ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 21 ฝืนชะตาคนไร้ค่า (21)
เพราะการเลื่อนระดับพลังที่ไม่ธรรมดาของซูรุ่ย การสู้รบของเมืองเหมยเท่อจึงจบเร็วกว่ากำหนด สี่ตระกูลใหญ่จึงเริ่มส่งคนของตัวเองไปช่วยกันจัดการเก็บกวาดสนามรบ เมื่อทหารกองหนุนของราชสำนักเดินทางมาถึง เมืองทั้งเมืองก็ได้กลับคืนสู่ความสงบและสะอาดเรียบร้อยดั่งเดิมแล้ว
บรรยากาศภายในเมืองค่อนข้างจะคึกคัก จวนตระกูลซูยิ่งหัวกระไดไม่แห้ง ครึกครื้นเป็นอย่างมาก
หัวหน้ากองหนุนที่ทางราชสำนักจัดส่งมาในครั้งนี้ ก็คือท่านอาจารย์อวิ๋นฟาน เป็นอาจารย์ระดับกลางในราชวิทยาลัยนักอัญเชิญ และเขายังเป็นน้าชายของอวิ๋นหลิงอีกด้วย เมื่อได้ฟังเรื่องราวของนายน้อยใหญ่ซูมาจากหลานสาวของตัวเอง ได้รับรู้ว่าในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ยังมีผู้ที่มีพรสวรรค์เก่งกล้าหลบซ่อนอยู่ ก็ทำให้อวิ๋นฟานรู้สึกตื่นเต้นดีใจไปหมด นี่ช่างเป็นเรื่องดีๆ ที่ตกลงมาจากสวรรค์เสียจริง! ถ้าหากสามารถพาเขากลับไปที่สำนักศึกษาหลวงได้ละก็ นี่จะต้องเป็นผลงานชิ้นใหญ่ของเขาเป็นแน่ ท่านอาจารย์ใหญ่จะต้องดีใจมาก แล้วเขาก็จะได้เข้าใกล้การเลื่อนตำแหน่งเข้าไปอีกก้าว!
ในขณะที่อวิ๋นฟานกำลังคิดถึงอนาคตของตนเองอยู่นั้น เมื่อเขาได้พากลุ่มลูกศิษย์มาเข้าเยี่ยมเยือนที่จวนตระกูลซูนั้น กลับได้รับแจ้งว่า นายน้อยใหญ่ซูได้ทำการกักตนฝึกวิชาไปแล้ว ไม่พบใครทั้งสิ้น!
อวิ๋นฟาน “…”
เพิ่งเลื่อนระดับเสร็จก็เข้ากักตนฝึกวิชา นี่มันไม่ถูกต้องตามหลักวิทายาศาสตร์เลยนะ
“แค่กๆ ท่านอาจารย์อวิ๋น”
เมื่อเห็นว่าอวิ๋นฟานไม่เชื่อถือในคำพูดของคนตระกูลซู ทำหน้าบึ้งตึงจะบุกเข้าไปหาซูจั้นที่เรือนของเขา เซียวเหยี่ยนที่ยืนอยู่ด้านข้างจึงอดไม่ได้ที่จะก้าวเข้าไปกระซิบอยู่ที่ข้างหูของอวิ๋นฟาน
การกักตนฝึกวิชาของนายน้อยใหญ่ซูเป็นอย่างไร นั่นไม่ใช่ความลับอะไรในเมืองเหมยเท่อมาตั้งนานแล้ว
ได้ฟังคำพูดของเซียวเหยี่ยน อวิ๋นฟานถึงกับยืนอึ้งอยู่กับที่ไปเลยทีเดียว…
ให้ตายเถอะ ต้องอภัยให้เขาด้วยที่อยู่เป็นโสดมาจนถึงทุกวันนี้ มีชีวิตอยู่มาครึ่งค่อนชีวิตแล้วเพิ่งจะเคยได้ยินว่ามีคนทำไปทำมาก็สามารถเลื่อนระดับได้ แล้วยังสามารถเลื่อนระดับได้อย่างรวดเร็วและเกินมนุษย์มนาไปได้ขนาดนี้อีกด้วย!
