ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 17 สามสามี สี่ผู้รับใช้ (17)
“อู๋เฉินช่วยชีวิตข้าไว้ แต่นี้เป็นต้นไป เขาก็คือผู้ชายของข้า ข้าปรนนิบัติผู้ชายของตัวเอง ใครกล้าพูดมากบ้าง?”
พอได้ยินคำพูดเช่นนี้ของซูหว่าน สีหน้าฉือเสวี่ยยวนก็เปลี่ยนเล็กน้อย นางเหลือบมองเฟิงอู๋เฉินที่นอนอยู่บนเตียงตามจิตใต้สำนึก แล้วจึงหันมามองหน้าซูหว่าน
“ตรัสเช่นนี้ไม่ได้นะเพคะ เสวี่ยยวนจำได้ ญาติผู้พี่เคยบอกว่า ชาตินี้เขาไม่มีทางแต่งออก แม้อีกฝ่ายจะเป็นสตรีสูงศักดิ์เพียงใดก็ตาม เขาก็ต้องแต่งอีกฝ่ายเข้าบ้านสกุลเฟิงให้ได้ ดังนั้น ถ้าทรงคิดที่จะแต่งญาติผู้พี่เข้าจวน เกรงว่าจะทรงผิดหวังได้”
“อ้อ?”
พอได้ยินคำพูดของฉือเสวี่ยยวน ซูหว่านก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ใครว่าข้าจะแต่งเฟิงอู๋เฉินเข้าจวนเล่า ข้า…จะ แต่ง เข้า บ้าน เขา!”
“อะ อะไรนะ?”
ฉือเสวี่ยยวนในตอนนี้ตกตะลึงพรึงเพริดแล้ว “จ่างกงจู่ ทรง…ทรงมิได้กำลังล้อเล่นนะเพคะ”
ตั้งแต่สถาปนาแคว้นหลวนเฟิ่งเป็นต้นมา ปี้ลั่วนับเป็นสตรีสูงศักดิ์คนแรกที่แต่งออก ซึ่งนี่ก็ทำให้จักรพรรดินีกริ้วมากอยู่แล้ว ตอนนี้จ่างกงจู่ยังคิดจะทำเรื่องขัดประเพณี แต่งให้ชายคนหนึ่งอีก! ต่อให้ชายผู้นั้นเป็นเสนาบดีกลาโหมผู้สูงส่ง ก็เป็นมลทินต่อพระราชอำนาจอย่างแน่นอน!
“จ่างกงจู่ จักรพรรดินีไม่มีทางปล่อยให้ทรงทำเช่นนั้นหรอก”
ฉือเสวี่ยยวนมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา
“จักรพรรดินี? ฉือเสวี่ยยวน เจ้ากำลังนำจักรพรรดินีมาข่มขู่ข้าหรือ”
ซูหว่านค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วก้าวช้าๆ ทีละก้าวไปยืนตรงหน้านาง “ชายแต่งหญิงเข้าบ้าน เดิมทีเป็นเรื่องมงคลของชีวิต เสนาบดีฉือก็ไม่ต้องวิตกกังวลแทนข้าหรอก รอให้ข้ากับใต้เท้าเสนาบดีกลาโหมแต่งงานกันเมื่อไหร่ ต้องส่งเทียบเชิญไปให้แน่! นี่ก็ดึกมากแล้ว เสนาบดีฉือควรกลับได้แล้วล่ะ”
พอเห็นซูหว่านออกคำสั่งไล่แขก ฉือเสวี่ยยวนก็กัดฟันกรอด แต่สุดท้ายก็ต้องหันกายจากไปอย่างไม่เต็มใจนัก
จวบจนนางจากไปไกลแล้ว ซูหว่านก็ค่อยๆ หันมามองซูรุ่ยที่แกล้งนอนอยู่บนเตียง “ญาติผู้น้องคนดีของคุณไปแล้ว คุณลุกขึ้นมาเถอะ”
“หึๆ”
ซูรุ่ยลุกขึ้นนั่ง พลางยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนใจ “ญาติผู้น้องไม่เลวจริง แต่คนดีนี่ไม่ต้องเลย ภรรยา คุณไม่ได้กำลังหึงนะ”
“ฉันไร้เดียงสาขนาดนั้นเลยเหรอ”
ซูหว่านเบือนหน้าไปอีกทาง พอเห็นว่านางมีท่าทีไม่ยอมรับ ซูรุ่ยก็กะพริบตาปริบๆ แล้วรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “สถานะของมือสังหารในครั้งนี้ มีเบาะแสหรือยัง”
“ยังไม่มี แต่ยังไงก็หนีไม่พ้นสองคนนั่น”
พอได้ยินคำถามของซูรุ่ย ซูหว่านก็จริงจังขึ้นทันที “ถ้าผมเดาไม่ผิด น่าจะเป็นคนคนนั้นแหละ”
“ยืมดาบฆ่าคน ยิงปืนนัดเดียว ได้นกสองตัว?”
