ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 2 ฝืนชะตาคนไร้ค่า (2)
โถงรับแขกบ้านตระกูลซู
ในเวลานี้ซูหยาผู้นำตระกูลซูกำลังสนทนากับเซียวเหยี่ยนด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ผู้อาวุโสหลายคนที่อยู่รอบๆ ก็นั่งนิ่งด้วยความสงบ ในขณะที่เซียวเหยี่ยนคุยกับผู้นำตระกูลซูไปเรื่อยเปื่อย เห็นได้ชัดว่าจิตใจกำลังล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
คนหนุ่มนี่นะ เลือดร้อนไฟแรง ผู้นำตระกูลซูก็เข้าใจความคิดของเซียวเหยี่ยนเช่นกัน แต่ที่เขาแปลกใจก็คือ เซียวเหยี่ยนมาหาซูหว่านนั้นเป็นเรื่องที่ปกติ แต่ทำไมเขาถึงยังให้ตนเองไปเรียกซูอู่มาอีก มีเรื่องอะไรกัน
ไม่นานนักซูหว่านที่อยู่ภายใต้การนำทางของซูเพ่ยก็เดินมาอย่างช้าๆ หญิงสาวสวมชุดสีม่วงสดใส เมื่อนางเดินเข้าประตูก็ทำให้ผู้คนตาลุกวาวทันที
“ซูหว่านขอคารวะใต้เท้าผู้นำตระกูล คารวะผู้อาวุโสทุกท่าน และคารวะคุณชายเซียว”
หลังจากที่ซูหว่านเดินเข้ามา ก็เริ่มทักทายทุกคนอย่างสง่างามและสุภาพ ใบหน้าของซูหยาประด้วยรอยยิ้มน้อยๆ อยู่ตลอด แต่เซียวเหยี่ยนเพียงเหลือบมองที่ซูหว่านอย่างไม่ใส่ใจปราดหนึ่ง เมื่อคิดถึงเหตุการณ์วันนั้นที่นางพาคนทั้งกลุ่มมาดูหมิ่นซูอู่ให้อับอาย เขาก็รู้สึกว่านางทั้งเสแสร้งทั้งน่าขยะแขยง
เมื่อรู้สึกถึงสายตาไร้ความเป็นมิตรของเซียวเหยี่ยน ซูหว่านกลับเมินเฉยโดยอัตโนมัติ…
มีคนเกลียดฉันตั้งเยอะแล้ว คุณนับเป็นตัวอะไรกัน
หลังจากนั้นไม่นาน ซูอู่ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูห้องรับรองอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ในช่วงคืนวันเหล่านี้ ซูอู่กำลังฝึกวิชาอัญเชิญบรรพกาลที่เสี่ยวไป๋มอบให้กับนางอยู่ นางฝึกฝนอย่างสุดชีวิตมาโดยตลอด และฝึกใช้อาวุธหลายชิ้นที่เก็บสะสมเอาไว้ อีกทั้งตอนนี้ระดับของนางก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นจากระดับเก้าซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดของนักอัญเชิญเลื่อนขึ้นไปสู่ระดับแปดอย่างช้าๆ ขอแค่เลื่อนไปถึงระดับแปด นางก็จะจัดเก็บและอัญเชิญอาวุธในระดับที่สูงขึ้นได้
ทว่าในเวลานี้จู่ๆ นางก็ถูกผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาเรียกให้มาหาที่โถงรับรอง พร้อมบอกว่าอดีตคู่หมั้นของนางเป็นคนเรียกนางให้ไปพบ ซูอู่ก็ฉงนงุนงง ไอ้ผู้ชายสารเลวนั่นมาหาตนเองเพราะเหตุใด หรือจะทำให้ตนต้องอับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คนกลุ่มใหญ่อีกครั้ง
“ข้ามาแล้ว”
นอกจากจะโอกอดอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะพอใจนักมาด้วยแล้ว ซูอู่ยังอุ้มเสี่ยวไป๋ที่หน้ามุ่ยไปทั้งใบเดินเข้าไปในห้องโถงรับรอง
นางเป็นความอัปยศของตระกูลซู เป็นที่ขบขันของตระกูลซูมานานแล้ว ดังนั้นซูอู่จึงไม่จำเป็นต้องสนใจภาพลักษณ์ของตัวนางเอง นางยังรู้ด้วยว่าผู้อาวุโสของตระกูลซูเหล่านั้นไม่ชื่นชอบนาง แม้แต่ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบิดาของนาง ที่ยังไม่ไล่นางออกจากบ้านไป เพราะนางมีพี่ชายที่เป็นอัจฉริยะรูปหล่อเท่านั้นเอง~
ตนเองรู้ว่ากำลังอาศัยอยู่ใต้อำนาจอันยิ่งใหญ่จากซูจั้น แต่น่าเสียดายที่พ่อหนุ่มรูปหล่อคนนั้นไปฝึกฝนประสบการณ์ที่เทือกเขาลั่วรื่อ ไปครั้งก็ต้องใช้เวลาตั้งสามปี!
