ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 10 ไม่พึ่งทักษะการแสดง พึ่งพิงคนจ่ายเงิน (10)
“น้องสาม!”
เมื่อได้ยินพี่คนโตของเขาอยากเรียนทักษะการต่อสู้กับตัวเองอีกครั้ง คุณชายรองแห่งตระกูลเยี่ยรีบวิ่งไปซ่อนข้างหลังของซูรุ่ย “น้องสาม นายกลับมารอบนี้เพราะอยากคุยกับฉันเรื่องธุรกิจใช่ไหม มามามา พวกเราไปคุยกันที่ห้องอ่านหนังสือข้างบนดีกว่า”
เมื่อเห็นความลำบากยากเข็ญในสายตาของเยี่ยเส่าฉวิน ซูรุ่ยก็อดยิ้มไม่ได้ “พี่รอง พี่ไปรอผมที่ห้องอ่านหนังสือก่อน ผมกับพี่ใหญ่…ไปเรียนรู้สักเดี๋ยว!”
“อะ อะไรนะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูรุ่ย เยี่ยเส่าฉวินก็เบิกตากว้างราวกับเห็นผี “นายอยากเรียนรู้จากพี่ใหญ่ นายเสพติดความรุนแรงเหรอ”
“ไปรออยู่ห่างๆ เถอะ”
เยี่ยเส่าหนิงที่เพิ่งเดินเข้าประตูมามองเยี่ยเส่าฉวินอย่างเย็นชา ทันใดนั้นเขาก็จ้องมองไปที่ร่างของซูรุ่ยทันทีด้วยสายตาล้ำลึกและจริงจัง
รู้สึกได้ถึงความตั้งใจที่จะต่อสู้จากซูรุ่ย เยี่ยเส่าหนิงหรี่ตาลง ถอดเสื้อตัวนอกแล้วโยนให้คนรับใช้ข้างตัว สองมือประสานกันขยับวอร์มข้อมือเล็กน้อย “เจ้าสาม ตามฉันขึ้นไปข้างบน”
“อืม”
ซูรุ่ยพยักหน้าแล้วเดินตามเยี่ยเส่าหนิงขึ้นไปข้างบน ทิ้งคุณชายรองแห่งตระกูลเยี่ยให้อยู่ตามลำพังพร้อมกับความงงงวยที่โถงใหญ่ชั้นหนึ่ง สุดท้ายแล้วเขาก็เดินตามทั้งสองคนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป
“น้องสาม นายเป็นซุปเปอร์ไซย่าเหรอ”
แม้ว่าจะเห็นการประลองแห่งศตวรรษระหว่างพี่ใหญ่กับน้องสามกับตาตัวเอง คุณชายรองแห่งตระกูลเยี่ยก็ยังไม่อยากเชื่อเลยว่าน้องชายผู้ที่เขารู้สึกอยู่เสมอว่าอ่อนแอและต้องได้รับการดูแลจากคนอื่นเสมอ จะสามารถใช้หมัดที่แข็งแกร่งราวกับเหล็กของตัวเองต่อยพี่ใหญ่จนลุกขึ้นมาไม่ไหวได้
นี่อธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ไม่ได้แน่นอน!
เมื่อได้ยินคำถามที่พูดเกินจริงของเยี่ยเส่าฉวินแล้ว ซูรุ่ยก็ยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปที่ร่างของเยี่ยเส่าหนิง ก้มลงแล้วเหยียดมือออกไป “พี่ใหญ่!”
“อา”
เยี่ยเส่าหนิงยิ้ม แสงแห่งความสบายใจฉายผ่านดวงตาที่เย็นชาและเคร่งขรึมอยู่เสมอ “เจ้าสาม นายโตแล้ว พี่พูดคำไหนคำนั้น จากวันนี้เป็นต้นไป พี่จะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องของนายกับคุณหนูซูอีก!”