“อืม เอาเถอะ ถ้าหากว่านายน้อยใหญ่เขากำลัง…เอ่อ กักตนฝึกวิชาอยู่ ข้าค่อยแวะมาใหม่วันหลังก็แล้วกัน”
อวิ๋นฟานพาคนกลับออกไปด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างกระอักกระอ่วน ตอนที่กำลังเดินออกไปก็พอดีกับที่ซูอู่และซูชิงกลับเข้ามาจากการฝึกซ้อมข้างนอก
ในเนื้อเรื่องเดิม คนที่มาเป็นกำลังหนุนก็คืออวิ๋นฟานเช่นเดิม และก็เป็นเขาคนนี้ที่สายตาดีเห็นแววความสามารถของซูอู่ใต้เท้านางเอกในอนาคตคนนี้เข้า แต่น่าเสียดายที่ในครั้งนี้ เรื่องราวของซูจั้นได้เข้าไปจับจองอยู่เต็มพื้นที่ในหัวใจดวงน้อยๆ ของเขาไปหมดแล้ว จึงทำให้เขาไม่ทันได้สังเกตเห็นใต้เท้านางเอกที่เดินสวนเขาไป
แต่กลับกลายเป็นเซียวเหยี่ยนที่พอเห็นร่างของซูอู่แล้วดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา เขาลังเลที่จะเข้าไปทักทายกับนาง น่าเสียดายที่ซูอู่พูดคุยอยู่กับซูชิงตลอดเวลา ทำให้นางมองไม่เห็นใต้เท้าพระเอกที่เดินสวนกันออกไป
เซียวเหยี่ยน “…”
จนกระทั่งคนกลุ่มนั้นเดินจากไปแล้ว ซูชิงถึงได้หยุดฝีเท้าลงแล้วหันมามองซูอู่ “เมื่อครู่นั่นใช่นายน้อยใหญ่เซียวหรือไม่ ดูท่าทางเหมือนว่าเขามีเรื่องจะพูดกับเจ้านะ”
ซูชิงเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบ การกระทำของเซียวเหยี่ยนเขาสังเกตเห็นมันตั้งแต่ต้นแล้ว
“เจ้าว่าเซียวเหยี่ยนน่ะหรือ ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับเขาทั้งนั้น”
ได้ยินคำพูดของซูชิง ซูอู่ก็อดไม่ได้ที่จะยักไหล่
“อ้อ”
ได้ยินคำพูดของซูอู่ ซูชิงก็เพียงแค่พยักหน้าเบาๆ ช่วงนี้ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ซูชิงพวกเขาก็ค่อยๆ เข้ากับตระกูลซูได้มากขึ้น และตระกูลซูเดิมก็เป็นนักอัญเชิญอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าช่วงแรกๆ พวกเขาจะดูถูกพวกเขา ลับหลังยังเรียกลานฝึกของพวกเขาว่าเป็น ‘ค่ายรวมพวกไร้ค่า’ แต่ว่าในเหตุการณ์ฝูงสัตว์มารบุกเมืองในครั้งนี้ พวกเขาทุกคนก็ได้พยายามกันอย่างเต็มความสามารถ ตอนนี้ซูชิงเป็นถึงนักอัญเชิญระดับแปดขั้นสูงสุดแล้ว ซูอู่เองก็เลื่อนระดับมาระดับเจ็ดตั้งนานแล้วด้วย
พวกเขา ไม่ใช่พวกไร้ค่าอีกต่อไป พวกเขาก็เป็นนักอัญเชิญที่มีคนเคารพนับถือเช่นกัน
ผ่านการสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กันในครั้งนี้ เหล่าพี่น้องสายหลักของตระกูลซูก็ค่อยๆ ยอมรับพวกเขามากขึ้น ไม่มีใครดูถูกพวกเขาอีกต่อไป
ถึงแม้ว่า เมื่อเทียบกับความสามารถของซูจั้นแล้ว ซูชิงรู้ว่าตัวเองยังห่างชั้นอีกมาก แต่ว่าเขาก็ถือว่าได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ของตนเองสักที…
ทั้งสองเดินเคียงข้างกันเข้าไป ยังไม่ทันได้รู้ตัวก็เดินมาถึงหน้าเรือนของซูรุ่ยแล้ว
“เสี่ยวอู่เด็กดี!”