เฮ้อ เขากลับมาได้หรือเปล่ามีแต่ผีเท่านั้นแหละที่รู้~
ดังนั้นซูอู่จึงคิดว่าในต่างโลกนี้พึ่งพาตนเองดีกว่าพึ่งพาพี่ชาย!
ตั้งแต่ซูอู่เดินเข้ามาจิตใจก็เริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และไม่รู้ถึงมารยาทเลยสักนิด สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของซูหยาพลันนิ่งขรึมลงทันที แต่ก่อนที่เจ้าบ้านตระซูบันดาลโทสะ เซียวเหยี่ยนก็รีบลุกขึ้นยืนพร้อมยิ้มตาหยีอย่างรวดเร็ว “ท่านผู้นำตระกูลซู ที่จริงผู้แซ่เซียวมาในครั้งนี้เพราะมีเรื่องหนึ่งอยากจะปรึกษากับผู้ท่านผู้นำตระกูลซู”
“หือ? หลานเซียวมีเรื่องอะไรหรือ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวเหยี่ยน ซูหยาก็ได้แต่ละเรื่องของซูอู่ไว้ชั่วคราว และหันไปมองเซียวเหยี่ยนด้วยสีหน้าเมตตาและอ่อนโยน
“ข้ามาครั้งนี้ ก็เพราะเรื่องสมรสระหว่างข้ากับซูหว่าน ท่านผู้นำตระกูลซู ข้า…”
“ข้าต้องการถอนหมั้น”
เสียงของซูหว่านดังขึ้นมาขัดจังหวะคำพูดถัดไปของเซียวเหยี่ยน สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่ซูหว่าน
เซียวเหยี่ยนเหมือนถูกตบหน้าโดยไม่รู้ตัว และซูอู่ก็มองไปที่ซูหว่านด้วยสีหน้าประหลาดใจและสงสัย…
ผู้หญิงเย่อหยิ่งคนนี้กำลังจะถอนหมั้น หรือว่านางหาผู้ชายที่ดีกว่าเซียวเหยี่ยนเจอแล้ว
เมื่อพูดถึงความทรงจำของซูอู่ ในเมืองเหม่ยเท่อนี้ ผู้ชายเพียงคนเดียวที่สามารถเทียบกับเซียวเหยี่ยนได้มีเพียงหลงหลีและซูจั้น
อืม ผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้ไปชอบหลงหลีใช่ไหม ตาเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย!
ในเวลานี้ ดูเหมือนว่าซูอู่จะลืมฐานะเดิมที่หมกมุ่นและหลงใหลในตัวหลงหลีมาโดยตลอดของนางไปแล้วนะ~
“ซูหว่าน อย่าพูดจาเหลวไหล!”
