ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 12 ไม่พึ่งทักษะการแสดง พึ่งพิงคนจ่ายเงิน (12)
เหลียงเผิงผู้กำกับของ ‘สงครามสายลับ 1943’ เป็นผู้กำกับหน้าใหม่ในวงการ ยังไม่ค่อยมีชื่อเสียง เขาเป็นแฟนตัวยงของนวนิยายต้นฉบับเรื่อง ‘สงครามสายลับ 1943’ เป็นความฝันของเหลียงเผิงที่จะสร้างละครโทรทัศน์จากนวนิยายเรื่องโปรดของเขา เดิมทีเนื่องมาจากความเยาว์วัยและขาดวุฒิภาวะ แม้ว่าเหลียงเผิงจะพบนักลงทุนที่เต็มใจลงทุนในละครโทรทัศน์ของเขาเอง แต่สุดท้ายบริษัทจัดจำหน่ายภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่เขาเปิดหลายอันก็ล้มละลายลง
เหลียงเผิงที่มีความท้อถอยอยู่บ้างเมื่อเห็นข่าวเงินลงทุนจำนวนมหาศาลของไห่หวงในหนังสือพิมพ์ ก็ยังตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับไห่หวงเอ็นเตอร์เทนเม้นต์อย่างถี่ถ้วนแล้วเขาก็อยากจะลองดูทัศนคติของไห่หวงจึงส่งหนังสือไปให้ สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ ไม่เพียงแต่ผู้อำนวยการของไห่หวงจะอนุมัติบทของเขาเท่านั้น แม้กระทั่งนักแสดงสาวอย่างซูหว่านก็ยังเต็มใจที่จะร่วมแสดงในภาพยนตร์ขนาดเล็กของเขาด้วย
แน่นอนว่า เงื่อนไขการลงทุนเพิ่มเติมของไห่หวงและสิทธิพิเศษในการใช้ศิลปินของไห่หวง เหลียงเผิงก็ย่อมยินดีตกลงเป็นธรรมดา ในความเห็นของเขาแค่มีราชินีวงการบันเทิงซูรับบทนำเพียงคนเดียว และเขาเองก็เลือกนักแสดงนำชายอีกคนที่มีทักษะการแสดงที่ดี หลังจากนั้นอาศัยเส้นสายหานักแสดงอาวุโสอีกสองคนมาร่วมแสดงด้วย แค่นี้ก็สำเร็จแล้ว!
ในวันออดิชั่นบทละคร อู๋ถงก็ขับรถพี่เลี้ยงนักแสดงพาซูหว่านไปยังสถานที่ที่นัดไว้ นี่คือสถานที่ถ่ายทำ เป็นฉากถนนในสาธารณรัฐจีนที่ไห่หวงเช่าเมื่อนานมาแล้ว ทันทีที่ซูหว่านมาถึงช่างแต่งหน้าพิเศษก็พาเธอไปแต่งตัวที่ห้องส่วนตัว
“พี่ซูหว่าน บนอินเตอร์เน็ตเขากำลังพูดกันว่านักแสดงนำชายละครเรื่องนี้คือหลินมู่ พี่ว่าประธานถานกับประธานหวงเขาจะร่วมงานกันได้ไหมคะ”
ช่างแต่งหน้าจิ่วเยี่ยเป็นเด็กผู้หญิงที่ร่าเริงและช่างพูด และเธอก็ยังเป็นแฟนคู่จิ้นหลินซูด้วย
เมื่อได้ยินคำพูดของจิ่วเยี่ย ซูหว่านยิ้มบางๆ เล็กน้อย “เรื่องนี้ต้องรอดูการจัดการของบริษัทแล้วล่ะ ประธานถานน่าจะหาความช่วยเหลือจากภายนอก แต่จะหาใครฉันก็ไม่แน่ใจนะ”
ตามเนื้อเรื่องเดิมที่ซูหว่านรู้ ตัวละครหลักทั้งชายและหญิงของ ‘สงครามสายลับ 1943’ ล้วนแต่เป็นนักแสดงหน้าใหม่ในวงการ โชคดีที่ทักษะการแสดงของคนสองคนนั้นก็พอใช้ได้ และบทก็ยอดเยี่ยม ละครเรื่องนี้ทำให้สองคนนั้นดังเป็นพลุแตกเพียงชั่วข้ามคืน
และตอนนี้ เนื่องจากซูหว่านกลายเป็นนางเอกของละครเรื่องนี้ ไห่หวงจึงไม่สามารถหานักแสดงที่ไม่มีชื่อเสียงคนอื่นมารับบทนำได้ เว้นแต่…
ยกเว้นคนนั้นจะเป็นนักแสดงหน้าใหม่ที่ไห่หวงปั้นขึ้นมา
