ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 18 ฝืนชะตาคนไร้ค่า (18)
กองทัพนักอัญเชิญใหม่ของตระกูลซูฝึกฝนอยู่ที่ลานฝึกฝนตระกูลของตัวเองมาโดยตลอด เดิมทีซูชิงได้อยู่กลุ่มเดียวกับซูชวนน้องชายของตน แต่ต่อมาหลังจากที่ซูอู่เข้ามาก็ถูกแบ่งให้ไปเข้ากลุ่มของพวกเขา
สมัยก่อนตอนอยู่บ้านตระกูลซูของตัวเอง ซูอู่เป็นคนไร้ค่าที่ถูกคนกลุ่มใหญ่ดูถูก แต่ยามนี้ เมื่อมาอยู่ภายในค่ายที่รวมเหล่าคนไร้ค่านี้ นางกลับเป็นคนที่มีพลังวิญญาณสูงสุด และมีสฐานะสูงที่สุด
น้องสาวแท้ๆ ของนายน้อยใหญ่ บุตรสาวของผู้นำตระกูล ผู้อื่นหรือจะกล้าทำตัวไม่ตนต่อหน้านางได้
คนในค่ายฝึกฝนต่างเคารพยำเกรงในตัวซูอู่เอามากๆ ตรงกันข้ามกับพี่น้องอย่างซูชิงที่อยู่กลุ่มเดียวกับนาง พวกเขาทำตัวกลมกลืนเข้ากับนางเป็นอย่างดี
ซูชวนเป็นคนที่มีความคิดเรียบง่ายเป็นพิเศษ เขาเคยชินกับการใช้ชีวิตอยู่ในภูเขาใหญ่ พอเห็นว่าซูอู่เป็นเด็กผู้หญิงก็เสนอตัวให้ความช่วยเหลือนางไปทั่ว แม้ว่า…ซูอู่จะไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขาก็ตามที
แต่นางก็ยังชอบอยู่กับคนที่ไม่มีแผนการอะไรเช่นนี้เอามากๆ
ส่วนซูชิง ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูอ่อนโยนมากของเขา อุปนิสัยก็ออกไปทางชายหนุ่มอบอุ่น เมื่ออยู่ร่วมกับซูอู่ย่อมเข้ากันได้ดีเป็นธรรมดา
เมื่อเห็นว่าเขาและซูอู่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันขึ้นเรื่อยๆ ทั้งสองก็แปรเปลี่ยนจากเพื่อนร่วมกลุ่มธรรมดามาเป็นเพื่อนรู้ใจที่ชื่นชมซึ่งกันและกันแล้ว แม่ทัพซูก็รู้สึกว่าที่ทุ่มเทไปฝ่ายเดียวนี่ดูท่าจะไม่เลวแล้ว รอให้ซูอู่และซูชิงได้เป็นคู่กันเมื่อใด ก็จะไม่มีเรื่องราวของพระเอกที่ชื่อเซียวเหยี่ยนอีกต่อไป
ทว่าเวลานี้ คลื่นอสูรที่เดิมควรจะมาในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า กลับโผล่ขึ้นมาก่อนเวลาเสียได้!
