ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 9 จอมเวทผู้แข็งแกร่งที่สุด (9)
ภายในป่าทึบที่เต็มไปด้วยพลังวิญญาณ จิตสังหารปกคลุมอยู่หนาแน่น กลิ่นอายวิญญาณคละคลุ้ง
ตอนที่ซูหว่านลืมตาขึ้นอีกครั้ง สิ่งที่มองเห็นคือหมอกสีดำหนาที่ไม่เลือนรางจางหาย ที่เชิงเขาเหมาซาน กลับมีผีบำเพ็ญเพียรที่หยิ่งยโสเช่นนี้
“เป็นราชันผี”
น้ำเสียงของเหล่ากุ่ยหนักแน่นจริงจังเป็นพิเศษ “ราชันผีที่ทำสัญญา กับจอมเวทมนุษย์ตนหนึ่ง”
ลำพังคำว่าราชันผีคำเดียวก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร แต่ที่น่ากลัวก็คือเขาเป็นผู้ที่มีเจ้านายบงการ คนที่สามารถควบคุมเขาได้ อย่างน้อยก็เป็นนักพรตมนุษย์ระดับผนึกปราณ
“เรื่องที่พรรคอู่สิงทำ คนที่ไม่เกี่ยวข้องรีบหลบไปให้พ้น มิฉะนั้นจะฆ่าทิ้งอย่างไร้ปรานี!”
ราวกับสัมผัสได้ถึงการเข้ามาใกล้ของเหล่ากุ่ย คนผู้นั้นไม่อยากให้เกิดเรื่องวุ่นวายแทรกแซงเข้ามา จึงขู่คำรามพลางโยนยันต์อัสนีสวรรค์ห้าธาตุออกไปหนึ่งแผ่น!
เหล่ากุ่ยพาซูหว่านถอยหลังอย่างรวดเร็ว ยันต์อัสนีสวรรค์นั้นระเบิดอยู่ที่จุดเดิม ระเบิดเป็นหลุมลึกบนพื้นที่ว่างเปล่าหนึ่งหลุม
พรรคอู่สิง หรือว่าเป็น…
“มั่วหัน?”
ซูหว่านส่งเสียงอย่างอดไม่ได้ ในโครงเรื่องเดิมหม่าเย่ว์มีศัตรูคู่อาฆาตก็คือมั่วหันแห่งพรรคอู่สิง!
มั่วหันและซูหวั่นคนรักของเหล่ากุ่ยเหมือนกัน มีดวงตาหยินหยางแต่กำเนิด แม้เขาจะเป็นคนของพรรคอู่สิงแต่กลับชอบคบหาผีเป็นมิตร กระทั่งหลงรักผีสาวตนหนึ่ง และผีสาวตนนั้นกลับถูกหม่าเย่ว์สังหารตอนที่ออกไปหาประสบการณ์ครั้งแรก นับตั้งแต่นั้นทั้งสองคนก็กลายเป็นศัตรูคู่แค้นกันไม่มีวันสิ้นสุด!
“หือ”
ได้ยินเสียงของซูหว่าน มั่วหันก็อดไม่ได้ที่จะมองเธออีกครั้ง จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย…
คุณหนูซูอีกคนหนึ่งหรือ
ร่างกายที่จับต้องได้ของซูหว่านในตอนนี้แน่นอนว่าเป็นรูปร่างหน้าตาตอนที่เธออยู่ในโลกใบนี้ อีกทั้งเธอยังสวมสร้อยข้อมือที่เหล่ากุ่ยให้เธอ เก็บงำกลิ่นอายวิญญาณทั่วทั้งร่าง แม้แต่มั่วหันก็ยังไม่รู้ว่าเธอไม่ใช่คน
“ซูหว่าน? ซูหว่าน ใช่เธอไหม”
เวลานี้ จู่ๆ ก็มีเสียงของซูเจินเจินดังมาจากที่ห่างไปไม่ไกล ในเสียงของเธอยังมีเสียงร้องไห้ปนอยู่ด้วย “ซูหว่าน เธอรีบมาช่วยเขาเร็ว เขาเหมือนจะตายแล้ว”
“เธอหุบปาก!”