พี่น้องสองคนจับมือกัน ด้วยความแข็งแกร่งของซูรุ่ย เยี่ยเส่าหนิงจึงกระโดดขึ้นจากพื้น
เป็นเวลาหลายปีแล้ว ในฐานะแชมป์การต่อสู้สามสมัยในกองทัพ เยี่ยเส่าหนิงไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาติของการโดนต่อยฟุบลงกับพื้นมานานแล้ว
จะว่าไปแล้ว รสชาตินี้ดูจะน่าสนุกทีเดียวเชียว แน่นอนว่าเพราะเงื่อนไขนี้ก็คือ คนที่ทำให้เขาล้มฟุบลงกับพื้นได้เป็นน้องชายคนโปรดของเขา
เมื่อลุกยืนขึ้นแล้วเขาก็ขัยบขาทั้งสองข้างเล็กน้อย เยี่ยเส่าหนิงมองไปที่เยี่ยเส่าฉวินที่อยู่ข้างๆ เขาอย่างสงบ “เจ้าสอง เรียนรู้จากเจ้าสามให้มากๆ หลายปีมานี้ มีแต่นายที่ไม่มีการพัฒนาเลย!”
เยี่ยเส่าฉวินตะลึงงัน…
นี่ฉันไปแหย่ใครเข้าเนี่ย
“น้องสาม มามามา พวกเราสองคนไปที่ห้องอ่านหนังสือคุยเรื่องธุรกิจกันดีกว่า ฉันไม่มีการพัฒนาอะไรกัน ตอนนั้นแม่ยกธุรกิจให้ฉัน ฉันก็จัดการได้ดีทั้งหมดไม่ใช่เหรอ”
เยี่ยเส่าฉวินแอบขบริมฝีปากของตัวเองและดึงซูรุ่ยออกจากสนามฝึกอย่างรวดเร็ว รอจนน้องชายทั้งสองของตัวเองเดินออกไปไกลแล้ว เยี่ยเส่าหนิงผู้ที่มีใบหน้าเคร่งขรึมเข้มงวดอยู่ตลอดเวลาอดไม่ได้ที่จะย่นหัวคิ้วขึ้น และใบหน้าของเขาก็แสดงสีหน้าที่เจ็บปวดออกมา
โอ้ เจ้าสามลงมือได้โหดเหี้ยมจริงๆ นี่ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นถ้าไม่ตายก็คงโดนเขาฆ่าไปครึ่งชีวิตแล้ว! เจ้าลูกหมีน้อยตัวนี้!
คฤหาสน์หลังเก่าของตระกูลเยี่ย ภายในห้องอ่านหนังสือ
เพียงก้าวแรกที่เดินผ่านประตูใหญ่เข้าไป เยี่ยเส่าฉวินผู้หยิ่งผยองทำสีหน้าเย็นชาทันที แววตาหยอกล้อในดวงตาก็จางหายไปเช่นกัน “พวกแก๊งต่างชาติประเทศ Y ใจกล้าบ้าบิ่นมาก แม้แต่สินค้าของคุณชายรองแห่งตระกูลเยี่ยอย่างฉันยังกล้าปล้น น้องสาม โชคดีที่ครั้งนี้มีนายช่วยฉันอยู่ที่ต่างประเทศ ไม่อย่างนั้นพี่รองของนายอย่างฉันคงได้พลิกเรือในท่อระบายน้ำ[1]แล้วจริงๆ แน่”
“ก็พี่น้องร่วมรบไหมล่ะ”
ซูรุ่ยเหลือบมองเยี่ยเส่าฉวิน ทันทีหลังจากนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้หวายไม้ไผ่เพียงตัวเดียวในห้องอ่านหนังสืออย่างสบายๆ “พี่รอง รู้แล้วหรือยังว่าใครแทงข้างหลังพี่”
“เหอะ จะยังเป็นใครได้อีก คงเป็นไอ้หมาบ้าหลูจวิ้นนั่นแหละ”
เมื่อพูดถึงศัตรูเก่าของตัวเองขึ้นมา คุณชายรองแห่งตระกูลเยี่ยกัดฟันด้วยความแค้น หากพูดถึงเรื่องระหว่างเขาและหลูจวิ้น ก็ต้องย้อนกลับไปสมัยโรงเรียนประถม