เมื่อคลื่นอสูรบุกเข้ามา ภายในเมืองเหมยเท่อก็ตื่นตระหนกไปทั่ว
เวลานี้ซูหยาได้กลับมาจากเมืองหลวงแล้ว การเดินทางไปเมืองหลวงในครั้งนี้เป็นไปอย่างราบรื่นมาก ซูหยาไม่เพียงได้รับการตกรางวัลใหญ่จากฝ่าบาท ยังได้รับฐานันดรศักดิ์เป็นพิเศษ นับแต่นี้ตระกูลซูจะได้เป็นชนชั้นสูงแห่งแคว้นเอ้าหลินแล้วเช่นกัน
แต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างเลย ในเมื่อตอนนี้คลื่นอสูรได้บุกเข้ามา ต่อหน้าฝูงสัตว์มารแล้ว ฐานันดรศักดิ์ทั้งปวงก็ล้วนไร้ประโยชน์
ในคราแรกหลงเชียนจั้นเรียกรวมพลเหล่าผู้นำตระกูลของเมืองเหมยเท่อมารวมตัวกัน ในช่วงเวลาแห่งความเป็นและความตายเช่นนี้ ทุกคนต่างละทิ้งความแค้นในอดีต รวมใจเป็นหนึ่งเพื่อกำจัดศัตรูร่วมกัน
การโจมตีของคลื่นอสูรในครั้งนี้รุนแรงมาก เมืองเหมยเท่อถูกโจมตีทั้งสี่ด้าน ผู้นำตระกูลทั้งสี่ที่อยู่ในเมืองต่างคนต่างถูกส่งไปดูแลกำแพงเมืองทั้งสี่ ส่วนที่ตระกูลซูรับผิดชอบทั้งหมดคือตำแหน่งกำแพงเมืองทางทิศตะวันออก ผู้ที่อยู่คุ้มครองเมืองด้วยกันยังมีนักอัญเชิญและนักรบจากจวนเจ้าเมืองเหมยเท่อ นอกจากนี้ยังมีนักอัญเชิญระดับต้นของตระกูลเล็กๆ อีกจำนวนหนึ่ง
เวลานี้ไม่ว่าจะเป็นการจู่โจมแบบใดก็ไม่ควรให้เสียเปล่าทั้งนั้น นักอัญเชิญที่รับเข้ามาใหม่ของตระกูลซูทั้งหมดก็มาเข้าร่วมในสงครามใหญ่ครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
บนกำแพงเมืองที่อยู่สูง ซูหยาในชุดคลุมยาวแบบนักอัญเชิญระดับสูงกำลังยืนหันหน้าเข้าหาลม โดยมีผู้อาวุโสตระกูลซูกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ทางด้านหลังเขา ส่วนซูรุ่ยและซูหว่านยืนอยู่แถวที่สาม ด้านหลังพวกเขาสองคน ก็คือเหล่าลูกศิษย์รุ่นที่เยาว์วัยที่สุดของตระกูลซูนั่นเอง
ทางนอกเมือง กองทัพสัตว์มารเบียดเสียดอัดแน่นอยู่มากเสียจนมองไม่เห็นที่สิ้นสุด
อันที่จริง เมืองเหมยเท่ออยู่ไกลจากเทือกเขาลั่วรื่อเป็นอย่างมาก เมื่อตอนสร้างเมือง ท่านเจ้าเมืองในยุคแรกเกรงจะไม่เคยคิดมาก่อนว่าเมืองเล็กๆ ที่ไม่อยู่ในสายตาเช่นนี้จะถูกสัตว์มารกลุ่มใหญ่บุกรุกเข้ามาสักวัน
สัตว์มารเหล่านี้ถูกส่งตัวมาจากเทือกเขาลั่วรื่อผ่านวงเวทเคลื่อนย้ายแบบพิเศษ และสิ่งที่พอจะกระตุ้นให้เกิดวงเวทเคลื่อนย้ายระดับสูงประเภทนี้ได้ ก็จะต้องเป็นสัตว์มารระดับเก้าขึ้นไปเท่านั้น
สัตว์มารระดับเก้าสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้แล้ว ก็จัดได้ว่าเป็นผู้นำรุ่นหนึ่งในเทือกเขาลั่วรื่อเช่นกัน แล้วสิ่งมีชีวิตเช่นนั้นมาถูกใจอะไรเมืองเหมยเท่อกันล่ะ
ในเนื้อเรื่องเดิมไม่ได้มีการพูดถึงเหตุผลของสัตว์มารในครั้งนี้ ซูหว่านและซูรุ่ยมองสบตากันทีหนึ่ง ทั้งสองคนได้เตรียมวางแผนเอาไว้ในใจอยู่ก่อนแล้ว
ทำไมสัตว์มารถึงมาเยือนก่อนกำหนด
อะไรเป็นเหตุจูงใจให้สัตว์มารระดับเก้าตนนั้นกระหน่ำโจมตีเมืองเหมยเท่อถึงเพียงนี้
เป็นเสี่ยวไป๋
เป็นเพราะกลิ่นอายอสูรเทพบนตัวของเสี่ยวไป๋นั่นเอง
เนื่องจากเสี่ยวไป๋ยอมรับซูรุ่ยเป็นนาย ดังนั้นเวลาในการคลายผนึกของมันจึงมาถึงก่อน ดังนั้น ครั้งนี้คลื่นอสูรถึงมาเยือนก่อนเวลา
“ทุกคนจงฟังคำสั่งข้า!”
