ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 3 ไม่พึ่งทักษะการแสดง พึ่งพิงคนจ่ายเงิน (3)
หลังจากกินข้าวที่อวี้ติ่งเซวียนเสร็จแล้ว เดิมทีซูหว่านและอู๋ถงคิดจะขับรถกลับคอนโดเลย แต่สุดท้ายทันทีที่พวกเขาเดินออกจากประตูร้านอาหารก็โดนเหล่านักข่าวบันเทิงที่รออยู่ก่อนแล้วจับได้พอดี
ดังนั้นพูดได้ว่า คุณต้องไม่ประมาทในความสามารถของเหล่านักข่าวบันเทิง ความสามารถในการตรวจสอบและป้องกันการตรวจจับของพวกเขา บางครั้งก็เป็นมืออาชีพมากกว่าทีมตำรวจอาชญากรรมเสียอีก
“ซูหว่าน! ซูหว่าน! มีคนบอกว่าเห็นคุณกับนายน้อยเฉินไปเปิดห้องด้วยกันที่โรงแรมนานาชาติหรือเปล่า คุณอยากพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องหรือเปล่า”
“ซูหว่าน เมื่อเร็วๆ นี้มีคนแจ้งข่าวมาว่า คุณจ้างหน้าม้าในอินเตอร์เน็ตมาว่าร้ายเย่ชิง เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า”
เมื่อโดนล้อมไปด้วยคนกลุ่มใหญ่ เห็นดวงตาเป็นประกายเพราะอยากให้เธอก้าวพลาดแบบนี้ ซูหว่านก็ยิ้มอย่างเฉยเมย “ฉันเพิ่งกินข้าวเสร็จ พวกคุณทำงานเป็นนักข่าวก็ไม่ง่ายเลย อากาศหนาวขนาดนี้พวกคุณได้ทานข้าวบ้างหรือยังคะ ให้ฉันเลี้ยงข้าวพวกคุณดีไหมคะ”
เอ่อ
เมื่อได้ยินซูหว่านพูดจบ ฝูงชนก็เงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายนักข่าวจากนิตยสารซวี่รื่อก็ตอบโต้กลับมาเป็นคนแรก “ซูหว่านคุณยังไม่ได้ตอบคำถามของพวกเราเลยนะ วันนี้คุณได้ไปโรงแรมนานาชาติมาหรือเปล่า คุณคิดอย่างไรกับการที่เย่ชิงโดนใส่ร้ายมาโดยตลอดบ้าง”
โอ้โฮ ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่เลยจริงๆ นะ
ซูหว่านยังคงยิ้มเยือกเย็น “วันนี้ฉันไปโรงแรมมาจริงๆ ค่ะ ส่วนฉันไปพบใครมาตอนนี้ฉันขอไม่ประกาศก่อนนะคะ พรุ่งนี้ถ้าพวกคุณว่างก็สามารถมาที่งานแถลงข่าวรอบสื่อมวลชนของฉันได้นะคะ ถึงตอนนั้นเรื่องทั้งหมดก็จะกระจ่างเองค่ะ! อีกอย่าง ฉันกับนายน้อยเฉินก็ไม่ได้สนิทกัน เขาเป็นนายน้อยใหญ่ในสังคมไฮโซ ฉันเป็นแค่นักแสดงตัวเล็กๆ ฉันจะไปรู้จักคนในสังคมชั้นสูงแบบนั้นได้ยังไงกัน พวกคุณอย่าเขียนอะไรไปเรื่อยเลยนะ! ที่จริงตัวฉันไม่ได้มีอะไรเลยค่ะ ถ้าพวกคุณอยากจะแฉอะไรฉันเพิ่มฉันก็ยินดีค่ะ แต่ฉันได้ยินมาว่านายน้อยเฉินเขาเป็นคนที่…ค่อนข้างรุนแรง ถ้าไม่ระวังไปทำให้เขาไม่พอใจเข้าน่าจะไม่ดีนะคะ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ซูหว่านจงใจแสดงท่าทางประหม่าออกมา คำพูดของเธอก็เปลี่ยนสีหน้าของผู้คนรอบข้างได้สำเร็จ
