ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 13 ฝืนชะตาคนไร้ค่า (13)
การมาถึงของซูหว่านและซูรุ่ยทำให้หมู่บ้านที่แต่เดิมเงียบสงบกลับมามีชีวิตชีวาและครึกครื้นขึ้นมาทันที
หัวหน้าครูฝึกจางอาจไม่รู้ว่าซูจั้นเป็นใคร แต่คนในหมู่บ้านตระกูลซูจะไม่รู้ว่านายน้อยของพวกเขาชื่อซูจั้นได้อย่างไร
เมื่อรู้ว่าซูหว่านลักพาตัวให้ซูจั้นกลับมา ไม่ใช่ ต้องเป็นพากลับมา ผู้เฒ่าในหมู่บ้านตระกูลซูก็รีบค้ำไม้เท้าออกมาต้อนรับจากหลานชายของเขาในทันที
การกระทำต่อหมู่บ้านตระกูลซู ซูรุ่ยก็ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างสุภาพถ่อมตนและมีมารยาท ทำให้คนในหมู่บ้านต่างตกใจ ต้องบอกว่าคนวัยหนุ่มสาวในตระกูลผู้มีความสามารถจะต้องถูกไปสาขาต่างๆ ทุกๆ สามปี และทุกครั้งที่มา มีคนไหนบ้างที่ไม่เย่อหยิ่ง
ในสายตาของผู้คนในหมู่บ้านนายน้อยและคุณหนูของตระกูลต่างไม่อาจเอื้อมได้ แต่ความประทับใจของพวกเขาที่มีต่อซูรุ่ยนั้นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ด้วยความสูงศักดิ์และมีเกียรติแต่กลับเข้าถึงได้ของเขา และหน้าตาซูรุ่ยก็ดูหล่อเหลา เมื่อยิ้มขึ้นนั้นยากที่จะไม่ชอบ
วันนี้เดิมทีเป็นวันเก็บเกี่ยว และเมื่อบวกการมาถึงของซูหว่านและซูรุ่ย หัวหน้าหมู่บ้านจึงตัดสินใจจัดงานเลี้ยงกองไฟในหมู่บ้านขึ้น และวันนี้หมูป่าที่จับได้ก็จะกลายเป็นอาหารจานหลักของตอนเย็น
ผู้ที่รับผิดชอบในการย่างหมูป่าคือซูชิง
สองปีผ่านไป ซูชิงและความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แม้ว่ามักจะใช้เวลาอยู่ข้างนอกท่ามกลางแสงแดดและสายฝน แต่ผิวของซูชิงนั้นดีกว่าของซูชวนน้องชายของตนเอง ขาวกว่ามาก ตอนที่เขาสวมชุดนายพรานมองไปแล้วดูผอมและนิ่งสงบเหมือนักวิชาการ แต่เมื่อเขาหยิบคันธนูแล้วม้วนแขนเสื้อขึ้น จะพบว่าดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเฉียบแหลม แขนของเขาก็แข็งแกร่งและทรงพลังเป็นพิเศษ
เด็กหนุ่มหลายคนในหมู่บ้านตระกูลซูมีไม่น้อย แต่ซูชิงถือว่าโดนเด่นที่สุดในหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านต่างเข้ามาจีบเขา แต่สองปีนี้ซูชิหมกมุ่นกับการฝึกซ้อมทักษะการยิงธนู และปฏิเสธคำสารภาพรักกับทุกคน
เมื่อเวลาผ่านไป ก็มีเด็กสาวมาหาเขาจำนวนน้อยลง
ที่จริง มีเพียงซูชวนเท่านั้นที่รู้ใจของพี่ชายของตนเอง ในใจพี่ชายเขา…ยังวางพี่หญิงเสี่ยวหว่านไม่ลง
“ท่านพี่ ให้ข้าช่วยเถอะ”
ไม่รู้ซูชวนปรากฏตัวขึ้นหลังซูชิงตั้งแต่เมื่อใด และในขณะที่พูด เขาได้ดึงกริชที่ติดตัวเขาออกมาแล้ว
