ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 15 ฝืนชะตาคนไร้ค่า (15)
คนในหมู่บ้านตระกูลซูก็ไม่ได้เยอะมาก มีเพียงสามสิบกว่าหลังคาเรือน ทั้งหมดร้อยกว่าคน ตอนที่ซูหว่านและซูรุ่ยพาทุกคนออกจากที่นี่ ตอนนั้นยังเช้าอยู่เลย ผู้คนจำนวนมากเดินเหยียบน้ำค้างยามเช้าออกจากหมู่บ้านที่ตัวเองใช้ชีวิตมาหลายปี พวกคนแก่คนเฒ่าอาลัยอาวรณ์ที่จะจากไป แต่บนใบหน้าของเด็กๆ และเหล่าวัยรุ่นกลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันตื่นเต้น
โลกภายนอกมันเป็นอย่างไร โลกภายนอกหุบเขาจะมีบรรยากาศทิวทัศน์ที่ยังไม่รู้จักอีกมากมายขนานไหน
พวกเขาหวังและรอคอยมาตลอดว่าจะได้ออกจากหุบเขาแห่งนี้ แล้วตอนนี้ทุกอย่างกำลังจะเป็นจริง…
ซูหว่านเหมาโรงเตี๊ยมไว้แห่งหนึ่ง กว่าคนร้อยกว่าคนเข้ามาถึงในตัวตำบลก็เที่ยงแล้ว ทุกคนรับประทานอาหารเที่ยงเสร็จ ก็เช่ารถในตำบลแล้วออกเดินทางไปยังอำเภอต่อ
ตลอดทางนั้นผจญกับความยากลำบากอย่างมาก เมื่อมาถึงในตัวอำเภอก็เปลี่ยนสัตว์มารระดับต่ำที่ลากรถเร็วกว่าไปรอบหนึ่ง ยามนั่งอยู่บนรถลากสัตว์มารนั้น เด็กๆ ทั้งหลายต่างดีใจและตื่นเต้นสุดๆ
ในตอนนี้เอง ซูรุ่ยอัญเชิญอสูรเขากวางออกมาตัวหนึ่ง เป็นสัตว์มารระดับสี่ นิสัยอ่อนโยน เป็นอสูรพาหนะที่ดี และมีความเร็วไม่ช้ามากและไม่เร็วเกินไป สามารถรับประกันได้ว่าอสูรระดับต่ำที่เดินทางมาด้วยกันเหล่านั้นจะตามมาทัน
ขามาทั้งสองนั่งอินทรีล่าสายลมมาตลอดทาง ไม่มีเวลาชมทิวทัศน์ระหว่างทางเลย ขากลับรอบนี้ จึงสบายอกสบายใจตลอดการเดินทาง ซูหว่านซบอยู่ในอกของซูรุ่ย พร้อมกับชมทิวทัศน์อันสวยงามแปลกตาระหว่างทางเงียบๆ
บรรยากาศและทิวทัศน์ของโลกภายนอกนั้นงดงามลึกลับทั้งมีสีสันกว่าทิวทัศน์อื่นที่เคยพบเจอ
จากหมู่บ้านตระกูลซูถึงเมืองเหมยเท่อ ตามความเร็วปกติแล้วก็ต้องใช้เวลาสามวันสามคืน แต่ซูรุ่ยและซูหว่านพาคนกลุ่มนี้เดินๆ หยุดๆ จนตกเย็นวันที่ห้าถึงจะได้เข้าประตูเมืองเหมยเท่อสักที
เป็นถึงตระกูลใหญ่อันดับสองในเมืองเหมยเท่อ ตระกูลซูมีธุรกิจไม่น้อยในตัวเมืองและนอกเมืองเหมยเท่อ เรื่องการจัดสรรคนร้อยกว่าคนนี้ไม่ใช่ปัญหาเลย
ในตอนนี้ มีคนจากสาขาอื่นมากมายมารายงานตัวอย่างต่อเนื่องที่บ้านตระกูลซูแล้ว แน่นอนว่าพวกเขาทั้งหมดถูกจัดสรรไปอยู่ที่เรือนตระกูลซูนอกเมือง ก็คงมีแต่คนในเส้นสายของซูหว่านเท่านั้นถึงมีสิทธิ์เข้าพักที่เรือนนอกของตะกูลซู
ความสง่างามของเมืองเหมยเท่อ ความหรูหราของตระกูลชู และนักอัญเชิญในตัวเมืองที่ไปๆ มาๆ ทำให้เหล่าวัยรุ่นในหมู่บ้านตระกูลซูได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ เป็นครั้งแรก
ที่นี่ ก็คือเมืองเหมยเท่อ และที่นี่เป็นเพียงเมืองแห่งหนึ่งที่ไม่ได้มีชื่อเสียงในแคว้นเอ้าหลินก็เท่านั้นเอง
ทั้งแคว้นเอ้าหลินนั้นใหญ่ขนาดไหน และทั้งแผ่นดินใหญ่ตงชวนจะกว้างใหญ่ขนาดไหน หุบเขาอันพิศวงและลึกลับนั้น รวมถึงเหล่าอมนุษย์หูยาวและคนแคระที่ใช้ชีวิตอยู่ในป่าแห่งนั้น…
ซูชิงยืนอยู่ตรงหน้าบ้านอันกว้างใหญ่ของตระกูลซู เท้ายืนอยู่บนพื้นดินที่ไม่คุ้นเคย เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตัวเองเล็กยิ่งกว่าเศษฝุ่น
มีเพียงต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น แข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน ถึงจะมีธุรกิจของตนเองที่แท้จริงในพื้นดินแห่งนี้
ในตอนที่ซูหว่านและซูรุ่ยจัดสรรที่ทางให้คนทั้งหมู่บ้านเสร็จเรียบร้อยนั้นเวลาก็ดึกแล้ว
ทั้งสองกลับเรือนพักตัวเองอย่างเหนื่อยล้า ทันใดที่เข้าประตูก็มีเงาสีขาวกระโดดเข้ามาใส่ตัว
“เสี่ยวไป๋?”