ความน่าเชื่อถือของนิตยสารบันเทิงก็มีน้อยอยู่แล้ว วารสารบันเทิงเหล่านั้นก็ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเลย โดยปกติแล้วดาราเหล่านี้จะร่วมมือกับสื่ออย่างแข็งขันเพื่อโฆษณาและแฉเรื่องต่างๆ แต่คนที่ร่ำรวยมีอำนาจอย่างหลูจวิ้นและนายน้อยเฉิน หากรายงานของพวกเขาไม่มีหลักฐานมัดตัวจริงๆ ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเขียนตามอำเภอใจ
เมื่อเห็นนักข่าวพวกนั้นทราบแน่แก่ใจแล้ว ซูหว่านก็ยิ้มและพูดต่อว่า “จริงสิ เมื่อกี้พวกคุณถามถึงใครนะ…เยี่ยฉิน ไม่ใช่สิ เหมือนจะชื่อ เย่ชิงใช่ไหมนะ เย่ชิงคือใครหรือคะ”
พูดมาถึงตรงนี้ ซูหว่านหันศีรษะเล็กน้อยเพื่อมองอู๋ถงที่อยู่ข้างกายเธอ ด้วยใบหน้าที่ดูงุนงงหรืออาจจะเป็นท่าทางที่ขอความช่วยเหลือนั่น
เมื่อเห็นการแสดงของซูหว่าน อู๋ถงก็เดินตามเกมของเธอทันทีด้วยการขมวดคิ้วพร้อมท่าทางครุ่นคิด “เย่ชิงเหรอ ก็คนที่เคยเป็นสแตนอินของพี่ซูหว่านไม่ใช่เหรอ ดูเหมือนว่าตอนนี้ในอินเตอร์เน็ตจะพูดกันว่าเธอกำลังคบกับคุณหลูอยู่นะ อ้อ เมื่อก่อนเธอก็ชอบมาเดินเตร่ให้คุณหลูเห็นอยู่บ่อยๆ…”
“อู๋ถง อย่าพูดไร้สาระน่า”
ซูหว่านยิ้มแล้วยกมือขึ้นเพื่อไม่ให้อู๋ถงพูดต่อ วงการบันเทิงน่ะนะ ก็คือฉันให้ความบันเทิงกับคุณ คุณให้ความบันเทิงแก่ฉัน เวลาสัมภาษณ์กับพวกนักข่าวเหล่านี้ก็ต้องพูดให้คลุมเครือสับสนเข้าไว้ รุกได้และถอยก็ตั้งรับได้ แบบนี้ถึงจะน่าสนใจ
“ซูหว่าน คุณไม่รู้จักเย่ชิงจริงๆ เหรอ เขาเป็นแฟนคนปัจจุบันของหลูจวิ้นเชียวนะ!”
“นั่นสิ หลูจวิ้นยังสารภาพรักกับเย่ชิงในเวยป๋อด้วยนะ! ตอนนี้แฟนๆ หลายคนของคุณต่างแสดงความคิดเห็นเชิงดูถูกในเวยป๋อของเย่ชิง ซูหว่านคุณไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ เหรอ”
เห็นได้ชัดเลยว่า การที่ซูหว่านพูดโกหกตาใสนั้น นักข่าวบันเทิงเหล่านี้ไม่สามารถเอาไปค้ากำไรอะไรได้
ในเมื่อไม่สามารถเอาเรื่องนายน้อยเฉินไปเขียนบทความอะไรได้ ไม่ว่าจะต้องขู่เข็ญอย่างไรพวกเขาก็ต้องปล่อยข่าวของซูหว่านและเย่ชิงผู้หญิงสองคนนี้ออกมา อย่างน้อยก็ปล่อยข่าวดราม่าครั้งใหญ่ของรักครั้งเก่าและรักครั้งใหม่แห่งศตวรรษได้ ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะเพิ่มยอดการคลิกและมีจุดขาย!
