ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 2 ลอยนวล (2)
“คุณ…จะเป็นเหยื่อรายที่สาม!”
คำพูดของฝานเคอทำให้ซูหว่านใจสั่นด้วยความหวาดกลัว เธอนึกถึงภารกิจที่ตนต้องทำในโลกนี้ขึ้นมาทันที เธอต้องมีชีวิตรอด อย่างน้อยก็ต้องอยู่รอดให้เกิน 30 วัน
นี่คือโลกแห่งการฆาตกรรมต่อเนื่อง และเธอคือเหยื่อรายต่อไปอย่างงั้นหรอ?
เป็นอีกครั้งที่มือทั้งสองของซูหว่านกำผ้าห่มที่คลุมร่างของเธออยู่อย่างแน่น อันที่จริงแล้วเธอเต็มใจที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจฝาน หากเธอรู้เธอจะบอกเขาให้หมดโดยที่ไม่ปิดบังอะไรเลย แต่น่าเสียดาย…เธอแทบจะไม่รู้อะไรเลยน่ะสิ!
เธอเพิ่งจะรู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ตัวเองเป็นใคร ไหนจะสวีจื่อหมิงและเหยื่ออีกสองคนนั่นอีก เธอเองก็น่าจะรู้จัก แต่ทว่าตอนนี้ในสมองของเธอมีเพียงความว่างเปล่า
เธอไม่รู้อะไรเลย และเธอก็จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้เช่นกันว่า…เธอไม่รู้อะไรเลย
“เจ้าหน้าที่ตำรวจฝานคะ ฉัน…ฉันอยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียวสักพัก”
สุดท้ายเธอก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ไปเฮือกใหญ่ และมองไปที่ฝานเคอด้วยแววตาลังเล “คุณเอาเบอร์โทรศัพท์ของคุณให้ฉันได้ไหม? ให้ฉันคิดก่อนแล้วฉันจะเป็นคนโทรไปหาคุณเอง”
“ครับ”
ฝานเคอฉีกกระดาษแผ่นหนึ่งจากสมุดจดที่เขาพกติดตัวและเขียนชื่อลงบนกระดาษอย่างรวดเร็ว
“คุณหนูซย่า คุณสามารถโทรหาผมได้ตลอดเวลา จำไว้นะครับ ได้ตลอดเวลา”
หลังจากย้ำสองคำนี้อีกครั้ง “ตลอดเวลา” ฝานเคอก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน “งั้นผมไปก่อนนะครับ คุณพักผ่อนเถอะ อืม แล้วอีกอย่าง ความจริงแล้ว…ผมเองก็เป็นแฟนคลับของคุณเหมือนกัน”
เขากล่าวพร้อมกับยิ้มให้กับซูหว่าน จากนั้นก็หมุนตัวและเดินจากไป
เมื่อได้ยินเสียงประตูของห้องผู้ป่วยปิดลงเป็นการยืนยันว่าฝานเคอไปแล้วจริง ๆ ซูหว่านก็เริ่มค้นหาอะไรบางอย่างที่อยู่ในตู้ข้างเตียงผู้ป่วยทันที ไม่นานเธอก็พบโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าที่คาดว่าเป็นของเจ้าของร่าง
โทรศัพท์มือถือของซย่าอวี่ซานเป็นสมาร์ทโฟนสำหรับผู้หญิงที่มีราคาแพง ต้องใช้รหัสผ่านหรือระบบจดจำลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อกหน้าจอ ซูหว่านลองใช้นิ้วของเธอเพื่อปลดล็อค และลายนิ้วมือที่ปลดล็อกคือนิ้วก้อยซ้ายของเธอ
หลังจากปลดล็อกแล้ว หน้าจอโทรศัพท์ก็ปรากฏรูปแผ่นหลังของชายหนุ่มคนหนึ่งขึ้น
นี่คือ…
ซูหว่านหรี่ตามองด้วยความสงสัย พร้อมกับเปิดอัลบั้มภาพในโทรศัพท์ดูทันที นอกจากรูปของซย่าอวี่ซานและรูปภายในสตูดิโอแล้ว ก็ไม่พบรูปของผู้ชายคนอื่นเลย
ซูหว่านเปิดดูประวัติของข้อความ โมเม้นต์ของวีแชท และสมุดที่อยู่โทรศัพท์มือถือของเธอ
ผู้ติดต่อสำคัญรายแรกที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์คือ “พี่เฉิง” ซึ่งเป็นนายหน้าของซย่าอวี่ซาน และยังมีผู้ติดต่อที่สำคัญอีกคนซึ่งชื่อของผู้ติดต่อมีเพียงแค่เครื่องหมาย “*”
แม้แต่ชื่อก็ไม่มี หรือว่าจะเป็นคนที่ฝานเคอพูดถึง สวี่จื่อหมิงอะไรนั่น?
