ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 3 ฝืนชะตาคนไร้ค่า (3)
ยามเที่ยงคืน เมืองเหม่ยเท่อ บ้านตระกูซู
“วี้ด”
ด้วยเสียงร้องของอินทรีล่าสายลม นักอัญเชิญทั้งตระกูลซูพลันพากันตื่นขึ้นมา เสียงนี้คือ…อสูรวิเศษอัญเชิญระดับหกนกอินทรีล่าสายลม!
ทั้งเมืองเหม่ยเท่อมีเพียงไม่กี่ตระกูลเท่านั้นที่ครอบครองอสูรวิเศษอัญเชิญระดับหก และมีเพียงตระกูลหลงเท่านั้นที่ครอบครองอสูรวิเศษเหาะเหินที่สามารถบินไปหมื่นลี้ได้ภายในวันเดียว
หรือว่าจะเป็นคนของจวนเจ้าเมืองมาเยี่ยมกลางดึก
ในชั่วขณะนั้น ทั้งตระกูลซูพลันวุ่นวายขึ้นมาเป็นพัลวัน
ซูหว่านก็ตกใจตื่นขึ้นด้วยเสียงร้องอันแหลมสูงของนกอินทรีเช่นกัน นางพลิกตัวด้วยความรำคาญ และกำลังจะนอนต่อ…
ตระกูลซูจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นได้กัน
ในช่วงเวลาสั้นๆ จะมีบอสใหญ่ตัวไหนเกิดในแผนที่เล็กๆ ของหมู่บ้านมือใหม่ได้ ดังนั้นตนควรนอนต่ออย่างวางใจและคิดว่าจะติดต่อซูรุ่ยได้ยังไงดีกว่าไหม
“คุณหนูสาม!”
“คุณหนูสาม!”
ซูหว่านยังไม่ทันได้นอนต่อ นางก็ถูกเสียงของซูเพ่ยปลุกอีกครั้ง
ดึกดื่นขนาดนี้ยังจะให้คนนอนอย่างเป็นสุขได้ไหม
“มีเรื่องอะไรหรือ”
ซูหว่านลุกขึ้นจากเตียงและมองไปยังซูเพ่ยที่สีหน้าเต็มไปด้วยความดีใจและเขินอาย
“คุณหนูสาม นายน้อยใหญ่ นายน้อยใหญ่กลับมาแล้ว!”
“อ้อ”
ซูหว่านตอบรับไปเสียงหนึ่ง ก็แค่ซูจั้นกลับมาไม่ใช่หรือ
หือ?
“เจ้าพูดอะไรนะ”
ซูหว่านที่เดิมทีอยากจะเปลี่ยนท่าเอนตัวนอนลงใหม่อีกครั้งพลันลุกขึ้นนั่งอีกครั้งและพูดว่า “ซูจั้นกลับมาแล้วหรือ”
ซูเพ่ย “…”
คิดไม่ถึงว่าจะกล้าเรียกนามของเทพบุตรโดยตรง~
“เจ้าค่ะ นายน้อยใหญ่กลับมาแล้ว”
ซูจั้น นายน้อยใหญ่ เทพบุตรผู้ทรงเสน่ห์ในใจหญิงสาวหมื่นพันคนในตระกูลซู
สรุปคือทุกครั้งที่พูดถึงนายน้อยใหญ่ ซูเพ่ยก็รู้สึกว่าหัวใจสาวน้อยของนางเต้นเป็นจังหวะว่า นายน้อยใหญ่หล่อนัก นายน้อยใหญ่อ่อนโยนนัก นายน้อยใหญ่เก่งนัก~
ซูหว่านที่อยู่บนเตียงพลันขมวดคิ้ว ไม่มีกะใจจะไปดูหน้าตาลุ่มหลงของซูเพ่ย…
ไม่ถูกสิ มันผิดปกติเกินไป
เป็นไปไม่ได้ที่ซูจั้นจะกลับมาในเวลานี้!