ในเวลานี้ ยังมีเวลาเหลือก่อนที่งานเลี้ยงจะเริ่ม ผู้คนส่วนใหญ่ต่างรายล้อมรอบซูหว่านและซูรุ่ยเพื่อถามพวกเขาเกี่ยวกับเมืองเหมยเท่อและตระกูลซู
เกี่ยวกับความอยากรู้ของทุกคนซูรุ่ยก็ไม่ได้รู้สึกรำคาญ และตอบทุกคำถามเสมอ
พื้นที่ในห้องครัวเมื่อเทียบกับความครึกครื้นที่อยู่ด้านหน้าดูแล้วเงียบเป็นพิเศษ
“ทำไมเจ้าถึงไม่ไปดูความครื้นเครงด้านหน้า”
ซูชิงเงยหน้าขึ้นมองที่น้องชายของตนเอง เขารู้ว่าที่จริงแล้วน้องชายของเขากำลังโหยหาเมืองเหมยเท่อ และอยากเป็นนักอัญเชิญ
อันที่จริง แล้วใครจะไม่อยากล่ะ
แววซับซ้อนของซูชิงวาบพาดดวงตาไปแวบหนึ่ง จากนั้นก็กลับมาสงบ
“มันก็ไม่มีอะไรน่าดู ก็แค่นายน้อยใหญ่ของตระกูลไม่ใช่หรือ เขาก็แค่…ก็แค่เกิดมาดีกว่าเรา”
ซูชวนคิดอยู่นานและตอบกลับพี่ชายของเขาอย่างงุ่มง่ามเล็กน้อย
“เจ้านี่นะ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่น้องชายของเขาพูด ซูชิงก็ส่ายหัวเล็กน้อยและพูดว่า “อย่าพูดไร้สาระเลย คนคนนั้น เขา…แข็งแกร่งมาก”
เมื่อชิงเห็นซูรุ่ยและซูหว่านเข้ามา แวบแรกของซูชิงไม่ใช่ซูหว่านแต่กลับเป็นซูรุ่ย
สัญชาตญาณของนายพรานบอกเขาว่า ชายคนนั้นอันตรายอย่างยิ่ง
ต่อให้ทิ้งตัวตนของนักอัญเชิญ เขาก็ยังคงเป็นนักรบที่แข็งแกร่งมาก และซูชิงรู้สึกถึงพลังหนักแน่นซึ่งไม่สามารถลบออกได้ที่แผ่ออกจากมาจากตัวเขา
หรือบางที มีเพียงบุรุษเช่นนี้ที่จะทำให้ซูหว่านที่เย่อหยิ่งยอมก้มหัวลงได้
ริมฝีปากของซูชิงขมเล็กน้อย เขาพยายามหนักอย่างมากมาหลายปีแล้ว แม้ว่าชีวิตนี้เขาจะถูกตัดสินว่าไม่สามารถเป็นนักอัญเชิญได้ แต่เขาก็ยังแอบพยายามอยู่ตลอด
เขาแค่อยากจะใกล้ชิดกับนางมากขึ้นอีกนิด
น่าเสียดาย เมื่อพบเจออีกครั้ง ซูชิงก็ตระหนักได้ว่า ระยะห่างระหว่างตนเองกับนางนั้นไกลเกินไป ไกลจนไม่สามารถไล่ตามได้แม้แต่เงานาง
นี่คือชะตากรรมหรือ
ชะตากรรมระหว่างพรสวรรค์กับไร้ความสามารถ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตได้หรือ
“พี่ พี่ใหญ่”
เมื่อเห็นซูชิงถือในกริชและไม่ยอมขยับเป็นเวลานาน ซูชวนที่อยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะเรียกเขา “พี่หญิงเสี่ยวหว่านกลับมาครานี้ จะเชิญทุกคนที่เมืองเหมยเท่อ เพื่อไปงานมงคลของนาง พี่จะไปไหม”
“ทำไมจะไม่ไปล่ะ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่น้องชายของเขาพูด ซูชิงก็รู้สึกตัวอีกครั้ง และยิ้มอย่างแผ่วเบาพูดว่า “ข้ายังไม่เคยไปเมืองเหมยเท่อ บางทีในชีวิตนี้อาจจะมีโอกาสเพียงครั้งเดียวกระมัง”
…..
