ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 4 ลอยนวล (4)
ไม่นานนักไฟในห้องผู้ป่วยก็เปิดขึ้นอีกครั้งและซูหว่านก็ได้เห็นเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงของฝานเคอ เห็นได้ชัดว่าตอนที่ตัวเองโทรเรียกเขา เขาได้หลับไปแล้ว
“เจ้าหน้าที่ฝาน คุณ…”
“ฮิฮิ”
ฝานเคอจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย “พักนี้ค่อนข้างยุ่ง ไม่ค่อยได้พักผ่อนน่ะครับ วันนี้ผมลางานก็เลยนอนเร็วหน่อย”
“ฉันรบกวนคุณรึเปล่าคะ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ”
เมื่อซูหว่านได้ยินคำพูดของฝานเคอก็รู้สึกผิดทันที
“ไม่รบกวนอะไรหรอกครับ ผมดูแลรับใช้ทุกคน นับประสาอะไรกับแค่คนสวยคนเดียวจะดูแลไม่ได้ล่ะ”
ฝานเคอจัดเสื้อผ้าของเขาและลุกขึ้นทันที สีหน้าของเขาจริงจังขึ้นอีกครั้ง “คืนนี้ดึกแล้ว ถ้าคุณต้องการออกจากโรงพยาบาล โทรเรียกคนให้มารับพรุ่งนี้จะดีกว่า คืนนี้ผมจะ…อยู่กับคุณที่นี่ นอนได้แล้วครับ”
“แต่คุณ…”
“ไม่เป็นไรหรอก มีโซฟามั้ย? ผมนอนที่นี่ก็ได้”
ฝานเคอยิ้มให้ซูหว่านอย่างจริงใจ “คุณสบายใจได้ มีผมอยู่ทั้งคน”
เมื่อเห็นฝานเคอตัดสินใจแล้ว ซูหว่านก็พยักหน้า “ขอบคุณนะ คุณเจ้าหน้าที่ฝาน”
“เรียกผมว่าฝานเคอก็ได้”
ฝานเคอเดินไปที่โซฟาด้านข้าง เจอที่สบายแล้วก็ล้มตัวลงนอน “โอเค นอนกันเถอะ”
“อืม”
มีฝานเคออยู่ที่นี่ ซูหว่านก็ดูจะสบายใจขึ้น หลังจากนั้นไม่นานนักในห้องผู้ป่วยก็มีเสียงลมหายใจของเธอดังขึ้น
ฝานเคอที่นอนนิ่งอยู่บนโซฟา รอจนกระทั่งซูหว่านหลับสนิท จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งบนโซฟาและจ้องมองไปยังซูหว่านที่นอนอยู่บนเตียง
“ซย่าอวี่ซาน? พี่ซย่า?”
เขากระซิบเรียกอยู่สองครั้ง เมื่อเห็นว่าซูหว่านหลับไปแล้วจริง ๆ ฝานเคอก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นและเดินไปที่เตียงเพื่อห่มผ้าให้เธอ จากนั้นจึงหันไปมองยังโทรศัพท์ของเธอ
เธอบอกว่ามีคนใช้โทรศัพท์ของเธอ?
ฝานเคอเคร่งขรึมขึ้นอีกครั้ง เขาเปิดโทรศัพท์และช่องให้ใส่รหัสก็โผล่ขึ้นมาทันที
ต้องการรหัสผ่าน? ฝานเคอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงใส่ชุดตัวเลขและโทรศัพท์ก็ปลดล็อกทันที เผยให้เห็นรูปภาพหน้าจอที่มีเพียงหลัง
ฝานเคอมองไปที่ภาพนั้น สายตาของเขามืดมนลง
เขาค้นหาข้อมูลในโทรศัพท์ของซู่หว่านอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติใด ๆ ในที่สุดฝานเคอก็ค่อย ๆ วางโทรศัพท์กลับเข้าที่เดิมและหันหลังเดินออกจากห้องไป
เมื่อประตูห้องถูกปิดลงอย่างแผ่วเบา ขนตาของซูหว่านที่อยู่บนเตียงก็ขยับเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ได้ลืมตา
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในคืนนั้น
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อซูหว่านตื่น ฝานเคอยังคงนอนหลับสบายอยู่บนโซฟา
เมื่อคืนเขาเดินออกไปและประมาณครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นเขาก็กลับมา
