ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 14 สามสามี สี่ผู้รับใช้ (14)
ในพระราชวังมีเรือนหอ ในจวนจ่างกงจู่มีห้องอันอบอุ่น
“ภรรยา”
ซูรุ่ยใช้นิ้วมือรวบผมของซูหว่าน พลางว่า “ถุงผ้าแพรที่วันนี้คุณมอบให้เย่ว์ชิง คุณเย็บเองเหรอ”
“หือ?”
ซูหว่านขานรับขณะกำลังสะลึมสะลือ “คุณชอบเหรอ พรุ่งนี้ให้ป้าจางเย็บให้สักสองสามใบก็แล้วกัน ฝีมือเขาดีมากเลย ถ้าจะเอาไปขายที่ตลาดผ้า ก็น่าจะได้สักห้าตำลึงเงิน!”
แม่ทัพซู “…”
และแล้ว ของที่ระลึกที่ถูกคุณชายเย่ว์เก็บรักษาไปชั่วชีวิต จริงๆ แล้วมีค่าแค่ห้าตำลึงเงินเองหรือ
เอาเถอะ คนที่ไม่รู้ความจริง อันที่จริงก็มีความสุขเหมือนกัน
วันรุ่งขึ้น ซูหว่านกับซูรุ่ยตื่นสายมาก เนื่องจากงานอภิเษกสมรสของจักรพรรดินี กำหนดให้หยุดราชการเป็นเวลาสามวัน ซึ่งข้าราชการในเมืองหลวงต่างพากันขานรับวันหยุดยาวที่นานๆ จะมีสักครั้งอย่างถ้วนหน้า
“หลิวอิง?”
พอซูหว่านตื่น ก็อดไม่ได้ที่จะเรียกเบาๆ ออกมาคำหนึ่ง เด็กรับใช้หลิวอิงนี่พึ่งไม่ได้เอาเสียเลย ทันใดก็คิดถึงปี้ลั่วมาก
“ฝ่าบาท!”
ร่างเรียวบางร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาดุจสายลม
เอ่อ
“ปี้ลั่ว?”
พอเห็นใบหน้าเล็กๆ ของปี้ลั่ว ซูหว่านก็อึ้งเล็กน้อย “เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เรียนฝ่าบาท บ่าวกลับมาเมื่อคืนเพคะ แต่ตอนนั้นดึกเกินไป บ่าวไม่กล้ารบกวนท่านกับใต้เท้าเสนาบดีกลาโหม”
พอได้ยินคำถาม ปี้ลั่วรีบตอบอย่างนอบน้อม
“เอ๋? แล้วลู่ฉางเกอล่ะ?”
ซูหว่านจัดเสื้อผ้าของตนให้เรียบร้อย ค่อยถามพลางยิ้มตาหยี
เมื่อได้ยินซูหว่านถามถึงแม่ทัพลู่ ปี้ลั่วก็ยิ้มเขินๆ โดยไม่รู้ตัว “แม่ทัพเขากลับจวนไปจัดข้าวจัดของ บ่ายๆ จะมาสู่ขอที่จวนจ่างกงจู่เพคะ”
“หือ?”
ซูหว่านเลิกคิ้ว “เขาจะมาขอเจ้าให้แต่งออกหรือแต่งเข้า?”
