ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 5 สามสามี สี่ผู้รับใช้ (5)
“คู่รักที่รักเดียวใจเดียวชั่วชีวิต?”
มิใช่เสนาบดีหลิ่วไม่มีอารยธรรม แต่ในแคว้นหลวนเฟิ่งไม่นิยมการมีคู่สมรสเพียงคนเดียว ดังนั้นพอได้ยินคำพูดของซูหว่าน หลิ่วเสวียนถึงได้ตะลึงไปชั่วขณะ ด้วยตกใจในคำพูดนาง
เฮ้อ นาทีนี้ ซูหว่านรู้สึกว่าตนได้ย้อนอดีตมาสิงร่างนางใน ว่ากันว่าขอเพียงย้อนอดีตมาเป็นนางใน แล้วแสดงให้เห็นวัฒนธรรมสมัยใหม่ของตน คนพื้นเมืองกลุ่มใหญ่จะตกใจนึกว่ามาจากสวรรค์ทันที แล้วก้มลงกราบแทบกระโปรงสีทับทิมของเธอ
“จ่างกงจู่ หรือทรงตัดสินพระทัยแล้วว่า ชาตินี้จะสมรสกับคนเพียงคนเดียว”
หลิ่วเสวียนอึ้งไปสักพัก ก่อนจ้องมองซูหว่านตาปริบๆ
คำว่า ‘คู่รักที่รักเดียวใจเดียวชั่วชีวิต’ ฟังดูกลับไม่เลวเลยทีเดียว เสียดาย จะมีสักกี่คนที่ทำได้จริง
พอเห็นหลิ่วเสวียนเพียงตกตะลึงไปชั่วขณะ ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมากจนเกินไป ซูหว่านค่อยโล่งอก อย่างว่าแหละออร่ารัศมีนางเอกอะไรพวกนั้น ต้องใช้กับร่างของตัวเอกถึงจะเป็นผล
“อะแฮ่ม”
ซูหว่านกระแอมไอเบาๆ จ้องมองใบหน้าหลิ่วเสวียนตรงๆ “ความจริงสตรีไม่จำเป็นต้องแต่งเข้า ถ้าได้พบเจอคนที่รักจริงหวังแต่งสักคนบนโลกใบนี้ แม้ต้องแต่งออกไป จะเป็นไรเล่า”
“แต่งออกไป?”
คราวนี้ทำให้หลิ่วเสวียนแตกตื่นแล้วจริงๆ ซูหว่านเป็นใคร นางเป็นจ่างกงจู่ที่อยู่ใต้คนคนเดียว แต่อยู่เหนือคนนับหมื่นเชียวนา!
ถ้าฝ่าบาทของแคว้นหลวนเฟิ่งยอมที่จะแต่งออกไปอยู่บ้านบุรุษ เช่นนั้นจะหมายความว่าอะไร
“จ่างกงจู่ วาจานี้ อาจ อาจจะ…”
“กลัวอะไร”
ซูหว่านหัวเราะ ตาหงส์พลางชี้ขึ้น “ข้าซูหว่าน ทำอะไรไม่เคยเห็นแก่หน้าใคร เสนาบดีหลิ่ว ข้ารู้ว่าเย่ว์ชิงอยู่ในจวนท่าน ท่านให้เขาออกมาพบหน้าข้าหน่อยได้หรือไม่ ข้าจะไม่ทำให้เขาลำบากใจอย่างแน่นอน!”
เมื่อเห็นซูหว่านอ้อมไปอ้อมมา ในที่สุดก็อ้อมมาถึงตัวเย่ว์ชิง หลิ่วเสวียนจึงมีสีหน้าอึดอัดใจเล็กน้อย “จ่างกงจู่ นี่…จริงๆ แล้วกระหม่อมควรฟังคำสั่งของท่าน แต่จักพรรดินีทรง…”
“เอาเถอะๆ ไม่พบก็ได้ ให้ข้ามองดูเขาจากระยะไกล น่าจะได้นะ”
ซูหว่านตัดบทคำพูดของหลิ่วเสวียนโดยไม่อดทน พร้อมสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเย็นชา
“พ่ะย่ะค่ะๆ เชิญจ่างกงจู่ทางนี้!”