เงาร่างอันสูงใหญ่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ซูอู่ไม่ทันได้ตั้งตัว เกือบจะถูกเสี่ยวไป๋พุ่งเข้าใส่จนล้มลง ยังดีที่ซูชิงมือไวกว่าประคองนางเอาไว้ได้ทัน
“เจ้าไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”
ซูชิงมองไปที่ซูอู่อย่างเป็นกังวล ซูอู่เพียงแค่ยกยิ้มอย่างอ่อนใจ “ข้าไม่เป็นอะไร เสี่ยวไป๋ เจ้ายิ่งอยู่ยิ่งตัวหนักแล้วนะเนี่ย”
เสี่ยวไป๋ “…”
นี่ข้าถูกรังเกียจแล้วหรือนี่ เดี๋ยวก่อน เหมือนว่าข้าจะกังวลผิดจุดไปนะ แล้วไอ้หน้าอ่อนคนนี้เป็นใครกัน ทำไมถึงได้มายืนอยู่ใกล้กับเสี่ยวอู่ของข้าขนาดนี้ เมื่อครู่นี้ยังกล้าเข้าไปประคองเอวอรชรของนางเอาไว้อีก
“เจ้าเป็นใคร”
เสี่ยวไป๋อ้อมมาด้านข้าง ใช้สายตาที่ไม่เป็นมิตรมองไปยังซูชิง
ซูชิง “…”
นายน้อยใหญ่มีสัตว์เลี้ยงที่พูดได้ ทุกคนในจวนต่างก็รู้กันหมด วันนี้พอเห็นว่าเสี่ยวไป๋มองตัวเองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ซูชิงก็รู้สึกแปลกใจ “ข้าชื่อซูชิง เจ้าก็คือเสี่ยวไป๋สินะ”
ซูชิง?
เสี่ยวไป๋ได้ยินคำพูดของซูชิง ก็รู้สึกแปลกใจแล้วมองดูเขาอีกหลายครั้ง ทำไมชื่อนี้มันถึงได้คุ้นหูนักเล่า
รู้สึกว่าจะเป็น…
“โอ๊ะ!”
เสี่ยวไป๋ตกใจจนกรีดร้องเสียงดังแล้วยกขาหน้าของมันขึ้นมาอย่างกะทันหัน “เจ้าก็คือศัตรูหัวใจของนายท่านคนนั้นนี่เอง!”
ศัตรูหัวใจ…
สีหน้าของซูชิงมีความอีหลักอีเหลื่ออยู่ชั่วแวบ ซูอู่ที่ยืนอยู่ด้านข้างกลับมองมาที่ซูชิงอย่างขบขัน “หือ พี่ซูชิง ที่แท้แล้วท่านชอบพี่หญิงของเสี่ยวอู่หรอกหรือ”
“ไม่ๆ ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้นนะ อันที่จริงแล้ว…พวกเราเป็นแค่…เพื่อนบ้านกัน”
มือไม้ของซูชิงอยู่ไม่เป็นที่โบกไปมาเป็นพัลวัน จนเริ่มมีริ้วสีแดงพาดอยู่บนใบหน้า
แต่ซูอู่กลับมีสายตาเป็นประกายจนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ถึงว่าพี่ใหญ่ถึงได้พยายามยัดข้าไปไว้ในกลุ่มของพวกท่าน!”
ยิ่งคำพูดนี้ของซูอู่หลุดออกมา สีหน้าของซูชิงก็ยิ่งมีความกระอักกระอ่วนมากขึ้น
ความคิดของนายน้อยใหญ่ซูตอนนี้ทุกคนก็รู้กันไปทั่วบ้านทั่วเมือง แผนการเล็กๆ เช่นนี้ของพี่ใหญ่ตัวเอง ซูอู่เองก็มีความรู้สึกหมดคำจะพูดแล้วเหมือนกัน
ความรักระหว่างหนุ่มสาวกับมิตรภาพไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะตัวติดกันหรือจะเป็นคนที่มีโอกาสมากกว่า หากว่าไม่มีความรู้สึกหวั่นไหว ไม่ว่าจะอยู่ด้วยกันอย่างไรก็สูญเปล่า…
จริงๆ แล้วซูอู่ก็ดูออกอยู่เหมือนกัน ในใจของซูชิงก็ยังคงชอบซูหว่านอยู่ ต่อให้เขาเก็บซ่อนความรู้สึกนั้นเอาไว้ลึกขนาดไหน น่าเสียดาย ก็ยังถูกสายตาอันแหลมคมของซูรุ่ยมองทะลุออกมาอยู่ดี