มั่วหันและซูหว่านตะคอกออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดแนะ…
มั่วหันนึกในใจ บัดซบ ผู้หญิงบ้านี่หนวกหูชะมัดเลย
ซูหว่านนึกในใจ ตายกับผีอะไร~ เธอตายแล้วแต่แฟนฉันก็ยังไม่ตาย
ตอนนี้ ราชันผีที่บ้าคลั่งกำลังค่อยๆ ฟื้นฟูร่างเดิม เผยให้เห็นใบหน้าเดิม ที่แท้ก็เป็นผีสาวที่งดงามตนหนึ่ง
เมื่อหมอกดำจางหายไป ซูหว่านจึงได้เห็นใต้ต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล ซูเจินเจินกำลังร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล และข้างกายเธอคือชายชุดดำที่กำลังประคองซูรุ่ยซึ่งหมดสติไว้บนเข่าสองข้างของตนเอง
“หม่าเย่ว์!”
ซูหว่านรีบพุ่งตัวไปข้างกายของซูรุ่ยทันที ยกมือขึ้นจับมือของซูรุ่ยเอาไว้ จากนั้นซูหว่านก็ถ่ายทอดพลังของตนเข้าสู่ร่างกายของซูรุ่ยอย่างไม่คิดชีวิต
นี่…
มังกรดำที่ด้านข้างมองซูหว่านอย่างประหลาดใจแล้วก็หันไปมองซูเจินเจินที่น้ำตานองหน้าอยู่อีกด้าน
มารดาเอ๋ย นี่เป็นฝาแฝดกันหรือ
ไม่ใช่ เมื่อครู่เสี่ยวเย่ว์เย่ว์ดูเหมือนจะเคยพูดประโยคหนึ่งว่า ‘ไม่ใช่นาง’ หรือว่าสิ่งที่เขาตามหาอย่างเอาเป็นเอาตายมาตลอดก็คือ…ผีสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาตนนี้หรือ
“คุณเป็นผีหรือ”
ตอนนี้มั่วหันที่อยู่กลางอากาศก็ร่อนกายลงมาแล้ว ดวงตาเล็กเรียวยาวนั้นจ้องเขม็งไปยังซูหว่าน ตอนที่เธอถ่ายทอดพลังให้กับซูรุ่ย กลิ่นอายวิญญาณของเธอก็เริ่มแผ่ออกมาข้างนอกโดยไม่รู้ตัว
ซูหว่านไม่ได้ยินเสียงอะไรจากโลกภายนอกทั้งหมด ได้แต่ถ่ายทอดพลังวิญญาณให้กับซูรุ่ยอย่างเอาเป็นเอาตายไม่หยุด เธอสัมผัสได้ว่า พลังวิญญาณในร่างของเขาเหือดแห้งไปหมดแล้ว
ไม่พอ พลังวิญญาณนิดหน่อยนี้ ยังห่างไกลมากนัก…
“ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ”
มั่วหันที่อยู่อีกด้านมองเห็นการกระทำของซูหว่านก็อดหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมาไม่ได้ “ช่างน่าหัวเราะเยาะจริงๆ”
สายตาเขาสะท้อนประกายความเยือกเย็นบางอย่างที่ทำให้คนใจสั่น “ที่แท้ คุณก็คือคนคนนั้นที่เขาตามหามาตลอด ไม่สิ ไม่ใช่คน คือผีสาวตนหนึ่ง! ฮ่าๆ ฮ่าๆๆ หม่าเย่ว์วันนี้ฉันไม่เอาชีวิตแกแล้ว ฉันจะฆ่าคนรักของแก ทำให้แกลิ้มรสความเจ็บปวดและความสูญเสียที่ฉันได้รับทั้งหมดตอนนั้น!”
ขณะที่พูดอยู่นั้น สองมือของมั่วหันสอดประสานกัน ท่องคาถาด้วยเสียงทุ้มต่ำแผ่วเบา “ห้าธาตุสอดประสาน รากเหง้าฟ้าดิน ซ่อมแซมไร้สิ้นสุด พิสูจน์พลังอิทธิฤทธิ์…”
“ซูหว่าน ระวัง เขาจะใช้คาถาอัญเชิญเทพแสงทอง!”