ในเวลานี้ เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน ซูหยาที่อยู่ในห้องโถงใหญ่พลันตบโต๊ะ แล้วเอ่ยเสียงเย็นเยียบด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“ข้าไม่ได้พูดจาเหลวไหล ใต้เท้าผู้นำตระกูล นี่เป็นเรื่องสำคัญในชีวิตของข้า ซูหว่านไม่อยากเสียใจไปชั่วชีวิต คุณชายเซียวเป็นมังกรในหมู่มนุษย์ก็จริง แต่น่าเสียดาย เขาไม่ใช่คนในใจข้า”
ซูหว่านรู้ว่าถ้านางเป็นคนถอนหมั้นจะต้องทำให้ซูหยาเสียหน้าและจะทำให้เขาโกรธมาก แต่นางไม่รอให้ใต้เท้าพระเอกเป็นคนมาถอนหมั้นเองหรอก
ยิ่งไปกว่านั้น ความวุ่นวายจากการถอนหมั้นครั้งนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นให้ซูหว่านร่างเดิมกลายเป็นตัวรับกระสุน และเป็นจุดเริ่มต้นการพัวพันกันชั่วชีวิตระหว่างพระเอกและนางเอกอีกด้วย
นับแต่นี้เป็นต้นไป ซูหว่านจะเป็นคนพลิกชะตาชีวิตของทุกคนเอง
“เหลวไหล! เหลวไหลที่สุด!”
ซูหยาด่าทอด้วยความโกรธอีกหลายประโยค ก่อนจะหันกลับมามองเซียวเหยี่ยนด้วยความกระดากอาย “หลานเซียว เจ้าไม่ต้องถือสานะ เด็กคนนี้อายุยังน้อยอยู่ ยังเป็นช่วงที่อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย เจ้าอย่าได้ใส่ใจเลยนะ!”
“ท่านผู้นำตระกูลซู อันที่จริงข้า…ข้าก็มาที่นี่เพื่อถอนหมั้น”
แม้จะช้าไปหน่อย แต่เซียวเหยี่ยนก็ยังคงพูดสิ่งที่อยู่ในใจของเขาออกมา
เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวเหยี่ยน ผู้คนในห้องโถงต่างก็ตกตะลึง นี่ นี่มันเรื่องบ้าบออะไรเนี่ย
พวกเจ้าสองคนปรึกษากันแล้วมาเล่นตลกพวกข้าหรือเปล่า
“ที่แท้คุณชายเซียวก็ค้นพบอยู่ก่อนแล้วว่าเจ้ากับข้าไม่เหมาะสมกัน”
เมื่อซูหว่านได้ยินคำพูดของเซียวเหยี่ยน นางยิ้มเล็กน้อยและพูดเบาๆ ประโยคหนึ่ง
“ถ้าอุดมการณ์ไม่เหมือนกัน ก็อยู่ด้วยกันไม่ได้”
เซียวเหยี่ยนเหลือบมองซูหว่านอย่างเย็นชา เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมซูหว่านถึงต้องการถอนหมั้น หรือว่านางรู้ความคิดตนเลยชิงลงมือก่อนเพื่อความได้เปรียบ
เมื่อรับรู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ ระหว่างซูหว่านและเซียวเหยี่ยน ซูหยาก็ได้กลิ่นแปลกๆ ที่ต่างไปจากเดิมจากทางนั้น “แค่กๆ หลานเซียว งานแต่งนี้เป็นเรื่องใหญ่ สะเพร่าไม่ได้ ข้าคิดว่าพวกเราควรจะวางแผนระยะยาว! เจ้าดู ข้ายังมีเรื่องสำคัญยังไม่ได้จัดการ วันนี้เราคุยกันไว้แค่นี้ก่อนดีไหม ซูหว่าน เจ้าตามข้ามา!”
ขณะพูด ซูหยาก็หันหลังกลับและนำซูหว่านออกจากประตูด้านข้างของห้องโถง
เซียวเหยี่ยน “…”
ท่านผู้นำตระกูลซู ท่านกำลังเล่นบทขี้โกงอยู่ทนโท่ใช่ไหม
เมื่อเห็นว่าผู้นำตระกูลเดินจากไป ผู้อาวุโสทุกคนต่างก็ลุกขึ้นและกล่าวคำอำลากับเซียวเหยี่ยน และซูอู่ก็ฉวยโอกาสนี้ออกไป หลังจากนั้นไม่นานนัก ทั้งห้องโถงก็เหลือแต่เซียวเหยี่ยนเพียงคนเดียว นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!