ซูหว่านเหม่อมองหมายเลขโทรศัพท์ของ * อยู่สักพัก จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือในมือของเธอก็ดังขึ้น เป็นรูปของพี่เฉิงกระพริบอยู่บนหน้าจอ ซูหว่านจึงรีบกดรับสายในทันที “พี่เฉิง?”
“อวี่ซาน”
น้ำเสียงของพี่เฉิงเป็นเสียงของหญิงสาวที่ติดจะแหบแห้งเล็กน้อย “ตอนนี้พี่กำลังจะเข้าไปที่โรงพยาบาล มื้อเที่ยงนี้เธออยากกินอะไรไหม เดี๋ยวพี่ซื้อไปฝาก?”
“แล้วแต่เลยค่ะ ฉันไม่ค่อยอยากจะกินอะไร”
“โอเค งั้นเดี๋ยวพี่ดูเองละกันว่าจะซื้ออะไร”
พี่เฉิงพูดและตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว เมื่อเห็นว่าเธอวางสายไปแล้ว ซูหว่านเองก็เอนตัวลงนอนที่เตียงผู้ป่วย และใช้โทรศัพท์มือถือเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต จากนั้นจึงพิมพ์ในช่องค้นหาว่า “ซย่าอวี่ซาน”
ซย่าอวี่ซานเดบิวต์เมื่อสามปีที่แล้ว ถือว่าเป็นนักร้องหญิงที่มีอายุมากแล้ว แต่โชคดีที่เสียงของเธอนั้นไพเราะมาก อีกทั้งยังมีหน้าตาที่สวยงาม ทันทีที่ผ่านการเดบิวต์ เธอก็ถูกขนานนามว่า “เสียงแห่งธรรมชาติ” และ “ราชินีแห่งความงาม”
อาจกล่าวได้ว่าชีวิตในวงการบันเทิงของซย่าอวี่ซานนั้นราบรื่นมาโดยตลอดตั้งแต่เดบิวต์ และไม่มีใครสามารถล้มเธอลงได้
นี่คือความโชคดี? หรือ…มีอะไรที่ผู้คนไม่สามารถรู้ได้
ซูหว่านรีบค้นหาคำว่า “สวีจื่อหมิง” ต่อทันที และผลคือมีข้อความมากมายเกี่ยวกับ “สวีจื่อหมิง” ผุดขึ้นมา แน่นอนว่าที่ดึงดูดสายตาของผู้คนนั่นก็คือรูปล่าสุดของเขาที่ช่างหล่อเหลา
สวีจื่อหมิง บริษัทไป๋ฉวน กรุ๊ป ทายาทหมื่นล้าน ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อครึ่งปีก่อน
ตายแล้วงั้นเหรอ?
ซูหว่านค้นหาข่าวอีกสองสามข่าว จึงค่อย ๆ ได้เบาะแสบางอย่าง สวีจื่อหมิงคือทายาทหมื่นล้าน เป็นผู้ชายที่ทั้งหล่อและรวย อีกทั้งยังเป็นมหาเศรษฐีที่ชอบการลงทุนในวงการบันเทิง
ไม่รู้ว่าชายผู้นี้จะมีดารากี่คนกันที่คอยประจบประแจงเลียแข้งเลียขาเขา แต่ทว่าสวีจื่อหมิงกลับไม่เคยมีข่าวฉาวในเรื่องอย่างว่า
เขาอยู่ในวงการบันเทิงมานาน แต่ไม่มีใครสามารถที่จะเป็นข่าวซุบซิบกับเขาได้เลย และในการให้สัมภาษณ์กับสื่อ เขาได้กล่าวอย่างเปิดเผยว่าเขาจะไม่แต่งงานกับผู้หญิงในวงการบันเทิงอย่างแน่นอน เพราะเขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะหัวโบราณ…
สวีจื่อหมิง
ซูหว่านปิดหน้าต่างเว็ปไซต์ลง และจ้องมองรูปที่อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของตนอย่างแน่วแน่ นี่เป็นแค่รูปผู้ชายที่โชว์แผ่นหลัง จะใช่เขาไหมนะ?
