ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 3 จอมเวทผู้แข็งแกร่งที่สุด (3)
“ฉันออกจากตระกูลซูไม่ได้ นอกจากเธอพาฉันออกไป!”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน ซูเจินเจินที่อยู่บนเตียงกะพริบตา สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย “เรื่องนี้ จริงๆ แล้วบ้านตระกูลซูก็ดีมากเลยนะ ซูหว่านหรือว่าเธอไม่ชอบบ้านของตัวเอง เธอจะไปที่ไหนเหรอ เธอคงไม่รู้ว่า โลกใบนี้มันอันตรายมากเลยนะ!”
ตัวรับกระสุนอายุสั้น สภาวะร่างกายที่ชักนำผีหรือวิญญาณอะไรพวกนี้
ซูเจินเจินยังอยากมีชีวิตยืนถึงร้อยปีนะ!
“หือ”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูเจินเจิน แววตาของซูหว่านเป็นประกายแวบหนึ่ง “ที่จริงแล้ว ฉันแค่มีเรื่องที่อยากทำแต่ยังไม่สมหวัง แค่อยากออกไปหาคนคนหนึ่งให้พบ แน่นอนว่า ต่อให้ฉันไม่ได้ไปหาเขา เขาก็จะมาหาฉันเอง”
พูดถึงตรงนี้ ซูหว่านอดยิ้มบางๆ ออกมาไม่ได้ ในตอนนี้ ภายนอกหน้าต่างเมฆดำมลายหายไปหมด แสงจันทร์ส่องสว่างในบรรยากาศอันเงียบสงบ
สัมผัสได้ถึงแสงสว่างไสวของดวงจันทร์ ซูหว่านสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ครั้งหนึ่ง “ฉันไม่รบกวนเธอแล้ว ช่วงเวลากลางดึก เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการฝึกบำเพ็ญ”
พูดพลาง ซูหว่านก็ลอยตัวออกนอกหน้าต่างไปแล้ว
ซูเจินเจินนอนอยู่บนเตียง สายตาเหม่อลอยเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็เดินลงจากเตียง มองซูหว่านที่นั่งขัดสมาธิดูดซับพลังงานจากดวงจันทร์ในสวนดอกไม้ โดยมีบานกระจกกั้นอยู่
แววตาของซูเจินเจินค่อยๆ เปลี่ยนเป็นซับซ้อนมากขึ้น
นี่คือ…ผีบำเพ็ญเพียร?
ผีบำเพ็ญเพียร เป็นผีที่ใช้ร่างวิญาณของตนเองฝึกบำเพ็ญเพียร พวกเขาถูกจัดว่าเป็นผีวิญญาณประเภทหนึ่ง พลังจิตแข็งแกร่งมาก เป็นของบำรุงชั้นเลิศที่นักล่าผีโปรดปรานที่สุด
ซูหว่านเคยอยู่ในห้วงมิติผู้บำเพ็ญเพียรระดับต่ำสักที่หนึ่งมาก่อน จึงชำนาญวิชาบำเพ็ญทั่วไปอยู่บ้าง
ที่จริงแล้ว ผู้บำเพ็ญเพียรจำเป็นต้องฝึกบำเพ็ญในที่ที่มีปราณวิญญาณของฟ้าดินรวมตัวกันจึงจะบำเพ็ญได้ หากอยู่ในโลกเทคโนโลยีสุดล้ำอย่างโลกที่แล้ว ต่อให้บำเพ็ญทั้งชีวิตก็ไม่อาจสำเร็จถึงขั้นหลอมลมปราณได้
พลังอำนาจใดที่รุนแรงมากจนอาจจะทำลายความสมดุลของโลกใบนี้ได้ ล้วนถูกห้ามตามกฎของโลกใบนั้น
