ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 3 ลอยนวล (3)
หลังจากที่พี่เฉิงออกไป พยาบาลคนหนึ่งก็เข้ามาเปลี่ยนยาให้ซูหว่าน พร้อมกับขอลายเซ็นเธอ
ในห้องผู้ป่วยเหลือเพียงซูหว่านแค่คนเดียว เธอสืบค้นข้อมูลต่าง ๆ ของซย่าอวี่ซานไปหลายอย่าง ทั้งดูบันทึกของเจ้าของร่างและเว่ยป๋อออฟฟิเชียล ตอนนี้เธอคือซย่าอวี่ซาน เธอไม่สามารถให้คนอื่นเห็นความผิดปกติของตัวเองได้
เพราะในโลกที่เราไม่รู้จัก มีวิกฤติอยู่ทุกหนทุกแห่ง
ซูหว่านมีประสบการณ์ผ่านโลกต่าง ๆ มาเยอะแยะมากมาย เธอจึงมีความระแวดระวังเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อต้องอยู่ในโลกแบบนี้ ย่อมไม่สามารถเชื่อใจคนรอบตัวได้สักคน
หลังจากจำข้อมูลของเองได้ขึ้นใจ ซูหว่านก็เริ่มรู้สึกปวดหัวขึ้นมา เธอนอนลงบนเตียงผู้ป่วยด้วยความมึนและหลับไป กว่าเธอจะตื่นขึ้นอีกครั้งท้องฟ้าก็มืดแล้ว
ห้องผู้ป่วยเปิดไฟไว้ ซูหว่านหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาดู ถึงได้รู้ว่าโทรศัพท์แบตหมดแล้ว
หืม?
เธอขมวดคิ้ว ในที่สุดก็หาที่ชาร์ตแบตจากกระเป๋าตัวเองจนเจอ จากนั้นจึงชาร์ตแบต
คงเพราะเป็นช่วงพลบค่ำ ที่สวนดอกไม้ด้านล่างตึกโรงพยาบาลจึงไร้เงาของผู้คน
ซูหว่านยืนอยู่หน้าหน้าต่าง มือจับผ้าม่านไว้ และมองไปยังทิวทัศน์นอกหน้าต่างอย่างเงียบ ๆ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเย็นวูบที่ด้านหลัง ให้ความรู้สึกราวกับมีคนกำลังจ้องมองเธอจากด้านหลัง นั่นทำให้เธอขนลุกซู่
“ใคร?”
ซูหว่านหันหลังไปทันทีโดยไม่ให้ตั้งตัว แต่กลับพบว่าในห้องผู้ป่วยนั้นว่างเปล่า ประตูห้องก็ถูกปิดไว้อย่างดี
ไม่ ไม่ได้อยู่ในห้อง อยู่ข้างนอก
ห้องผู้ป่วยมีหน้าต่างกระจกอยู่บานหนึ่ง ซูหว่านรู้ว่าเมื่อกี้มีคนยืนมองเธอจากตรงนั้น ความรู้สึกนั้นมันสมจริงมาก เธอต้องไม่ได้คิดไปเองแน่ ๆ
ใครกัน?
ฆาตกร?
แฟนคลับ?
ตำรวจ?
หรือ…พยาบาลที่ตรวจเวร?