ใช่แล้ว พวกเขาทั้งสองคนเป็นตำนานที่ทั้งรักทั้งชัง ไม่สิ เป็นคนที่พบกันก็ยิ่งเกลียดกันมากขึ้น
ตั้งแต่เล็กคุณชายรองแห่งตระกูลเยี่ยเขาเติบโตมาในเขตกองทัพก็เป็นเหมือนจอมอันธพาลของโรงเรียน รังแกทั้งผู้ชายผู้หญิง โดดเรียน แถมยังตีครู ไม่ว่าเรื่องอะไรเขาก็กล้าทำทั้งนั้น แต่หลูจวิ้นก็เป็นเหมือนนักปราชญ์ต่างครอบครัวในตำนาน
ทั้งสองคนไม่ชอบขี้หน้ากันตั้งแต่เด็ก ตามมาพอเข้าโรงเรียนมัธยม คุณชายรองแห่งตระกูลเยี่ยก็ตกหลุมรักครั้งแรกกับสาวน้อยแสนอ่อนโยนคนหนึ่ง แต่สาวน้อยแสนอ่อนโยนคนนั้นกลับหงายการ์ดคนดีให้กับคุณชายรองแห่งตระกูลเยี่ย
‘เยี่ยเส่าฉวินนายเป็นคนดีมาก แต่ว่าฉันมีคนที่ฉันชอบแล้วล่ะ’
ใช่แล้ว คนที่สาวน้อยแสนอ่อนโยนชอบก็คือหลูจวิ้น
ในฐานะพระเอกของโลกนี้ ตั้งแต่เด็กหลูจวิ้นก็มีรูปร่างหน้าตาที่ยอดเยี่ยม มีไอคิวที่เหนือชั้น ได้รับการปลูกฝังเลี้ยงดูมาอย่างดีและยังมีภูมิหลังทางครอบครัวที่โดดเด่น
กล่าวโดยสรุปแล้ว คนที่เก่งทั้งเรื่องเรียนและเรื่องรักแบบนี้ไม่ต้องทำอะไรก็สามารถดึงดูดความเกลียดชังจากหลายร้อยไมล์ได้โดยอัตโนมัติ
แม้คุณชายรองแห่งตระกูลเยี่ยเป็นกลุ่มคนร้ายเพียงกลุ่มเดียวในนี้ แต่ก็เป็นบอสที่มีประสิทธิภาพการต่อสู้สูงสุด~
“หลูจวิ้นเหรอ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยเส่าฉวิน ดวงตาของซูรุ่ยก็เป็นประกายวาววับขึ้น “เขาถึงบอกว่าตีงูต้องตีที่เจ็ดนิ้ว[2] พี่รอง พี่รู้ไหมว่าจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหลูจวิ้นคืออะไร”
“หึ แน่นอนว่าสิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดก็คือบริษัทที่พ่อเขาทิ้งไว้ให้ ฉันจะบอกอะไรให้ ฉันจะทำให้เขาล้มละลายแล้วปล่อยให้เขาต้องไปเป็นขอทานข้างถนน!”
ใบหน้าของคุณชายรองแห่งตระกูลเยี่ยเต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ จะว่าไปแล้วชาติก่อนเขาก็ทำสิ่งที่เขาพูดสำเร็จจริงๆ แต่ตอนนี้ล่ะ~
“พี่รอง เคยได้ยินเรื่องเย่ชิงไหม”
“เย่ชิง? ใคร”
คุณชายรองแห่งตระกูลเยี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อเย่ชิง ชื่อนี้คุ้นหูอยู่ทีเดียว เหมือนจะ…
“นายพูดถึงดาราหน้าใหม่ที่หลูจวิ้นกำลังมองหาเหรอ”
“ไม่ใช่ดาราหน้าใหม่ เขาเรียกเธอว่ารักแท้”
ซูรุ่ยนอนลงบนเก้าอี้หวายพร้อมยิ้มตาหยี “พี่รอง ยกเยี่ยซื่อเอ็นเตอร์เทนเม้นต์และโปรเจ็กต์อื่นๆ ในบริษัททั้งหมดให้ผมเถอะ ตอนนี้ภารกิจเดียวของพี่คือการตามจีบเย่ชิง ถ้าพี่จีบเธอได้ พี่ก็ชนะแล้ว!”