มันก็เหมือนกับการที่เธอบำเพ็ญเพียรในโลกผู้บำเพ็ญเพียรระดับต่ำ เมื่อบำเพ็ญจนถึงขั้นพิชิตเคราะห์กรรม ถึงขีดจำกัดสูงสุดที่โลกใบนี้จะรับไหว เธอก็จะถูกบังคับให้ฝ่าด่านเคราะห์ หากฝ่าด่านสำเร็จ จะได้บรรลุขึ้นไปสู่โลกที่สูงขึ้น ล้มเหลว จะถูกแผดเผาเป็นเถ้าธุลี
โลกที่อยู่ในตอนนี้ มิอาจเทียบโลกผู้บำเพ็ญเพียร แต่ที่นี่กลับเป็นโลกที่อุดมไปปราณวิญญาณ
เหล่าจอมเวทในโลกนี้ แบ่งลำดับออกเป็นระดับหล่อเลี้ยงปราณ ระดับรวบรวมปราณ ระดับผนึกปราณและระดับสวรรค์ประทาน ปัจจุบันนี้คนในโลกใบนี้ ผู้ที่มีลำดับขั้นสูงที่สุดก็คือนักพรตอาวุโสผู้ปลีกวิเวกกลุ่มหนึ่งที่มีระดับสวรรค์ประทาน
เนื่องจากพลังจิตของซูหว่านแกร่งกว่าคนทั่วไป เธอค้นหาตำราวรยุทธ์ที่เกี่ยวกับพลังจิตที่เหมาะกับผีบำเพ็ญเพียรมาเล่มหนึ่งในความทรงจำของเธอ แล้วเริ่มฝึกอย่างช้าๆ
ผ่านไปทั้งคืน เมื่อแสงอรุณเริ่มขึ้น ร่างวิญญาณของซูหว่านจับตัวแน่นขึ้นกว่าตอนแรกเล็กน้อย
แสงแดดสาดส่องลงบนใบหน้าของเธอ เธอหลับตาลงตามสัญชาตญาณ
ผีไม่ได้หวาดกลัวแสงแดด เพียงแต่ว่าในช่วงกลางวันธาตุหยางจะมีมาก ทำให้พวกเขาดูเหมือนจะอ่อนแอแค่นั้นเอง
ลอยกลับมายังห้องนอนของตัวเองอีกครั้ง ในตอนนี้ซูเจินเจินตื่นนอนนานแล้ว ในห้องน้ำมีเสียงน้ำดังออกมา
เธอกำลังอาบน้ำ
ซูหว่านมองเตียงหลังใหญ่ที่ถูกจัดเก็บเข้าที่อย่างเรียบร้อย แล้วนั่งขัดสมาธิบนเตียง โบกมือทั้งคู่ ม่านในห้องนอนถูกดึงขึ้น แสงสว่างในห้องมืดลงทันที
เรียบร้อย นี่สิถึงจะมีบรรยากาศของภาพยนตร์สยองขวัญ
“ว้าย!”
ซูเจินเจินเดินออกมาในสภาพที่มีผ้าขนหนูพันร่างไว้เห็นห้องที่มืดสลัว มีเงาที่ปรากฏชัดบ้างเลือนบ้างนั่งอยู่บนเตียงของตน เธออดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความตกใจ
“หุบปาก”
เสียงของซูหว่านเยือกเย็นมาก
ซูเจินเจินรีบเอามือปิดปากของตัวเองอย่างร้อนรน เห็นซูหว่านไม่พูดอะไรอีก เธอจึงค่อยๆ เอามือออกอย่างระวัง ถามเสียงเบา “เธอ เธอปรากฏร่างแล้วเหรอ”
“ยังทำไม่ได้ทั้งหมด พลังจิตของฉันในตอนนี้ยังไม่เพียงพอจะทำให้ฉันปรากฏร่างต่อหน้าคนอื่นได้ ก็เหมือนกับที่เธอเห็นฉันได้แค่เงารางๆ ในตอนนี้”
ระหว่างพูดนั้น ร่างของซูหว่านอยู่ๆ ก็เริ่มจางหายไปอย่างช้าๆ