ดวงตาของซูรุ่ยฉายแววเย็นชาขึ้นวาบอย่างอดไม่ได้ เมื่อกล้าส่งคนมาสังหารภรรยาของเขา ก็หมายถึง ยังไม่รู้จริงๆ ว่า คำว่าตายสะกดอย่างไร
“เมื่อเขาใช้ร้อยเล่ห์เพทุบายได้ หรือเราจะใช้ไม่เป็น”
ซูหว่านหันมาสบตาซูรุ่ย แล้วทั้งสองก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน…
เมื่อเจ้ายืมดาบฆ่าคน เช่นนั้นเราก็ดาบนี้คืนสนอง!
วันรุ่งขึ้น ผู้คนในเมืองหลวงยังคงพูดคุยกันอย่างร้อนแรงเกี่ยวกับพิธีวิวาห์เปื้อนเลือดอันยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ส่วนการเดาว่าใครคือมือมืดที่อยู่เบื้องหลัง ก็เริ่มแพร่กระจายไปอย่างลับๆ
ในเมืองหลวง ใครกันที่กล้าลงมือกับจ่างกงจู่
และใครกันที่เคยมีความขัดแย้งกับจ่างกงจู่รุนแรงสุด
อีกทั้งการออกเรือนของคนในจวนจ่างกงจู่ ไปแตะผลประโยชน์ของใครเข้า
ทุกสิ่งอย่าง ล้วนชี้เงียบๆ ไปที่คนผู้หนึ่ง และคนผู้นั้นก็คือ จักรพรรดิองค์ปัจจุบัน
…
เขตพระราชฐานชั้นใน พระราชวัง
ซูม่านมีสีหน้ามืดมน กำมือทั้งสองข้างแน่น ขณะฟังการรายงานของหงซวง
เรื่องที่ซูหว่านเห็นด้วยกับการที่ปี้ลั่วแต่งให้ลู่ฉางเกอ ย่อมเป็นการตบหน้าองค์จักรพรรดินี แต่ซูม่านก็มิได้ไร้สมองถึงขั้นส่งคนไปสังหารซูหว่านในเวลาเช่นนี้แน่ การบาดหมางกับนาง ย่อมมิใช่วิธีที่ชาญฉลาด
เรื่องนี้ซูม่านไม่ได้เป็นคนทำ แต่ทั่วทั้งเมืองหลวงยากที่จะหาผู้ซึ่งมีบารมีและมียอดฝีมือเดนตายมากมายเช่นนี้อีก
นอกเสียจาก…
ซูหว่านเอง
หลังจากโบกมือให้หงซวงออกไป ซูม่านก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินกลับไปกลับมาสองสามรอบอยู่ในตำหนัก สุดท้ายนางก็พาคนไปยังตำหนักของหลิ่วลั่ว
ในเวลาเช่นนี้ หลิ่วลั่วยังคงฝึกเพลงกระบี่
พอเห็นร่างของซูม่าน หลิ่วลั่วก็รีบเก็บกระบี่ของตนขึ้น สาวเท้าก้าวเข้ามาอยู่ตรงหน้าซูม่าน “ฝ่าบาท ทรงมาได้อย่างไรกัน”
หลิ่วลั่วคือผู้ที่เข้าใจซูม่านมากสุด ตามความเคยชินของซูม่านที่เขารู้จัก ทุกๆ วันในเวลานี้ นางควรจัดการงานราชกิจอยู่ถึงจะถูก
“หลิ่วลั่ว เรามีเรื่องอยากหารือกับเจ้า”
ซูม่านเดินเข้าไปในตำหนัก พลางเล่าเรื่องที่ตนสงสัยให้หลิ่วลั่วฟัง หลิ่วลั่วผู้นี้ นอกจากชอบฝึกวรยุทธ์แล้ว ยังชอบศึกษาตำราพิชัยยุทธ์ทุกรูปแบบ
เขาเป็นคนเงียบขรึมมาก เหมาะกับคนพูดมากเป็นที่สุด
พอได้ยินการคาดเดาของซูม่าน หลิ่วลั่วก็ครุ่นคิดสักพัก “ว่ากันว่าเมื่อวานที่จวนกงจู่มีคนเสียชีวิตไม่น้อย เสียดายที่ข้าไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ในจวนกงจู่มากนัก จึงไม่สามารถที่จะบอกได้ในทันทีว่า ผู้ที่เสียชีวิตเป็นคนสนิทของจ่างกงจู่หรือถูกนำมาเติมให้เต็มจำนวนกันแน่”
“หือ?”
