ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 1 ลอยนวล (1)
ผู้รับผิดชอบภารกิจของห้วงแห่งความเสียใจนี้ทุกคนล้วนเป็นอัจฉริยะ และในบรรดาพวกเขาเองก็มีฆาตกรที่สามารถฆ่าคนได้เพียงชั่วพริบตาเดียว เพื่อให้เหล่าผู้รับผิดชอบในภารกิจของห้วงแห่งความเสียใจนี้จริงจังและตั้งใจทำภารกิจให้ลุล่วง นอกจากจะมีรางวัลมากมายให้แก่ผู้รับผิดชอบทำภารกิจนี้แล้ว นโยบายการลงโทษนั้นก็แสนจะเข้มงวดด้วยเช่นเดียวกัน
หากมีผู้ทำภารกิจละเมิดกฎของห้วงแห่งความเสียใจแล้วล่ะก็ คนผู้นั้นจะถูกปิดประสาทสัมผัสทั้งห้า และนำร่างไปขังไว้ที่คุกแห่งความสิ้นหวัง ไม่เพียงเท่านั้น วิญญาณยังถูกส่งไปยัง “ดินแดนนักโทษ” ที่ห้วงแห่งความเสียใจนั้นมีอยู่โดยเฉพาะ จากนั้นจึงยึดตามความหนักเบาของโทษซึ่งจะถูกตัดสินโดยผู้ตรวจการ บทลงโทษที่เบาที่สุดก็คือการถูกเฆี่ยนตีดวงวิญญาณทุกวัน จวบจนแปดสิบเอ็ดวันแห่งการพิพากษาจึงจะได้รับการปลดปล่อย
และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือไม่มีผู้ใดหยั่งรู้ได้ว่ามันคืออะไร เพราะใครก็ตามที่ละเมิดกฎร้ายแรงนี้ ดวงวิญญาณของพวกเขาต่างต้องติดอยู่ในดินแดนนักโทษนี้ไปตลอดกาล
แน่นอนว่าหากคุณมีเพื่อนที่ละเมิดกฎของห้วงแห่งความเสียใจและถูกขังไว้ในดินแดนแห่งคุกแล้วล่ะก็ คุณสามารถยื่นคำร้องขอช่วยเหลือได้
ทุกคนล้วนได้รับโอกาสนี้
เมื่อคุณได้ทำการร้องขอเรียบร้อยแล้ว ทางสำนักจะสุ่มและส่งมอบภารกิจที่ไม่อาจรู้ได้ว่านั่นคือภารกิจอะไรให้กับคุณ คุณเองจะก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าอะไรคือหัวข้อหลักของภารกิจ หรือแม้แต่สถานะของคุณและความทรงจำเดิมที่หลงเหลืออยู่ คุณก็ไม่อาจรู้ได้
คุณจะต้องตกอยู่ในความเลอะเลือนและสับสนเพื่อที่จะสำรวจโลกของภารกิจนี้ อีกทั้งคุณต้องทำภารกิจให้สำเร็จภายในเวลาที่สำนักงานใหญ่มอบหมายให้
โดยปกติแล้วโลกภารกิจเหล่านี้ไม่เป็นที่นิยมนัก โดยเฉพาะโลกที่โหดร้ายหรือรุนแรงมาก และเมื่อผู้ปฏิบัติภารกิจเผยให้เห็นข้อบกพร่องใด ๆ ก็จะทำให้ปฏิกิริยาของลูกโซ่ทำงานและนำไปสู่ความล้มเหลวของภารกิจ
หากภารกิจดังกล่าวล้มเหลวแล้ว ผู้ยื่นคำร้องไม่เพียงแต่ช่วยคนที่อยากช่วยออกมาไม่ได้ ซ้ำยังต้องเสียคะแนนภารกิจที่สูงสำหรับความล้มเหลวอีกด้วย
ซูหว่านตื่นขึ้นมาภายในห้องภารกิจ จากนั้นก็ตรงดิ่งไปยังห้องทำงานของเย่ซิน โชคดีที่เย่ซินเพิ่งจะทำภารกิจเสร็จสิ้นและกำลังพักผ่อน
“เย่ซิน”
หลังจากที่พรวดพราดเข้ามายังห้องของเย่ซิน ดวงตาของซูหว่านั้นแดงก่ำ “ช่วยฉันยื่นคำร้องหน่อย เร็วเข้า ฉันต้องการที่จะสมัครภารกิจสำหรับการไถ่บาป!”
