ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 21 สามสามี สี่ผู้รับใช้ (21)
วันที่สิบห้า เดือนหก พรุ่งนี้เป็นวันแต่งงานของซูหว่านกับซูรุ่ย ตอนนี้ทั่วทั้งจวนจ่างกงจู่จึงจัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว
เรือนต่างๆ และห้องหับที่ใหญ่หน่อยล้วนตกแต่งไปด้วยโคมแดงสำหรับงานรื่นเริง
ตกกลางคืน อากาศเย็นยะเยียบดุจสายน้ำ ทว่าโคมไฟสีแดงในเรือนกลับทำให้จวนจ่างกงจู่ทั้งหลังสว่างไสวราวกับตอนกลางวัน
“นี่ก็มืดค่ำแล้ว เจ้ากลับไปเถอะ”
หน้าประตูใหญ่จวนกงจู่ ซูหว่านเดินมาส่งซูรุ่ยถึงหน้าประตูด้วยตนเอง
ช่วงนี้เขาพักอยู่แต่ที่นี่ ราวกับเป็นนายผู้ชายของจวนกงจู่ไปแล้ว ทว่าพรุ่งนี้เป็นวันมงคลสมรสทั้งที อย่างไรเสีย ซูรุ่ยก็ต้องกลับบ้านสกุลเฟิงไปเตรียมตัวสักหน่อย
“ภรรยา”
แม่ทัพซูมองภรรยาตนเองอย่างไม่เต็มใจจะจากไปนัก “ถ้าไม่ได้กอดคุณ ผมนอนไม่หลับน่ะ”
“ฉันไม่ใช่หมอนข้างนะ”
พอได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ซูหว่านก็งอน ค้อนขวับให้เขา จากนั้นค่อยก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว โน้มตัวเข้าด้านข้างของซูรุ่ย เขย่งเท้าแล้วหอมแก้มเขาเบาๆ “จุ๊บราตรีสวัสดิ์แล้ว คุณรีบกลับไปเถอะ พรุ่งนี้ยังมีศึกหนักที่ต้องบู๊อีก!”
“อืมๆ”
ซูรุ่ยพยักหน้า แต่พอเหลือบเห็นร่างสีขาวด้านหลังประตู แม่ทัพซูก็กะพริบตา ยกมือดึงซูหว่านให้เข้ามาในอ้อมอก ก้มลงแล้วจูบเข้าที่ริมฝีปากนางอย่างดูดดื่ม “ภรรยา จำไว้นะ คืนนี้ต้องคิดถึงผม”
หลิวอิง “…”
พอกันที! ในที่สุดบ่าวก็รับรู้ได้ถึงจิตใจที่จะเป็นจะตายให้ได้ของพี่ปี้ลั่วแล้ว
ฝ่าบาทเพคะ โปรดประทานผู้ชายมาให้บ่าวสักคนด้วยเถิด อยู่เป็นโสดแบบนี้ปวดใจ๊ปวดใจ
จวบจนรถม้าของจวนเสนาบดีกลาโหมหายไปในความมืด ซูหว่านค่อยหันกายช้าๆ กลับเข้าไปในจวน ทว่าเพิ่งหันกายได้ไม่ทันไร ก็ต้องเผชิญกับสายตาอันหม่นเศร้าของเย่ว์ชิง
ซูหว่าน “…”
เจ้าใช้สายตาแบบน้ำตาไหลกลับท่วมทะเลใจมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน
หรือเจ้าลืมไปแล้วว่า เจ้าเป็นสามีที่มีภรรยาแล้ว ส่วนข้าก็เป็นภรรยาที่มีสามีแล้ว
“คุณชายเย่ว์ ไม่สิ ข้าควรเรียกเจ้าว่าพระสวามีเย่ว์ ค่ำคืนเช่นนี้ เหตุใดเจ้าจึงไม่หลับไม่นอน”
ซูหว่านเลิกคิ้วมองเย่ว์ชิง พลางถามด้วยน้ำเสียงใสเย็น
“ซูหว่าน…”
เย่ว์ชิงลังเลใจ อยากพูดอะไร แต่ก็ยั้งใจไว้ จ้องมองซูหว่าน “ข้า ข้าแค่นอนไม่หลับ เลยออกมา…ดูๆ เจ้า”
“อ้อ ข้าก็อยู่ตรงนี้แล้ว เจ้าก็ดูแล้วนี่ กลับไปพักผ่อนเถิด”
ว่าแล้วซูหว่านก็เดินนำหลิวอิงกลับเรือนตนเองไป
“ซูหว่าน!”
