี่หม่าเขาเป็นอะไรไป เขาไม่เป็นไรใช่ไหม”
เป็นเยี่ยอวี้ฉี
ทำไมจู่ๆ ตัวละครนางเอกถึงมาที่นี่
ซูหว่านจำต้องลืมตาขึ้น เงาร่างได้สัดส่วนของเยี่ยอวี้ฉีก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอทันที “ศิษย์พี่หม่าถูกพลังสะท้อนกลับใช่ไหม ฉันมียารักษาของสำนักซั่งชิง คุณหนูซู คุณช่วยฉันป้อนให้เขากินหน่อยนะ!”
ซูหว่านมองความคิดของเยี่ยอวี้ฉีที่มีต่อซูรุ่ยออก รู้ว่าเธอจะไม่ทำอันตรายซูรุ่ย ซูหว่านจึงค่อยๆ ลุกขึ้นยืน มาที่ด้านข้างของเยี่ยอวี้ฉี “เอายามาให้ฉันเถอะ”
“หือ”
เยี่ยอวี้ฉีมองซูรุ่ยที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ด้านหลังทั้งสองแล้วมองใบหน้าที่ตัวเองคุ้นเคยตรงหน้า…
นี่คือวิญญาณหญิงที่ร้ายกาจ เธอไม่สามารถใจอ่อนได้
เธอค่อยๆ เอื้อมมือเข้าไปในหน้าอกเสื้อของตัวเอง ประกายในตากะพริบวาบทีหนึ่ง เธอรีบหยิบยันต์แผ่นหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว…
“สะกด!”
เยี่ยอวี้ฉีต้องการจะสะกดซูหว่านสักครั้ง แต่น่าเสียดาย พริบตาที่สายตาของเธอเพิ่งจะวาบประกายเปลี่ยนไป ซูหว่านที่คอยระวังตัวอยู่ตลอดก็รีบถอยห่างออกมาอย่างรวดเร็วและสร้างเกราะป้องกันด้วยพลังวิญญาณของเธอขึ้นมาชั้นหนึ่ง เธอถอยออกไปอย่างปลอดภัย เยี่ยอวี้ฉีไม่สามารถลอบทำอะไรได้
เมื่อเห็นว่าตนเองพลาดแล้ว เยี่ยอวี้ฉีผู้ไม่มีพลังวิญญาณก็ถอยกลับอย่างรวดเร็ว ในเวลานี้สวินหรานตูก็กระโดดเข้ามา เมื่อเห็นพลังวิญญาณบนร่างของซูหว่านกำลังล่องลอย เขาก็หรี่ตาเล็กน้อย “เธอเป็นผีจริงๆ กระทั่งฉันเองก็โดนผีหลอกแล้ว”
“หึ คนที่หลอกคุณจะเป็นฉันแค่คนเดียวได้ยังไง จะโทษก็โทษที่คุณโง่เกินไปเถอะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของสวินหรานตู ซูหว่านก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย สายตาเย็นชาตวัดมองซูเจินเจินซึ่งอยู่ด้านหลังเขาไม่ไกลอย่างมีเงื่อนงำ
ซูเจินเจินถูกซูหว่านเหลือบมองปราดหนึ่ง พลันก้มหัวลงทันทีด้วยความรู้สึกผิด
โง่?
สวินหรานตูไม่สนใจความหมายลึกซึ้งในคำพูดของซูหว่าน เมื่อเห็นหม่าเย่ว์ที่อยู่ด้านหลังเธอลืมตาและลุกขึ้นยืน เพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดอะไรขึ้นมากไปกว่านี้ สวินหรานตูก็อัญเชิญสมบัติโบราณที่ได้รับจากวังจิ่วเซียววั่นฝูออกมาทันที กาหลอมปีศาจ
เป็นกาหลอมปีศาจ!