“ดูเหมือนว่าทุกคนจะมั่นใจว่าฉันรู้จักเธอแล้วนะ ฉันอยู่ในวงการนี้มาสิบสองปีแล้ว มีคนมาเป็นสแตนอินแทนฉันไม่ถึงร้อยคนแต่ก็เก้าสิบกว่าคนแล้ว ฉันจำคนจำนวนมากขนาดนั้นไม่ได้จริงๆ ส่วนเรื่องหลูจวิ้น ฉันกับเขาเลิกกันไปแล้ว พวกเราเข้ากันไม่ได้และเลิกรากันด้วยดี คนอย่างฉันเองก็เป็นคนที่สามารถเข้าใจเหตุผลได้ดีเหมือนกัน ทุกคนเข้าใจกันได้เป็นอย่างดีแม้จะเลิกกันไปแล้ว ฉันไม่อยากจะพูดอะไรมาก เพราะเกรงว่าจะมีคนพูดว่าคนอย่างฉัน ซูหว่าน ฉวยโอกาสนี้ทำให้คนมาเห็นใจ ถ้าหากพวกคุณเป็นห่วงสถานการณ์ปัจจุบันของฉันจริงๆ ฉันก็ขอพูดประโยคเดิมนะคะ มาที่งานแถลงข่าวรอบสื่อมวลชนของฉันพรุ่งนี้ ถึงเวลานั้นฉันจะตอบคำถามทั้งหมดแน่นอน!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ซูหว่านส่งสายตาให้อู๋ถง เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนกำลังจะจากไป นักข่าวสาวคนหนึ่งก็อดไม่ได้ที่จะก้าวไปข้างหน้าและหยุดซูหว่านไม่ให้ไป “ซูหว่าน คุณยังไม่ได้…”
“หือ แอปเปิ้ลเดลี่เหรอ”
ซูหว่านพูดแทรกนักข่าวสาวขึ้น สีหน้าของเธอดูทะเล้นขึ้นเล็กน้อย เถ้าแก่ที่อยู่เบื้องหลังแอปเปิ้ลเดลี่เป็นเพื่อนสนิทกับหลูจวิ้น เมื่อก่อนซูหว่านให้ข่าวพิเศษกับพวกเขาเจ้าเดียวไปไม่น้อย ตอนนี้เธอกับหลูจวิ้นเพิ่งจะแตกหักกัน แอปเปิ้ลเดลี่ก็เริ่มจะกัดเธอไม่ปล่อย ช่างไร้ความปรานีเสียจริง!
“อู๋ถง อย่าลืมแจ้งหน่วยรักษาความปลอดภัยพรุ่งนี้นะ ว่างานแถลงข่าวรอบสื่อมวลชนไม่อนุญาตให้คนจากแอปเปิ้ลเดลี่เข้าไป!”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน นักข่าวที่อยู่ด้านข้างก็ตกตะลึง
เคยได้ยินแต่นักข่าวกับคนดังทะเลาะกัน พวกเขากลับได้เห็นดารากล้าประจันหน้ากับนักข่าวเป็นครั้งแรก แม้ว่าจะเป็นราชินีวงการบันเทิงผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังต้องชั่งน้ำหนักเสียหน่อย ท้ายที่สุดแอปเปิ้ลเดลี่ก็เป็นหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียงในวงการ แม้ว่ายอดขายของพวกเขาจะไม่ดีเท่าของนิตยสารซวี่รื่อ แต่พวกเขาก็เป็นหนังสือพิมพ์รายวันที่เชี่ยวชาญด้านความบันเทิง ยอดขายรายวันก็เยอะพอดูเช่นกัน
ในเวลานี้ เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน นักข่าวสาวก็ตกตะลึง แล้วประกายแห่งความตื่นเต้นก็วาบผ่านดวงตาของเธอ ฉวยโอกาสถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า “ราชินีวงการบันเทิงซู นี่คุณกำลังวางแผนจะแบนหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์[1]ของเราเหรอคะ”
แบน?
