ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 16 ฝืนชะตาคนไร้ค่า (16)
ข่าวเรื่องซูจั้นกลับมาจากนอกสถานที่ได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองเหมยเท่อตั้งแต่เช้าแล้ว จ้าวหว่านอิ๋งก็แต่งองค์ทรงเครื่องอย่างหรูหรามาถึงที่หน้าบ้านของตระกูลซูพร้อมกลิ่นหอมละมุนตั้งแต่เช้าแล้วเช่นกัน หลายวันที่ผ่านมานี้ พ่อบ้านและองครักษ์ทั้งหลายต่างไม่แปลกใจกับการกระทำของนางแล้ว
ก็แค่ชอบนายน้อยใหญ่ของบ้านเรามิใช่หรือ พวกเราไม่ได้ตาบอดนะ รู้ว่าเจ้ามีแผนการอะไร
“พี่ซูจั้นล่ะ”
จ้าวหว่านอิ๋งพอเข้าประตูมาก็เอ่ยวาจาอย่างคุ้นเคย พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆ หางตายกขึ้น “คุณหนูจ้าว นายน้อยใหญ่และคุณหนูสามของบ้านเรายังไม่ตื่นเลย”
เอ๋
สีหน้าของจ้าวหว่านอิ๋งมืดลงทันที ซูหว่านนับเป็นอะไร สาวน้อยบ้านป่าที่เก็บได้จากในภูเขา เทียบกับตนได้ที่ใด
“เช่นนั้นข้าไปรอที่เรือนเขา” ขณะพูดก็ไม่รอให้พ่อบ้านมาขัดขวาง จ้าวหว่านอิ๋งก้าวเท้ายาวมุ่งหน้าไปที่เรือนของซูจั้น
นางยังไม่ทันได้เข้าบ้าน เสี่ยวไป๋ที่อยู่ในบ้านก็ได้กลิ่นหอมอันแสบจมูกลอยผ่านมา
มารดามันเถิด รสนิยมความงามของมนุษย์ต้องมีปัญหาแน่ๆ ยิ่งเรื่องจมูกยิ่งไม่ได้เรื่องเลย กลิ่นที่แสบจมูกขนานนี้ กลับทำตัวภาคภูมิใจ รู้สึกตัวเองหอมมาก เจ้าเคยเห็นใจความรู้สึกจมูกของคนอื่นหรือไม่
พอจ้าวหว่านอิ๋งเดินเข้าประตูมา สิ่งแรกที่นางเห็นก็คือเสี่ยวไป๋ซึ่งกำลังนั่งอยู่เฉยๆ ข้างเรือนตามที่คาดเอาไว้
“เอ๋ เสี่ยวไป๋ มาเฝ้าประตูเช้าขนาดนี้เลยหรือ”
จ้าวหว่านอิ๋งมาก็หลายรอบมากแล้ว ย่อมได้ยินจากเหล่าพ่อบ้านมาบ้างว่าเจ้าลูกผสมระหว่างหมาป่าและสุนัขที่ดูไร้ประโยชน์ตัวนี้เป็นสัตว์เลี้ยงของซูจั้น เช่นนั้นทุกครั้งที่จ้าวหว่านอิ๋งเจอเสี่ยวไป๋นางจะแสดงรอยยิ้มที่นางเองคิดว่าจะสยบทุกคนได้
เสี่ยวไป๋ “…”
ข้ากำลังฝึกตนอยู่! ฝึกตนเจ้าเข้าใจไหม เจ้ามนุษย์ที่โง่เขลา~
เสี่ยวไป๋ก้าวเท้าท่าแมวย่องออกห่างจากจ้าวหว่านอิ๋งไปยังจุดที่ใกล้ที่สุด รอนายท่านข้าตื่น ดูว่าเขาจะจัดการเจ้าอย่างไร ฮึ ฮึ ฮึ ข้าต้องออกห่างสักหน่อย เผื่อเลือดมันกระเด็นมาโดนตัวข้า~
สำหรับท่าทางที่เสี่ยวไป๋แสดงออกมานั้น จ้าวหว่านอิ๋งไม่ได้แปลกใจอะไรมาตั้งนานแล้ว นางยืนอยู่ที่ลานหน้าบ้าน ได้ยินว่าในห้องมีการเคลื่อนไหว พลันรีบจัดแต่งเสื้อผ้าหน้าผมของตนเอง เดินอย่างแช่มช้าไปที่หน้าประตู นางยังไม่ทันเคาะประตู ประตูก็ถูกคนข้างในเปิดออกมาแล้ว
จ้าวหว่านอิ๋งพลันแสดงรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ที่สุดออกมา “ซู…ว้าย!”