…………
เพียงไม่นาน พี่เฉิงก็มาเข้ามายังห้องผู้ป่วยของซูหว่านอย่างเร่งรีบพร้อมข้าวกล่อง
“มาแล้วเหรอคะ?”
ซูหว่านมองไปที่หญิงสาววัยกลางคนที่ท่าทางรีบร้อน พร้อมกับส่งรอยยิ้มและทักทายออกไป
“อืม รถติดนิดหน่อยน่ะ”
พี่เฉิงเปิดข้าวกล่องออก พร้อมกับแกะตะเกียบและพูดพึมพำเสียงเบา “วันนี้เธอรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง? คุณหมอได้บอกไหมว่าจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่?”
“ฉันอยากออกวันนี้”
ซูหว่านตอบออกไปหนึ่งประโยค และเมื่อได้ยินคำตอบของเธอก็ทำให้พี่เฉิงถึงกับสะดุ้ง “วันนี้?”
เธอขมวดคิ้วพร้อมกับมองไปที่ผ้าพันแผลที่พันอยู่หน้าผากของซูหว่าน “เรื่องอัดอัลบั้มใหม่ยังไม่รีบหรอกนะ และอีกอย่างพี่เองก็ได้พูดคุยกับคนอื่น ๆ กันแล้วว่าอาจจะล่าช้าไปอีกหนึ่งสัปดาห์ อวี่ซาน พี่รู้นะ…รู้ว่าเธอยังคงเศร้า แต่เธอก็ไม่ควรทำให้ร่างกายของตัวเองไม่ไหวแบบนี้ นี่มันก็ครึ่งปีมาแล้ว เธอ…ควรจะคิดได้แล้วนะ”
ครึ่งปี?
เมื่อได้ฟังคำพูดของพี่เฉิง ซูหว่านเองก็หลับตาลงและปิดซ่อนความรู้สึกเอาไว้ “วันนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาหา เขาบอกฉันว่าอุบัติเหตุของฉันมีเงื่อนงำ คือมีคน…มีคนคิดอยากที่จะฆ่าฉัน”
“อะไรนะ?”
ทันทีที่ได้ยินซูหว่านกล่าว พี่เฉิงที่อยู่ในอาการสงบเมื่อครู่ถึงกับอดไม่ได้ที่จะลุกพรวดขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก “นี่…นี่มันอะไรกัน…จะทำยังไงกันดีล่ะ? ”
“พี่เฉิง?”
เธอรับรู้ถึงท่าทางตื่นตระหนกของพี่เฉิง ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง “พี่เฉิง ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”
“ไม่ ฉันไม่เป็นอะไร”
พี่เฉิงรีบเก็บอาการตื่นตระหนกของตน และกุมมือของซูหว่านเอาไว้อย่างมั่นคงพร้อมกับเอ่ยว่า “ในเมื่อ ในเมื่อมีตำรวจมาหาถึงที่นี่ งั้นเธอก็ควรที่จะรักษาตัวที่โรงพยาบาลให้ดี อวี่ซาน ช่วงนี้รอบตัวเธอคงไม่ค่อยจะปลอดภัยเท่าไหร่ ถ้าหากว่าเธออยู่ในโรงพยาบาลก็คงจะปลอดภัยมากกว่า”
เรื่องที่หลินลู่ลู่และถงซินเหยาหายตัวไปนั้น ในตอนนี้เริ่มกลายเป็นเรื่องวุ่นวายกันแล้ว
ไม่มีใครรู้เรื่องความเชื่อมโยงของสองคนนั้น แต่พี่เฉิงรู้!
ทั้งสองคนก็เหมือนกับซย่าอวี่ซาน ทั้งสองเคยเป็น…แฟนลับ ๆ ของสวีจื่อหมิง!