หมู่บ้านที่อยู่ในป่าเขายามค่ำคืนเงียบสงบและสวยงาม หน้ากองไฟใหญ่ผู้คนทั้งหมู่บ้านต่างร้องเพลงเต้นรำและกินดื่ม นี่เป็นเป็นค่ำคืนที่คึกคักที่สุดในหมู่บ้านตระกูลซูของปีนี้
“อร่อยไหม”
ซูรุ่ยใช้มือข้างหนึ่งโอบเอวซูหว่านไว้ และดวงตาของเขาจับจ้องไปที่หมูป่าบนจานของนาง แม้ว่าซูชิงจะไม่พูดอะไรกับซูหว่านแม้แต่ประโยคเดียว แต่เห็นได้ชัดว่าเนื้อจานนี้แตกต่างจากคนอื่นๆ แม่ทัพซูรู้สึกไม่ดีมาก
“คุณอยากกินเหรอ”
ซูหว่านหันหน้า จากนั้นก็ยกมือขึ้นใช้ส้อมจิ้มเนื้อชิ้นหนึ่งแล้วป้อนเขาปากของซูรุ่ยและพูดว่า “มา เด็กดี อ้าปาก”
“อ้าม”
ซูรุ่ยกินเข้าไปคำหนึ่ง หึๆ รสชาติก็ไม่เท่าไหร่
“ถ้าคุณชอบกิน ฉันจะกลับไปทำให้คุณดีกว่านี้”
ซูรุ่ยกินเนื้อในปากของเขาจนหมด และอดไม่ได้ที่จะกระซิบข้างหูของซูหว่านประโยคหนึ่ง
“ดีเลย รู้แล้วว่าคุณทำอาหารเก่ง เชฟใหญ่ซู แล้ววันนี้คุณหึงอะไร ในใจฉันจำได้แค่ว่าเขาคือเพื่อนเล่นสมัยเด็ก” ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เมื่อเห็นสายตาหึงหวงของผู้ชายของตน
ในใจของซูชิงคือซูหว่านคนนั้น ไม่ใช่ซูหว่านคนปัจจุบัน
“ต่อให้ในใจเขาจะเป็นคนเดิมคนนั้น แต่ตอนนี้เขากำลังมองมาที่คุณ”
ซูรุ่ยบีบมือนางแน่น และน้ำเสียงต่ำลงเล็กน้อย
เขาไม่ชอบสายตาที่ซูชิงจ้องมองไปที่ซูหว่าน ทั้งๆ ที่มันเฉยเมยและไม่มีอะไรพิเศษ แต่เขายังคงอ่านสิ่งที่อยู่ในลึกๆ จากการจ้องมองที่เสแสร้งได้
ผู้ชายคนหนึ่งรักผู้หญิงคนหนึ่งมากแค่ไหน สามารถเห็นได้จากสายตาของเขาที่มองนางได้อย่างชัดเจน
ซูชิงรักซูหว่านมาก และจุดนี้ซูรุ่ยรู้ดี
และ ซูชิงนี้…
สรุปก็คือความรู้สึกที่เขาให้กับซูรุ่ย นั้นแตกต่างจากความรู้สึกที่เป็นอดีตอริคนรักอย่างสิ้นเชิง…
ในโลกนี้มีอริคนรักประเภทหนึ่ง เขามักจะนิ่งเฉยไร้ความรู้สึกเหมือนน้ำเปล่า แต่เขากลับอยู่ทุกหนทุกแห่ง
คนแบบนี้รับมือได้ยากมาก
ตลอดทั้งคืนซูรุ่ยไม่กินอะไรมาก และได้แต่แสดงอำนาจของตนเองต่อหน้าทุกคน จากนั้นก็โอบเอวของซูหว่าน และกอดไหล่ของนาง กลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นคู่กัน
พฤติกรรมที่เหมือนเด็กน้อยผู้รู้สึกไม่ปลอดภัยของแม่ทัพซูนี้ ใบหน้าของซูหว่านแม้จะเต็มไปด้วยความจนปัญญา แต่ในใจก็ยังรู้สึกว่าผู้ชายของตนไม่ว่าอะไรก็น่ารัก~
เอาเถอะ พวกคุณสมกับการเป็นสามีภรรยากันจริงๆ เลยนะ~
…
งานเลี้ยงกองไฟสิ้นสุดลง ทุกคนต่างแยกย้ายกลับบ้าน เพราะครอบครัวของซูชิงและครอบครัวของซูหว่านเป็นเพื่อนบ้านกัน ดังนั้นแน่นอนว่าทั้งสองครอบครัวก็กลับทางเดียวกัน
ก่อนที่งานเลี้ยงจะเริ่ม ซูรุ่ยบอกหัวหน้าหมู่บ้านเกี่ยวกับคำสั่งรวมพลว่า เดิมทีซูหยาจะมอบคำสั่งรวมพลกับพวกเขา แต่ว่าป้ายคำสั่งก็ถูกซูรุ่ยดึงออกมาก่อน เขาแค่อยากอยู่ด้วยกันกับซูหว่าน และบอกเรื่องนี้กับผู้คนในหมู่บ้านด้วยปากของเขาเอง และยังใช้โอกาสที่ตนเองจะแต่งงานกับซูหว่าน อยากให้ทั้งหมู่บ้านไปเข้าร่วมงานแต่งของพวกเขา
คลื่นอสูรกำลังมา หมู่บ้านตระกูลซูที่อยู่ในเขานั้นยากจะหนี และตอนนี้ตระกูลซูในเมืองเหมยเท่อก็ต้องการใช้คน แม้ว่าวันนี้ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงในการเข้าถึง แต่ซูรุ่ยก็รู้สึกว่าคนทั้งหมู่บ้านนั้นเรียบง่ายและติดดิน ชีวิตที่มีคุณภาพนี้เป็นสิ่งที่ครอบครัวซูต้องการอย่างแท้จริง…