เย่ว์ชิงที่อยู่ด้านหลังพลันตะโกนเรียก
ซูหว่านมิได้หันกาย แต่ยังคงหยุดฝีเท้าลง
“ขอให้เจ้า…มีความสุข”
น้ำเสียงในความเงียบของเย่ว์ชิง เห็นชัดว่าโศกเศร้าและซับซ้อนยิ่ง
หึๆ
กลางค่ำกลางคืนแบบนี้ แสดงเป็นนักบุญแห่งความรักให้ใครดูมิทราบ
“ไม่ต้องให้เจ้าอวยพร ข้าก็มีความสุขมากอยู่แล้ว”
ซูหว่านพูดเสียงเบา ก่อนสาวเท้าก้าวจากไป เย่ว์ชิงมองดูแผ่นหลังที่ค่อยๆ ไกลออกไปของนาง แล้วจึงหลุบตาลง…
ซูหว่าน ในใจเจ้ายังคงโทษข้าอยู่หรือเปล่า
ต้องบอกว่า ผู้ชายเฮงซวยทุกคนล้วนคิดว่าตนเองเป็นนักบุญแห่งความรัก
ที่ต้องหันกายจากไปขณะอยู่ในห้วงแห่งความรัก เขาคิดว่าตนเองถูกบีบคั้นอย่างแน่นอน
และหลังจากที่เขาจากไป เขาก็ยังหลอกตัวเองว่า ท่านยังรอเขาอยู่ที่เดิมเสมอ
โทษเจ้า?
พี่ใหญ่ พี่คิดว่าตัวเองเก่งกาจนักหรือไง
คืนนี้ ซูหว่านกลับเข้าห้องตนเองแต่หัวค่ำ ด้วยปี้ลั่วกับลู่ฉางเกอรออยู่ในนั้นแล้ว
“ฝ่าบาท เราเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว”
ท่าทางของลู่ฉางเกอจริงจังมาก วันแต่งงานของเขากับปี้ลั่ว พี่น้องในจวนกงจู่ตายไปมากมาย ผู้บริสุทธิ์ในเมืองหลวงก็ตายเปล่าไปเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ในที่สุดก็ได้เวลาคิดบัญชีแล้ว พรุ่งนี้เขาต้องแก้แค้นให้ผู้ที่ตายไปเหล่านั้น จะไม่ปล่อยให้มือมืดที่อยู่เบื้องหลังทำลายงานมงคลสมรสของฝ่าบาทเป็นอันขาด…
คืนนี้ หลายคนล้วนพลิกตัวไปมา นอนไม่หลับ
พระราชฐานชั้นใน พระราชวัง
ตอนที่หลิ่วลั่วเห็นร่างของซูม่าน ใบหน้าที่เย็นชาของเขาพลันแสดงท่าทางโล่งใจออกมา “ฝ่าบาท ในที่สุดก็ทรงกลับมาแล้ว!”
“อืม ระยะนี้ลำบากเจ้าแล้ว หลิ่วลั่ว!”
