ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 21 ไม่พึ่งพิงทักษะการแสดง พึ่งพิงคนจ่ายเงิน (21)
ช่วงปลายปี ละครเทพประจำปีเรื่อง ‘สงครามสายลับ 1943’ ที่ถูกกล่าวขวัญถึงมาตลอดตั้งแต่เปิดกล้อง ในที่สุดก็ปิดกล้องลงอย่างราบรื่น!
งานเลี้ยงฉลองปิดกล้องเร่งจนทันวันฉลองคริสต์มาสพอดี แต่เนื่องจากช่วงปลายปีเมืองภาพยนตร์ไม่มีหิมะตก สาวๆ หลายคนจึงเรียกร้องว่า ในวันคริสต์มาสต้องเห็นวิวหิมะ และแล้ว ภายใต้การนำของถานเทียนกับซูรุ่ยสองอาเสี่ยใหญ่ ทีมผลิตละครทั้งทีมจึงเหมาเครื่องบินไปยังเทือกเขาหิมะอวี้หลง จิบชาหิมะหอมๆ พลางชมหิมะยามเย็นท่ามกลางป่าเขา พักอาศัยในเมืองโบราณที่คลาสสิกและเต็มไปด้วยสีสัน ช่วยไม่ได้ มีเงินก็ทำได้ตามอำเภอใจแบบนี้แหละ
การเดินทางไปเทือกเขาหิมะ ทำให้ทีมงานทุกคนได้ผ่อนคลายสนุกสนาน และการผลิตละครที่สมบูรณ์แบบ มูลค่าสูงจากทุนสร้างหลายร้อยล้านหยวน ก็ผ่านการตรวจสอบจากกองเซนเซอร์อย่างรวดเร็วเช่นกัน จึงได้ออกอากาศก่อนวันตรุษจีน และหลังจากนั้นก็ทะยานขึ้นสู่อันดับละครเรตติ้งสูงสุดของสถานีโทรทัศน์ทั้งสองช่องใหญ่ของจีน
เนื่องจากละครเรื่องนี้มีหัวข้อให้พูดคุยอย่างต่อเนื่องมาตลอด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเหล่าแฟนคลับ หรือเหล่าแอนตี้แฟน ก็ล้วนปูเสื่อรออยู่หน้าจอทีวีในวันแรกที่ออกอากาศ…
[เหล่าแฟนคลับ: ตื่นเต้นมาก! ละครใหม่ของเหล่าไอดอล สิ้นสุดการรอคอยแล้ว!]
[เหล่าแอนตี้แฟน: ตื่นเต้นมาก! รอให้ตอนแรกออกอากาศจบ ฉันจะติตั้งแต่เพลงต้นเรื่องก่อน หรือเริ่มติเสียงพากย์กับดนตรีประกอบก่อนดี สรุปแล้ว ครั้งนี้ต้องแสดงความสามารถในการวิจารณ์อย่างถึงลูกถึงคนให้จงได้ อืมๆ!]
สองทุ่ม เวลาไพร์มไทม์ของการออกอากาศ
ซูหว่านกับซูรุ่ยนั่งอยู่หน้าจอทีวีแต่แรก ตรงหน้าของทั้งสองเรียงรายไปด้วยขนมขบเคี้ยวมากมาย ไม่ผิด รอบปฐมทัศน์ในคืนนี้ ละครจะออกอากาศติดต่อกันสามตอนตามธรรมเนียม
และหลังจากนั้น สถานีก็จะนำเบื้องหลังการถ่ายทำและบทสัมภาษณ์มาออกอากาศต่อ โดยส่วนนี้เป็นรายการเล็กๆ ที่ทีมงานตั้งใจบันทึกเทปไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน ซึ่งนักแสดงหลักทั้งสี่ล้วนเข้าร่วมบันทึกเทปด้วย และยังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทั้งเบื้องหลังและเบื้องหน้าอีกมากมายที่แพร่ภาพที่นี่เพียงที่เดียว
แม่ทัพซูไม่ได้ดูละครช่วงไพร์มไทม์มานาน จึงออกตัวว่าตื่นเต้นเล็กน้อย แม้ขณะถ่ายทำเขาไปเยี่ยมกองแทบทุกวัน แต่การอยู่หน้าจอทีวีดูละครชุดออกอากาศอย่างเป็นทางการ กลับเป็นอีกหนึ่งความรู้สึกที่ตื่นเต้นเป็นพิเศษ…