เหล่ากุ่ยที่อยู่ข้างๆ เห็นการกระทำของมั่วหันก็รีบพุ่งไปข้างกายซูหว่านด้วยสีหน้าเปลี่ยนไปทันที แต่ซูหว่านยังคงจับมือของซูรุ่ยเอาไว้แน่น จะอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อยมือ
“เหล่ากุ่ย คุณไปเถอะ”
ซูหว่านได้แต่ถอนหายใจเบาๆ “ฉันจะอยู่กับเขา”
ต่อให้ต้องนอนหลับใหลด้วยกันบนโลกใบนี้ เธอก็ยินดี
ขอแค่สองคนได้อยู่ด้วยกัน ก็จะไม่รู้สึกอ้างว้างโดดเดี่ยว
ได้ยินคำพูดของซูหว่าน สายตาของเหล่ากุ่ยเคร่งขรึมขึ้นทันที
“ซูหว่าน คุณว่า…รัก คืออะไร”
“หือ”
ซูหว่านมองเหล่ากุ่ยอย่างไม่ค่อยเข้าใจ เหล่ากุ่ยกลับได้แต่ส่งยิ้มอ่อนๆ ให้เธอ
หากว่ารัก คือการหลงใหล
ความหลงใหลของคุณ ก็คือเขา
อย่างนั้น ความหลงใหลของผมที่สุดแล้วคือ…อะไร
ความหลงใหล…
คืออะไร…
รัก ที่สุดแล้วคืออะไรกันแน่
สายตาของเหล่ากุ่ยจากสีเทาเปลี่ยนเป็นสีดำเข้มสุดท้ายก็กลายเป็นสีแดง
ตอนที่แสงสีทองเจิดจ้าปรกฟ้าคลุมดินแฝงด้วยจิตสังหารอย่างพลุ่งพล่านพุ่งเข้ามาตรงหน้าเขา เหล่ากุ่ยไม่ได้หลบออกไป แต่กลับกางแขนสองข้างใช้ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่อะไร บังด้านหน้าของซูหว่านและซูรุ่ยไว้…
ปึง!
แสงสีทองเต็มท้องฟ้าพุ่งโจมตีร่างของเหล่ากุ่ยในแสงสีทองพร่างพราว เขายิ้มน้อยๆ มองไปยังซูหว่าน ร่างผอมบางค่อยๆ สลายกลายเป็นแสงดาวระยิบระยับ พุ่งเข้าสู่ภายในร่างซูรุ่ยในชั่วพริบตา…
ซูรุ่ย ฟื้นขึ้นมา!
เสียงเรียกที่ดังขึ้นอย่างกะทันหัน คล้ายกับลอยมาจากอดีตกาล และก็ดูเหมือนจะอยู่ใกล้แค่ใบหู พลังวิญญาณในร่างกายที่สลายไปถูกทดแทนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นซูรุ่ยก็ลืมตาขึ้น
เขาสัมผัสได้แล้ว สองลมหายใจที่คุ้นเคย
สองลมหายใจที่คุ้นเคยนั้น เป็นของซูหว่าน และยังมี…สวีเช่อ!
“เสี่ยวหว่าน”
ซูรุ่ยสะดุ้งตื่นขึ้น พลิกมือกลับมากุมมือของซูรุ่ยเอาไว้
“คุณฟื้นแล้ว! เหล่ากุ่ยเขา…”
ซูหว่านมองซูรุ่ยที่เพิ่งฟื้นขึ้นด้วยขอบตาแดงก่ำ แม้ว่าช่วงเวลาที่ใช้ร่วมกับเหล่ากุ่ยจะสั้นมาก แต่นี่เป็นครั้งที่สองที่เขายื่นมือเข้าช่วย
และครั้งนี้ กลับแลกมาด้วยชีวิตของเขา
เหล่ากุ่ย?