เสียงของซูม่านอู้อี้มาก สองสามวันมานี้นางพเนจรอยู่นอกวัง โดยยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ ชีวิตพูดไม่ได้ว่าไม่ลำบาก ต้องขอบคุณเหลิ่งเยี่ยที่ไม่ทิ้งกัน ดูแลตนเสมอมา ดั่งคำที่ว่า เราจะเห็นรักแท้ขณะอยู่ท่ามกลางความเป็นความตาย ซึ่งซูม่านก็เพิ่งรู้ในตอนนี้เองว่า เหลิ่งเยี่ยแอบรักตนมาตลอด ติดอยู่แค่สถานะราชองครักษ์เท่านั้น ที่ทำให้เขาไม่กล้าสารภาพรักกับตน
เดิมทีซูม่านคิดไว้แล้วว่า หลังจากกลับถึงเมืองหลวง ต้องให้คำตอบกับเหลิ่งเยี่ย แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายของนางก็คือ…ก่อนที่หลิ่วเสวียนจะนำกำลังคนออกตามหาตนจนพบนั้น ตนกับเหลิ่งเยี่ยเผชิญกับการซุ่มจู่โจมอีกระลอก และระหว่างการลอบสังหารในครั้งนี้ เหลิ่งเยี่ยก็ได้เสียชีวิตลงเพื่อปกป้องตน
เหลิ่งเยี่ย…
พอนึกถึงเหตุการณ์ก่อนตาย ชายผู้นี้ได้ปกป้องตนอย่างสุดชีวิต แววตาของซูม่านก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชาและโหดเหี้ยม
“หลิ่วลั่ว ช่วงนี้ที่เจ้าอยู่ในเมืองหลวง ตรวจพบเบาะแสอะไรบ้าง”
ซูม่านหันมามองหลิ่วลั่ว นางเชื่อมั่นในความสามารถของหลิ่วลั่ว อีกทั้งสายลับที่ตนวางไว้ในเมืองหลวงเหล่านั้น หลิ่วลั่วก็ชัดเจนเช่นเดียวกัน
“ฝ่าบาท”
พอได้ยินคำพูดของซูม่าน สีหน้าของหลิ่วลั่วก็เปลี่ยนเล็กน้อย “สองสามวันก่อน เย่ว์ชิงกลับเมืองหลวงอย่างลับๆ ตอนนี้กำลังอยู่ในจวนจ่างกงจู่!”
“อะไรนะ?”
พอได้ยินคำพูดของหลิ่วลั่ว สีหน้าของซูม่านก็หมองคล้ำลงทันที “ทางฝั่งซิวหลัวมีข่าวใหม่อะไรหรือเปล่า”
“มีพ่ะย่ะค่ะ”
หลิ่วลั่วจ้องตาซูม่าน พลางตั้งใจพูดทีละคำ “ซิวหลัวส่งข่าวมาว่า ทางจ่างกงจู่ระดมกำลังคนบ่อยครั้ง เขาว่าการลอบสังหารในครั้งนี้…จ่างกงจู่เป็นผู้วางแผนด้วยตนเอง!”
“ดี แม่ตัวดีซูหว่าน! พ่อตัวดีเย่ว์ชิง!”
ซูม่านเดือดดาลจนหัวเราะออกมา แววตาเย็นชาต่อเนื่อง “เสนาบดีฉือ เสนาบดีหลิ่ว! ปิดข่าวที่เรากลับวังให้สนิท เสนาบดีฉือ! เจ้ารีบระดมสรรพกำลัง พรุ่งนี้วันมงคลสมรสของจ่างกงจู่ เราจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้นาง!”
“ฝ่าบาท หรือจะทรง…”
พอได้ยินคำสั่งของซูม่าน ฉือเสวี่ยยวนที่ยืนอยู่ด้านข้าง พลันเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย พลางถามกลับทันที
“หึ”
ซูม่านเลิกคิ้วขึ้นอย่างเย็นชา น้ำเสียงเย็นยะเยียบอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน “เราจะนำกำลังทหาร…ถล่มจวนจ่างกงจู่ให้ราบ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลิ่วลั่วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
ส่วนฉือเสวี่ยยวนกลับยืนอึ้งอยู่กับที่ สิ่งแรกที่นางนึกถึงย่อมเป็นความปลอดภัยของเฟิงอู๋เฉิน
ถล่มจวนกงจู่ให้ราบ?