ในเวลานี้ ซูหยาที่ยืนเงียบไม่พูดไม่จามาตลอดในที่สุดก็ค่อยๆ เอ่ยปากพูดว่า “เดี๋ยวข้าจะใช้หงเหลียนโจมตีไปก่อน จากนั้นขอให้ผู้อาวุโสทั้งหลายร่วมกันตั้งค่ายกลกระบี่ สุดท้ายให้นักอัญเชิญระดับต้นทั้งหมดในตระกูลแบ่งเป็นกลุ่มย่อย คอยเก็บกวาดสนามรบตามลำดับอยู่ด้านหลัง!”
“รับทราบ! ท่านผู้นำตระกูล!”
คนที่อยู่ด้านหลังต่างขานตอบโดยพร้อมเพรียงกัน
ซูหยาหรี่ตาตั้งสมาธิ ชุดคลุมสีขาวเงินเปล่งแสงสีทองเป็นประกาย ชั่วเวลาต่อมา เขาก็กระโดดลงจากกำแพงเมือง ชุดคลุมของเขาถูกลมโบกสะพัดจนเกิดเสียง ซูหยาเริ่มผนึกรวมพลังวิญญาณสีแดงเพลิง จากนั้นกระบี่ยาวสีแดงเลือดก็ปรากฏมากลางอากาศ…
กระบี่ปีศาจ หงเหลียน!
“ผู้นำตระกูลสมัยยังหนุ่มอาศัยรูปลักษณ์เท่ๆ แบบนี้หลอกสาวมานักต่อนักแล้วสินะ”
ซูหว่านซึ่งเข้าใจธาตุแท้ชอบหลงตัวเองของท่านผู้นำตระกูลอย่างลึกซึ้งอยู่ก่อนแล้วอดไม่ได้ที่กระซิบเบาๆ ที่ข้างหูซูรุ่ย
“อืม”
ซูรุ่ยบ่นพึมพำว่า “บางทีฮูหยินของผู้นำตระกูลก็น่าจะโดนหลอกมาแบบนี้เอง”
ซูจั้นและซูอู่ต่างไม่มีมารดามาตั้งแต่เล็ก คนตระกูลซูเองก็ไม่เคยเห็นโฉมหน้าของฮูหยินผู้นำตระกูลมาก่อน แต่ในฐานะที่เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดใต้เท้านางเอก ฮูหยินผู้นำตระกูลจะเป็นบุคคลธรรมดาไร้ชื่อเสียงเรียงนามได้อย่างไร
ไม่ผิด เรื่องราวในชีวิตของซูอู่ทั้งซับซ้อนและลึกลับเป็นอย่างมาก และสถานะภรรยาของซูหยานั้นก็โดดเด่นเป็นพิเศษเช่นกัน
แน่นอนว่า นี่ไม่ได้เกี่ยวกับซูหว่านเลยแม้แต่น้อย
เวลานี้กระบี่ปีศาจได้ปรากฏออกมาแล้ว สัตว์มารที่อยู่ด้านล่างก็เริ่มปั่นป่วนขึ้นมา และแล้วซูหยาที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศก็เหวี่ยงกระบี่ยาวในมือเข้าใส่กลุ่มสัตว์มารที่อยู่ใกล้ตัวที่สุด…
ประหาร บัว แดง!