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ซูหว่านกูรู้สึกปวดหัวทันที เพราะว่าเธอแน่ใจมากว่า ในอนาคตไห่หวงจะปั้นดาราอีกมากมาย และมีเพียงคนเดียวที่สามารถเรียกได้ว่าซุปเปอร์สตาร์ ก็คือนักแสดงคนแรกของไห่หวง…ถานอวี่ฉือ
ถานอวี่ฉือเป็นหลานชายของถานเทียน ในฐานะญาติร่วมสายเลือดตระกูลไห่ เขาย่อมได้รับทรัพยากรที่ดีที่สุดของไห่หวงเป็นธรรมดา ถานอวี่ฉือมีใบหน้าที่หล่อเหลาและมีเสน่ห์ ในสังคมที่ต้องใช้หน้าตาแบบนี้ ตราบใดที่เขาดูหล่อในละครโทรทัศน์ที่เขาเล่น เขาก็จะได้รับแฟนคลับงี่เง่าบ้าผู้ชายอีกเป็นโหลทันที~
พระเอกรอบนี้คงไม่ใช่ถานอวี่ฉือหรอกนะ
ซูหว่านเปลี่ยนเป็นชุดที่จะใช้แสดงรอบออดิชั่นเรียบร้อยแล้ว เป็นชุดหม่ากว้า[1]สีน้ำเงินเทาชุดหนึ่ง คราวนี้เธอเล่นเป็นคนที่การศึกษาไม่สูงมาก แต่เป็นหัวหน้ากองโจรหญิงที่เต็มไปด้วยความรักชาติ
เมื่อมองไปยังหญิงสาวในกระจกที่มีผมเปียสีดำขนาดใหญ่และดวงตาที่โตและสดใส ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะหยิบมือถือขึ้นมาทำทำหน้ามุ่ยแล้วถ่ายเซลฟี่ หลังจากนั้นก็วส่งไปให้ซูรุ่ย
เริ่มออดิชั่นแล้ว เปียใหญ่แบบนี้สวยไหม
“พี่ซูหว่าน พี่โพสต์อะไรลงเวยป๋อเหรอ ฉันเข้าไปกดไลก์ให้พี่ดีกว่า!”
จิ่วเยี่ยที่อยู่ด้านข้างเห็นซูหว่านถ่ายรูปและส่งข้อความ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
เอ่อ
ซูหว่านถ่ายรูปเซลฟี่สวยๆ อีกรูปทันทีแล้วโพสต์ลงเวยป๋อของเธอเอง…
[ซูหว่าน: ออดิชั่นละครเรื่องใหม่ ทุกคนลองทายดูนะคะว่าฉันเล่นเป็นอะไร]
ทันทีที่มีการโพสต์ข้อความเวยป๋อใหม่ก็มีคนกดไลก์และรีโพสต์จำนวนนับไม่ถ้วน และท่ามกลางแอ็กเค้านต์ที่กดไลก์อันอย่างมหาศาลนั้น แอ็กเค้านต์หลักที่ผ่านการรับรองของคุณชายสามแห่งตระกูลเยี่ยก็ผ่านไปในพริบตา และไม่มีใครทันสังเกตเห็น…
หลังจากโพสต์เวยป๋อเสร็จแล้ว ซูหว่านก็ส่งมือถือตัวเองให้อู๋ถง แม้ว่าเธอจะถูกกำหนดให้เป็นนางเอกเป็นการภายในแล้ว แต่ก็ยังต้องผ่านกระบวนการออดิชั่นหนึ่งซีน เมื่อซูหว่านออกจากห้องแต่งตัวไปยังสถานที่ออดิชั่นของผู้กำกับ สถานที่นั้นก็มีเสียงวุ่นวายดังขึ้น
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
อู๋ถงทักทายทีมงานกองถ่ายทันทีและกระซิบถามเสียงต่ำ
ทีมงานคนนั้นพยักหน้าให้ซูหว่าน แล้วพูดกับอู๋ถงเสียงเบาว่า “เมื่อกี้เพิ่งออดิชั่นนักแสดงนำชาย ผู้กำกับเลือกนักแสดงหน้าใหม่ชื่อเมิ่งเฮ่า แต่ทางฝั่งนักลงทุนเลือกถานอวี่ฉือให้รับบทพระเอก แต่ผู้กำกับเหลียงไม่เห็นด้วย และทั้งสองฝ่ายก็ยังทะเลาะกันอยู่เลย”
เมื่อได้ยินคำพูดของทีมงานคนนั้น อู๋ถงก็ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ ในกองละคร ภายใต้สถานการณ์ทั่วไปแล้วคำพูดของนักลงทุนผู้ผลิตหนังจากมีอำนาจมากกว่าเล็กน้อย แน่นอนว่าถ้าคุณเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงดังทั่วทั้งประเทศจีน ใครๆ ก็คงยอมไว้หน้าคุณ น่าเสียดายเพราะเห็นได้ชัดว่าเหลียงเผิงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะท้าทายไห่หวง
“ซูหว่าน! ซูหว่านคุณมาพอดีเลย!”