คืนวันศุกร์ โดยทั่วไปเป็นคืนผ่อนคลายและน่ารื่นรมย์ที่สุด ทำงานมาห้าวัน ในที่สุดก็ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เสียที
พานเสี่ยวลู่เป็นแฟนคลับที่คลั่งไคล้หลินมู่มาก แม้การงานของหลินมู่ตกต่ำจนถึงขีดสุด เพราะเรื่องเสพยา เธอก็ยังคงสนับสนุนไอดอลของตนเอง…
เสพยาแล้วไง ใครไม่เคยทำผิดบ้าง อีกทั้งเป็นเพราะเขาต้องการหาแรงบันดาลใจ เพื่อคลายความกดดัน ในเมื่อหลินมู่ของพวกเราขยันหมั่นเพียรแบบนี้ พวกคุณถือวิสาสะอะไรมาต่อว่าเขา
สรุปแล้ว พานเสี่ยวลู่รู้สึกว่าหลินมู่ถูกคนกลั่นแกล้งเพราะอิจฉาริษยา และคนผู้นี้ต้องอยู่ในกองละคร ‘สงครามสายลับ 1943’ แน่ๆ ขณะละครทั้งสองเรื่องอยู่ระหว่างการถ่ายทำ แฟนคลับของทั้งสองฝ่ายต่างก็โจมตีซึ่งกันและกันบนอินเทอร์เน็ตอย่างรุนแรง ต่อมาพอ ‘เงาในวังลึก’ ถูกแบน ก็ยังมีแฟนคลับของ ‘สงครามสายลับ 1943’ กลุ่มใหญ่เปิดโพสต์ฉลองกันในอินเทอร์เน็ต
และตอนนี้ ห่างจากตอนนั้นสองเดือนกว่า ในที่สุด ‘สงครามสายลับ 1943’ ก็กำลังจะออกอากาศ
พานเสี่ยวลู่เตรียมแท็บเล็ตไว้แต่เนิ่นๆ จากนั้นก็นั่งหน้าจอทีวี กะว่าพอละครฉายปุ๊บ ก็จะไปกระแนะกระแหนในเว็ปบอรด์ออฟฟิเชียลทันที เธอไม่เชื่อว่าละครเรื่องนั้นจะดีอย่างที่คนเขาพูดกัน…
นักแสดงงานดีมาก? ทักษะการแสดงสุดยอด? อุปกรณ์ประกอบฉากสมบูรณ์แบบ? บทแข็งแรงมาก?
เฮอะ ใครคุยโม้โอ้อวดไม่เป็นบ้าง!
พอสิ้นสุดการนับถอยหลังโฆษณา ละครก็เริ่มออกอากาศ สิ่งแรกที่ปรากฏบนจอคือฉากยิงต่อสู้กันอย่างดุเดือด จากนั้น รายชื่อของนักแสดงหลักและรองก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางควันไฟและเขม่าดินปืน ไม่มีเพลงต้นเรื่อง ฉากยิ่งใหญ่อลังการ ดนตรีประกอบมีระดับและตื่นเต้นเร้าใจ
เอ่อ ละครตามกระแสนี่นะ ลอกเลียนแบบทั้งนั้น คุณดูนักแสดงพวกนี้สิ แต่ละคนทั้งอ่อนเยาว์ทั้งผิวพรรณดี ดูไปแล้วเหมือนสายลับที่ไหน
พานเสี่ยวลู่ตัดสินใจรออีกหน่อย รอจนละครเล่นไปสักสิบนาที ค่อยไปสวดยับถึงทักษะการแสดงของนักแสดงหน้าใหม่ ซึ่งตอนนี้ฉากเปิดเรื่องก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว เริ่มเข้าสู่เนื้อเรื่องอย่างเป็นทางการ…
เมิ่งเฮ่า รับบทเป็นอวี๋เฉิง ปรากฏตัวในโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่ง พร้อมแว่นตากรอบทอง และชุดสูทจงซานที่ได้มาตรฐาน
นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราว อวี๋เฉิงในฐานะตัวแทนสำนักข่าวกรองกลาง ครั้งนี้มาที่นี่เพื่อติดต่อกับสายของตน
ในเวลานี้ ละครก็เปลี่ยนมุมกล้อง ด้านนอกของโรงแรม ซูหว่าน รับบทเป็นฉินจิ่วเม่ย สวมชุดลายดอกแบบคนบ้านนอก ถักเปียใหญ่สีดำขลับ สะพายถุงผ้าใบใหญ่ ยืนอยู่บนถนนใหญ่อย่างมึนงง
“พี่ชายท่านนี้ ขอถามหน่อยว่า โรงแรมจี๋หยางไปทางไหน”
ว่าพลางก็ใช้มือขวางชายสวมชุดยาวคนหนึ่งไว้ ฉินจิ่วเม่ยยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนถาม
“โรงแรมจี๋หยาง? ไม่เคยได้ยินมาก่อน”
คนคนนั้นสั่นศีรษะแล้วรีบก้าวเดินไป
พอได้ยินคนบนถนนตอบกลับ ฉินจิ่วเม่ยก็มีสีหน้าผิดหวัง เธอกระชับถุงผ้าใบใหญ่บนตัวให้แน่นขึ้นตามสัญชาตญาณ แล้วเดินไปข้างหน้าต่อไม่กี่ก้าว คราวนี้เธอขวางทางสาวในชุดกี่เพ้าไว้คนหนึ่ง “พี่สาวท่านนี้ ขอถาม…”
“ใครเป็นพี่เธอไม่ทราบ สายตาเธอระดับไหนกัน คนบ้านนอกมีตาแต่ไร้แววจริงๆ!” สาวสวมชุดหรูหรามองฉินจิ่วเม่ยด้วยหางตา ก่อนบิดเอว สาวเท้าก้าวจากไป
ไม่ใช่พี่สาวเหรอ ดูๆ ไปยังแก่กว่าพี่สะใภ้ของฉันอีก
ฉินจิ่วเม่ยพึมพำกับตัวเองพลางเดินไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว แล้วมาหยุดยืนอยู่หน้าโรงแรมจี๋หยาง ลูบท้องที่ว่างเปล่าของตน ก่อนเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่ตั้งใจ “อ้าว! โรงแรมจี๋หยาง!”
เธออดไม่ได้ที่จะร้องออกมาอย่างตื่นเต้น แล้วรีบหอบถุงผ้าพุ่งเข้าด้านใน ซึ่งขณะนั้นได้เวลาอาหารพอดี จึงมีคนอยู่ในโรงแรมมากมาย พอฉินจิ่วเม่ยเห็นตรงหน้าประตูมีเก้าอี้ว่าง ก็นั่งลงอย่างไม่ต้องคิด
“คุณผู้หญิงครับ ตรงนี้มีคนนั่งแล้ว”
เสียงสุภาพอ่อนโยนของชายคนหนึ่งดังขึ้นที่ข้างหู พอฉินจิ่วเม่ยเงยหน้าขึ้น ก็สบกับสายตาอันอ่อนโยนไม่มีพิษภัยของอวี๋เฉิง…
ต้องบอกว่า ในฐานะราชินีวงการบันเทิง ทักษะการแสดงของซูหว่านย่อมไม่จอมปลอม ตีบทสาวชนบทที่ทั้งเชยและใสซื่อแตกกระจุย
นี่เป็นการพบกันครั้งแรกของพระนาง การปรากฏตัวของฉินจิ่วเม่ยส่งผลให้แผนการของอวี๋เฉิงรวน ทำให้เขาไม่สามารถติดต่อกับสายของตนเองได้อย่างราบรื่น
โครงเรื่องแบบนี้ไม่ถือว่าใหม่ ดีที่หน้าตาและการแสดงของซูหว่านไม่เลว
พานเสี่ยวลู่อยู่หน้าจอทีวี เห็นในเว็บไซต์ทางการมีแต่แฟนคลับของราชินีซูให้กำลังใจไอดอลตนเอง จึงเบ้ปาก ตัดสินใจไม่ติทักษะการแสดง ไม่ติเนื้อเรื่อง
เธอไม่เคยอ่านต้นฉบับของผู้แต่ง แต่ว่ากันว่าละครดัดแปลงไปจากต้นฉบับมาก
ตอนนี้ดูเหมือนว่าภาพลักษณ์ภายนอกของละครคือละครไอดอลที่ฉีกกฎละครสงครามสายลับ กระทั่งฉากแรกพบของพระนาง ก็คล้ายกับละครไอดอลอยู่หลายเรื่อง
