ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 20 สามสามี สี่ผู้รับใช้ (20)
จักรพรรดินีหายสาบสูญ หลิ่วลั่วจึงเป็นตัวแทนจัดการเรื่องทุกอย่างในท้องพระโรงชั่วคราว ส่วนฉือเสวี่ยยวนกับหลิ่วเสวียนนำแม่ทัพฝ่ายบู๊ไปกลุ่มหนึ่ง วางแผนแบ่งกองทหารออกเป็นสองทาง เข้าไปในป่าเขาบริเวณใกล้ที่ประทับแปรพระราชฐาน ตามหาฝ่าบาทที่หายตัวไป
สำหรับเรื่องเหล่านี้ ซูหว่านกับซูรุ่ยล้วนไม่แยแสสนใจ สองคนหนึ่งใจ จดจ่ออยู่แต่เรื่องงานวิวาห์ และในตอนนี้เอง กลับเกิดเรื่องหนึ่งขึ้นในจวนจ่างกงจู่…
“ฝ่าบาท”
ดึกดื่นค่ำคืน หลิวอิงที่เดิมทีควรนอนหลับพักผ่อน จู่ๆ ก็มาที่หน้าประตูห้องซูหว่าน ส่งเสียงเรียกอย่างนอบน้อม “ฝ่าบาทเพคะ บรรทมแล้วหรือ”
“มีเรื่องอะไรล่ะ”
ซูรุ่ยส่งเสียงแกมรำคาญออกมาจากด้านใน
พอได้ยินเสียงซูรุ่ย หลิวอิงก็คล้ายลังเลสักพัก ค่อยว่า “เรียนใต้เท้าเสนาบดีกลาโหม คือ…คือ…คนในจวนเพิ่งพบคุณชายเย่ว์นอนสลบอยู่หลังจวนเจ้าค่ะ”
“เย่ว์ชิง?”
สายตาซูรุ่ยฉายแววเย็นชาขึ้นวาบ ส่วนซูหว่านที่นอนอยู่บนเตียงพลันลืมตาทั้งสองข้างขึ้น
ซูม่านแปรพระราชฐานไปกับเย่ว์ชิง ขากลับขบวนเสด็จเผชิญกับการซุ่มจู่โจมกลางทาง ซูม่านหายตัวไป เย่ว์ชิงก็หายตัวไปด้วย
นึกไม่ถึงว่าผ่านไปไม่กี่วัน จู่ๆ เขากลับปรากฏตัวขึ้นในเมืองหลวง และปรากฏตัวขึ้นอย่างแปลกประหลาด ที่สวนหลังจวนกงจู่ของซูหว่านกลางดึก
ซูหว่านลุกขึ้นนั่ง หรี่ตาแล้วแย้มยิ้ม “เห็นที คู่ต่อสู้ของเราอาจฉลาดเกินไปแล้วล่ะ”
“หึ ก็แค่คิดไปเองว่าตนเองฉลาด”
ซูรุ่ยยิ้มเย็นชา “คุณคิดจะทำยังไงกับเย่ว์ชิง”
“ในเมื่อส่งมา ก็เลี้ยงดูสิ จวนจ่างกงจู่ ไม่เลี้ยงให้เสียข้าวสุกอยู่แล้ว”
ซูหว่านพูดจบก็มองไปยังประตูหน้าห้อง พลางตะโกนสั่ง “หลิวอิง ส่งคนไปดูแลคุณชายเย่ว์ให้ดี ส่วนเรื่องอื่นๆ รอให้เขาฟื้นขึ้นมาค่อยว่ากัน!”
“เพคะ!”
พอหลิวอิงได้ยินคำสั่งของซูหว่าน ย่อมรีบสาวเท้าก้าวถอยไป
…
เช้าวันรุ่งขึ้น
เย่ว์ชิงตื่นจากการสลบไสล ชั่วขณะที่ลืมตา สิ่งที่เห็นก็คือ การตกแต่งที่คุ้นเคย ทว่าห่างเหิน
ที่นี่ คือจวนจ่างกงจู่
เขาจำทุกอย่างของที่นี่ได้ กระทั่งหลายครั้งที่หลับฝัน เย่ว์ชิงก็มักฝันเห็นตนเองกลับมาที่จวนจ่างกงจู่ ย้อนกลับไปเมื่อวันวาน
ไร้ซึ่งการแย่งชิงอำนาจ ไร้ซึ่งการวางอุบายป้องกัน เพียงเล่นเพลงพิณสอดประสานเรียบๆ ง่ายๆ ก็อิ่มเอมใจแล้ว…
เสียดาย ล้วนเป็นเพียงความฝัน
เย่ว์ชิงเงียบงัน
ตอนนี้ สติสัมปชัญญะของเขาค่อยๆ ฟื้นคืนแล้ว จึงนึกได้ว่า วันนั้นเขากับซูม่านเผชิญกับการลอบสังหารด้วยกัน มือสังหารเหล่านั้นโหดเหี้ยมมาก บัณฑิตที่ไม่มีแรงแม้ฆ่าไก่อย่างเขาก็ถูกจู่โจมเช่นเดียวกัน เมื่อถึงคราวคับขัน ซูม่านกลับลังเลอยู่บ้าง แล้วเขาก็ถูกมือสังหารจู่โจมทางด้านหลัง จากนั้นก็ไม่รู้สึกตัวอีก
นี่ตนตายแล้วหรือ
นึกไม่ถึงว่า คนตายสามารถกลับมายังที่ที่เคยอยู่ได้จริง
เย่ว์ชิงค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ขณะอยากมองทุกๆ อย่างในห้องให้ดี ในตอนนี้เอง หลิวอิงก็ยกยาจากด้านนอกเข้ามาในห้องพอดี
“คุณชายเย่ว์ ฟื้นแล้วหรือเจ้าคะ”
พอเห็นเย่ว์ชิงฟื้นตื่น หลิวอิงก็ยิ้มอย่างอดไม่ได้ “ฟื้นแล้วก็ดีเจ้าค่ะ นี่คือยาหม้อที่ท่านหมอจัดมาให้ทาน”
“หลิวอิง?”