ผู้ชายคนนี้เป็นผู้ชายนิสัยดีที่หายาก และเป็นคนดีที่หาได้ยากมากเช่นกัน แต่น่าเสียดาย เขาไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่ตัวเองชอบ…
ในห้องนอนภายในเรือน
ถึงแม้ว่าซูรุ่ยจะอยู่ในห้องนอน แต่เขากลับแผ่พลังวิญญาณของเขาออกไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในจวน เขาก็ได้ยินหมดทุกคำพูดอย่างชัดเจน
การมาของอวิ๋นฟานเขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร เพราะว่าในเนื้อเรื่องเดิม ณ เวลานี้ ‘ซูจั้น’ ยังไม่ได้เลื่อนระดับพลังมาเป็นนักอัญเชิญระดับสูง เพราะยังไม่ได้รื้อฟื้นความทรงจำที่แท้จริงของตัวเอง สุดท้ายเขาก็ต้องตามอวิ๋นฟานและพวกซูอู่เซียวเหยี่ยนพวกเขาไปที่ราชวิทยาลัยนักอัญเชิญ อยู่ในสำนักศึกษาเขาดูแลปกป้องน้องสาวของตัวเองเป็นอย่างดี ความสัมพันธ์ระหว่างเขาก็ซูอู่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ นี่จึงทำให้หลังจากนั้นหนึ่งปี หลังจากที่ความทรงจำที่แท้จริงของเขากลับมาแล้ว เขาก็ยังคงปล่อยวางซูอู่ไม่ได้ อันที่จริงตอนนั้นเขาสามารถไปจากแคว้นเอ้าหลิน ด้วยความสามารถของเขาแล้ว ในแผ่นดินใหญ่ตงชวนไม่มีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้แล้ว แต่ว่าเพื่อสาวน้อยที่ตัวเองหลงรัก เขาจึงเลือกที่จะเป็นเพียงแค่นักอัญเชิญระดับสูงอย่างนี้ไปเงียบๆ คอยอยู่เคียงข้าง ปกป้องดูแลนาง จนกระทั่งถึงตอนที่นางและเซียวเหยี่ยนอยู่ด้วยกันแล้ว เขาก็ยังคงอวยพรให้พวกเขามีความสุขในฐานะของพี่ชาย…
ที่เรียกว่าพระรองคลั่งรัก แท้ที่จริงแล้วก็เป็นเพียงคำจำกัดความของคนโง่และปัญญาอ่อนเท่านั้นแหละ…
“คิดอะไรอยู่”
ซูหว่านที่นอนอยู่ใต้ร่างขยับเข้ามาถามชิดที่หูของเขาเบาๆ ได้ยินเสียงเรียกของคนรัก ประกายในตาของซูรุ่ยก็ลดลงแล้วยิ้มออกมา “ผมกำลังคิดอยู่ว่า ผมเป็นมาร ตอนนี้ผมกับเสี่ยวไป๋ได้ทำพันธสัญญากันแล้ว ถ้าหากวันหนึ่งเขารู้ว่าผมเป็นเผ่ามารขึ้นมา คุณคิดว่าเขาจะทำอย่างไร”
“หือ”
ได้ฟังคำพูดของซูรุ่ย ซูหว่านก็กะพริบตาขึ้นลง ในเนื้อเรื่องเดิมเพื่อความรักแล้ว ซูจั้นเก็บซ่อนฐานะของตัวเองเอาไว้ไม่ให้ใครรู้ แล้วตอนนี้ล่ะ
อย่างน้อย ตอนนี้ผู้ที่อยู่ที่เทือกเขาลั่วรื่อราชันสัตว์มารผู้นั้นก็รู้ถึงสถานะที่แท้จริงของเขาแล้ว
“ต่อให้เขารู้ว่าคุณเป็นมาร เขาก็ทำอะไรไม่ได้หรอก”
ซูหว่านรู้ดีว่านิสัยที่แท้จริงของเสี่ยวไป๋เป็นอย่างไร นักกินที่ตะกละอย่างนั้น เป็นแค่คนที่ไม่มีจรรยาบรรณขอแค่มีนมก็นับเป็นแม่ไปหมด
ได้ฟังคำพูดของซูหว่าน ซูรุ่ยก็หัวเราะออกมา แล้วก็ก้มลงมาประทับจูบลงไปบนเปลือกตาของนาง “ภรรยา อีกไม่กี่วันท่านพ่อก็จะจัดงานแต่งงานให้เราแล้ว ได้แต่งงานกับคุณอีกแล้ว ดีใจจังเลย”
ซูหว่าน “…”
เป็นพวกคลั่งการแต่งงานอะไรขนาดนั้น แม่ทัพซูยิ่งอยู่ยิ่งน่ารักนะเนี่ย