ทันใดนั้นก็มีน้ำร้อนกะละมังหนึ่งราดลงมาที่จ้าวหว่านอิ๋งโดยที่นางไม่ทันตั้งตัว
ได้ยินเสียงกรีดร้องของจ้าวหว่านอิ๋ง ซูหว่านที่ยืนอยู่หน้าประตูแล้ว ก็ได้แต่ขยี้ตาตัวเองแบบสะลึมสะลือ “ขออภัย มือลื่นน่ะ เช้าขนาดนี้ ข้าคิดว่ามีผีสาวยืนอยู่ที่หน้าประตูเสียอีก”
“ซู…หว่าน!”
ตอนนี้จ้าวหว่านอิ๋งเปียกไปทั้งตัวแล้ว หน้าผมที่ตั้งใจทำมาตั้งแต่แรกก็เปียกไปหมด นางรู้ว่าซูหว่านตั้งใจแน่นอน ตั้งใจให้ตัวเองดูไม่ดีต่อหน้าซูจั้น
ในขณะที่พูด พลังวิญญาณในตัวของจ้าวหว่านอิ๋งก็แล่นพล่าน นางอัญเชิญศาสตราวิเศษเกาทัณฑ์เก้าอสรพิษที่ตัวเองภูมิใจที่สุดออกมา นี่เป็นศาสตราเทพชิ้นหนึ่ง แม่นยำและทรงพลังมาก
เห็นจ้าวหว่านอิ๋งไม่ทันได้พูดอะไรก็เรียกอาวุธออกมา ซูหว่านพลันแค่นหัวเราะอย่างเย็นชาคราหนึ่ง โคจรพลังวิญญาณ อัญเชิญกระบี่วิเศษของตัวเองออกมา
สิ่งมีชีวิตที่เป็นคู่ปราบด้านความรักประเภทนี้ ซูหว่านรู้สึกว่ามาหนึ่งก็จัดการหนึ่ง มาสองก็จัดการคู่ ไม่มีความรู้สึกกดดันเลย
จัดการหนึ่งก็น้อยลงหนึ่ง
ศาสตราวิเศษของทั้งสองอานุภาพใกล้เคียงกัน แต่ซูหว่านกลับจัดการกดจ้าวหว่านอิ๋งให้อยู่ใต้อาณาเขตของตัวเอง พลังวิญญาณของซูหว่านมากกว่าจ้าวหว่านอิ๋งหลายเท่าตัว เพราะฉะนั้นตั้งแต่เริ่มสู้กันซูหว่านก็เป็นฝ่ายกดดันจ้าวหว่านอิ๋งตลอด ซูหว่านไม่ได้คิดจะฆ่านางให้ตายจริงๆ ปลายกระบี่อันแหลมคมกรีดรอยแผลลงบนตัวจ้าวหว่านอิ๋งอยู่ตลอดจนอาภรณ์ที่นางสวมเปียกชุ่ม กรีดจนไม่เหลือเค้าเดิม
ตอนนี้พลังวิญญาณที่แล่นพล่านของสตรีทั้งสอง ได้ดึงดูดความสนใจของศิษย์ตระกูลซูมาไม่น้อย
แม้กระทั่งสองพี่น้องซูชิงก็ถูกดึงดูดมาที่นี่ด้วยเสียงวุ่นวายของคนกลุ่มหนึ่ง เมื่อเห็นซูหว่านกำลังต่อสู้กับคนอื่น สายตาของซูชิงตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ดูผู้หญิงคนนั้นสิ”
ซูชวนที่อยู่ข้างๆ ตื่นเต้นจนดึงแขนเสื้อของพี่ใหญ่ตัวเอง
ได้ยินที่น้องชายตัวเองพูด ซูชิงก็พยักหน้าด้วยสายตาสับสน “ข้าเห็นแล้ว ศาสตราวิเศษของนางคือเกาทัณฑ์”
แม้ว่าซูชิงจะไม่ได้เป็นนักอัญเชิญ แต่เขาก็เป็นนายพรานที่โดดเด่น เกี่ยวกับทักษะของธนูเขาก็รู้ทุกอย่าง
หือ
ได้ยินคำที่พี่ใหญ่ตัวเองพูด ซูชวนพลันเผยสายตาเอือมระอาออกมา…
ดูเกาทัณฑ์อันใดกัน! ข้าให้ท่านดูหน้าอกของนางต่างหาก!