เมื่อประกายแสงสีแดงกะพริบพาดผ่าน ซากศพของสัตว์มารก็ปรากฏทั่วพื้น สังหารเป็นพันศพเลยหรือ
เดจาวูของพระเอกอนิเมะช่างเลือดร้อนเสียเหลือเกิน~
“ท่านผู้นำตระกูลองอาจสง่าผ่าเผย!”
“ท่านผู้นำตระกูลไร้ผู้ต่อกร!”
เหล่าสมาชิกตระกูลซูต่างโห่ร้องด้วยความตื่นเต้นอยู่ข้างๆ แต่ละคนมีอาการประหนึ่งถูกฉีดเลือดไก่เข้าเส้นเลือดเสียอย่างไรอย่างนั้น
ซูรุ่ยหนังตากระตุกอย่างกลั้นไม่อยู่ ขอร้องล่ะ สัตว์มารที่อยู่หน้าสุดมันพวกฝีมือระดับล่างกันทั้งนั้น โอเคไหม ถ้าพวกนี้ซูหยายังจัดการไม่ได้ เขายังจะเป็นผู้นำตระกูลได้อีกเหรอ
แน่นอนว่าอันที่จริงท่านผู้นำตระกูลผู้ยิ่งใหญ่ก็ลำบากเช่นเดียวกัน ทั้งต้องฆ่าสัตว์มาร ต้องคอยเก๊กหล่ออีก แถมยังต้องมากระตุ้นขวัญกำลังทหารไปด้วยกันอีก…สรุปแล้ว ท่านคิดว่าการเป็นผู้นำตระกูลเป็นเรื่องง่ายหรือไร
แรงกดดันยิ่งกว่าภูเขาใหญ่ใช่หรือไม่
“บุก!”
เวลานี้ค่ายกลกระบี่ของกลุ่มผู้อาวุโสได้ตระเตรียมเรียบร้อยแล้ว จากนั้นผู้คนสิบกว่าคนก็ตะโกนเสียงดัง พุ่งตามซูหยาออกไป
ศาสตราวิเศษหลักของตระกูลซูก็คือ ‘กระบี่’ นี่ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่สุดที่ซูหยาถูกใจในตัวซูหว่านตั้งแต่ช่วงแรกๆ
เมื่อเห็นเหล่าผู้อาวุโสเริ่มฮึกเหิมกันแล้ว ซูรุ่ยก็ส่งยิ้มให้ซูหว่าน แล้วค่อยอัญเชิญมีดผู้พิชิตของตัวเองออกมาด้วยเช่นกัน ตอนนี้เขายังไม่อาจใช้จื่อหมิงได้ เพราะจื่อหมิงมีพลังชั่วร้ายที่รุนแรงมากเกินไป ควรเก็บเอาไว้ต่อกรกับสัตว์มารระดับสูง ยิ่งไปกว่านั้น การต่อสู้เพิ่งจะเริ่มต้น ซูรุ่ยเองยังไม่คิดจะทำตัวให้โดดเด่นกว่าซูหยาหรอก
ท่านผู้นำตระกูลผู้ยิ่งใหญ่ออกตัวทีหนึ่งมันง่ายเสียที่ไหนกันล่ะ!