“นี่…”
พอได้ยินคำถามนี้ ปี้ลั่วก็ตะลึงงัน “บ่าวไม่ทราบเพคะ ทุกอย่างล้วนแล้วแต่คำสั่งของฝ่าบาท”
ตามสถานะของลู่ฉางเกอ ถ้ามาขอให้แต่งออก ก็ไม่ถือว่าเกินกว่าเหตุ แต่ถ้านายอย่างซูหว่านไม่เห็นด้วย เขาก็ต้องขอแต่งเข้าหรือ
จะว่าไป ลู่ฉางเกอผู้นี้ ที่ผ่านมาซูหว่านเคยได้ยินแต่ชื่อ ไม่เคยเห็นตัวจริง วันนี้นางจึงกะจะดูว่า ลู่ฉางเกอคนนี้ เป็นคนอย่างไรกันแน่
เนื่องจากต้องการหลีกเลี่ยงข้อสงสัย หลังจากรับประทานอาหารในจวนจ่างกงจู่ ซูรุ่ยก็กลับจวนเสนาบดีกลาโหมเพียงลำพัง ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเขากับซูหว่าน มีเพียงคนสนิทในจวนกงจู่เหล่านี้เท่านั้นที่รู้เรื่อง ด้านสกุลเฟิง กระทั่งเฟิงฮูหยินก็ไม่รู้แม้แต่น้อย
ทว่า เมื่อใช้ชีวิตเช่นนี้ มาได้นานขนาดนี้ แม่ทัพซูก็ไม่มีทางพลาดวันที่ถูกจับได้ในท้ายที่สุดเช่นกัน
หลังเที่ยงไม่ทันไร ลู่ฉางเกอก็แต่งตัวเรียบร้อย พร้อมหนังสือเยี่ยมเยียน มาถึงหน้าประตูใหญ่ของจวนจ่างกงจู่
ในฐานะพรรคพวกของซูม่าน นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ฉางเกอมาจวนจ่างกงจู่เป็นการส่วนตัว จะว่าไป ความคิดจิตใจของแม่ทัพลู่ก็ซับซ้อนยิ่ง!
ชีวิตคนดุจละคร ไม่มีใครรู้ล่วงหน้า
ก่อนที่ลู่ฉางเกอจะกลับเมืองหลวงในครั้งนี้ คิดอยู่แต่ว่าจะมาเข้าร่วมพิธีอภิเษกสมรสของฝ่าบาท จากนั้นก็อยู่ในเมืองหลวงเป็นเพื่อนคนที่บ้านสักระยะหนึ่ง ใครจะรู้เล่าว่า กลางทางจะได้เจอปี้ลั่วที่ซุ่มอยู่
พอพูดถึงปี้ลั่ว จิตใจของลู่ฉางเกอก็ยิ่งซับซ้อนแล้ว เมื่อคิดว่าจอมทัพผู้สง่าผ่าเผยอย่างเขา ผู้นำทัพทหารเป็นล้าน สังหารคนนับไม่ถ้วน สุดท้ายกลับมาติดกับผู้หญิงคนหนึ่ง
อะแฮ่ม แน่นอนว่า ตนก็มิใช่ผู้เสียเปรียบ
ความจริง ลู่ฉางเกอผู้นี้เป็นคนสมถะมาก แบบตรงไปตรงมาและเรียบง่ายเช่นนั้นเลย คือเจ้าดีกับข้ามา ข้าก็ยิ่งดีกับเจ้าตอบ
ตอนนี้ปี้ลั่วเป็นคนของเขาแล้ว แม่ทัพลู่จึงรู้สึกว่า ตนเป็นลูกผู้ชาย ต้องรับผิดชอบหรือ?
อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงหน้าประตูใหญ่จวนจ่างกงจู่ ลู่ฉางเกอก็วิตกกังวลอีก แม้เขายินยอมที่จะแต่งปี้ลั่วเข้าบ้าน แต่จ่างกงจู่จะเห็นด้วยหรือไม่
ตามกฎหมายของแคว้นหลวนเฟิ่ง ปี้ลั่วคือนางในชั้นสาม แม้มีตำแหน่งต่ำกว่าตนเอง แต่นางมีจ่างกงจู่หนุนหลัง และเป็นผู้หญิง ถ้าจ่างกงจู่ไม่อนุญาตให้นางแต่งออก หรือต้องให้จอมทัพอย่างตนแต่งเข้า?