ซูรุ่ยขมวดคิ้ว รับรู้ถึงลมหายใจที่อยู่โดยรอบ ไม่มีแล้ว ลมหายใจที่เป็นของคนคนนั้น หายไปแล้ว
“เขาช่วยผมเอาไว้เหรอ”
น้ำเสียงของซูรุ่ยสับสนเล็กน้อย
ซูหว่านที่อยู่ข้างๆ กลับพยักหน้าเบาๆ “เหล่ากุ่ยช่วยคุณไว้ น่าเสียดายที่เขา…”
น่าเสียดาย เหล่ากุ่ยดวงวิญญาณแตกสลายไปแล้ว หายไปจากโลกนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นติดหนี้บุญคุณที่ติดค้างเขาไว้ ก็ต้องติดค้างไปตลอดกาลเหรอ
หึ
ซูรุ่ยหลุบตาลง แววตาวาบประกาย ตอนที่เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง นัยน์ตาคู่นั้นของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา “มั่วหัน ฉันจะฆ่าแก”
“ฮ่า”
มั่วหันที่อยู่ข้างๆ หัวเราะเยาะอย่างทนไม่ได้ “หม่าเย่ว์ แกจะฆ่าฉัน? แกอาศัยอะไร จะใช้พลังวิญญาณอันน้อยนิดที่เหล่ากุ่ยนั่นให้แก หรือว่ามังกรดำไร้ประโยชน์ข้างหลังแกล่ะ น่าขันจริงๆ! อัจฉริยะแห่งตระกูลหม่าเผ่ามังกรปราบมารผู้ยิ่งใหญ่ไม่เพียงแต่เรียกมังกรดำน่ารังเกียจออกมาหนึ่งตัว แต่ยังถึงขั้นเป็นมิตรกับผี หม่าเย่ว์ แกก็ได้แค่นี้ จอมปลอมจนทำให้ฉันขยะแขยง”
“มังกรดำ เขาบอกว่าแกไร้ประโยชน์”
ซูรุ่ยค่อยๆ ลุกขึ้นมา ไม่สนใจคำเยาะเย้ยถากถางของมั่วหัน แต่กลับหันไปกระซิบกระซาบอย่างเย็นชากับมังกรดำที่อยู่ข้างๆ
“ฮึ”
มังกรดำที่อยู่ข้างๆ เบ้ปากอย่างไม่พอใจ “มนุษย์ธรรมดาผู้โง่เขลา จะไปเข้าใจความยิ่งใหญ่แข็งแกร่งของข้าได้อย่างไร เสี่ยวเย่ว์เย่ว์ เจ้ารีบอัญเชิญมังกรเทพเร็ว ทำให้ข้าผู้เป็นราชันทำลายมันแทนเจ้าในเสี้ยวนาทีเถอะ”
“ก็ได้”
ครั้งนี้ซูรุ่ยไม่ได้ปฏิเสธข้อเสนอของมังกรดำ เขายื่นมือออกมาดึงซูหว่านไปที่ด้านหลังตนเอง “เสี่ยวหว่าน คุณถอยหลังไปก่อน”
ซูหว่านพยักหน้า ไปยืนที่ด้านหลังของซูรุ่ยอย่างเชื่อฟัง “คุณระวังด้วยนะ!”
“อืม”
แววตาของซูรุ่ยแน่วแน่ ยกมือขึ้นผนึกท่องมนต์
หลิน ปิง โต่ว เจ่อ เจีย เจิ้น เลี่ย เฉียน สิง!
มังกรเทพโปรดลงทัณฑ์!
“โฮก…”
เสียงมังกรคำรามสะเทือนไปทั่วทั้งฟ้าดิน! มังกรสีดำขนาดมหึมาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ร่างใหญ่โตมโหฬารหมุนวนเวียนอยู่กลางอากาศไม่หยุด
ต่อจากการปรากฏตัวของมังกรดำ ร่างของซูรุ่ยก็ค่อยๆ ลอยขึ้นไปในอากาศ หนึ่งคนหนึ่งมังกร พลังวิญญาณร้ายกาจน่าสะพรึงกลัว
ความมืดมิดไร้ขอบเขตปกคลุมไปทั่วทั้งป่าเขา…
มังกรร้ายถือกำเนิดขึ้น! หายนะครั้งใหญ่กำลังจะมาเยือน!