“อะ อะไรนะ?”
เย่ซินตกตะลึงทันทีที่ได้ยินคำพูดของซูหว่าน “ภารกิจไถ่บาป? ซูหว่าน นี่เธอจะช่วยใคร? ”
ทั้งที่รู้ว่าภารกิจไถ่บาปนั้นมีเงื่อนไขมากมายแค่ไหน แล้วไหนจะบทลงโทษที่แสนจะหนักหนาหากภารกิจล้มเหลวนั่นอีก ถ้าหากว่าไม่ใช่คนที่ตนเองใส่ใจแล้วล่ะก็ คงไม่มีทางลงทุนยื่นคำร้องขอสมัครภารกิจไถ่บาปนี้แน่
“ไม่ต้องกังวลไปหรอกหน่า ฉันขอร้องล่ะเย่ซิน ช่วยฉันยื่นคำร้องหน่อยเถอะนะ”
ซูหว่านไม่ยอมให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์แม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว เพราะทุก ๆ วินาทีที่ผ่านไปนั่นหมายถึงเวลาที่ซูรุ่ยต้องได้รับการทรมานเพิ่มขึ้นเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าซูหว่านมีท่าทีที่ร้อนใจ ดวงตาของเย่ซินเองก็ประกายขึ้นพร้อมกับพยักหัวเป็นเชิงตกลง “ฉันรู้แล้ว ฉันจะช่วยเธอสมัครเดี๋ยวนี้”
เย่ซินกล่าวพร้อมกับเปิดเครื่องสื่อสารของเธอและเชื่อมต่อมันกับสายภายในของสำนักงานใหญ่…
ในขณะเดียวกัน ณ ศูนย์งานสำนักงานใหญ่
ชายวัยกลางคนในชุดสูทกำลังมองดูสวีเซ่อที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างอ่อนใจ “คุณเพิ่งตื่นจากเครื่องที่พังทลายไปแล้ว วิญญาณของคุณก็อ่อนแอมาก อาเช่อ ฉันแนะนำว่าคุณอย่าเพิ่งสมัครภารกิจไถ่บาปกับฉันในตอนนี้เลย”
“ซูลุ่ยคือคนของฉัน ฉันเป็นคนพาเขามาที่สำนักงานใหญ่แห่งนี้ แล้วตอนนี้จะให้ฉันทิ้งเขาน่ะเหรอ?”
สวีเช่อมองชายวัยกลางคนตรงหน้าและพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เดิมทีแล้วพวกคุณก็ชินกับการทอดทิ้งเพื่อนร่วมทีมอยู่แล้ว แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่”
เมื่อได้ฟังสวีเช่อกล่าว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป แท้จริงแล้วเขายังคงครุ่นคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ แต่ทว่า…เรื่องบางเรื่องก็ใช่ว่าเขาจะสามารถตัดสินใจเองได้เลยซะทีเดียว
อีกทั้ง…
“คุณทำแบบนี้เพื่อลูกน้องจริง ๆ งั้นหรอ ไม่ใช่เพื่อคนอื่นหรอกเหรอ?”
ชายวัยกลางคนจ้องมองไปยังสวีเช่อ พยายามจับผิดร่องรอยความผิดปกติบนใบหน้าของเขา
แต่ทว่าสวีเช่อยังคงเหมือนเดิมไม่มีผิด ปราศจากอารมณ์ใด ๆ ใบหน้าที่สง่างามนั้นดูราวกับไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเลย “ที่ฉันทำ ฉันก็ทำพราะลูกน้องของฉัน เขาเป็นคนสำคัญสำหรับทีมของพวกเรา รอเมื่อถึงตอนพิจารณาคดี ถึงตอนนั้นฉันมีเรื่องที่ต้องใช้เขา”
หลังจากที่สังเกตการแสดงออกของสวีเช่ออย่างละเอียดอีกครั้งจนแน่ใจแล้วว่าที่เขาพูดมานั้นไม่ได้โกหก ชายวัยกลางคนก็พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นมาทางนี้กับฉัน ฉันจะช่วยคุณเปิดภารกิจเอง”
เมื่อกล่าวดังนั้น ทั้งสองก็หันหลังและเข้าไปยังห้องสุ่มภารกิจ
แต่เมื่อชายวัยกลางคนใส่ชื่อซูรุ่ยลงในเครื่องมือของเขา เขาก็ได้รับแจ้งว่าเมื่อไม่กี่นาทีก่อนได้มีผู้สมัครภารกิจไถ่บาปให้กับคนผู้นี้และคำร้องขอนั้นก็ผ่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งผู้ที่ยื่นคำร้องภารกิจไถ่บาปก็ได้เข้าไปยังโลกของภารกิจแล้วด้วย
“เธอเข้าไปในโลกไหน?”