คลื่นลูกใหญ่ขนาดนั้น ท่านไม่เห็นคนรอบข้างน้ำลายไหลกันหรือ ท่านนี่นะไม่เข้าใจสถานการณ์อะไรบ้างเลย สมแล้วที่ไม่มีใครเอา~
“คุณหนูสามสู้ๆ”
“โอ้! โฮ! คุณหนูสามเก่งมาก!”
ศิษย์ตระกูลซูที่อยู่ข้างๆ รู้โดยอัตโนมัติว่าในใจคุณหนูรองจ้าวนั้นคิดอะไรอยู่ ดังนั้นในตอนนี้เมื่อเห็นชูหว่านกดดันนางได้ บุรุษกลุ่มนั้นก็ส่งเสียงตะโกนกันอย่างเร่าร้อน…
เล่นกันเช่นนี้ คุณหนูสามทรงพลัง! ท่านรีบกรีดที่หน้าอกนางอีกทีสิ ให้เหล่าพี่น้องเราได้เปิดหูเปิดตาเถอะ~
ในตอนนี้ สีหน้าของจ้าวหว่านอิ๋งเปลี่ยนไปเปลี่ยนไม่น่าดูนัก ที่จริงแล้วนางรู้ว่านางเองไม่ใช่คู่มือของซูหว่าน ที่ลงมือก็เพราะว่าจะหาโอกาสเท่านั้น หากซูหว่านตีตนเองจนบาดเจ็บจริงๆ เช่นนั้นตนก็จะมีข้ออ้างในการเข้าหาซูจั้น แต่ตอนนี้เล่า ซูหว่านเอาแต่กดดันตนเองอยู่ตลอด ไม่ลงมือจัดการแบบจริงจังสักที กลับกรีดเสื้อตนไม่หยุด นี่เป็นการแสดงออกว่ากำลังดูถูกนางอยู่!
จ้าวหว่านอิ๋งรู้สึกโกรธแค้นและอับอายเป็นอย่างมาก นางสะสมพลังไว้อย่างเงียบๆ และอัญเชิญศาสตราวิเศษออกมาอย่างกะทันหันในตอนที่ซูหว่านไม่ได้ใส่ใจ หนามปรโลก อาวุธลับชนิดหนึ่ง!
ทันใดนั้นแสงสีเขียวสายหนึ่งก็พุ่งเข้ามาตรงอกของซูหว่าน
ผู้ชมที่อยู่รอบข้างต่างก็ยังไม่ทันตั้งตัว ซูชิงพลันพุ่งตัวออกไปแล้ว…
“เสี่ยวหว่าน ระวัง!”
ช่วงเวลาวิกฤตที่เป็นอันตรายเช่นนี้ โล่สีเงินพลันปรากฏตรงหน้าของซูหว่าน ขวางการล่อทำร้ายจากหนามปรโลก
โล่พสุธา!
“เฮือก!”
เหล่าผู้คนเพิ่งจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกับเรื่องนี้ ถึงกับต้องหายใจเข้าลึกๆ กับเหตุการณ์ที่ทำให้หวาดเสียวเมื่อครู่
คุณหนูจ้าวนี่ช่างเจ้าเล่ห์ร้ายกาจเหลือเกิน ทว่าโล่ใบนี้คือ…
เงาร่างสีเงินขาวร่างหนึ่งปรากฏขึ้นข้างกายของซูหว่าน เขาเพียงสะบัดมือเบาๆ โล่นั้นก็หายไป
“นายน้อยใหญ่!”
“นายน้อยใหญ่!”