มองเตียงหลังใหญ่ที่ว่างเปล่า ซูเจินเจินลังเลครู่หนึ่ง “ซูหว่าน ซูหว่าน เธอยังอยู่ไหม ”
เธอเรียกไปครู่ใหญ่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากซูหว่าน สุดท้ายซูเจินเจินก็ได้แต่เดินตัวปลิวไปยังห้องแต่งตัวเปลี่ยนชุด แล้วเดินลงไปชั้นล่างด้วยสีหน้ายากจะบรรยาย
ซูหว่านนั่งอยู่บนเตียงมาตลอด จนกระทั่งซูเจินเจินจากไปแล้ว เธอจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น
เมื่อครู่นี้ วินาทีที่ซูเจินเจินออกมาจากห้องน้ำ เธอได้รู้สึกว่าธาตุหยินในตัวซูเจินเจินกำลังรั่วไหลออกมา
ในปีนั้นนักพรตจางใช้เลือดของสวินหรานตูกักธาตุหยินในตัวของเธอ จริงๆ แล้วไม่สามารถกักไว้ได้ตลอดชีวิต แต่ก็เพียงพอจะกักไว้จนถึงช่วงอายุที่เธอจะแต่งงานกับผู้อื่นได้
การปรับสมดุลหยินหยาง เมื่อร่างกายได้ปลดปล่อยปราณหยิน รวมเป็นหนึ่งกับธาตุหยางของบุรุษ ธาตุหยินในร่างกายจะค่อยๆ หายไปเอง
แต่ว่าตอนนี้ เพราะการปรากฏกายของซูเจินเจินผู้ข้ามมิติคนนี้ วิญญาณของเธอเข้าสู่ร่างของเจ้าของร่างเดิมโดยพลการ ทำให้ธาตุหยินในร่างกายเกิดความวุ่นวาย ตอนนี้เริ่มมีการรั่วไหลออกมาก่อนเวลาแล้ว นี่เป็นข่าวที่ร้ายมากจริงๆ
ซูหว่านไม่มีวิธีอื่น ทำได้เพียงรีบบำเพ็ญเพียรไปด้วย และภาวนาให้ซูรุ่ยรีบมาไปด้วย…
แตกต่างจากซูหว่านที่เต็มไปด้วยความกังวลในใจ ซูเจินเจินผู้ข้ามมิติได้ครอบครองฐานะบุตรสาวของมหาเศรษฐีอันดับหนึ่ง ได้ลิ้มลองรสชาติความเป็นเศรษฐีครั้งแรก เธอพาองครักษ์และสารถีของเธอ ออกไปซื้อของกินข้าวข้างนอก ไม่สามารถหยุดการใช้จ่ายได้เลย
จนกระทั่งท้องฟ้ามืดลง ซูเจินเจินจึงหิ้วถุงใบใหญ่ใบน้อยกลับมาอย่างอิ่มเอมใจ
ซูหลินและซูไท่ไท่เห็นบุตรสาวของตัวเองอารมณ์ดีเป็นพิเศษในวันนี้ ทั้งสองก็รู้สึกมีความสุขไปด้วย กลับไม่รู้สึกเคลือบแคลงสงสัยว่าซูเจินเจินเป็นตัวปลอมเลยแม้แต่น้อย
เมื่อกลับถึงห้องของตัวเอง ซูเจินเจินพุ่งตัวลงบนเตียงใหญ่อย่างสบายอารมณ์ “เป็นคุณหนูนี่ดีจริงๆ! ความรู้สึกที่ได้เป็นเศรษฐีฟินสุดๆ ไปเลย!”
“เธอกำลังรู้สึกฟินอยู่เหรอ อีกเดี๋ยวเธอจะรู้สึกฟินมากกว่านี้อีกนะ”
ซูหว่านยืนอยู่ข้างหน้าต่างห้องนอน กำลังมองคฤหาสห์ตระกูลซูใต้แสงจันทร์ ที่นั่น กำลังมีผีบริวารระดับต่ำทยอยมารวมกลุ่มกันแล้ว
พวกเขาล้วนถูกธาตุหยินบนตัวของซูเจินเจินดึงดูดมาทั้งหมด
“ซูหว่าน?”