ซูหว่านใช้มือพยุงหน้าผากของเธอไว้ มันเจ็บมากจนเธอเริ่มปวดศีรษะอีกครั้ง ซูหว่านรีบเดินอย่างโซซัดโซเซกลับมาที่เตียงและกดกริ่งตรงหน้าเตียงทันที
เพียงไม่นานก็มีหมอและนักศึกษาแพทย์เข้ามาตรวจร่างกาย
กว่าจะตรวจร่างกายและเปลี่ยนยาใหม่เสร็จก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มแล้ว
ในเวลานี้ แผนกผู้ป่วยในเงียบสงัด โดยเฉพาะห้องประเภทผู้ป่วยพิเศษแบบที่ซูหว่านกำลังพักอยู่ ทั้งชั้นนั้นช่างเงียบเหงา
“ปี๊บ ๆ ปี๊บ ๆ ”
ขณะที่ซูหว่านกำลังพักจากอาการปวดหัวอยู่นั้น เสียงจากโทรศัพท์ของเธอที่กำลังชาร์ตแบตอยู่ก็ดังขึ้น
ซูหว่านหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยความมึนงง ทันทีที่เห็นหมายเลขผู้โทร ดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง
หมายเลขของ * กำลังโทรเข้ามา
ซูหว่านลังเลเล็กน้อย แต่ก็ตัดสินใจกดรับสายนั้น
“ฮัลโหล”
เธอเรียกเสียงเบา แต่ปลายทางกลับมีเสียงรบกวนแทรกเข้ามา ถึงแม้เสียงจะอยู่ไกลแต่ก็ทำให้คนฟังรู้สึกขัดหู
“ฮัลโหล”
ซูหว่านเรียกอีกครั้ง เสียงรบกวนจากปลายทางลดลงไปเล็กน้อย พลันเปลี่ยนเป็นเสียงคนหายใจ เสียงดูหอบหายใจถี่ราวกับกำลังเร่งรีบเป็นอย่างมาก
“แฮ่ก…แฮ่ก…”
เสียงนั้นทำให้ซูหว่านขนลุกขึ้นมา
“ตู๊ด…ตู๊ด…”
และในขณะที่ซูหว่านกำลังตกใจอยู่นั้น จู่ ๆ สายก็ถูกตัดไป และทั้งห้องดูเหมือนว่าจะเต็มไปด้วยเสียงหายใจถี่ ซูหว่านฟังออกว่าเสียงนั้นเป็นเสียงงของผู้ชาย
ใครกัน?
ซูหว่านถอดสายชาร์จโทรศัพท์ออกและรีบดึงโทรศัพท์มาไว้ในมือ เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็โทรกลับ
“ขออภัยค่ะ ไม่มีหมายเลขที่คุณเรียก กรุณาตรวจสอบใหม่อีกครั้งค่ะ”
เสียงที่ออกมาจากโทรศัพท์ มีเพียงเสียงระบบอัตโนมัติที่เย็นชา
ไม่มีหมายเลขนี้…
โทรศัพท์ในมือตกลงบนเตียง ซูหว่านกอดตัวเองแน่น
“ตื่ด…ตื่ด”
ไฟในห้องผู้ป่วยกะพริบ ริบหรี่ ตอนนั้นเองซูหว่านเห็นไฟทางเดินด้านนอกก็กะพริบเช่นกัน วินาทีนั้นราวกับว่าทั้งโลกกำลังจะตกอยู่ในความมืด
“ไม่นะ ไม่นะ”
ซูหว่านรีบค้นหาของบนโต๊ะข้างเตียงของเธอ เมื่อเธอเห็นกระดาษที่ฝานเคอทิ้งไว้ให้ เธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลขที่เขียนไว้บนนั้นทันที
“ฮัลโหล ผมคือฝานเคอ”
ปลายทางตอบรับอย่างรวดเร็ว เป็นเสียงที่สงบนิ่งและทรงพลังของฝานเคอ
“คุณเจ้าหน้าที่ฝาน ฉันซย่าอวี่ซาน ฉัน…ฉันกลัวมากเลย คุณช่วยมาที่โรงพยาบาลได้ไหม ฉัน…”
“ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ คุณไม่ต้องวางสายนะ”
ราวกับว่าสัมผัสถึงความตื่นตระหนกของซูหว่านได้ ฝานเคออดไม่ได้ที่จะปรับน้ำเสียงให้อ่อนโยน “ตอนนี้ผมอยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลที่คุณอยู่ อืม เอางี้ คุณช่วยร้องเพลงให้ผมฟังสักเพลงได้ไหมครับ ผมเป็นแฟนคลับคุณ ผมชอบเพลงความฝันฤดูร้อนมาก”