คราวนี้หลิ่วเสวียนมิได้ปฏิเสธ แต่กลับเดินนำทาง พาซูหว่านมาถึงหลังจวนสกุลหลิ่ว
“เรือนหลังนี้มีกลไก จ่างกงจู่ต้องเดินตามกระหม่อม อย่าเดินผิดทาง”
ว่าแล้วหลิ่วเสวียนก็ก้าวยาวๆ ไปข้างหน้า ซูหว่านย่อมตามติดอยู่ด้านหลังของเขา ไม่นานนัก ทั้งสองก็มาถึงหน้าเรือนน้อยหลังหนึ่ง หลิ่วเสวียนหยุดฝีเท้า ยืนใต้พระจันทร์ แล้วว่า “ฝ่าบาท คุณชายเย่ว์อยู่ในเรือนหลังนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ขณะนั้น หน้าต่างห้องมุมหนึ่งของเรือนเปิดออกพอดี ผู้ที่อยู่ด้านนอกจึงเห็นผู้ที่อยู่ด้านในได้จากระยะไกล ขนาดเหลือบมองไกลๆ ก็ยังรู้สึกได้ถึงบุคลิกท่าทางดุจเทพเซียนที่สง่างามหมดจดบนร่างของคนผู้นั้น
ซูหว่านมองดูเย่ว์ชิงที่อยู่ในห้องเงียบๆ
ยังไม่ใช่
ไม่ใช่ซูรุ่ย
สองสามวันก่อน ตอนมาถึงโลกใบนี้ ซูหว่านก็สรุปเนื้อเรื่องของที่นี่คร่าวๆ ได้แล้ว ตัวละครหลักของโลกใบนี้ล้วนกระจุกอยู่ในเมืองหลวง ผู้ชายทั้งเจ็ดของนางเอกอย่างซูม่าน นอกจากลู่ฉางเกอที่ตอนนี้กำลังคุมทัพอยู่ในแนวชายแดน อีกหกคนก็ล้วนอยู่ในเมืองหลวง
ในบรรดาสามสามี สี่ผู้รับใช้ของซูม่าน หลิ่วลั่ว ลู่ฉางเกอ เย่ว์ชิง คือคนที่นางรักที่สุด
ส่วนบ่าวอีกสี่คนนั้น สองคนคือบ่าวในวังที่รับใช้นางตั้งแต่เด็ก อีกสองคนตอนนี้ยังไม่ได้อยู่กับซูม่าน คนหนึ่งคือองครักษ์ใต้ดินคนสนิทของซูม่าน เหลิ่งเยี่ย ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงแอบรัก ส่วนอีกคนคือบุตรชายของราชเลขาหลี หลีเซียว ยังไม่ได้เข้าวังรับราชการ ตอนนี้จึงยังไม่รู้จักฝ่าบาท
แน่นอน ในฐานะพระเอกคนสำคัญอย่างลู่ฉางเกอ ความสัมพันธ์กับซูม่านในตอนนี้ ก็เป็นเพียงเห็นอกเห็นใจกัน…
ส่วนตัวประกอบชายคนอื่นๆ อย่างเฟิงอู๋เฉินหรือหลิ่วเสวียน ซูหว่านล้วนพบเจอในที่ประชุมท้องพระโรงจนหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นเงาของซูรุ่ยเลย หรือซูรุ่ยไม่ได้มาที่โลกใบนี้
ไม่สิ ไม่ถูกต้อง สัญชาตญาณของซูหว่านบอกว่า ซูรุ่ยมาแล้วอย่างแน่นอน และอยู่ในโลกใบเดียวกับเธอนี่แหละ แต่ควรจะอยู่รอบๆ ตัวเธอถึงจะถูก
หรือว่า…
จริงๆ แล้วซูหว่านก็นึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งเช่นกัน…
ตอนซูรุ่ยเข้ามาในโลกใบนี้นั้น เกิดอุบัติเหตุอะไรหรือเปล่า
ถึงอย่างไร ตามเส้นทางภารกิจของซูรุ่ยนั้น ร่างที่ต้องเข้าสิงตามหน้าที่ควรจะเป็นเฟิงอู๋ซวงถึงจะถูก แต่ เฟิงอู๋ซวงกลับเสียชีวิตกะทันหัน เช่นนั้นถ้าซูรุ่ยเข้าปฏิบัติภารกิจหลังจากเฟิงอู๋ซวงเสียชีวิต สำนักงานใหญ่แผนกธุรการก็ต้องรีบจัดตัวตนอื่นให้เขาแทน ซึ่งตัวตนนี้ อาจไม่สามารถใช้รูปลักษณ์ของตัวเขาเอง?
ดังนั้น ทุกคนอาจมีสิทธิ์เป็นซูรุ่ย?
นึกถึงตรงนี้ ซูหว่านพลันหัวเราะเองเออเอง…
ถ้าเป็นแบบนี้จริง ซูรุ่ย คุณจงใจซ่อนตัวเพื่ออะไร คุณกำลังทดสอบฉันล่วงหน้าเหรอ
พอนึกถึงบททดสอบที่ซูรุ่ยพูดถึงในครั้งก่อน ในใจของซูหว่านก็โต้แย้งขึ้นทันที…
แม่ทัพซู ฉันจะดึงคุณออกมาให้จงได้ คอยดูก็แล้วกัน
“ฝ่าบาท?”
พอเห็นซูหว่านเอาแต่มองนิ่งไปทางเย่ว์ชิง มุมปากหลิ่วเสวียนก็คล้ายกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม จึงอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเรียกนาง เห็นที จ่างกงจู่ยังคงตัดใจจากเย่ว์ชิงไม่ได้?