น้ำเสียงของสวีเช่อในเวลานี้นั้นเต็มไปด้วยความกังวล เขาตื่นจากอาการเซื่องซึมก็รีบตรงมายังสำนักงานใหญ่โดยทันที นึกไม่ถึงเลยว่าตนจะมาช้ากว่าซูหว่านเพียงแค่ก้าวเดียว
“ขอฉันตรวจสอบสักหน่อย โอ๊ะ โชคของเธอดีไม่น้อยเลยนะเนี่ย เธอสุ่มได้ความยากระดับ D ซึ่งต่ำที่สุดแล้ว อืม แต่ว่าโลกนี้ก็น่าสนใจเหมือนกันนะ มีคนเคยจับได้ แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวซะอย่างนั้น”
“อะไรนะ? ฉันขอ…”
สวีเช่อยังไม่ทันได้กล่าวจบ ก็ถูกชายวัยกลางคนกล่าวขัดขึ้นเสียก่อน “จากสถานการณ์ของคุณตอนนี้คงให้คุณเข้าไปยังโลกของภารกิจไม่ได้จริง ๆ ฉันแนะนำให้คุณไปกำจัดความคิดที่เป็นไปไม่ได้นี่ออกไปซะ มันไม่สามารถปล่อยให้เกิดความวุ่นวายได้อีก”
เมื่อได้ฟังที่ชายวัยกลางคนกล่าวแล้ว แพรขนตาของสวี่เช่อก็สั่นเล็กน้อย มุมปากค่อย ๆ คลี่ยิ้มจาง ๆ ก่อนกล่าวอย่างติดตลกว่า “งั้นก็ได้ ฉันเข้าใจแล้ว คุณก็แค่บอกฉันว่าเธอเข้าไปในโลกของภารกิจอะไรก็เท่านั้นเอง ไม่ได้หรอ?”
“ไถ่ถอนการลงโทษ” ชายวัยกลางคนกล่าวออกมาเพียงเบา ๆ …
ขณะเดียวกัน ณ โลกของภารกิจ
ผู้ทำหน้าที่รับผิดชอบภารกิจอย่างซูหว่านได้เข้ามายังโลกภารกิจที่ชื่อว่า “ไถ่ถอนการลงโทษ” ภารกิจที่ได้รับมอบหมายในครั้งนี้มีระยะเวลาสามสิบวัน และเป้าหมายก็คือต้องมีชีวิตอยู่รอดต่อไป
ในห้วงความคิด เสียงของระบบจากสำนักงานใหญ่ค่อย ๆ เบาลง ซูหว่านเองก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น
ที่นี่คือห้องผู้ป่วยเดี่ยว และตอนนี้เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย
ซูหว่านค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างช้า ๆ เธอมองลงไปที่เสื้อผ้าของเธอเป็นอันดับแรก มันเป็นชุดผู้ป่วยลายทางสีฟ้า ข้าง ๆ เตียงของเธอนั้นมีผลไม้พร้อมกับอาหารเสริมต่าง ๆ ถูกจัดวางเอาไว้ และยังมีกองของขวัญและการ์ดอวยพรเล็ก ๆ มากมาย