วงการบันเทิงนั้นซับซ้อน สวีจื่อหมิงทำตัวสุภาพและเจียมเนื้อเจียมตัว แต่แท้จริงแล้วก็กลับเป็นผู้ชายเจ้าชู้?
เมื่อได้ยินที่พี่เฉิงพูด ซูหว่านลังเลแต่ก็ยังพยักหน้ารับ “ก็ได้ งั้นฉันก็จะอยู่ที่โรงพยาบาลนี่แหละ แต่ว่า พี่เฉิงคะ เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นถามถึงเรื่องระหว่างฉันกับสวีจื่อหมิง ฉัน…ฉันควรจะตอบเขาว่ายังไงดี?”
“ห้ามพูดอะไรทั้งนั้น”
สีหน้าของพี่เฉิงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมในทันที “ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ถ้าหากว่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขาล่ะก็ จะมีคนเอาไปพูดได้ว่าเธอเกาะเขาเพื่อเลื่อนตำแหน่ง ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ ชื่อเสียงของเธอก็จะลดลงตามไปด้วย! วงการนี้ก็เป็นซะแบบนี้แหละ ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย พวกเขาคิดเพียงว่าเธอแลกทุกอย่างเพื่อให้ได้ผลประโยชน์นั้นมา ไม่มีใครเชื่อว่าเธอรักกันจริงหรอกนะ อีกอย่าง…เขาเองก็ตายไปตั้งครึ่งปีแล้ว แค่เธอไม่ยอมรับ ตำรวจเองก็คงไม่บังคับเธอเพราะเรื่องนี้หรอก”
“อือ ฉัน ฉันรู้แล้ว”
ซูหว่านพยักหน้า เมื่อเห็นว่าเธอเชื่อฟังดี พี่เฉิงก็พยักหน้าด้วยความโล่งใจ “เธอรีบกินข้าวซะเถอะ ถ้ามันเย็นแล้วเดี๋ยวจะไม่อร่อย”
“อืม”
ซูหว่านก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารที่อยู่ตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ ทว่าภายในใจกำลังเรียบเรียงเบาะแสที่ได้รู้มา
พี่เฉิงเป็นคนวงในที่รู้ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง เธอน่าจะรู้เรื่องของซย่าอวี่ซานดีที่สุด ไหนจะเหมือนกับว่าเธอกำลังหวาดกลัวอะไรสักอย่าง?
สวีจื่อหมิงและซย่าอวี่ซานเคยเป็นคนรักกัน ทั้งยังมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง อย่างน้อยตอนนี้ซย่าอวี่ซานเองก็ยังไม่สามารถที่จะลืมเขาได้
รวมทั้งหลินลู่ลู่และถงซินเหยาเอง ซูหว่านก็ค้นหาชื่อทั้งสองในอินเตอร์เน็ตเช่นกัน สองคนนั้นเป็นนักแสดงที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงโด่งดังสักเท่าไหร่ พวกเธอต้องมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับสวีจื่อหมิงอย่างแน่นอน
เรื่องทั้งหมดนี้ต้องเกี่ยวข้องกับสวีจื่อหมิงอะไรนั่นแน่นอน แต่เขาดันตายไปแล้ว
ดังนั้นจึงเกิดคำถาม
สวีจื่อหมิงตายอย่างไร? เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตจริง ๆ อย่างนั้นน่ะเหรอ?
แล้วคนที่อยู่เบื้องหลังนั่นเกี่ยวข้องอะไรกับสวีจื่อหมิงกัน ทำไมเขาถึงต้องการฆ่าผู้หญิงที่พัวพันกับสวีจื่อหมิง?
ความรู้สึกจากก้นบึ้งหัวใจของซูหว่านนั้นวุ่นวายและสับสน แต่ที่เธอรู้ตอนนี้ก็คือ เธอต้องอยู่อย่างใจเย็นเอาไว้และรักษาเนื้อรักษาตัวให้หายดีเสียก่อน
เป็นหน้าที่ของตำรวจในการแก้ไขปัญหาอาชญากรรม ส่วนเธอ แค่ต้องมีชีวิตอยู่รอดต่อไป