เว้นแต่…
สีหน้าของซูหว่านพลันเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน นางไม่สนใจแม้แต่จะสวมเสื้อตัวนอก นางรีบวิ่งเท้าเปล่าออกไปนอกประตูทั้งที่สวมชุดนอนโปร่งบาง ผลที่ได้ยังไม่ถึงหน้าประตูใหญ่ ประตูห้องของนางถูกผลักออกอย่างแรงเสียก่อน
วูบ
ร่างกายเย็นเยียบผสานกับลมหนาวพลันพุ่งเข้าโอบกอดนางอย่างแรง
“ว้าย!”
ซูเพ่ยที่กำลังวิ่งออกจากห้องโดยถือรองเท้าของซูหว่านมาด้วย เมื่อเห็นชายที่อยู่หน้าประตูโอบกอดซูหว่าน พลันอดไม่ได้ที่จะอ้าปากตะโกนออกมาเสียงหนึ่ง…
ต้องเป็นเพราะข้าถือรองเท้าผิดวิธีกระมัง
คุณชายใหญ่กำลังกอดคุณหนูสาม ไม่ถูก กำลังขบ ไม่ใช่ กำลังลูบ?
มารดาเอ๋ย หัวใจสาวน้อยของข้า แตกสลายแล้ว~
“ไสหัวออกไป!”
เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น ซูเพ่ยเพียงรู้สึกปวดที่เอวคราหนึ่ง แล้วทั้งร่างก็เหมือนถูกลมหนาวพัดออกไปนอกประตู กวาดออกไปนอกประตู ราวกับกวาดมูลสุนัข
ซูเพ่ยนึกในใจ เสียใจนัก ข้าจะไม่รักผู้ใดอีกแล้ว~
ภายในห้อง…
ขณะที่ซูรุ่ยจูบซูหว่าน ทั้งสองก็ก้าวถอยหลัง เมื่อพวกเขาถอยกลับไปที่เตียงเสื้อผ้าของพวกเขาก็หายไป
“ภรรยา ลำบากแล้ว”
ซูรุ่ยขบติ่งหูของซูหว่านและกระซิบเบาๆ ข้างหูของนาง
“ไม่ลำบาก คนที่ลำบากเป็นคุณต่างหาก”
ดวงตาของซูหว่านค่อนข้างเปียกชื้น นางไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบร้องไห้ แต่ในอ้อมแขนของซูรุ่ย นางอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ นางอยากจะบอกเขาดังๆ ว่านางรักเขาและนางขาดเขาไม่ได้
“มันลำบากมาก”
ซูรุ่ยเหลือบมองประกายน้ำตาที่หางตาของซูหว่าน และยกมือขึ้นเช็ดให้นางด้วยความสงสาร จากนั้น ร่างกายของเขาก็กดทับบนร่างของซูหว่านแล้วพูดว่า “ภรรยา คุณจะตอบแทนผมยังไง”
ตอบแทน?
ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา พลังวิญญาณในร่างของนางพลันหมุนโคจร นางแค่พลิกตัวก็กดซูรุ่ยลงไปอยู่ใต้ร่างของนาง “ทำสงครามกันสักสามร้อยรอบ รบกันจนกว่าคุณจะหมดแรง คุณว่าเป็นยังไง”
“อืม…”
ซูรุ่ยที่อยู่ใต้ซูหว่านขมวดคิ้วน้อย สีหน้าครุ่นคิด “ความคิดนี้ไม่เลว แต่…คุณต้องเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ยืดเยื้อ ความแข็งแกร่งของผมที่เป็นแม่ทัพแน่นอนว่า…อุ๊บ”
ซูหว่านปิดปากซูรุ่ยด้วยการจูบ…
จะสู้ก็สู้ จะมาพูดมากทำไม
แม่ทัพซูหมดคำจะพูดอย่างแท้จริง
หากไม่รบกับนางปีศาจน้อยคนนี้จนลุกขึ้นจากเตียงไม่ได้สามวันสามคืน ไม่ต้องมาเรียกผมว่าซูรุ่ย~
ดังนั้น วันรุ่งขึ้น ภายในตระกูลซู…
“นายน้อยใหญ่ล่ะ”
“พวกเจ้ามีใครเห็นคุณชายใหญ่หรือไม่”
ว่ากันว่าเมื่อคืนนายน้อยใหญ่ขี่อินทรีล่าสายลมกลับมาแล้ว นั้นมันสง่างามหล่อเหลาสุดๆ ไปเลย แต่แค่พริบตาเขาหายตัวไปแล้ว!