คุณชายใหญ่เซียวดูท่าทางสลดใจอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่นี่คือตระกูลซู ต่อให้เขาจะสลดใจมากแค่ไหนก็ไม่มีที่ให้ระบาย~
ตระกูลซู ห้องหนังสือผู้นำตระกูล
“พูดมาเถอะ ที่แท้แล้วเรื่องมันเป็นอย่างไรกันแน่”
ซูหยานั่งอยู่หน้าโต๊ะหนัง และจ้องมองไปที่ซูหว่านที่อยู่ข้างหน้า
“คุณชายเซียวต้องการถอนหมั้น ข้าเพียงแต่ถูกบังคับจึงได้แต่เปิดปากพูดก่อนอย่างจนปัญญา”
ซูหว่านมองสายตาซูหยาและตอบอย่างไม่ถือตัว
“หือ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเซียวเหยี่ยนจะถอนหมั้น หรือว่าตระกูลเซียวของพวกเขาวางแผนจะแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลจ้าวจริง เพื่อให้ตระกูลพวกเราอ่อนแอลงหรือ”
ตระกูลจ้าวเป็นตระกูลใหญ่ลำดับสามของเมืองเหม่ยเท่อ ในช่วงสองสามปีมานี้ฐานะของบ้านตระกูลซูถูกตระกูลจ้าวจับตามอง
“การลดความเข้มแข็งของตระกูลซูลง ไม่จำเป็นจะต้องแต่งงานกับตระกูลจ้าวเสมอไป และการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลซูก็เช่นกัน แน่นอนว่า พวกเขาจะไม่เลือกข้า”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ซูหว่านเงยหน้ามองซูหยา “ใต้เท้าผู้นำตระกูล ท่านปราดเปรื่องและมีไหวพริบเป็นเลิศ กลอุบายของตระกูลเซียวไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึงในสายตาของท่าน”
“ฮึ ก็แค่กลอุบายเล็กจ้อยเท่านั้นแหละ”
ซูหยาได้ยินคำพูดประจบประแจงของซูหว่าน สีหน้าก็ดีขึ้นมากในทันที “ซูหว่าน เจ้าออกไปก่อนเถอะ รอให้จั้นเอ๋อร์กลับมาในอีกไม่กี่วัน เมื่อเขากลับมาจากการฝึกฝน นักอัญเชิญอันดับหนึ่งของเมืองเหม่ยเท่อจะต้องเป็นของเขา เมื่อถึงเวลา ตระกูลเซียวจะต้องยอมแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับเราอย่างโดยดี”
ซูจั้น…
เมื่อได้ยินซูหยาพูดถึงชื่อซูจั้น หัวใจของซูหว่านก็กระตุก ซูจั้นในเนื้อเรื่องเดิมเป็นบุคคลยอดอัจฉริยะที่หาได้ยาก เขารักน้องสาวของเขามาก อืม เขาก็เป็นพระรองคนหนึ่ง แต่ไม่น่าจะเป็นพระรองผู้มีความรู้สึกรักลึกซึ้งขนาดนั้นมั้ง
เอ๊ะ ทำไมจู่ๆ ก็รู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา…
ในเวลานี้ กลางท้องฟ้าที่ห่างจากเมืองเหม่ยเท่อไปหลายพันลี้ มีนกอินทรียักษ์ตัวหนึ่งกำลังกางปีกบิน และบนตัวของนกอินทรีก็มีชายสองคนนั่งอยู่
ชายผู้เป็นหัวหน้ามีใบหน้าที่หล่อเหลาและสายตาเย็นชา ในขณะที่คนที่อยู่ข้างหลังเขาแต่งกายด้วยชุดคนรับใช้ ในเวลานี้ใบหน้าของเขาซีดขาว จับชายเสื้อของชายที่อยู่ข้างหน้าเขาแน่นอยู่ตลอด “คุณชายใหญ่ คุณชายใหญ่ พวกเราไม่ได้รีบกลับบ้านตระกูลซู ท่านช่วย… ช่วยบอกให้อสูรวิเศษบินช้าลงหน่อยได้หรือไม่ขอรับ”
“ถ้าเจ้ากลัวก็ไสหัวลงไป!”
เสียงลมหวีดหวิวผสมกับเสียงเย็นชาของชายผู้นั้น…
ด้วยความเร็วนี้แม่ทัพซูช้ายังรู้สึกว่าช้าเกินไปด้วยซ้ำ นายอยากให้มันช้าลง รนหาที่ตายหรือเปล่า