บ้านของซูหว่านอยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้าน เป็นบ้านหินที่เก่าแก่แต่ใหญ่มาก เพราะเมื่อก่อนคนในครอบครัวมีจำนวนมาก บ้านหินจึงถูกแบ่งออกเป็นห้องนอนเดี่ยวหลายห้อง ทุกวันนี้แม้ว่าบุตรสาวจะไม่อยู่บ้าน แต่บ้านทั้งหลังยังถูกสามีภรรยาซูเต๋อทำความสะอาดอย่างดี
“นายน้อยใหญ่ ถึงแม้สภาพแวดล้อมจะเรียบง่าย แล้วเราก็ไม่ได้เตรียมอะไร ได้โปรดท่านอย่าถือสา”
เมื่อกลับมาถึงบ้านของนาง ต่งเย่ว์ภรรยาของซูเต๋อก็ชงชามาให้ซูรุ่ย ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นและรอยยิ้มที่เรียบง่าย
“ต่างก็เป็นคนกันเอง ไม่ต้องเกรงใจ ท่านเป็นอาวุโสเรียกข้าซูจั้นก็พอ”
ซูรุ่ยนั้นเกรงใจมากต่อหน้าพ่อตาแม่ตาของเขา
เมื่อพูดถึงเขาและซูหว่านที่อยู่ด้วยกันมานาน เขาเคยเห็น ‘พ่อตาแม่ตา’ หลายคน นอกจากซูเจี้ยนจวินและหลี่เหม่ยเจวียน ซูรุ่ยยังค่อนข้างพอใจกับพ่อตาแม่ตาของเขาเหล่านี้
ในเวลานี้ซูรุ่ยยิ้มอย่างจริงใจมาก และเมื่อต่งเย่ว์เห็นรอยยิ้มของซูรุ่ย และสีหน้าของนางก็ยิ่งใจดีมากขึ้นพูดว่า “เช่นนั้นข้าเรียกเจ้าว่าซูจั้นแล้วกัน เจ้าและเสี่ยวว่านต่างเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ข้าช่วยเก็บกวาดทำความสะอาดห้อง พวกเจ้าก็รับพักผ่อนล่ะ!”
“ไม่ต้องลำบากขนาดนั้น”
ซูหว่านที่อยู่ข้างๆ ก็ยกมือดึงมือมารดาของนางและพูดว่า “เขานอนกับข้า พวกท่านไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดห้องเขาเป็นพิเศษ”
ต่งเย่ว์ “…”
“แค่กๆ”
ซูเต๋อที่เห็นภรรยาตนเองยืนอึ้งอยู่นั้น และอดไม่ได้ที่จะกระแอมไอและดึงนางมาอยู่เคียงข้างเขา “พวกเราแก่แล้ว นอนดึกไม่ได้ เสี่ยวหว่าน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ต้องดูแลซูจั้นให้ดีๆ ข้ากับแม่ของเจ้า กลับห้องก่อน”
“อือ เข้าใจแล้ว”
ซูพยักหน้าและมองดูซูเต๋อและภรรยาของเขาออกจากห้องไป รอให้ทั้งสองกลับเข้าห้องของพวกเขา ซูหว่านก็อดไม่ได้ที่จะมองดูซูรุ่ยที่อยู่ข้างโต๊ะหินและพูดว่า “เป็นไงบ้าง”
“อืม ผนังกันเสียงของบ้านหินก็ดีนะ ภรรยา คืนนี้พวกเรา…”
“หือ”
ซูหว่านเหล่ตาและมองซูรุ่ยด้วยใบหน้าที่อันตรายและพูดว่า “ฉันกำลังจริงจังนะ!”
“อ้อ”
ซูรุ่ยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้ภรรยาตนเอง “มองก็รู้ว่าแม่ของคุณน่ะไม่มีพลังวิญญาณแม้แต่น้อย ถึงแม้พ่อของคุณจะเป็นคนธรรมดา แต่เขาก็เคยฝึกฝนมาก่อน”
“หมายความว่า พ่อของฉันเมื่อก่อนอาจจะเคยเป็นนักอัญเชิญ เพียงแต่หลังจากนั้นก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ทำให้พลังวิญญาณของเขาถดถอย”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะคาดเดา
สำหรับการรับรู้ของซูรุ่ย ซูหว่านค่อนข้างวางใจ เพียงแค่กวาดตามองไป จะไม่มีทางมองผิดแน่นอน
“ถูกต้อง เป็นแบบนั้นแหละ”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน ซูรุ่ยก็พยักหน้าเช่นกัน ดูเหมือนว่าซูเต๋อจะเป็นคนที่มีเรื่องราวจริงๆ