ในเวลานี้ ตัวแทนของไห่หวงเห็นซูหว่านที่อยู่ท่ามกลางชุดฝูงชนด้วยสายตาที่เฉียบคม และเรียกเธอไว้ด้วยเสียงอันดัง “พี่ซู คุณเป็นนางเอกของละครเรื่องนี้ คุณลองพูดมาสิว่า ใครเหมาะจะเล่นเป็นพระเอกคู่กับคุณมากกว่า”
ซูหว่านพูดไม่ออก…
นี่ไม่ใช่การทำให้คนมีปัญหาเหรอ
ซูหว่านยิ้มและเดินเข้าไปท่ามกลางสายตาของผู้คน มองไปยังเมิ่งเฮ่าและถานอวี่ฉือที่สวมเสื้อกั๊กแบบเดียวกัน
พูดกันตามตรง พระเอกในหนังสือต้นฉบับอย่างอวี๋เฉิงหน้าตาไม่ดี แต่ว่ามีจิตใจที่ละเอียดอ่อน เป็นสายลับที่มีความคิดละเอียดรอบคอบ ในแง่ของรูปลักษณ์และฝีมือการแสดงแล้ว เมิ่งเฮ่าก็นับว่าเหมาะสมกว่า
ซูหว่านเคยดูละครที่เมิ่งเฮ่าเล่นมาก่อน เขาเป็นเด็กหน้าใหม่อนาคตไกลเลยทีเดียว
ส่วนถานอวี่ฉือ…
ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลานี้ เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้น ก็เป็นเทพบุตรที่มีแฟนคลับเพิ่มขึ้นได้ไม่ยาก ซูหว่านประเมินไม่ได้จริงๆ
“หนุ่มทั้งสองคนมีความสามารถมาก เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่ฉันจะทำตามการจัดการของบริษัท”
รับเงินจากไห่หวงมากเยอะขนาดนั้น ซูหว่านย่อมไม่สามารถทรยศบริษัทแบบนั้นได้
เมื่อได้ยินคำตอบของซูหว่าน ตัวแทนของไห่หวงก็ยิ้มออกมา หันไปทางเหลียงเผิง “ผู้กำกับเหลียง คุณดูสิ ซูหว่านก็ยังคิดว่าถานอวี่ฉือเหมาะสมกว่า แน่นอนว่าเมิ่งเฮ่าก็ดี แต่ก็มีบทพระรองอีกไม่ใช่เหรอ ผู้กำกับเหลียงในเมื่อคุณชื่นชมเขา คุณก็ให้เขาเล่นเป็นพระรองก็ได้นี่!”
เมื่อได้ยินคำพูดของตัวแทนของไห่หวง ดวงตาซูหว่านก็เกิดประกายขึ้น รีบพูดเสียงดังขึ้นทันที “จริงด้วยผู้กำกับเหลียง บทพระรองอย่างหลี่หวนเป็นจิตวิญญาณของเรื่อง เป็นตัวละครที่มีบทบาทมากที่สุดและโดดเด่นมากที่สุด เมิ่งเฮ่ามาแสดงในบทของหลี่หวนก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลยนะ”
“บทพระเอกอะไรกัน”
ถานอวี่ฉือที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อมาเป็นเวลานานแล้วเมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน ก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตาอย่างเท่ในทันที “ให้เขาเล่นเป็นหลี่หวน ฉันเล่นเป็นอวี๋เฉิง? พวกคุณเห็นทุกคนเป็นคนตาบอดเหรอ! วุ่นวายชะมัด เอาล่ะ เอาล่ะ ให้เขาเล่นเป็นอวี๋เฉิง ผมจะยอมเล่นเป็นหลี่หวนแล้วกัน!”