มองออกไปยังนอกหน้าต่าง ใบไม้สีเหลืองกำลังร่วงหล่น บ่งบอกว่าขณะนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง ตอนนี้เธอเป็นคนป่วยอย่างนั้นเหรอ? และดูเหมือนว่าจะเป็นผู้ป่วยที่ครอบครัวมีทรัพย์สินไม่น้อยเลยทีเดียว
ซูหว่านเหลือบตาขึ้นไปมองบนหัวเตียงของตน ข้างบนนั้นมีข้อมูลของเธออยู่
ห้องผู้ป่วยที่ 56
ผู้ป่วย ซย่าอวี่ซาน
อายุ 27 ปี
ที่แท้ฉันก็ชื่อซย่าอวี่ซานนี่เอง
ซูหว่านนวดคลึงศีรษะของตน เธอรู้สึกเจ็บมากและมีผ้าพันแผลอยู่บนศีรษะ เธอมองหารองเท้าแตะและลุกขึ้นจากเตียงเพื่อเดินไปยังห้องน้ำ เมื่อมองไปยังกระจก ซูหว่านก็ได้เห็นใบหน้าของตัวเอง
อาจจะเป็นเพราะเวลานี้กำลังเจ็บป่วยอยู่เลยทำให้ผิวดูซีดเล็กน้อย ดวงตาทั้งคู่ก็ดูกลวง ๆ ไร้ชีวิตชีวา โดยรวมก็คือใบหน้าของซย่าอวี่ซานนั้นดูบอบบางและซีดเซียว ไม่ใช่หญิงสาวที่มองแล้วเห็นความสวยงามในแวบแรก แต่ก็ยังจัดว่าเป็นคนสวย
ซูหว่านจ้องมองเข้าไปในกระจกและมองไปที่ผ้าพันแผลที่พันอยู่บนหน้าผากของเธอ พร้อมกับยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าและผิวที่เย็นเฉียบของเธอเอง
ไม่รู้ว่าร่างกายนี้ป่วยเป็นอะไรกันแน่? ภารกิจในโลกนี้มีชื่อว่า “ไถ่ถอนการลงโทษ” วิเคราะห์จากชื่อแล้วน่าจะเป็นโลกภารกิจที่ต้องแก้ปัญหาอาชญากรรมงั้นหรอ?
ซูหว่านหันกลับมาขณะกำลังขบคิด และในตอนที่เธอหันกลับมานั่นเอง ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างพร้อมกับอุทานออกมา
“อ๊ะ!”
มีชายร่างสูงยืนอยู่ที่ประตูห้องน้ำ ชายผู้นั้นมีรูปร่างที่สันทัด และมีแววตาที่ดุดัน
เขายืนนิ่งไม่พูดไม่จาอยู่ตรงนั้น ดวงตาคมราวกับดวงตาของเหยี่ยวมองมายังร่างของซู่หว่านอย่างลึกซึ้งและเศร้าหมอง “คุณหนูซย่า ผมทำให้คุณตกใจเหรอ?”
“คุณ…ทำไมถึงเดินมาไม่ให้ซุ่มให้เสียงล่ะ!”
ซูหว่านตบเข้าที่หน้าอกของตัวเองเบา ๆ ด้วยความตกใจ และมองไปยังชายตรงหน้าอย่างสงสัย
ราวกับเขารับรู้ได้ถึงความสงสัยของซูหว่าน ชายผู้นั้นยิ้มและหยิบบัตรประจำตัวของเขาออกจากกระเป๋า “กองปราบอาชญากรเมืองฝานเคอ พวกเราเคยเจอกันครั้งนึง คุณยังจำได้ไหมครับ?”