พอได้ยินสำนวนอหังการของซูม่าน หลิ่วเสวียนก็ก้มหน้าลง มุมปากปรากฏรอยยิ้มเย็นชาขึ้นวาบ…
พรุ่งนี้ กวางจะตายด้วยน้ำมือใคร ไม่สามารถรู้ได้จริงๆ!
……
วันที่สิบหก เดือนหก
ฟ้าเพิ่งสาง จวนจ่างกงจู่ก็ถูกล้อมรอบไปด้วยผู้คนในเมืองหลวงอย่างหนาแน่นแต่เช้า ด้วยทรงเป็นฝ่าบาทองค์แรกในประวัติศาสตร์ของแคว้นหลวนเฟิ่งที่ยอมออกเรือน นี่เป็นยุครุ่งเรืองที่พานพบได้ยากในรอบศตวรรษ และผู้ที่ชื่นชอบความคึกคัก ย่อมไม่พลาดชมอย่างแน่นอน
ขณะนี้ องครักษ์ของจวนกงจู่ที่ล้วนแต่งกายด้วยเครื่องแบบสีแดงสำหรับงานรื่นเริง เดินออกมาจากจวนกงจู่อย่างต่อเนื่อง องครักษ์ยี่สิบกว่าคนถูกแบ่งออกเป็นสองแถวอย่างมีวินัย เพื่อรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยบริเวณหน้าประตูใหญ่
ควบคู่ไปกับเวลาที่ผ่านไปอย่างเชื่องช้า เสียงแห่งความสุขเคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ที่แท้ขบวนรับเจ้าสาวของจวนเสนาบดีกลาโหมมาถึงแล้ว
คนของจวนเสนาบดีกลาโหมทุกคนก็แต่งกายด้วยชุดยาวสีแดงสด ผู้ที่ขี่ม้าเหงื่อโลหิตนำหน้ามา เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า คือใต้เท้าเสนาบดีกลาโหมคนปัจจุบัน เฟิงอู๋เฉิน
สำหรับการมารับจ่างกงจู่ด้วยตนเองของเฟิงอู๋เฉินนั้น ทุกคนต่างรู้สึกว่าไร้ข้อบกพร่อง ซึ่งเมื่อขบวนของคนสกุลเฟิงมาถึง หน้าประตูใหญ่ของจวนจ่างกงจู่ก็จุดประทัดเฉลิมฉลองกันทันที
ท่ามกลางเสียงโป้งป้างของประทัด ซูหว่านในชุดแต่งงานสีแดงปักลายหงส์ดิ้นทอง ซ้ายขวามีหลิวอิงและปี้ลั่วคอยพยุง ค่อยๆ เดินออกจากประตูใหญ่ของจวนกงจู่
ในยามนี้ เมื่อมองจากปากถนนมาทางฝั่งจวนกงจู่ สิ่งที่เข้ามาในสายตา ล้วนเป็นสีแดงสดทั้งแถบ
ท่ามกลางแถบสีแดงที่พลิกไปมา ทันใด เมฆดำก้อนหนึ่งก็เคลื่อนมาจากทางพระราชวัง เมื่อมองให้ถ้วนถี่ ล้วนเป็นกลุ่มราชองครักษ์ที่สวมชุดเกราะสีดำทั้งหมด ดูเคร่งขรึมและหนาวเย็น
วันมหามงคล ศัตรูผู้แข็งแกร่งมาโจมตี
ซูรุ่ยที่นั่งอยู่บนหลังม้าเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายอันงดงามและน่าทึ่งที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ…
ดีมาก
ครั้งนี้ เขาจะทำให้ทั่วทั้งเมืองหลวงเต็มไปด้วยโลหิตสีแดงสด ผู้คนล้วนเป็นสักขีพยานให้กับงานมงคลสมรสที่ยากลืมเลือนที่สุดในประวัติศาสตร์ของแคว้นหลวนเฟิ่ง…