ทุกคนอึ้งงัน…
นี่คือความรู้สึกที่ว่าพวกเราทะเลาะกันมาตั้งนานแล้วแต่มันกลับไร้ประโยชน์สินะ พี่ซูมองคนเก่งมาก พูดออกมาแค่ประโยคเดียว เหลียงเผิงที่อยู่ด้านข้างก็มีแววตาสดใสขึ้นมาในเวลานี้ “จริงสิ! ถานอวี่ฉือคุณเล่นเป็นหลี่หวน! คุณนี่แหละหลี่หวนที่ผมกำลังตามหา!”
ในเนื้อเรื่อง หลี่หวนคือเทพบุตรผู้เย็นชา แม้จะมีความกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับฝีมือการแสดง แต่ความหล่อเหลาถานอวี่ฉือราวกับถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ! ตราบใดที่เขามีบทบาทในฉาก เขาไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ขอแค่ทำหน้านิ่งๆ หล่อๆ ก็พอแล้ว~
นักแสดงนำหลักสองคนของทีมงานและพระรองชายที่สำคัญที่สุดอันดับสองของภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกกำหนดไว้แบบนี้แล้ว หลังการออดิชั่น ซูหว่านก็ตรงกลับไปล้างเครื่องสำอางออก ตอนที่เดินผ่านโซนเสื้อผ้า ก็พบเข้ากับเมิ่งเฮ่าที่ออกมาจากข้างในพอดี “พี่ซู วันนี้ต้องขอบคุณพี่แล้วครับ”
เมิ่งเฮ่ากล่าวขอบคุณซูหว่านโดยตรง น้ำเสียงมีความอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นพิเศษ
“ฉันไม่ได้ช่วยอะไรนายมากหรอก ตั้งใจแสดงล่ะ นายจะดังได้เพราะละครเรื่องนี้แน่!”
“ขอยืมคำอวยพรนี้นะครับ!”
เมิ่งเฮ่ายืนพูดคุยกับซูหว่านต่ออีกสองสามประโยคก่อนจะจากไปพร้อมกับผู้ช่วยของเขา เมื่อซูหว่านกลับมาถึงห้องแต่งตัวของเธอแล้ว กลับพบว่ามีคนอยู่ในห้องของตัวเองอีกคนหนึ่ง และคนนั้นก็คือหลินมู่นักแสดงหน้าใหม่แถวหน้าของซินอวี่!
“พอดีผมมาถ่ายหนังใกล้ๆ แถวนี้ เลยแวะมาเยี่ยมชม ไม่ได้รบกวนคุณใช่ไหม”
แน่นอนว่าซูหว่านรู้ว่าหลินมู่กำลังถ่ายทำอยู่บริเวณใกล้ๆ นี้ และเธอก็รู้ด้วยว่าหนังที่นำแสดงโดยโจวหลินมู่คนนี้มีกำหนดเข้าฉายในสัปดาห์นี้ เขามารอบนี้ไม่ใช่เพื่อมาเยี่ยมชม แต่มาเพื่อสร้างกระแสให้ตัวเอง
เดิมทีซูหว่านและหลินมู่เคยอยู่บริษัทเดียวกัน ทั้งคู่เคยถูกจัดให้แสดงเป็นคู่รักในละครโทรทัศน์มากมาย แต่ในความเป็นจริงแล้วทั้งสองคนไม่สนิทกันเลย
โดยเฉพาะตอนที่ซูหว่านกับหลูจวิ้นเลิกกันและโดนสื่อบีบคั้นตอนนั้น หลินมู่ยิ่งโพสต์เวยป๋อเป็นคำใบ้ให้กับแฟนคลับว่าเขาและเธอไม่สนิทกันแม้แต่น้อย
ไม่สนิทไม่ใช่เหรอ?
ตอนนี้ยังเสแสร้างทำมาเยี่ยมชมอะไรอีก ถ้าลองตบหน้าดู คงไม่รู้สึกเจ็บสินะ!
——
[1] หม่ากว้า (马褂) เสื้อคลุมที่ใส่ยามขี่ม้า เป็นชุดที่ชาวแมนจูดั้งเดิมใส่ทับเสื้อคลุมยาวกรอมเท้าที่เรียกว่า ‘ฉางเผ่า’ (长袍) เดิมใช้สำหรับขี่ม้าเดินทาง แต่ภายหลังใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นเสื้อใส่ไปใส่มาตามปกติ เรียกรวมกันว่า ‘ฉางเผ่าหม่ากว้า’ (长跑马褂)