เย่ว์ชิงเหลือบมองหลิวอิง แล้วลูบศีรษะที่ยังปวดอยู่บ้างของตนอย่างอดไม่ได้ “ข้า…หรือว่าข้ายังไม่ตาย”
“อะไรตายไม่ตาย คุณชายท่านสับสนแล้ว? ที่นี่คือจวนจ่างกงจู่ ไม่ใช่ปรโลกเจ้าค่ะ ท่านดูการตกแต่งของที่นี่สิ ยังเหมือนเมื่อก่อนอยู่เลย ถึงคุณชายจากไปแล้ว ฝ่าบาทก็ยังคงให้คนมาทำความสะอาดที่นี่ทุกวัน”
ห้องนี้ก็คือห้องที่เมื่อก่อนเย่ว์ชิงอาศัยอยู่ พอได้ยินคำพูดของหลิวอิง แววตาของเย่ว์ชิงก็ทอประกายเล็กน้อย “ซูหว่าน ไม่สิ ฝ่าบาทล่ะ ข้าอยากพบฝ่าบาทจ่างกงจู่!”
อาจเป็นเพราะเคยตายมาแล้วหนหนึ่ง จิตใจของเย่ว์ชิงในตอนนี้จึงแตกต่างจากเมื่อก่อน เขาอยากพบซูหว่านมาก ความรู้สึกแบบนี้ไม่เคยเร่งรีบเหมือนตอนนี้มาก่อน
“เอ่อ ฝ่าบาททรง…”
พอได้ยินคำพูดของเย่ว์ชิง สีหน้าของหลิวอิงก็อีหลักอีเหลื่อเล็กน้อย “คุณชายเย่ว์ ท่านพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนดีกว่า รอให้กินยาแล้ว พักผ่อนแล้ว ค่อยไปคารวะฝ่าบาทนะเจ้าคะ!”
“ไม่”
เย่ว์ชิงพยายามลุกจากเตียง “ข้าจะไปหานางตอนนี้ล่ะ!”
พอเหลือบเห็นแววตาที่ร้อนรนและดื้อรั้นของเย่ว์ชิง หลิวอิงก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ “เหอะๆ คุณชายเย่ว์เจ้าขา ฝ่าบาทของเรากับใต้เท้าเสนาบดีกลาโหมยังไม่ตื่นนอน ถ้าท่านบุกเข้าไปในตอนนี้ จะไม่ค่อยดีเจ้าค่ะ”
“เจ้าว่าอะไรนะ”
พอได้ยินคำพูดของหลิวอิง เย่ว์ชิงก็หยุดการเคลื่อนไหว ร่างนิ่งค้างอยู่กับที่
วันนั้นซูม่านได้พูดคุยกับเย่ว์ชิงถึงข่าวที่ซูหว่านกำลังจะแต่งงานจริง ซึ่งหลังจากนั้นเย่ว์ชิงก็ว้าวุ่นใจตลอด แต่แล้วอีกไม่กี่วันต่อมา ตั้งแต่เร่งรีบเดินทางออกจากที่ประทับแปรพระราชฐาน ซูม่านก็ไม่ได้บอกสาเหตุที่รีบกลับเมืองหลวงให้เย่ว์ชิงฟัง เย่ว์ชิงจึงไม่รู้ข่าวที่ซูหว่านจะแต่งออกไปอยู่กับเฟิงอู๋เฉิน ตอนนี้พอได้ยินหลิวอิงพูดเช่นนี้ เย่ว์ชิงจึงโง่งมทันที…
“เสนาบดีกลาโหม? เสนาบดีกลาโหมเฟิง ผู้ที่ฝ่าบาทจะแต่งเข้าจวน…ก็คือเฟิงอู๋เฉินหรือ”
เย่ว์ชิงถามอย่างมึนงง
พอได้ยินคำถามของเขา หลิวอิงก็กะพริบตา “มิใช่แต่งเข้า เป็นแต่งออกเจ้าค่ะ อีกไม่กี่วันฝ่าบาทของเราก็จะแต่งให้กับเสนาบดีกลาโหมเฟิงแล้ว พอถึงตอนนั้น เกรงว่าบ่าวเองก็ต้องติดตามนายท่านไปจวนสกุลเฟิงด้วยเจ้าค่ะ”
แต่งออก มิใช่แต่งเข้า?