ท่านผู้นำตระกูลบอกว่านายน้อยใหญ่เหนื่อยแล้วต้องการพักผ่อน คนเหล่านี้ถึงได้แยกย้ายกันไป แต่เช้าวันนี้ที่ลานฝึกซ้อมของตระกูลก็ยังไม่เห็นร่างของนายน้อยใหญ่ แม้แต่อาหารเช้าก็ไม่มากินนะ
หรือว่า…
นายน้อยใหญ่กำลังจะบรรลุระดับอีกครั้ง และเมื่อกลับมาก็เข้าฌานทะลวงระดับเลย
“เอ๊ะ วันนี้คุณหนูสามก็ไม่มาหรือ”
ไม่รู้ว่าเป็นเสียงพึมพำของผู้ใด แต่มันพลันทำให้เกิดเสียงซุบซิบขึ้นระลอกหนึ่ง
ช่วงนี้เรื่องถอนหมั้นของคุณหนูสามและคุณชายเซียวกำลังแพร่กระจายไปทั่วตระกูลซู แม้ว่าซูหว่านจะมาจากสาขาย่อย แต่ก็เป็นนักอัญเชิญอัจฉริยะ ลูกศิษย์ในตระกูลซูมีจำนวนไม่น้อยที่ประทับใจในตัวนาง ในเมื่องานแต่งระหว่างตระกูลเซียวล่มแล้ว เรือล่มในหนองเช่นนี้ พวกเราเก็บทองไว้เองนั้นดีที่สุด~
“…” ซูหยาพูดไม่ออก
ดีกับผีน่ะสิ!
บุตรชายทั้งคนถูกลักพาตัวไป~ มารดามันเถิด เมื่อคืนนี้แค่พบหน้าบุตรชาย ยังไม่ทันพูดอะไรสักคำ เจ้าเด็กน่าตายนั้นก็ไปพุ่งหาแดนนุ่มละมุน จนถึงตอนนี้ถ้ายังไม่ตายก็โผล่หน้าออกมา~
เอ๊ะ ว่าแต่ซูหว่านกับซูจั้นไปแอบเกี้ยวกันไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ
ถุยๆๆ แอบเกี้ยวอะไรกัน รักนั้นอิสระไร้ขอบเขต อืม ถึงแม้ว่าตอนนั้นซูหว่านจะเป็นคู่หมั้นของเซียวเหยี่ยนก็ตามเถอะ~
“แค่กๆ”
ซูหยาขจัดความคิดที่วุ่นวายของตนเองและกระแอมเล็กน้อยพูดว่า “สองสามวันนี้ซูหว่านก็กำลังเข้าฌานฝึกตน ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ไม่ว่าผู้ใดก็ห้ามเข้าใกล้เรือนนาง หากใครละเมิด ต้องได้รับการลงโทษจากกฎของตระกูล!”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหยา ศิษย์ของตระกูลซูพลันพยักหน้าและน้อมรับ
“…” เหล่าผู้อาวุโสจำนวนน้อยที่รู้ความจริงต่างพูดไม่ออก
ท่านผู้นำตระกูล ท่านทำเพื่อบุตรชายของท่านเองสุดชีวิตจริงๆ~
ซูหยานึกในใจ ไอ้ลูกชาย พ่อช่วยเจ้าได้เพียงเท่านี้แล้ว~
ก็เป็นเช่นนี้ สามวันต่อมา…
“อืม แค่กๆ”
ซูหยายืนวางมาดขรึมอยู่นอกเรือนของซูหว่าน เมื่อเห็นซูเพ่ยและซูเลี่ยงที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู ก็ถามหน้านิ่งว่า “คุณหนูสามกับนายน้อยใหญ่…แค่ก เรื่องนั้น ทะลวงระดับแล้วหรือยัง”
ซูเพ่ย “…”
“ยัง”