พอได้ยินหลิ่วลั่วพูดเช่นนี้ ซูม่านก็เกิดความคิดขึ้นวาบ “เย่ว์ชิงออกมาจากจวนจ่างกงจู่ น่าจะแยกแยะได้”
“ฝ่าบาท”
หลิ่วลั่วที่อยู่อีกด้านพลันมองนิ่ง “ฝ่าบาทคิดจะให้เย่ว์ชิงช่วยเหลือหรือ”
“ใช่”
ซูม่านเหลือบมองหลิ่วลั่ว ก่อนถามยิ้มๆ “หลิ่วลั่ว เจ้าคงไม่หึงเย่ว์ชิงหรอกนะ”
พอได้ยินซูม่านกระเซ้าเย้าแหย่ หลิ่วลั่วกลับสั่นศีรษะเล็กน้อย “ข้ามิได้หึง แต่ไม่เชื่อใจเขาต่างหาก เขาออกมาจากจวนจ่างกงจู่ ในเมื่อซูหว่านเคยให้เขาใกล้ชิดฝ่าบาทมาครั้งหนึ่ง ก็มีครั้งที่สองได้ ทรงแยกแยะเขาออกได้อย่างไรว่า ตอนไหนจริง ตอนไหนหลอก”
เย่ว์ชิง…
ในสมองของซูม่านปรากฏภาพเย่ว์ชิง หนุ่มหน้าหยกผู้สง่างามขึ้น จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อย “ไม่มีใครสามารถหลอกเราได้ หลิ่วลั่ว เจ้าต้องเชื่อในความสามารถของเรา!”
“เมื่อทรงมีแผนการในใจ เช่นนั้นก็ถือว่าหลิ่วลั่วคิดไปเองก็แล้วกัน”
หลิ่วลั่วหลุบตาลง แล้วยิ้มขมขื่น พอเห็นว่าเขาคล้ายโกรธเคืองอยู่บ้าง สีหน้าซูม่านก็ขรึมลง
นางสูงส่งมาแต่เด็ก ใครคล้อยตามนางอยู่ ใครขวางทางนางตาย ทั่วทั้งวังหลวง ใครกล้าท้าทายซูม่านบ้าง หลิ่วลั่วเป็นคนแรก และคนเดียว
หรือเป็นเพราะตนดีต่อเขามากจนเกินไป
คิดถึงตรงนี้ ซูม่านก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเย็นชา แล้วว่า “หมู่นี้แดดฤดูใบไม้ผลิกำลังดี เราอยากแปรพระราชฐานสักระยะ พอดีเราหาคนทำพิณให้เย่ว์ชิงได้โดยเฉพาะ และทำเสร็จแล้วด้วย ครั้งนี้เราจะพาเขาไปส่วนเรื่องในวังหลัง มอบให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน”
ว่าแล้ว ซูม่านก็ลุกขึ้นยืนอย่างเย็นชา และหันกายจากไปอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
เมืองหลวงเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แต่ซูม่านกลับเลือกเวลานี้แปรพระราชฐาน นางแค่ต้องการล่อให้มือมืดที่อยู่เบื้องหลังดำเนินการเคลื่อนไหวก้าวต่อไปเท่านั้น
ขณะมองดูร่างที่หันกายจากไปอย่างไม่ไยดีของนาง หลิ่วลั่วก็ใจลอย นึกถึงเมื่อไม่นานมานี้ เขากับนางก็เคยเป็นคู่บ่าวสาวในช่วงข้าวใหม่ปลามันเช่นกัน
ตอนนั้นเขานึกว่าตนเองพบคนที่รักที่สุดในชีวิตแล้ว ต่อให้ละทิ้งทุกสิ่งอย่าง ละทิ้งความคาดหวังทั้งหมดที่มารดามีต่อตนเอง ก็ล้วนคุ้มค่า
แต่ตอนนี้เล่า
หลิ่วลั่วยิ้มให้กับความขื่นขมของตน สุดท้ายคุ้มค่าหรือไม่ ใครช่วยบอกที
ช่วงที่ข่าวลือต่างๆ นานาถูกซุบซิบนินทาไปทั่วทุกหัวระแหงในเมืองหลวงนั้น ข่าวเรื่องซูม่านออกนอกเมืองหลวงไปพักผ่อนก็ค่อยๆ แพร่ออกไป…
ฝ่าบาทออกจากเมืองหลวงตอนนี้ ต้องการทำใจให้สงบ? หรือจงใจหลีกหนี?
ฝ่าบาทไปจากเมืองหลวง จวนจ่างกงจู่ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวอะไรไหม
ขณะที่สายตาทุกคู่ในเมืองหลวงเพ่งเล็งไปที่ซูหว่านนั้น นางก็ได้ทำให้ทุกคนประหลาดใจเป็นอย่างมากในเวลานี้เช่นนี้…จ่างกงจู่กำลังจะแต่งงานแล้ว!
พอข่าวนี้แพร่สะพัด ก็ทำให้ผู้คนตกตะลึงพรึงเพริดยิ่งกว่าการอภิเษกสมรสของฝ่าบาทเสียอีก
มารดาท่าน ฤดูใบไม้ผลินี้ จวนจ่างกงจู่จะจัดงานมงคลติดต่อกันสามงานเลยหรือไร
แน่นอน นี่ล้วนมิใช่จุดสำคัญ จุดสำคัญที่ทุกคนให้ความสนใจมากที่สุดก็คือ…จ่างกงจู่จะแต่งกับใคร