พอคิดถึงจุดนี้ ลู่ฉางเกอก็ว้าวุ่นใจ แต่สุดท้ายก็ยังคงก้าวยาวๆ เข้าไปในจวนจ่างกงจู่…
ห้องรับแขกภายในจวน
ซูหว่านในชุดเครื่องแบบขุนนางสีม่วงเข้ม ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มขณะมองดูลู่ฉางเกอที่นั่งวิตกกังวลอยู่ด้านล่าง “แม่ทัพลู่ เจ้ากำลังล้อข้าเล่นล่ะสิ มาสู่ขอปี้ลั่วออกเรือน เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาขอให้ผู้หญิงแต่งออกต่อหน้าข้า”
พอได้ยินคำพูดของซูหว่าน สีหน้าลู่ฉางเกอก็เปลี่ยนเล็กน้อย ความเย่อหยิ่งเย็นชาของจ่างกงจู่มิได้มีแค่วันสองวัน อันที่จริงเขาได้เตรียมใจไว้แต่แรกแล้ว
“ฝ่าบาท!”
ลู่ฉางเกอค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เงยหน้าจ้องมองซูหว่านที่นั่งอยู่ด้านบนอย่างจริงจัง “ถ้าฝ่าบาททรงอนุญาต กระหม่อมย่อมตื้นตันใจ แต่ถ้าทรงรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะสม เช่นนั้น…กระหม่อมก็ยินยอมแต่งเข้า”
“อ้อ?”
พอได้ยินคำพูดของลู่ฉางเกอ แววตาหงส์ของซูหว่านก็ยิ้มวาบ “ลู่ฉางเกอ เจ้าเป็นถึงจอมทัพของราชสำนัก ในฐานะบุรุษแห่งสมรภูมิโลหิตคนหนึ่ง เจ้ายอมรับความไม่เป็นธรรมด้วยการแต่งเข้าจริงๆ หรือ”
“ไม่ใช่ความเป็นธรรม หรือไม่เป็นธรรมพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมต้องการรับผิดชอบปี้ลั่ว ถ้าคนสองคนอยู่ด้วยกัน จะแต่งออกหรือแต่งเข้าก็ไม่ต่างกัน”
สำหรับเรื่องนี้ ลู่ฉางเกอกลับมองได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
“ลู่ฉางเกอ ถ้าเจ้ากับปี้ลั่วแต่งงานกัน เกรงว่าต่อไปจักรพรรดินีคงไม่เชื่อใจเจ้าอีก เรื่องเหล่านี้เจ้าเคยคิดบ้างไหม”
ซูหว่านจ้องตาลู่ฉางเกอ พลางถามต่อทันที
จักรพรรดินี…
ลู่ฉางเกอลังเลสักพัก ค่อยว่า “ข้าเข้าสู่สมรภูมิรบเพื่อตอบแทนชาติบ้านเมือง ต่อให้ภายหลังไม่ได้เป็นแม่ทัพ เป็นพลทหารตัวเล็กๆ คนหนึ่งก็ไม่ต่างกัน”
“ดี!”
ซูหว่านลุกขึ้นยืนปรบมือดังๆ “แม่ทัพลู่ ปี้ลั่วมองท่านไม่ผิด และข้าก็วางใจมอบนางให้ออกเรือนไปกับท่าน ความจริง ท่านพูดไม่ผิด ขอเพียงคนสองคนอยู่ด้วยกัน ใจสื่อถึงกัน จะแต่งออกหรือแต่งเข้าก็ไม่ต่างกัน”
“ฝ่าบาท?”