ความฝันฤดูร้อนเป็นเพลงแจ้งเกิดของซย่าอวี่ซาน อีกทั้งยังเป็นเพลงที่เธอเขียนด้วยตัวเอง
ต้องยอมรับว่าซย่าอวี่ซานเป็นนักดนตรีที่มีพรสวรรค์มาก แต่น่าเสียดายที่ซูหว่านไม่มีความรู้เรื่องดนตรีเลย
“คุณเจ้าหน้าที่ฝาน ฉันกลัวมาก ฉัน…ฉันร้องเพลงไม่ออก”
เสียงของซูหว่านยังคงสั่น “ฉันรู้สึกเหมือนมีคนจ้องฉันอยู่ มันน่ากลัวมาก ฉัน…ฉันกลัวมากจริง ๆ”
ในประโยคสุดท้ายนั้น น้ำเสียงของเธอสะอื้นเล็กน้อย
เมื่อได้ยินเสียงของเธอสะอื้น ไม่นานก็มีเสียงเพลงเปิดขึ้นมา
ไม่ว่าเธอจะเดินไปไกลแค่ไหน ฉันยังคงรอเธออยู่ตรงนี้
รอเธออยู่ทุกฤดูร้อน…
นี่เป็นเสียงของฝานเคอ เธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นแฟนคลับของซย่าอวี่ซานจริง ๆ เขาร้องเพลงนี้ด้วยเสียงทุ้มของผู้ชาย ช่างมีเสน่ห์
ใต้ต้นเมเปิ้ล เธอยิ้มแล้วพูดว่าตลอดไป
ที่จริงแล้ว เป็นแค่ความฝันในฤดูร้อนของฉัน
เมื่อเพลงท่อนสุดท้ายจบลง ไฟในห้องผู้ป่วยก็ดับลง เป็นขณะเดียวกันที่ประตูห้องก็ถูกเปิดออกพอดี
ในความมืดนั้น มีเงาสูงโปร่งของฝานเคอปรากฏขึ้น
“ไม่ต้องกลัวนะครับ ระบบไฟของโรงพยาบาลมีปัญหาแค่นั้นเอง เดี๋ยวก็ดีขึ้น”
ทันทีที่เข้ามาในห้อง เขาก็รีบพูดปลอบซูหว่านด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ความมืดทำให้ฝานเคอเห็นสีหน้าของซูหว่านไม่ชัด เขาใช้แสงไฟจากโทรศัพท์ส่องทาง และค่อย ๆ เดินไปที่เตียง จากนั้นจึงนั่งลงเบา ๆ
“คุณเจ้าหน้าที่ฝาน ฉันจะตายไหมคะ”
จู่ ๆ ซูหว่านก็เอ่ยถามขึ้น เสียงหวานนั้นแฝงไปด้วยความสิ้นหวัง
“ไม่ มันจะไม่เกิดขึ้น”
ฝานเคอส่ายหัว ในห้องมืดนั้นเขาค่อย ๆ จับมือทั้งสองข้างของซูหว่าน “ผมจะดูแลคุณเอง เอ่อ มันเป็นหน้าที่ของตำรวจอย่างพวกเรา”
“ฉันอยากออกจากโรงพยาบาลค่ะ ฉันคิดว่าโรงพยาบาลนี้ไม่ปลอดภัย”
ซูหว่านไม่ได้ดึงมือจากฝานเคอ ตอนนี้เธอควรจะต้องการความรู้สึกที่ปลอดภัยจากใครสักคนไม่ใช่เหรอ
“ฉันปวดหัวมาก ฉันคิดว่ายาที่ฉันกินมีปัญหา”
ซูหว่านพูดต่อ เสียงของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยและสับสน
“ยาหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน น้ำเสียงของฝานเคอก็ทุ้มลง “ผมจะช่วยตรวจสอบให้ ยังมีเรื่องไหนเป็นพิเศษอีกไหมครับ?”
“มีคนแอบมองฉัน ฉันคิดว่าเขาน่าจะแอบเข้ามาตอนฉันหลับ แล้วก็ใช้โทรศัพท์ของฉัน”
ซูหว่านดึงมืออกจากฝานเคอ แล้วยื่นโทรศัพท์ให้เขาดู “ฉันหลับไปเมื่อตอนบ่าย หลับลึกมาก พอฉันตื่นขึ้นมาโทรศัพท์ก็แบตหมดแล้ว แต่ก่อนที่ฉันจะหลับไปมันมีแบตอยู่สามขีด”
ต้องมีคนใช้โทรศัพท์แน่ ๆ หรือไม่ก็…อาจจะถูกดัดแปลง เช่น ติดอุปกรณ์ดักฟังหรือติดกล้องแอบถ่าย
ซูหว่านไม่สามารถพูดออกไปหมดได้ ต่อหน้าฝานเค่อเธอไม่สามารถโง่มากเกินไป แต่ก็ไม่สามารถแสดงความฉลาดมากเกินไปได้
ฝานเคอก็ไม่ใช่คนที่จะเชื่อใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์