จู่ๆ ซูเจินเจินที่อยู่บนเตียงก็ได้ยินเสียงของซูหว่าน เธอรีบเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นเงาของซูหว่านผุดๆ โผล่ๆ อยู่ข้างหน้าต่างห้องของตัวเอง
ใช่แล้ว กำลังเข้าสู่ช่วงกลางคืนแล้ว เธอจะสามารถปรากฏร่างได้แล้ว
แม้ว่าซูเจินเจินจะกลัวสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผีมาก แต่เพราะอีกฝ่ายคือซูหว่าน อีกอย่างซูหว่านไม่เคยมีท่าทีที่ไม่ดีต่อตนเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นตอนนี้ซูเจินเจินรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้กลัวเธอมากขนาดนั้นแล้ว
“ซูหว่าน เธอดูอะไรอยู่ตรงนั้นเหรอ ที่เธอพูดเมื่อกี้หมายความว่ายังไง”
ซูเจินเจินลุกขึ้นจากเตียง มองซูหว่านด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“เธอมาดูเองสิ”
ซูหว่านดึงม่านออก ชี้ไปนอกหน้าต่าง
ดูอะไร
ซูเจินเจินรีบเดินไปข้างหน้าต่างด้วยความสงสัย มองฝูงเงาที่ล่องลอยอยู่นอกคฤหาสน์ เธออดไม่ได้ที่จะต้องใช้มือทั้งสองอุดปากตัวเองแน่น
พวกเขา พวกเขาเป็นผี…ทั้งหมด
นี่มันเรื่องอะไรกัน ขบวนพาเหรดร้อยผีเหรอ
“ซูหว่าน ซูหว่าน”
ซูเจินเจินร้อนรนจนยื่นมือออกไป หวังจะจับมือของซูหว่าน ผลลัพธ์แน่นอนว่าเธอคว้าได้เพียงอากาศ “ซูหว่าน พวกเขาจะทำอะไร”
“การปรากฏตัวของเธอ ทำให้ธาตุหยินที่ถูกผนึกในร่างเดิมเริ่มรั่วไหลออกมา และพวกผีบริวารระดับต่ำที่ไร้จิตรับรู้และผีตัวใหญ่ที่กางเล็บแยกเขี้ยวพวกนั้นล้วนถูกธาตุหยินในตัวเธอดึงดูดมา”
ซูหว่านมองดวงจันทร์ที่อยู่บนฟ้า เมื่อดวงจันทร์ลอยอยู่กลางท้องฟ้า เป็นช่วงเวลาที่ธาตุหยินในระหว่างฟ้าดินเข้มข้นมากที่สุด พวกวิญญาณเหล่านั้นจะพุ่งเข้ามาในตระกูลซูอย่างไม่ลังเล
แน่นอนว่า ในตระกูลซูมีคนอาศัยอยู่จำนวนมาก และยังมีองครักษ์อาศัยอยู่ด้วย ปราณสังหารเข้มข้น ส่วนซูหลินเป็นถึงมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของนครใต้เนื่องจากทำบุญสร้างกุศลเป็นประจำ มีบุญกุศลคอยคุ้มครองร่างอยู่เช่นกัน แต่พวกนี้ป้องกันได้แค่ผีบริวารและผีตัวใหญ่ที่พลังจิตต่ำเท่านั้น
หากผีดุร้ายผีอาฆาตถูกดึงดูดมาด้วยจริงๆ ความปลอดภัยของซูเจินเจินจึงน่ากังวลมากกว่า
ในตอนนี้ ซูหว่านไม่สามารถกลับเข้าไปร่างนี้ได้ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากซูเจินเจิน เธอก็ออกจากตระกูลซูไม่ได้ และตอนนี้ซูเจินเจินยังเผชิญอันตรายถึงชีวิตอีก นี่ช่างเป็นสถานการณ์ที่แย่มากจริงๆ