ท่ามกลางเสียงโรมรันฟันแทง การต่อสู้เพื่อปกป้องเมืองเหมยเท่อได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ครั้งนี้ด้วยการแนะนำของซูรุ่ย หลงเชียนจั้นก็ได้เปิดตราประทับเจ้าเมืองเพื่อขอความช่วยเหลือไปล่วงหน้าก่อนแล้ว ขอเพียงทุกคนสามารถยื้อเอาไว้อีกสองวัน อย่างช้าที่สุดถึงวันที่สาม กำลังเสริมก็น่าจะมาถึงแล้ว…
เป็นเวลากลางคืน โคมไฟในเมืองสว่างเจิดจ้า ทุกครอบครัวต่างยากจะหลับตานอนลงได้
ที่นอกเมือง เสียงการต่อสู้ยังคงดำเนินต่อ กลิ่นเลือดชวนไม่พิศมัยกระจายฟุ้งไปทั่วชั้นบรรยากาศ
ซูหว่านและซูรุ่ยกลับมาพักผ่อนที่บ้านในช่วงเปลี่ยนเวร ร่างของทั้งสองคนเต็มไปด้วยคราบเลือด เมื่อได้แช่น้ำอุ่นอย่างสบายใจแล้ว ยามนี้ซูหว่านถึงค่อยผ่อนลมหายใจอย่างอารมณ์ดีออกมา
วันนี้ แม้ตระกูลซูจะมีผู้บาดเจ็บอยู่ไม่น้อย แต่ก็ยังไม่มีคนตาย แต่นี่เป็นเพียงวันแรกเท่านั้น พรุ่งนี้ มะรืนนี้ยังจะเกิดอะไรขึ้นอีก
“คุณว่ากำลังเสริมจะมาถึงเมื่อไหร่”
ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะหันไปมองซูรุ่ยที่แช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่อีกที่หนึ่ง
“อย่างช้าที่สุดก็สามวัน ถ้าหากมาได้เร็วละก็ บางทีพรุ่งนี้เย็นก็น่าจะมาได้แล้ว”
ในเนื้อเรื่องเดิม คลื่นอสูรจะปรากฏขึ้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า แล้วในขณะนั้นเนื่องจากสถานการณ์การสู้รบที่ดุเดือด ก่อนที่หลงเชียนจั้นจะตายได้เปิดตราประทับเจ้าเมืองเอาไว้ และเนื่องจากการตายในระหว่างต่อสู้ของหลงเชียนจั้นจึงทำให้ราชวงศ์ตระหนักได้ถึงความรุนแรงของเรื่องแล้ว ทางราชวงศ์ถึงใจกว้างยอมลงทุนเปิดวงเวทเคลื่อนย้ายนี้ขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกเสียดาย แต่เนื่องจากครั้งนี้เรื่องราวมีการเปลี่ยนแปลง จึงคาดเดาได้ว่ากำลังเสริมจะต้องไม่เปิดวงเวทเคลื่อนย้ายขึ้นแน่ และถึงแม้จะรีบเดินทางหามรุ่งหามค่ำโดยไม่หยุดพัก ก็ยังต้องใช้เวลาประมาณสองวัน
ขณะที่ทั้งสองคำกำลังหารือปัญหาเรื่องนี้อยู่ จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกผลักออก เสียงที่ดูรีบร้อนอย่างเห็นได้ชัดของซูเพ่ยดังผ่านฉากกั้นห้องเข้ามาว่า “นายน้อยใหญ่ คุณหนูสาม กำลังเสริมมาถึงแล้วเจ้าค่ะ!”
พรวด
ซูรุ่ยอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืนในน้ำ จากนั้นก็ดึงเสื้อคลุมขึ้นมาสวมตัว “เร็วปานนี้เชียว เป็นคนของราชวิทยาลัยนักอัญเชิญหรือเปล่า”
“เจ้าค่ะ ว่ากันว่าเป็นกลุ่มนักศึกษาใหม่ที่มาฝึกหัดอยู่แถวนี้พอดี คุณชายเซียวก็อยู่ในนี้เช่นเดียวกัน!”
พอซูเพ่ยได้ยินคำถามของซูรุ่ยก็ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว
เซียวเหยี่ยนกลับมาแล้ว?
เจ้าพระเอกคนนี้ไม่ธรรมดาเลย! คลื่นอสูรยังเปลี่ยนเวลาเยือน ส่วนเขายังรีบกลับมาได้อย่างน่าบังเอิญเสียได้!
“หึๆ”
เมื่อซูหว่านได้ยินคำพูดของซูเพ่ยก็เอนตัวลงชิดอ่างอาบน้ำอีกครั้ง ต่อจากนี้ดูท่าจะยุ่งขึ้นมาจริงๆ เสียแล้ว