“อืม”
ซูหว่านดึงสติคืนกลับ แล้วจ้องมองหลิ่วเสวียนอย่างลึกล้ำ
“คน ข้าได้เห็นแล้ว บางคนผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ข้าควรกลับแล้วล่ะ วันนี้ต้องขอบคุณการต้อนรับขับสู้ของเสนาบดีหลิ่วมากๆ!”
ว่าแล้วซูหว่านก็หันกาย มีความรีบร้อนที่จะจากไปอยู่บ้าง นางคล้ายลืมกลไกในจวนสกุลหลิ่วเสียสนิท พอเห็นเท้าข้างหนึ่งของนางกำลังจะสัมผัสกลไก หลิ่วเสวียนที่อยู่ด้านข้างก็รีบร้องตะโกนอย่างตื่นตระหนก “ฝ่าบาทระวัง!”
ฟิ้ว!
ลูกธนูเย็นยะเยียบสองดอกพุ่งออกจากกำแพงด้านข้าง ตรงเข้าที่ทรวงอกซูหว่าน พริบตานี้ ซูหว่านคล้ายตกใจ ตลอดทั้งร่างไม่ตอบสนอง
ในห้วงแห่งความเป็นความตาย เงาร่างสีดำสายหนึ่งพลันพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว ผลักซูหว่านออกด้านข้าง แสงเย็นวาบผ่าน ลูกธนูสองดอกถูกกระบี่ในมือปี้ลั่วตัดขาดเป็นสองท่อน “ฝ่าบาท ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม”
“ข้าไม่เป็นไร”
ซูหว่านสั่นศีรษะ ก่อนเงยหน้ามองหลิ่วเสวียนที่ยืนสติเตลิดอยู่ด้านข้าง “ในจวนเสนาบดีหลิ่วมีกลไกมากมายจริงๆ ต้องระวังตัวแจเลย!”
“กระหม่อมทำให้ทรงตกพระทัยแล้ว”
พอได้ยินคำพูดของซูหว่าน หลิ่วเสวียนก็รีบโค้งกายลงพร้อมสีหน้ารู้สึกผิด “พระอาญาไม่พ้นเกล้า!”
“ช่างเถอะๆ”
ซูหว่านโบกมือ “เสนาบดีหลิ่วยังคงเดินนำหน้าเถิด”
“พ่ะย่ะค่ะ”
……
พอรถม้าออกจากจวนสกุลหลิ่ว ซูหว่านก็เอนหลังหลับตาพักผ่อนตลอดทาง แต่ปี้ลั่วที่อยู่ในรถม้ากลับอ้าแล้วหุบปาก สีหน้าลังเลใจ ท่าทางอยากพูด แต่ยับยั้งไว้
“เจ้าอยากพูดอะไร”
จู่ๆ ซูหว่านก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาหงส์อันเรียวยาวจ้องมองใบหน้าปี้ลั่ว
พอถูกซูหว่านจ้องมองเช่นนี้ ปี้ลั่วก็ร้อนใจ “ฝ่าบาท บ่าวเพียงแต่ เพียงแต่แปลกใจที่เมื่อครู่ทรง…”
“เจ้าแปลกใจว่า ทำไมข้าถึงไม่หลบ?”
จริงๆ แล้วร่างเดิมของโลกใบนี้มีวรยุทธ์ ด้วยฐานะจ่างกงจู่ของแคว้นหลวนเฟิ่ง ถ้าไม่เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ ก็ไม่ถูกต้องแล้ว!
และเมื่อซูหว่านมาถึงโลกใบนี้ ก็ย่อมต้องสืบทอดวรยุทธ์จากร่างเดิม เพียงแต่เมื่อครู่นางไม่ได้ใช้ออกมาเท่านั้น
“หึ ที่ข้าไม่หลบ ย่อมมีเหตุผล”
ตอนนี้ซูหว่านไม่สามารถแยกแยะซูรุ่ย ด้วยการพึ่งพารูปลักษณ์ภายนอกได้อีก ยังมี นางอยู่ในที่สว่าง แต่เขาอยู่ในที่มืด
นางเลยได้แต่ทดสอบครั้งแล้วครั้งเล่า จึงจะสามารถหาซูรุ่ยเจอในหมู่ฝูงชน
ขณะเดียวกัน ซูหว่านก็รู้สึกอิจฉาความสามารถในการรับรู้และพลังจิตระดับสูงของซูรุ่ยจริงๆ เพียงดูจากลมหายใจ เขาก็สามารถแยกแยะคนที่เคยพบเจอได้ แต่ซู่หว่านล่ะ? ทำได้ก็แค่พยายามพึ่งพาความรู้สึกของตนเอง ร่วมกับการวิเคราะห์และตัดสินใจในการตามหาใครสักคน
ดังนั้นพูดได้ว่า สวีเช่อเจอไพ่คิงใบหนึ่งแล้ว ส่วนแม่ทัพซู นายน่ะจริงๆ แล้วเกิดมาเพื่อเป็นพระเอกสินะ?