เย่ว์ชิงรู้สึกว่าสมองตนพลันว่างเปล่า ส่วนหลิวอิงที่อยู่อีกด้านก็อดไม่ได้อีกที่จะพูดต่อ “คุณชายเย่ว์ ท่านก็รู้สึกยินดีกับฝ่าบาทด้วยใช่ไหมเจ้าคะ เพื่อฝ่าบาทแล้ว เสนาบดีกลาโหมเฟิงถึงกับรับไปสองกระบี่ ฝ่าบาทของเราเคยบอกว่า ยากนักที่จะพานพบคนรักเดียวใจเดียว ชีวิตนี้ทรงมีแต่เสนาบดีกลาโหมเฟิงแล้ว เกิดเป็นคนบ้านสกุลเฟิงของพวกเขา ตายก็เป็นผีบ้านสกุลเฟิงของพวกเขา โอ๊ย…บ่าวยังรู้สึกซาบซึ้งใจเหลือเกิน หลายปีมานี้ฝ่าบาทมีแต่ความว่างเปล่า ในที่สุดก็พบคนที่สามารถฝากผีฝากไข้ไปตลอดชีวิตเสียที”
ร่างของเย่ว์ชิงโงนเงน ภาพตรงหน้าเลือนรางไปหมด
เพื่อเฟิงอู๋เฉินแล้ว ซูหว่านถึงกับยอมสละสถานะจ่างกงจู่ สละทุกสิ่งทุกอย่าง แต่งเข้าบ้านสกุลเฟิง? นี่คือสิ่งที่นางเคยพูดว่า ถึงต้องบุกน้ำลุยไฟก็ไม่หวั่น ใช่หรือไม่
และสตรีเช่นนี้ก็เคยมีความรักอย่างลึกซึ้งกับตนมาก่อน เสียดาย…สูญเสียไปแล้ว เรียกคืนมาไม่ได้อีก…
พอออกจากห้องของเย่ว์ชิง หลิวอิงก็สาวเท้าไปยังเรือนของซูหว่าน
ซึ่งความจริง ซูหว่านกับซูรุ่ยตื่นนอนนานแล้ว พอเห็นร่างของหลิวอิง ซูรุ่ยก็ยิ้มอย่างอดไม่ได้ “หลิวอิง เป็นอย่างไรบ้าง”
“เรียนใต้เท้า บ่าวได้อธิบายให้คุณชายเย่ว์ฟังอย่างกระจ่างแจ้งตามที่ท่านกำชับไว้แล้ว ดูๆ ไปเขามีท่าทางเหมือนหมดอาลัยตายอยากนะเจ้าคะ”
“สมน้ำหน้า”
ซูหว่านที่อยู่อีกด้านส่งเสียงต่ำอย่างดูแคลนออกมา พลางพลิกดูรายการอาหารในงานเลี้ยงมงคลสมรสไปเพลินๆ
คนที่กินบนเรือนขี้รดบนหลังคาแบบนี้ สมควรให้เขาได้เจ็บปวด สมควรให้เขาจับปลาไม่ได้สักมือ
พอซูรุ่ยได้ยินซูหว่านพูด ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะให้นางอย่างอ่อนโยน “ดีล่ะ ก็ให้เขาอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน ก็ถึงวันแต่งงานของเราพอดี เมื่อถึงวันนั้น เขายังจะมีชีวิตอยู่หรือไม่ อันนี้ก็ ไม่มีทางรู้ได้จริงๆ”
วันที่สิบหก เดือนหก…
พอได้ยินคำพูดของซูรุ่ย มือที่กำลังพลิกรายการอาหารของซูหว่านก็ชะงักเล็กน้อย
หลิ่วเสวียน
ถ้าคิดจะลงมือ เจ้าก็ต้องเลือกวันนี้ล่ะ
แบบนี้ก็ดี จะได้จัดการทุกสิ่งอย่างในคราวเดียว
แววตาของซูหว่านค่อยๆ ล้ำลึกขึ้น ตอนนี้ทางด้านปี้ลั่วกับลู่ฉางเกอก็เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว หลิ่วเสวียนนึกว่าตนเองกระทำการทุกสิ่งอย่างได้อย่างไร้ช่องโหว่ แต่เขากลับไม่รู้ว่าซูหว่านกับซูรุ่ยล่วงรู้ถึงจิตใจทะเยอทะยานอยากของเขาตั้งแต่แรกแล้ว
ดังคำที่ว่า ตั๊กแตนไล่จับจั๊กจั่น โดยไม่รู้ว่านกขมิ้นรอกินมันอยู่ด้านหลัง หลิ่วเสวียนอยากเป็นนกขมิ้นตัวนั้น แต่เขากลับไม่รู้ว่า ตนเองก็เป็นเพียงเหยื่อที่เอร็ดอร่อยในสายตาของนักล่าเช่นเดียวกัน…