“ง่ายแค่นี้เลยเหรอ”
เยี่ยเส่าฉวินหรี่ตาลงและมองไปที่ซูรุ่ยอย่างสงสัย “น้องสาม นายไม่ได้หลอกพี่ชายนายอย่างฉันใช่ไหม”
“ผมจะโกหกพี่ไปทำไม หรือว่าจะให้ผมชื่นชมที่พี่ล้มละลายดีนะ”
“เหอะๆ นายไม่รู้อะไรหรอก ถุยๆ เด็กไม่พูดโกหกหรอกนะ เรียกอะไรว่าล้มละลายนะ”
เยี่ยเส่าฉวินมองไปที่น้องชายของเขาด้วยใบหน้าที่หม่นลงเล็กน้อย “น้องสาม นายเรียนรู้ที่จะเลวแล้ว! บอกมานะซูหว่านของนายสอนนายใช่ไหม”
ซูหว่านกับเย่ชิงเป็นศัตรูหัวใจกัน ทุกคนบนโลกต่างก็รู้เรื่องนี้!
เยี่ยเส่าฉวินรู้สึกอยู่เสมอว่าซูหว่านผู้หญิงคนนั้นรับมือด้วยยาก และเขาก็กลัวจริงๆ ว่าน้องชายของเขาจะถูกหลอกใช้
“ภรรยาของผม ผมรู้จักเธอดี จะว่าไป…”
จู่ๆ ซูรุ่ยก็ลุกขึ้นนั่งตัวตรง มองเยี่ยเส่าฉวินด้วยแววตาเป็นประกายระยิบระยับ “พี่รอง ครั้งก่อนที่แอปเปิ้ลเดลี่รายงานข่าวเรื่องนั้น พี่ยังไม่ได้อธิบายให้ผมฟังเลยนะ มามามา พวกเราไปเรียนรู้กันและกันที่สนามซ้อมหน่อยดีไหม”
เรียนรู้บ้านนายสิ!
พวกนายสองคนนี่เอะอะก็ชอบใช้ความรุนแรง~
เมื่อเยี่ยเส่าฉวินได้ยินคำพูดของซูรุ่ย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที “อะแฮ่ม นั่นน่ะ เรื่องตามจีบสาวนี่น่ะ มันซับซ้อนมาก! ฉันไปศึกษาข้อมูลส่วนตัวของเย่ชิงหน่อยดีกว่า พรุ่งนี้ฉันจะเอาข้อมูลบริษัททั้งหมดให้นายนะ ฉันกับภรรยาของนายก็แค่เล่นมุกไปเรื่อยน่า ตัดมุกฉันได้แล้ว ฉันก็มีความสุข แค่นั้นแหละ!”
ขณะที่พูดไป เยี่ยเส่าฉวินก็หมุนตัวจากไปราวกับลม
เมื่อเห็นเยี่ยเส่าฉวินปิดประตูจากไปแล้ว ซูรุ่ยก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
การตามจีบนางเอกนี่ลำบากมากเลยนะ
พูดตามตรงแล้ว ซูรุ่ยไม่มีความมั่นใจในตัวเยี่ยเส่าฉวินจริงๆ แต่จุดประสงค์ของเขาคือการเพิ่มความรำคาญใจให้กับหลูจวิ้นเท่านั้น ส่วนเยี่ยเส่าฉวินจะจีบเย่ชิงติดหรือไม่ ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของบุพเพสันนิวาสแล้วกัน~
——
[1] พลิกเรือในท่อระบายน้ำ(阴沟里翻船) ไม่อยากให้แผนล่มหรือเรื่องที่ทำดีมาตลอดกลับต้องพลาด
[2] ตีงูต้องตีที่เจ็ดนิ้ว (打蛇要打七寸) การพูดหรือทำสิ่งใดๆ จะต้องจับจุดใจความสำคัญให้แม่น