ศิษย์ของตระกูลซูพลันตื่นเต้นขึ้นมาทันที ซูรุ่ยเพียงยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ไม่แม้แต่จะมองจ้าวหว่านอิ๋งเลยด้วยซ้ำ สายตาเขาจ้องไปที่ตัวของซูชิงก่อนเป็นันดับแรก
ซูชิงมีสีหน้ากระอักกระอ่วน เมื่อครู่สัมผัสได้ว่าซูหว่านมีอันตรายเขาจึงพุ่งตัวออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ผลปรากฏว่าพุ่งไปได้ครึ่งทาง โล่ป้องกันของซูจั้นก็ได้ร่อนมาจากฟ้า
ที่ทำให้ซูชิงต้องหยุดก้าวเท้าของตัวเองทันที เขายืนอยู่อีกด้านหนึ่ง ในใจรู้สึกสับสน
นี่ ก็คือข้อแตกต่างระหว่างคนธรรมดากับนักอัญเชิญ
เมื่อมีสิ่งของหรือคนที่เจ้าอยากปกป้อง ถ้าไม่มีพลังที่สอดคล้องกัน ทั้งหมดที่ทำก็เปล่าประโยชน์ ถึงแม้จะทุ่มเทชีวิตตัวเองฝึกฝนการต่อสู้ ก็อาจจะไม่เกิดผลประโยชน์อะไรเลย…
เห็นซูชิงเดินออกไปอย่างเงียบๆ ซูรุ่ยถึงได้ช้อนสายตาขึ้นอย่างเกียจคร้าน มองไปทางจ้าวหว่านอิ๋งที่อยู่ด้านข้างคราหนึ่ง
เดิมทีซูรุ่ยวางแผนไว้ว่าวันนี้จะไม่ลงมือ ให้ภรรยาตนตีผู้หญิงคนนี้ฆ่าเวลาเล่นก็ดีอยู่แล้ว
อีกทั้ง ซูรุ่ยเชื่อว่าต่อให้จ้าวหว่านอิ๋งเล่นสกปรก นางก็สู้ซูหว่านไม่ได้ แต่เป็นเพราะว่าซูชิงจู่ๆ ก็พุ่งเข้ามา จึงทำให้ซูรุ่ยต้องรีบลงมือ…
ไม่สามารถปล่อยให้คู่ปรับในเรื่องความรักได้มีโอกาสเป็นวีรบุรุษช่วยหญิงงามแน่นอน นี่เป็นเส้นตายสุดท้ายของแม่ทัพซู
……
“ท่านพี่ซูจั้น!”
ได้เห็นเงาร่างของซูรุ่ย สายตาของจ้าวหว่านอิ๋งพลันวาบประกายขึ้นมาทันที นายน้อยใหญ่ของตระกูลซูเหมือนดังข่าวลือที่ได้ยินมา หล่อเหลาไร้ที่ติ สูงศักดิ์สง่างาม
“อาจั้น เจ้ามีน้องสาวเพิ่มขึ้นมาอีกคนตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมข้าไม่รู้ล่ะ”
ได้ยินเสียงเรียกอันอ่อนโยนของจ้าวหว่านอิ๋ง ซูหว่านก็เก็บศาสตราวิเศษของตน หรี่ตามองซูรุ่ยที่อยู่ข้างๆ ตัวเอง
ที่จริงเมื่อครู่ที่จ้าวหว่านอิ๋งลอบทำร้ายนาง นางก็เตรียมรับมือเอาไว้แล้ว แต่เพราะซูชิงพุ่งเข้ามา จึงทำให้ซูหว่านตกใจเล็กน้อย
ดีเลย ตอนนี้ล้อให้ซูรุ่ยออกมาแล้ว บอสใหญ่ล้วนออกมาหมดแล้ว ดูท่าจะไม่มีอะไรสนุกแล้วสิ
ได้ยินที่ซูหว่านพูด ซูรุ่ยที่อยู่ข้างๆ ก็แย้มยิ้มอบอุ่น พลันหันกาย ลูบศีรษะนางด้วยความหลงใหล ยังจัดกระโปรงให้นางอย่างอ่อนโยน “ภรรยา อย่าพูดเหลวไหล ที่เมืองเหมยเท่อมีคนบ้าเยอะแยะมานับญาติกับข้าไปเรื่อย เจ้านี่นะไร้เดียงสาเกินไป คนอื่นพูดอะไรเจ้าก็เชื่อไปหมด”
ขณะที่พูด ซูรุ่ยหันมองจ้าวหว่านอิ๋งอย่างเย็นชา “ข้าจำได้ว่าคุณหนูท่านนี้เหมือนจะแซ่จ้าว ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลซูกระมัง เจ้าอย่าบอกนะว่าเป็นลูกติดของมารดาเจ้ากับซูหยา ถึงแม้ว่าบิดาข้าจะไปมั่วอยู่ข้างนอกแต่อย่างไรเขาก็ต้องเลือกคนที่ดีๆ อยู่แล้ว ไม่ใช่ใครหน้าไหนก็ได้ที่จะเข้าตาเขานะ!”
ซูหยาที่อยู่ที่ในเมืองหลวงอันไกลพ้น “ฮัดเช้ย!”
ใครคิดถึงข้าผู้นำตระกูลอีกแล้ว เฮ้อ ก็ไม่รู้สินะ เป็นผู้นำตระกูลก็มีเสน่ห์ดึงดูดคนเช่นนี้แหละนะ
ท่านผู้นำตระกูล…ท่านควรกินยาได้แล้ว~