ตลอดเวลานั้นซูหว่านหลับตาและแสร้งทำเป็นหลับ แต่ในใจเธอกลับสงสัยเกี่ยวกับฝานเคอมากขึ้น…
ในตอนเช้า หมอคนหนึ่งมาที่ห้องผู้ป่วยอีกครั้งและซูหว่านก็พบว่าหมอที่เป็นคนดูแลเธอเปลี่ยนไป อย่างไรก็ตาม เธอไม่ต้องการอยู่ในโรงพยาบาลนี้อีกต่อไป เพราะในโรงพยาบาลเธอได้รับข้อมูลเพียงด้านเดียวซึ่งมันน้อยเกินไป
หลังจากคุยกับหมอแล้ว ซูหว่านก็โทรหาพี่เฉิงอีกครั้ง เมื่อเห็นความตั้งใจของเธอ พี่เฉิงจึงต้องตามใจและมารับเธอออกจากโรงพยาบาลในตอนเที่ยงตามนัด
เมื่อเห็นว่าซูหว่านพร้อมที่จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว ฝานเคอที่ไม่ได้นอนดีตลอดทั้งคืน ในที่สุดก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับหาว “พี่ซย่า ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะ”
“อืม เมื่อคืนขอบคุณนะฝานเคอ”
ซูหว่านนั่งบนเตียงแล้วยิ้มให้ฝานเคอ “ถ้าฉันหายแล้ว ฉันจะไปเลี้ยงข้าวเธอนะ”
“ได้ แล้วโทรมานะ”
ฝานเคอโบกมือให้ซูหว่าน แล้วหันหลังเดินจากไป หลังจากนั้นซูหว่านก็อดไม่ได้ที่จะเดินไปยังหน้าต่างและมองลงไปที่ชั้นล่างอย่างเงียบ ๆ เพียงไม่นานร่างของฝานเคอก็ปรากฏขึ้นที่ชั้นล่าง เขาโทรศัพท์และเดินไปที่รถแลนด์โรเวอร์สีแดง
ซูหว่านมองดูอยู่เงียบ ๆ จนกระทั่งรถแลนด์โรเวอร์สีแดงนั้นหายไปจากสายตาของเธอ เธอค่อย ๆ หลับตาลง…
ซย่าอวี่ซาน อาศัยอยู่ชุมชนที่ล้อมรอบไปด้วยสวนสวยงาม
พี่เฉิงพาคนขับรถไปรับซูหว่านกลับบ้าน โดยออกจากประตูหลังโรงพยาบาลในตอนเที่ยง
ซูหว่านไม่คุ้นเคยเท่าไหร่นัก แต่ตรงกันข้าม พี่เฉิงดูเหมือนเจ้าของคอนโดนี้มากกว่า เธอช่วยซูหว่านจัดของอะไรให้เรียบร้อย จากนั้นจึงให้ซูหว่านกินยาและนอนพักผ่อนที่เตียง พี่เฉิงจึงกลับไปอย่างสบายใจ
ไม่นานหลังจากที่เธอจากไป ซูหว่านก็ตื่นขึ้น
ห้องนอนของซย่าอวี่ซานนั้นใหญ่มาก และมีตุ๊กตามากมายที่เด็กผู้หญิง ๆ ชอบ สายตาของซูหว่านกวาดดูตุ๊กตาเหล่านั้น ในที่สุดเธอก็จ้องมองไปยังโต๊ะที่อยู่ไม่ไกล ซึ่งมีของวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ ซย่าอวี่ซานเขียนหนังสือบางเล่ม รวมถึงไดอารี่เล่มหนึ่งที่กระตุ้นความสนใจของซูหว่าน
อาจเป็นเพราะรู้สึกปลอดภัย ไดอารี่ของซย่าอวี่ซานไม่ได้ล็อค มันคือไดอารี่ทำมือที่มีเกลียวหนาปกด้วยหนังวัว เล่มไม่หนามากนัก แต่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่หน้าสนใจ
ซูหว่านมองดูวันที่ หน้าแรกของไดอารี่คือวันขึ้นปีใหม่วันที่ 1 มกราคม ส่วนหน้าสุดท้ายของไดอารี่คือวันที่ 12 เมษายน ซึ่งก็คือหกเดือนที่แล้ว
ซูหว่านพลิกดูไดอารี่อย่างคร่าว ๆ ดูเหมือนซย่าอวี่ซานจะเป็นคนง่าย ๆ ในไดอารี่ประจำวันของเธอบันทึกเพียงบางส่วนในชีวิตประจำวันของเธอ เช่น เพลงใหม่ เธอไปที่ไหนมาบ้าง และแรงบันดาลใจที่เธอมี
แต่ตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์สไตล์ไดอารี่ของเธอก็เปลี่ยนไป ดูเหมือนเธอ… กำลังมีความรัก?