เมื่อเห็นกาต้มน้ำทองแดงขนาดเล็กและเรียบง่ายในมือของสวินหรานตู ราชันมังกรดำอดไม่ได้ที่สะดุ้งในใจ เสี่ยวเย่ว์เย่ว์ เดี๋ยวภรรยาเจ้าก็ตายแน่หรอก นั่นคือศาสตราเทพบรรพกาลกาหลอมปีศาจ สามารถหลอมได้ทุกสรรพสิ่งบนโลก!
แม้เพียงเศษเสี้ยววิญญาณ เมื่อเข้าไปในกาก็จะพินาศทันที!
“สวินหรานตู แกกล้า!”
ได้ยินคำพูดของราชันมังกรดำ สีหน้าของซูรุ่ยพลันเปลี่ยนเป็นชั่วร้ายอึมครึมขึ้นมาทันที
เขาก้าวไปข้างหน้าและปกป้องซูหว่านที่อยู่ข้างหลังเขา “ภรรยา ปลดเวทผนึกวิญญาณของราชันมังกรดำ”
“ได้”
ซูหว่านพลันสะบัดปลดเวทผนึกวิญญาณทันที จากนั้นเสียง “โฮ่ง” ดังขึ้นทีหนึ่ง สุนัขสีดำตัวน้อยพลันล้มลงกับพื้นหมดสติ ร่างมังกรดำในชุดสีดำก็ปรากฏขึ้นบนโลกอีกครั้ง
มารดามันเถิด ข้าผู้เป็นราชันอึดอัดจะแย่!
มังกรดำขยับมือเท้าของตัวเองแล้วมองไปทางสวินหรานตูที่มีปราณพิสุทธิ์ปกคลุมร่าง จากนั้นก็มองไปทางซูรุ่ยที่ระเบิดปราณชั่วร้ายสีดำออกมาจากร่าง
ในท้ายที่สุดก็มายืนอยู่ข้างหลังซูรุ่ยอย่างเชื่อฟัง “เสี่ยวเย่ว์เย่ว์เอ๋ย สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก เจ้ามาป้องกันก่อน ข้าจะพาภรรยาเจ้าหนีไปก่อน เจ้าคิดว่าอย่างไร”
“วันนี้พวกเธอหนีไม่พ้นหรอก”
ในตอนนี้เยี่ยจื่ออันหัวหน้าของสำนักซั่งชิงได้นับพลมาล้อมรอบเอาไว้
“ศิษย์หลานหม่า เธอถูกปีศาจสาวครอบงำแล้ว เธอรีบตื่นขึ้นมาเร็ว ยังกลับใจได้!”
เยี่ยจื่ออันมองซูรุ่ยที่มีใบหน้าเคร่งขรึมมากๆ
ดูเหมือนว่าวันนี้พวกเขาได้เตรียมการมาแล้ว!
ในเวลานี้ซูหว่านยืนอยู่ด้านหลังซูรุ่ย ได้ติดต่อสำนักงานใหญ่แล้ว หลังจากยืนยันภารกิจแล้ว ก็ยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งในการส่งตัว
เธอไม่รู้ว่าคราวนี้ตัวเองจะผ่านช่วงเวลาระยะหนึ่งนี้ไปได้ไหม แต่…
“หม่าเย่ว์ คุณไปเถอะ คุณกับฉัน ผีกับคนต่างก็มีหนทางต่างกัน ท้ายที่สุด…ก็อยู่ด้วยกันไม่ได้”
ซูหว่านพลันพูดขึ้น น้ำเสียงต่ำเป็นพิเศษ
แม้ว่าเธอจะรอเวลานั้นไม่ได้ เธอก็แค่จะต้องตายในโลกนี้ไปก็แค่นั่นเอง จิตวิญญาณของเธอแค่ถูกทำร้ายก็เท่านั่นเอง
เธอไม่ยอมให้ซูรุ่ยละเมิดกฎของสำนักงานใหญ่ บทลงโทษของผู้ละเมิดกฎนั้นรุนแรงเกินไป
กฎหนักเบา ซูหว่านเชื่อว่าซูรุ่ยเข้าใจได้
ที่จริงแล้ว ซูรุ่ยทำไมจะไม่เข้าใจ
วิธีการของซูหว่านนั้นถูกต้อง เธอจะเป็นคนมีเหตุมีผลเสมอ แต่…เขาทำไม่ได้!