พานเสี่ยวลู่จ้องจับเนื้อเรื่องในละครต่อ มองดูฉินจิ่วเม่ยพัวพันกับอวี๋เฉิงอย่างเงอะๆ งะๆ ตลอดทาง จนทั้งสองมาถึงซอยเล็กๆ ซอยหนึ่ง ท่วงทำนองของละครก็เปลี่ยนไป อวี๋เฉิงซึ่งเดินอยู่ด้านหน้าไม่ทันระวัง ฉินจิ่วเม่ยซึ่งเดินอยู่ด้านหลังพลันชักมีดสั้นเล่มหนึ่งออกจากถุงผ้าใบใหญ่ที่ตนหวงแหนมาตลอด จากนั้นสายตาก็อำมหิตขึ้น แทงอวี๋เฉิงจากด้านหลังทันที…
เนื้อเรื่องเป็นยังไงกันแน่
ที่แท้ ฉินจิ่วเม่ยก็มาทำภารกิจในโรงแรมจี๋หยางเช่นเดียวกัน…
และละครก็จบลงอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ตอนนี้แม้ยังคงมีแอนตี้แฟนเคลื่อนไหวอย่างคึกคักในเว็บไซต์ทางการ แต่คนที่เฝ้าดูตอนต่อไปของละครมีมากยิ่งกว่า
ละครเรื่องนี้มีความเกี่ยวโยงกัน โครงเรื่องกระชับ ศัตรูแยกไม่ออก เป็นละครสงครามสายลับที่หาดูได้ยากจริงๆ ผู้ชมหลายคนที่ตามดูละคร เพราะมีใจเป็นแอนตี้แฟนก็ยังถูกพล็อตเรื่องของละครดึงดูดโดยไม่รู้ตัว ซึ่งพานเสี่ยวลู่ ก็เป็นหนึ่งในนั้น…
“ซูหว่านแสดงได้ดีจริงๆ”
เวลานี้ เย่ชิงก็นั่งอยู่หน้าจอทีวีเช่นเดียวกัน และอดไม่ได้ที่จะกระซิบเบาๆ ออกมา
หลูจวิ้นซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไร
จริงๆ แล้วเมื่อก่อนเขาก็เป็นแฟนคลับของซูหว่าน เรื่องทักษะการแสดงของเธอ เขาย่อมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง และอาจเป็นเพราะทักษะการแสดงของเธอดีเกินไป ตนถึงถูกเธอปิดหูปิดตามาหลายปี
“เย่ชิง ต่อไปคุณต้องทำได้ดีกว่าเธอแน่”
หลูจวิ้นยกมือขึ้นโอบเย่ชิงที่นั่งอยู่ข้างๆ “ผมเจรจาเปิดกล้องหนังเรื่องใหม่ให้คุณแล้ว เป็นหนังแนวกำลังภายใน ครั้งนี้คุณเล่นเป็นนางเอก แม้การถ่ายทำนอกสถานที่ อยู่ห่างจากเมืองหลวงมาก แต่ผมจะบินไปหาคุณบ่อยๆ ต่อไปคุณต้องดังว่าซูหว่านแน่!”
“ฉันไม่เคยคิดเปรียบเทียบกับเธอเลย อาจวิ้น จริงๆ แล้ว…ฉันไม่จำเป็นต้องเล่นหนังเล่นละครก็ได้” เย่ชิงเงยหน้าขึ้น จ้องมองชายหนุ่มข้างกายตนด้วยแววตาอ่อนโยน “ฉันแค่อยากอยู่กับคุณเท่านั้น ฉันไม่อยากให้เรื่องของฉัน ทำให้คุณกับแม่คุณขัดแย้งกัน และส่งผลกระทบต่อธุรกิจของคุณ”
“ที่รัก คุณไม่ต้องพูดแล้ว ผมแยกแยะได้”
หลูจวิ้นก้มลงบรรจงจูบหน้าผากเย่ชิง…ชาติที่แล้ว ความปรารถนาของเย่ชิงคือ การเป็นราชินีวงการบันเทิง ชาตินี้ตนต้องทำทุกวิถีทาง ให้เธอสมปรารถนาให้ได้
หลูจวิ้นในตอนนี้ ไม่รู้ตัวว่า ชีวิตของตนเองในชาตินี้ถูก ‘ชาติก่อน’ ปล้นชิงไปแล้วตั้งแต่ต้น…