“เขาชอบฟังเพลงที่ฉันร้อง”
“ตอนเขายิ้มน่ารักมาก”
“เขาบอกจะอยู่กับฉันตลอดไป”
“เขา” เริ่มปรากฏบ่อยขึ้นในไดอารี่ของซย่าอวี่ซาน จนกระทั่งถึงวันที่ 12 เมษายน ซึ่งเป็นหน้าสุดท้ายของไดอารี่ หน้ากระดาษดูเหมือนจะเปียกไปด้วยน้ำ ตัวหนังสือสีฟ้าเบลอ แต่ก็ยังพอมองเห็นสิ่งที่เจ้าของไดอารี่เขียน
“หนังสือพิมพ์บอกว่าเขาประสบอุบัติเหตุ ฉันไม่เชื่อ เขาคงล้อฉันเล่นอีกแล้ว ฉันไปที่โรงพยาบาลแล้วเจอเขา เขานอนหลับอย่างสงบ ครอบครัวของเขาอยู่เคียงข้างเขา ที่นั่นมีนักข่าวเยอะมาก ฉันไม่กล้าเข้าใกล้เลยทำได้แค่มองดูเขาเงียบ ๆ เขาแค่เผลอหลับไปใช่ไหม”
เมื่อวันที่ 12 เมษายนเป็นวันที่สวีจื่อหมิงเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์
ดูเหมือนว่า “เขา” คนนี้คือสวีจื่อหมิงจริง ๆ
ซูหว่านวางไดอารี่ลงและพลิกดูหนังสือบนโต๊ะ ในที่สุดเธอก็พบอัลบั้มรูปในลิ้นชักโต๊ะ ในอัลบั้มรูปนั้นมีรูปถ่ายของซย่าอวี่ซานกับสวีจื่อหมิง
สวีจื่อหมิงยิ้มอย่างสดใสและมีเสน่ห์เป็นพิเศษ
แม้จะไม่ได้เห็นมันด้วยตาของตัวเอง แต่เมื่อมองดูรอยยิ้มกับคิ้วของทั้งสองคนในรูป ซูหว่านรู้สึกได้ว่าในเวลานั้นทั้งสองคนกำลังมีความสุขมาก
ในหน้าสุดท้ายของอัลบั้ม มีรูปภาพของแหวนเพชรและมีตัวอักษรเล็ก ๆ อยู่ด้านหลังของรูปภาพ
จับมือฉันไว้และเติบโตไปด้วยกัน
นี่คือลายมือของซย่าอวี่ซาน และวันที่จารึกด้านล่างคือ 10 เมษายน
พวกเขาวางแผนที่จะแต่งงานกัน ก่อนที่สวีจื่อหมิงจะประสบอุบัติเหตุงั้นหรอ?
ถ้าการเสียชีวิตของสวีจื่อหมิงไม่ใช่อุบัติเหตุแต่เป็นการฆาตกรรมล่ะ ใครในโลกนี้กันที่ไม่ต้องการให้พวกเขาอยู่ด้วยกัน?
ครึ่งปีผ่านไป ทำไมจู่ ๆ คนคนนั้นถึงไปทำร้ายหลินลู่ลู่และถงซินเหยา?
เป็น…คนรักของ สวีจื่อหมิง?
หรือ…เป็นแฟนคลับของ ซย่าอวี่ซาน?
แน่นอน ความเป็นไปได้ของอดีตมีสูงมาก ซูหว่านตรวจสอบข้อมูลของสวีจื่อหมิงและรู้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นที่รู้จักในนาม “สามีแห่งชาติ” ทั้งร่ำรวย หล่อเหลา และยังหนุ่ม ผู้ชายที่มีชื่อเสียงและหล่อเหลาอย่างเขา เป็นเรื่องปกติที่แฟนคลับหญิงจะหลงใหล
แน่นอน ถ้าฆาตกรตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังเป็นผู้หญิง ซูหว่านยังพอจะรู้สึกดีขึ้นที่จะจัดการกับเธอ แล้วถ้า…เป็นผู้ชายล่ะ?
ซูหว่านอดรู้สึกกลัวไม่ได้ แต่ในวงการบันเทิง เป็นเรื่องปกติที่ผู้ชายและผู้หญิงจะคบกันเอง
ในการฆาตกรรมหลายครั้ง สัดส่วนของฆาตกรเพศเดียวกันก็สูงมากเช่นกัน เพราะความรักของพวกเขาลึกซึ้งและบ้าคลั่งกว่า