เขาจะมองดูคนอื่นทำร้ายเธอต่อหน้าเขาได้ยังไง
นี่ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
“คนดี คุณถอยไป”
ซูรุ่ยยิ้มน้อยๆ ในเวลานี้ดวงตาของเขาย้อมเป็นสีเลือดสดแล้ว มันแตกต่างจากสีแดงเลือดของบุตรของถูหมี ในดวงตาสีแดงของซูรุ่ยนั้นเต็มไปด้วยเพลิงอาฆาตและจิตสังหาร
เขา คืบคลานออกมาจากทะเลโลหิตภูเขาซากศพ เขาจะหวาดกลัวจอมเวทไม่รู้สูงต่ำที่อยู่ตรงหน้าเหล่านี้ได้อย่างไร
กลิ่นอายที่มืดมิดเริ่มแผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศ
เมื่อรู้สึกถึงความอันตรายสุดขีดสวินหรานตูก็เคร่งขรึมขึ้นทันที และกาหลอมปีศาจในมือของเขาถูกโยนออกไป…
“มังกรดำ สถิตร่างของฉัน!”
ในวินาทีวิกฤตที่เป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวง ซูรุ่ยพลันตะโกนขึ้นประโยคหนึ่ง
“โฮก!”
เสียงคำรามสะเทือนไปทั่วฟ้า มังกรดำกลายเป็นร่างขนาดใหญ่เพื่อปกคลุมท้องฟ้าครอบคลุมดวงจันทร์ รวมเข้ากับร่างของซูรุ่ยทันที…
เปรี้ยง!
สายฟ้าสีขาวกรีดผ่านไปทั่วท้องฟ้า หลังจากสายฟ้าอันสะเทือนขวัญ ก็มีพายุโหมกระหน่ำมาต่อเนื่อง
ราชันมังกรที่นิ่งเงียบมาหมื่นปี ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาเป็นอย่างไร
“กาหลอมปีศาจ? หึ”
ท่ามกลางพายุบ้าคลั่ง ชายหนุ่มรูปงามที่มีผมยาวสีดำโบกมือเบาๆ กาหลอมปีศาจศาสตราเทพที่ถูกผนึกก็ตกลงมาบนฝ่ามือของเขาทันที “กาหลอมปีศาจของจริงข้าผู้เป็นราชันล้วนเคยเอามารินสุรา ไม่ต้องพูดถึงของเลียนแบบนี่เลย!”
เปรี๊ยะ!
หลังจากเสียงแผ่วเบานี้ดังขึ้น กาหลอมปีศาจที่ทุกคนจับจ้องคาดไม่ถึงว่าจะถูกขยี้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ราชันมังกรดำนึกในใจ เห็นแล้วยัง เห็นแล้วหรือยัง นี่คือความแข็งแกร่งของข้าผู้เป็นราชัน พวกปลาซิวปลาสร้อยคนธรรมดา ทำได้เพียงคุกเข่าน้อมรับเท่านั่น
“…” ซูรุ่ยเอือมระอา “เงียบซะ”
เสียงเยือกเย็นเสียงหนึ่ง ผมยาวสีดำของซูรุ่ยพลันสั้นลงอย่างรวดเร็วและกลับสู่รูปลักษณ์เดิมของเขา
ราชันมังกรดำอึ้งัน…
ให้ข้าผู้เป็นราชันได้แสร้งทำครู่หนึ่ง เจ้าจะตายหรือ เกลียดเสี่ยวเย่ว์เย่ว์ที่สุด~
“วันนี้ พวกแกต้องตายให้หมด”