“ไม่ ไม่ได้”
ซูหว่านกล่าวพร้อมกับคลึงไปที่ศีรษะ “ฉันปวดหัวมาก ความจำของฉันช่วงนี้ก็ไม่ค่อยดี เจ้าหน้าที่ฝานเชิญนั่งก่อนค่ะ”
“คุณเป็นนักร้องดัง ไม่แปลกหรอกครับที่คุณจะหลงลืมหลาย ๆ เรื่อง”
ฝานเคอส่งยิ้มให้ซูหว่าน จากนั้นก็พาเธอเดินกลับไปยังเตียงคนไข้ สายตาเหลือบมองไปเห็นกล่องของขวัญมากมายวางอยู่ข้างเตียงคนไข้ เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “แฟนคลับของคุณเป็นห่วงสุขภาพร่างกายของคุณมากเลยนะครับ คุณต้องรีบหายไว ๆ นะ”
“ฉัน ฉันก็อยากให้เป็นแบบนั้นเหมือนกันค่ะ”
ซูหว่านหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา “นั่งเถอะฝานเคอ ฉันก็ไม่มีของอะไรจะต้อนรับคุณ กินผลไม้นี่เถอะ”
“ผมเพิ่งทานข้าวเสร็จ ไม่ควรกินผลไม้ทันทีหลังอาหารครับ”
ฝานเคอกระพริบตาปริบ ๆ ให้ซูหว่าน “พวกเราเป็นตำรวจด้านอาชญากร ไม่ค่อยเจาะจงเรื่องอาหารเหมือนคนดังอย่างพวกคุณหรอกครับ แต่ความรู้ทั่วไปด้านสุขภาพก็พอจะรู้บ้างครับ”
“พวกคุณควรดูแลรักษาสุขภาพนะ เพราะคนทั้งเมืองยังต้องพึ่งพาพวกคุณรักษาความปลอดภัยให้กับพวกเรา”
เมื่อซูหว่านได้ฟังที่ฝานเคอกล่าว ก็ยิ้มบาง ๆ ออกมา
เมื่อเห็นว่าซูหว่านอารมณ์ดี ฝานเคอก็มีสีหน้าและท่าทางที่เคร่งขรึมขึ้นมาทันที จากนั้นจึงกล่าวว่า “การตัดสินคดีอุบัติเหตุทางรถยนต์ของคุณในเบื้องต้นนี้เกิดจากฝีมือของคน และตอนนี้คดีนี้ได้ถูกควบคุมโดยทีมตำรวจด้านอาชญากรรมของพวกเราแล้ว”
รถชน เดิมทีแล้วเจ้าของร่างนี้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ จึงต้องเข้าโรงพยาบาลงั้นสินะ?
ดวงตาของซู่หว่านเป็นประกาย และการแสดงออกที่ไม่น่าเชื่อก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอทันที “เจ้าหน้าที่ฝานเคอ คุณบอกว่าเรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์ของฉันไม่ใช่อุบัติเหตุแต่มีคนจงใจทำงั้นเหรอคะ? ใครเป็นคนทำ? เขาต้องการที่จะ…ฆ่าฉันงั้นเหรอ?”
ใครเป็นคนทำกันนะ?
แววตาของฝานเคอสงบลงเล็กน้อย
“พวกเรายังระบุไม่ได้ว่าใครคือผู้ต้องสงสัย แต่ว่า…”
จู่ ๆ ฝานเคอก็ดูเคร่งขรึมขึ้นอีกครั้งพร้อมกับกระซิบด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึก “คุณหนูซย่า เรื่องนี้เกี่ยวกับความปลอดภัยของชีวิตคุณ ผมหวังว่าคุณจะพูดความจริงกับผม คุณกับ…สวีจื่อหมิง มีความสัมพันธ์ที่พัฒนากันไปแบบลับ ๆ ใช่มั้ยครับ?”
สวีจื่อหมิงนี่ใครอีกล่ะ?
สีหน้าของซูหว่านแสดงออกย่างยากลำบาก มือทั้งสองข้างจับไปที่ผ้าห่มโดยที่ไม่รู้ตัว “เอ่อ นี่มันเรื่องส่วนตัวของฉัน ถ้าหากว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับคดี ฉัน เอ่อคือ…”
“เรื่องนี้เกี่ยวกับคดีนี้เป็นอย่างมากครับ!”
ฝากเคอพูดแทรกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งขัดกับสิ่งที่ซูหว่านกำลังจะเอื้อนเอ่ยออกมา “ผมบอกคุณตามที่ผมมีหน้าที่รับผิดชอบเลยนะครับ คุณตกเป็นเป้าหมายของฆาตกรต่อเนื่อง และผมคิดว่าคุณน่าจะพอรู้เรื่องการหายตัวไปของหลินลู่ลู่และถงซินเหยาบ้าง อันที่จริงแล้วพวกเขาทั้งสองถูกฆ่าตาย เรื่องนี้ถูกสื่อระงับไว้เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น ซย่าอวี่ซาน ถ้าหากว่าคุณไม่ให้ความร่วมมือกับเรา คุณ…จะกลายเป็นเหยื่อรายที่สาม!”