ซูเลี่ยงส่ายศีรษะ เขาเป็นผู้ติดตามส่วนตัวของซูจั้น วันนั้นพอลงจากอินทรีล่าสายลม พริบตาเดียวนายน้อยใหญ่ก็หายไปแล้ว จากนั้นเขาก็ตามกระแสพลังของคุณชายใหญ่ตลอดทาง จนมาถึงเรือนคุณหนูสาม…
และเฝ้านอกประตูเช่นนี้มาสามวันแล้ว~
สรุปคือ สนามรบดุเดือดมาก น่าเป็นห่วงร่างกายของนายน้อยใหญ่นัก~
“ยังไม่ทะลวงระดับอีกหรือ”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูเลี่ยง ดวงตาของซูหยาพลันเบิกกว้าง…มารดามันเถิด นี่จะบีบบังคับให้คนโสดในใต้หล้าอิจฉาจนสิ้นลมเลยหรือ
อืม สมกับเป็นบุตรของข้า มีเงาของข้าในสมัยหนุ่มๆ
สรุปแล้ว ใต้เท้าผู้นำตระกูล ท่านกำลังคิดถึงเรื่องอะไรอยู่กันแน่เนี่ย
แต่ว่า ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไปจะเป็นปัญหาได้นะ!
ซูหยาขมวดคิ้วอีกครั้งในใจเขาลังเลนัก ตนจะเรียกพวกเขาออกมาอย่างนุ่มนวล หรือจะอัญเชิญศาสตราวิเศษมาไล่พวกเขาออกมาดีนะ
ในขณะที่ซูหยากำลังลังเล ทันใดนั้นในห้องก็มีพลังวิญญาณขุมหนึ่งระเบิดพุ่งทะลุฟ้าออกมา นี่คือ…
เค้าลางของการทะลวงระดับ!
มารดามันเถิด ทำไปทำมาก็บรรลุเสียแล้ว~
ซูหยา “…”
สมกับที่เป็นลูกของข้าจริงๆ~ (ดังนั้นที่ใต้เท้าผู้นำตระกูลพูดก็คือกำลังหลงตัวเองอยู่ใช่ไหม)
พลังวิญญาณที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าดึงดูดทุกคนในตระกูลซูเข้ามา แม้แต่ซูอู่ที่กำลังฝึกตนอยู่ที่เรือนของตนก็อดไม่ได้ที่จะอุ้มเสี่ยวไป๋ที่ถูกพลังวิญญาณนั้นดึงดูดจนต้องออกมา
ผู้ใดกำลังทะลวงระดับกัน คิดไม่ถึงว่าจะทำให้พลังวิญญาณเกิดปฏิกิริยาอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้!
“เป็นซูจั้น!”
“ซูจั้นทะลวงระดับแล้ว!”
ในเวลานี้ทั้งเมืองเหม่ยเท่อต่างสั่นสะเทือน และบรรดาผู้ที่คุ้นเคยกับพลังวิญญาณของซูจั้นก็รีบมาที่บ้านของตระกูลซูด้วยความตกใจ
และในเวลานี้ ซูรุ่ยผู้ระเบิดพลังวิญญาณออกมาข้างนอกก็กำลังมองดูซูหว่านผู้กำลังหมดเรี่ยวแรงในอ้อมแขนเขา อดไม่ได้ที่จะเอนตัวเข้าไปใกล้หูของนางและกระซิบว่า “ภรรยา เล่นใหญ่เกินไปแล้วทำยังไงดี”
“ตามใจคุณ”
ซูหว่านใช้กำลังสุดท้ายของนางดึงผ้าห่มที่อยู่ด้านข้างมาพันร่างของคนสองคนเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา สรุปก็คือ ใครลุกจากเตียงก่อนเป็นฝ่ายแพ้~