ซูหว่านเรียกออกมาด้วยความประหลาดใจ ซูรุ่ยที่อยู่ข้างๆ กลับยกมือขึ้น และผลักเจ้าก้อนใหญ่โตที่กระโดดเข้ามาไปข้างๆ
สิ่งมีชีวิตตัวผู้ที่กระโดดเข้ามาในอกของภรรยาตัวเอง เขายอมไม่ได้ทั้งนั้น~
งี้ด…
เสี่ยวไป๋กะพริบตาอย่างน้อยใจ ขณะมองซูรุ่ย นายท่าน ท่านไม่มีความรักให้ข้าเลย
“เจ้าเลื่อนระดับอีกแล้วหรือ”
ซูรุ่ยไม่ได้สนใจเสี่ยวไป๋ที่ทำเป็นน้อยใจ แต่ใช้พลังวิญญาณของตนเองสื่อสารกับห้วงจิตสำนึกของมัน เขาสังเกตว่าเสี่ยวไป๋ปลดผนึกได้อีกชั้นหนึ่งแล้ว พลังวิญญาณในร่างกายก็เต็มเปี่ยมขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้เองร่างกายของมันถึงใหญ่โตขึ้นอีกเท่าหนึ่ง
“ฮึ รู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร”
ได้ยินคำถามของซูรุ่ย เสี่ยวไป๋ก็ลืมที่จะแสร้งทำเป็นน้อยใจ รีบเงยหน้าและก้าวเท้าหน้าสองข้างเดินเป็นท่าแมวย่อง “ให้เวลาอสูรเทพอย่างข้าอีกสักช่วงเวลาหนึ่ง รอให้ข้าปลดผนึกชั้นที่สามได้ ข้าก็จะได้รับสืบทอดวิชาที่สูงขึ้นแล้ว”
“ปกติสัตว์มารก็เลื่อนระดับได้เร็วกว่ามนุษย์อยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าเจ้าเป็นถึงอสูรเทพเลย”
เรื่องหลงตัวเองของเสี่ยวไป๋นั้น ซูรุ่ยเหลือบมองมันอย่างไม่ไยดี “ซูเลี่ยงและซูเพ่ยเป็นอย่างไรบ้าง”
“อ้อ เจ้าสองคนนั้นน่ะหรือ มีทรัพยากรที่นายท่านให้ไว้ ตอนนี้พวกเขาเป็นนักอัญเชิญระดับแปดแล้ว”
ระดับแปด?
ซูรุ่ยและซูหว่านสบตากันปราดหนึ่ง คล้ายกับที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ เพราะมีทรัพยากรอย่างไม่จำกัดจึงทำให้ทั้งสองเลื่อนระดับจากเก้าเป็นระดับแปดอย่างรวดเร็ว แต่จะเลื่อนระดับจากระดับแปดขึ้นไปอีกขั้นคงจำเป็นต้องมีพลังวิญญาณของตนเองเป็นตัวสนับสนุน ดูจากพลังวิญญาณของซูเลี่ยงและซูเพ่ยแล้ว ถ้าจะเลื่อนระดับคงต้องใช้เวลาอีกสักช่วงหนึ่ง
เห็นทั้งสองสบตากัน และกำลังจะเข้าห้องไปนอนแล้ว เสี่ยวไป๋ที่รู้สึกว่าตัวเองโดนเมินก็รีบยกอุ้งเท้าของตัวเองขึ้น แล้วพูดขึ้นที่ด้านหลังของทั้งสอง “ใช่แล้ว นายท่าน! วันที่ท่านไม่อยู่ มีหญิงหน้าอกใหญ่คนหนึ่งมาหาท่านทุกวัน”
หือ?