นี่เป็นคำที่น่าสนใจอยู่เหมือนกัน
ซูหว่านค่อยๆ ยกมุมปากของเธอขึ้น ดวงตาที่สดใสและสวยงามของเธอกวาดไปทั่วทุกคนรอบตัวเธอ ในที่สุดก็ไปหยุดอยู่ที่นักข่าวสาว “ถูกแล้ว! ฉันต้องการจะ..แบน..พวก…คุณ! จากนาทีนี้เป็นต้นไป งานแถลงข่าวรอบสื่อมวลชนและงานแถลงข่าวทั้งหมดของฉัน ซูหว่าน ห้ามนักข่าวทุกคนของแอปเปิ้ลเดลี่เข้างาน!”
“ซี้ด!”
ผู้คนรอบข้างต่างพากันสูดลมหายใจเข้าปากกันเฮือกใหญ่ เคยได้ยินแต่บริษัทบังเทิง วงการวิทยุหรือโทรทัศน์แบนนักแสดง คุณเคยเห็นนักแสดงแบนสื่อเหรอ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแน่นะ
ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้น ซูหว่านก็ดึงอู๋ถงขึ้นรถและจากไปอย่างรวดเร็ว
บนรถ สีหน้าของอู๋ถงก็ยังไม่ผ่อนคลาย “พี่ซูหว่าน ที่พี่พูดวันนี้…แค่ล้อเล่นใช่ไหม”
เมื่อดูตามความละเอียดอ่อนอย่างมืออาชีพของอู๋ถงแล้ว เขารู้สึกว่าที่ซูหว่านจงใจพูดคืนนี้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของสื่อ พรุ่งนี้ สำนวนที่เธอจะแบนแอปเปิ้ลเดลี่จะต้องเป็นพาดหัวข่าวอย่างแน่นอน และพรุ่งนี้จะเป็นวันที่เธอจะจัดงานแถลงข่าวรอบสื่อมวลชนพอดี ด้วยข่าวนี้ การต้อนรับในวันพรุ่งนี้จะต้องร้อนแรงแน่ และตราบใดที่ซูหว่านหาทางคืนคำพูดของวันนี้ได้ ทุกคนก็จะมีความสุขแล้ว
สำหรับพวกนักแสดงที่ตบหน้าตัวเองอะไรทำนองนั้น ยังจะต้องสนใจเรื่องใบหน้าอะไรอีก
อัตราการออกนอกประเทศ อัตราการโดนเปิดเผยความลับ ระดับของการเป็นที่รู้จัก ทั้งหมดคือสิ่งที่พวกเขาดิ้นรนไขว่คว้ามา
ภายในรถ เมื่อซูหว่านได้ยินอู๋ถงถามตนเองแบบนั้น เธอยิ้มอย่างเฉยเมย “ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะ ฉันต้องการแบนแอปเปิ้ลเดลี่จริงๆ”
อู๋ถง “…”
แย่แล้ว ค่ำวันนี้พี่ซูหว่านอาการไม่ค่อยปกติมาทั้งคืนเลย หรือว่าโดนหลูจวิ้นคุกคามจนบ้าไปแล้ว
…
โรงแรมนานาชาติ ห้อง 5080
นายน้อยเฉินที่กำลังพลิกตัวไปมาอยู่กับนางแบบสาวที่กำลังหางานใหม่ ในเวลานี้ประตูห้องพักถูกเปิดจากด้านนอกอย่างกะทันหันด้วยบัตรกุญแจห้องสำรอง…
“พวกแกเป็นใคร”
เมื่อกลุ่มคนชุดดำพรวดพราดเข้ามาในห้อง นายน้อยเฉินมีเวลาเพียงแค่จะดึงผ้าห่มบางๆ มาปกปิดร่างกายท่อนล่างของเขาเท่านั้น
“นายน้อยเฉิน ขอรบกวนหน่อยนะ!”