พอเห็นซูหว่านรับปากด้วยความยินดี ที่จะมอบปี้ลั่วให้แต่งออก ลู่ฉางเกอก็ผิดคาดยิ่ง แน่นอนว่าตอนนี้ ลู่ฉางเกอเพิ่งกลับมาเมืองหลวง ยังไม่เคยได้ยินบทเพลงสรรเสริญโศกนาฏกรรมแห่งความรักที่เกี่ยวกับจางกงจู่ ต่อมาพอลู่ฉางเกอรู้เรื่องระหว่างซูหว่านกับเย่ว์ชิง ก็อดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ…จ่างกงจู่เป็นคนอ่อนไหวกับความรักจริงๆ เมื่อก่อนทุกคนล้วนเข้าใจนางผิด…
หลังจากข่าวเรื่องปี้ลั่วกับลู่ฉางเกอกำลังจะแต่งงานกันแพร่ออกไปจากจวนจ่างกงจู่ บรรดาญาติสนิทมิตรสหายในราชสำนักต่างพากันตะลึงงัน จะอย่างไรลู่ฉางเกอก็เป็นพรรคพวกของฝ่าบาท แต่กลับแต่งคนของจ่างกงจู่เข้าบ้าน เรื่องนี้เห็นทีต้องมีลับลมคมใน
ซูม่านที่เพิ่งแต่งงานหมาดๆ เดิมทีควรเป็นเจ้าสาวป้ายแดงที่กำลังมีความสุขในสายลมฤดูใบไม้ผลิ
แต่พอรู้ข่าวว่าลู่ฉางเกอกำลังจะแต่งปี้ลั่วเข้าบ้าน ก็อารมณ์ไม่ดีขึ้นมา
อย่าว่าแต่ลู่ฉางเกอเป็นบุรุษที่นางชื่นชมและชื่นชอบเลย ต่อให้เป็นแม่ทัพใหญ่ธรรมดาๆ คนหนึ่ง ก็ไม่สามารถปล่อยให้ตกไปเป็นกองกำลังของซูหว่าน!
เพราะเหตุนี้ ซูม่านจึงประกาศเรียกลู่ฉางเกอให้เข้าวังหารืออยู่หลายรอบ นางคิดเกลี้ยกล่อมให้ลู่ฉางเกอล้มเลิกความคิดที่จะแต่งกับปี้ลั่ว แต่ด้วยความที่ลู่ฉางเกอเป็นคนตรงและดื้อรั้นจนเกินไป ไม่ว่าซูม่านพูดอย่างไร เขาก็ล้วนไม่ยอมละทิ้งเรื่องแต่งงาน สุดท้ายเพื่อให้ซูม่านสบายใจ ลู่ฉางเกอจึงตัดสินใจถอดเครื่องแบบเดี๋ยวนั้นทันที ลาออกจากราชการ แล้วเดินออกจากห้องทรงพระอักษรไป…
เพล้ง
ขณะเย่ว์ชิงเดินเข้ามาในตำหนักชิงหนิง ซูม่านก็ขว้างถ้วยน้ำชาลงกับพื้นด้วยสีหน้าอันมืดมน “สวะทั้งเพ!”
“ฝ่าบาททรงเย็นพระทัย!”
มหาดเล็กกลุ่มหนึ่งกำลังคุกเข่าอยู่ในตำหนัก ซูม่านอยากระบายอารมณ์ต่อ แต่พอเห็นเย่ว์ชิงเดินเข้ามา ก็เก็บความขุ่นเคืองคืนกลับ โบกมือให้มหาดเล็กถอยออกไปให้หมด
“ฝ่าบาท ยังทรงกริ้วเรื่องแม่ทัพลู่อยู่อีกหรือ”
เย่ว์ชิงก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว แล้วจ้องมองซูม่านด้วยแววตาที่อ่อนโยน พอซูม่านได้ยินคำพูดของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเย็นชาพลางพูดเสียงเบา “หึ ไม่รู้ว่าลู่ฉางเกอถูกคนในจวนกงจู่กรอกน้ำแกงวิญญาณหลงทางอะไรเข้าให้ ถึงได้ยอมลาออกจากราชการ ก็จะแต่งกับปี้ลั่วให้ได้! ไม่รู้จักแยกแยะจริงๆ เสียแรงที่เราเคารพชื่นชมในตัวเขามาตลอด! เราชักอยากเห็นจริงๆ แล้วสิว่า คนที่ตัวเปล่าเล่าเปลือยอย่างเขา จะเอาอะไรไปสู่ขอเจ้าสาวที่จวนจ่างกงจู่!”
ซูม่านเดาถูกว่า ทั้งหมดล้วนเป็นแผนการของซูหว่าน ถ้าลู่ฉางเกอไม่มีประโยชน์แล้ว นางจะยอมมอบคนสนิทของตัวเองอย่างปี้ลั่วให้ออกเรือนไปกับเขาหรือ
เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!