ซูหว่านหยุดเดินทันที และซูรุ่ยที่อยู่ข้างๆ ได้ยินเช่นนี้สีหน้าก็เปลี่ยนทันที “ใคร”
“พ่อบ้านเรียกนางว่าคุณหนูรองจ้าว หญิงผู้นั้นวิ่งมาที่เรือนท่านทุกวัน จะห้ามก็ห้ามไว้ไม่ได้เลย อีกอย่าง นางช่างโง่เขลานัก มาหาว่าข้าเป็นสุนัขเฝ้าบ้านเสียอย่างนั้น นางยังชอบพูดเองเออเองอยู่ตลอดว่าจะคว้านายท่านมาให้ได้ เฮ้อ หญิงโง่เขลาเช่นนี้ ข้ารำคาญจะตายแล้ว นายท่าน คำที่พวกมนุษย์พูดกันว่าอกใหญ่ไร้สมอง คำนี้พูดถึงนางใช่ไหม”
ซูรุ่ย…
“หึๆ นางนี่แหละอกใหญ่ไร้สมอง”
ได้ยินคำที่เสี่ยวไป๋พูด ซูหว่านยิ้มอย่างเย็นชา
ในทุกๆ โลกนอกจากจะมีสิ่งมีชีวิตที่เป็นตัวรับกระสุนสาวแล้ว ก็จะมีหญิงสาวผู้ชั่วร้ายเป็นมาตรฐานอยู่แล้ว และจ้าวหว่านอิ๋งก็คือแบบอย่างตามมาตรฐานของหญิงสาวผู้ชั่วร้ายนี้ นางเป็นอัจฉริยะในเมืองเหมยเท่อ พรสวรรค์ของเขาสูงกว่าจ้าวชุ่ยอิ๋งและซูหว่านเจ้าของร่างเดิม นางยังใช้ลักษณะภายนอกเช่นทรวดทรงดุจนางปีศาจอันเร่าร้อนของนางในการคบหาสหาย
ในเนื้อเรื่องเดิม จ้าวหว่านอิ๋งเข้าศึกษาที่สถานศึกษานักอัญเชิญช้ากว่านางเอกซูอู่หนึ่งปี เมื่อนางเข้ามาแล้วก็มีชื่อเสียงถึงระดับดาวเด่น
ในตอนนั้นซูอู่นั้นมีจุดยืนในสถานศึกษาแล้ว ทั้งยังได้เป็นคนโปรดของ จินหยาง องค์ชายห้าในราชวงศ์เอ้าหลินด้วย
แน่นอนว่า องค์ชายห้าท่านนี้ก็เป็นตัวประกอบชายที่มีรักลึกซึ้งคนหนึ่งในโลกแห่งนี้ เขาชอบซูอู่ แต่ซูอู่กลับไม่มีความรู้สึกพิเศษอะไรกับเขา
แต่หลังจากที่จ้าวหว่านอิ๋งเข้าเรียน คุณหนูรองจ้าวท่านนี้ก็คิดจะยั่วยวนองค์ชายห้า แต่เสียดายที่ล้มเหลวทุกครั้ง สุดท้ายเขาก็ทำเรื่องฉลาดให้กลายเป็นเรื่องโง่ เกือบโดนนักอัญเชิญข้างกายของจิงหยางฆ่าตาย ในนาทีสุดท้ายของการตัดสินความเป็นความตาย ก็เป็นเซียวเหยี่ยนที่เดินผ่านมาช่วยนางไว้พอดี
ตั้งแต่นั้นมา จ้าวหว่านอิ๋งก็หลงใหลในตัวของเซียวเหยี่ยน อยากอยู่กับเซียวเหยี่ยนทั้งใจ
ก็เพราะความล้มเหลวของนางครั้งแล้วครั้งเล่า การเอาแต่ใจครั้งแล้วครั้งเล่า กลับเป็นการเพิ่มความลำบากให้ใต้เท้าพระเอกไล่ตามภรรยายุ่งยากขึ้นไปอีกขั้น
ตัวประกอบหญิงชั่วร้ายเอาแต่ใจเช่นนี้ ตอนแรกซูหว่านประเมินอย่างชื่นชมว่านางเก่งกาจ แต่ตอนนี้นางกลับกล้ามายุ่งกับผู้ชายของตน…
ประเมินใหม่! ต้องประเมินใหม่!
เห็นรอยยิ้มหายไปจากบนใบหน้าของซูหว่าน ซูรุ่ยก็รีบโอบไหล่ภรรยาตน “ภรรยา เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เราไปนอนกันเถอะ คนไม่สำคัญประเภทนั้น พรุ่งนี้ผมไปจัดการเอง ไม่ให้มารำคาญตาคุณแน่นอน”
“ใครบอกว่าเธอมารำคาญตาฉัน”
ซูหว่านเลิกคิ้ว ท่าทีเปลี่ยนเป็นเย่อหยิ่งอย่างหาได้ยาก “คนที่คุณหนูจ้าวมาหาคือคุณ ไม่ใช่ฉันสักหน่อย”
ซูรุ่ย “…”
มีประโยคหนึ่งพูดไว้ว่ายังไงนะ สิ่งมีชีวิตที่ปากไม่ตรงกับใจบนโลกใบนี มีชื่อว่าผู้หญิง~