ด้วยน้ำเสียงที่ยิ้มแย้มเล็กน้อย ชายชุดดำที่อยู่ทั้งสองข้างก็แยกออกจากกันโดยอัตโนมัติ ชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมชุดสูทสีขาวทั้งตัวเดินออกมาอย่างสบายๆ การแต่งตัวแบบนี้ ท่าทางแบบนี้ คนที่ไม่รู้จักจะคิดว่าเขาเป็นบาทหลวงคาทอลิกของสมาคมใดสมาคมหนึ่งแน่ๆ
“เยี่ยเส่าฉวิน แกทำอะไร”
นายน้อยเฉินมองหรี่ตามองเยี่ยเส่าฉวินด้วยสีหน้าที่ไม่สามารถอธิบายได้
เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่พวกเขาทั้งสองคนจะรู้จักกัน เพียงแต่เขาไม่ได้อยู่แวดวงเดียวกัน ในเวลาปกติจึงไม่ค่อยได้เจอกัน
ทำอะไรเหรอ
เมื่อเยี่ยเส่าฉวินได้ยินนายน้อยเฉินถาม หางตาของเขาก็กระตุก ขนาดผียังรู้ว่าตัวเขากำลังทำอะไรอยู่!
“แค่กๆ น้องสาม”
เยี่ยเส่าฉวินยิ้มขึ้นมาทันใด ตั้งใจอย่างมากที่จะใช้สองมือหยิบโทรศัพท์มือถือของตนเองขึ้นมา มองไปยังชายหน้าตาดีนัยน์ตาเศร้าในวิดีโอคอล พูดอย่างใจเย็นว่า “นายน้อยเฉินที่นายตามหาอยู่อยู่นี่แล้ว เอ้อ ข้างๆ ยังมีนางแบบด้วยนะ รูปร่างไม่เลวเลย นายอยากดูหน่อยไหม”
“ซูหว่านล่ะ”
คนในวิดีโอคอลสีหน้าไม่เปลี่ยน เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“เฮ้ น้องสามบ้านฉันถามแกน่ะ ซูหว่านล่ะ”
เยี่ยเส่าฉวินได้ยินที่น้องชายตนเองพูด ก็หันโทรศัพท์ทันที โดยให้กล้องโฟกัสไปที่ใบหน้าซีดเซียวและซูบตอบของนายน้อยเฉินเนื่องจากการปล่อยตัวมากเกินไป
เมื่อได้ฟังคำถามของเยี่ยเส่าฉวิน ก็มีประกายเกิดขึ้นในตาของนายน้อยเฉิน เขาเล่นกับผู้หญิงมากมายมาหลายปีแล้ว สถานการณ์แบบนี้เขาไม่เคยเจอมาก่อน ในตอนนี้เมื่อเห็นการใช้อิทธิพลของพี่น้องตระกูลเยี่ย ในใจนายน้อยเฉินก็ตระหนักได้แล้ว “พวกแกหาคุณซูเหรอ ฉันกับหล่อนไม่สนิทกัน จะว่าไปแล้ว ฉันอยู่ในโรงแรมนี้ จะไปเห็นหล่อนได้ยังไงกัน แต่ว่าฉันมีเบอร์โทรของผู้จัดการส่วนตัวของหล่อนนะ ฉันให้เบอร์โทรศัพท์กับนายน้อยสามได้นะ”
“พูด!”
เสียงที่เย็นชาราวกับน้ำแข็งยังคงดังออกมาให้ได้ยินจากในวิดีโอคอล นายน้อยเฉินก็ทำการแลกเปลี่ยนง่ายๆ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและหาเบอร์โทรศัพท์ของอู๋ถงแล้วอ่านเบอร์ออกมาหนึ่งครั้ง
ตู๊ด ตู๊ด
เมื่อสิ้นเสียงของนายน้อยเฉิน วิดีโอคอลในมือของเยี่ยเส่าฉวินก็ถูกตัดสายลงไปทันที
เยี่ยเส่าฉวินนึกในใจ ไอ้เด็กนี่! แค่พูดกับฉันพี่ชายของนายมากกว่านี้หน่อย นายจะตายหรือไง
แต่จะว่าไปแล้ว ซูหว่านเป็นแฟนเก่าของหลูจวิ้นไม่ใช่เหรอ ทำไมน้องชายตัวเองต้องกระวนกระวายใจตามหาหล่อนอย่างนี้นะ
[1] แท็บลอยด์ (Tabloid) คือ หนังสือพิมพ์ขนาดเล็กที่รวมเรื่องสั้นต่างๆไว้