ซูรุ่ยร่อนตัวลงบนพื้น หันหลังให้ซูหว่าน และสร้างกระบี่วิญญาณของตนขึ้นมาอีกครั้ง ขณะนี้กระบี่วิญญาณของเขาถูกพลังชั่วร้ายสีแดงกับพลังมืดมิดสีดำเข้ามาปกคลุมต่อเนื่อง แผ่กลิ่นอายแห่งความตายไร้ขอบเขต
เสี่ยวหว่าน ผมสาบานกับตัวเองว่าจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายคุณ โดยเฉพาะต่อหน้าผม
หากไม่ฆ่าทุกคนในโลกนี้ให้หมด ในใจร้อมรุ่มของซูรุ่ยก็ไม่สามารถสงบลงได้
ในเวลานี้ หลังจากพายุฝนฟ้าคะนอง ดวงจันทร์บนท้องฟ้าเป็นสีแดงเลือด
นี่คือ…
สวินหรานตูจ้องไปยังสีหน้าโกรธเคืองของซูรุ่ย ในที่สุดเขาก็เข้าใจได้ว่า ในวันนั้นที่เขาเห็นสีแดงทั่วฟ้า ผลลัพธ์ที่ชี้นำไปยังคนที่เขาต้องตามหา ไม่ใช่วิญญาณสาว แต่เป็น หม่าเย่ว์ที่อยู่ตรงหน้า
สิ่งที่เรียกว่าชะตากรรม คือแบบนี้ใช่ไหม
ซูหว่านจ้องไปยังแผ่นหลังของซูรุ่ย เป็นครั้งแรกที่เธอตัดสัญญาณหยุดส่งตัวกับสำนักงานใหญ่
“เสี่ยวหว่านคนดี ผมมารับคุณ…กลับบ้าน!”
นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับซูรุ่ย และนั่นเป็นสิ่งแรกที่ซูรุ่ยพูดกับเธอ
นั่นคือ จุดแรกที่พวกเขาได้พบกันในชีวิตนี้
คิ้วขมวดปม นัยน์ตากระหายเลือด อาฆาตมาดร้ายต่อทุกสิ่งที่ตาเห็น นั่นคือแม่ทัพซูในความทรงจำของเธอ
“ซูรุ่ย”
เธอเรียกชื่อเขาโดยไม่รู้ตัว “ฉันจะไปกับคุณ”
ฉันจะไปดูการล่มสลายของโลกใบนี้กับคุณ ฉันจะไปล่าสังหารบนภูเขาซากศพทะเลโลหิตกับคุณ ฉันจะไปรับโทษที่สำนักงานใหญ่พร้อมกันกับคุณ…
เราเคยแยกจากกันมาก่อน ทว่าตั้งแต่ตอนนี้ไปเราจะต้องไม่พรากจากกันอีกตลอดกาล
คนโง่
ซูรุ่ยหันตัวไปช้าๆ กอดซูหว่านไว้แน่นในอ้อมแขนของเธอ “คุณ คือซูหว่านนะ! ภรรยาของผมจะไม่มีเหตุผลขนาดนี้ได้ยังไง ผมกำลังรอให้คุณกลับไป…และช่วยผม”
ขณะพูด ซูรุ่ยก้มหัวลงและจูบที่ริมฝีปากของซูหว่าน มืออีกข้างรวบรวมพลังวิญญาณเอาไว้และตบลงบนหลังซูหว่านเบาๆ เธอพลันหมดสติไปในอ้อมแขนของเขา…
ฉากนองเลือดเหล่านี้ ภรรยา คุณอย่าดูเลยจะดีกว่า คุณนอนหลับให้สบายเถอะ
เมื่อวางซูหว่านลงบนพื้นเรียบร้อยแล้ว ซูรุ่ยเตะฉืออีปู้ที่ ‘หมดสติ’ อยู่ข้างๆ เบาๆ
“นี่ เลิกแกล้งได้แล้ว ช่วยฉันดูแลภรรยาของฉันด้วย ไม่งั้นจะฟันคุณไปด้วยเลย”
“…” ฉืออีปู้พูดไม่ออก