ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 8 สามสามี สี่ผู้รับใช้ (8)
เช้าวันหนึ่ง เรื่องจางกงจู่ผู้ลึกซึ้งในคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ ได้ทูลฝ่าบาทด้วยตัวเอง ให้ทรงสู่ขอคุณชายเย่ว์มาอภิเษกสมรสด้วย เป็นข่าวไปทั่วทั้งเมืองหลวง ภายใต้คำสั่งให้ลอบแพร่ข่าวของซูหว่าน
เรื่องนี้ ทำให้ภาพลักษณ์ที่เย่อหยิ่งและเลือดเย็นของจ่างกงจู่ กลายเป็นขมขื่นขึ้นมาทันที…
ผู้หญิง ต่อให้แกร่งแค่ไหน ก็เจ็บปวดจากความรักได้เหมือนกัน
สำหรับข่าวลือตามชุมชนต่างๆ ซูหว่านย่อมพอใจมาก ไม่ผิด ครั้งนี้นางต้องการสร้างภาพตัวเอง ให้เป็นหญิงสาวที่ขมขื่นและลุ่มหลงในความรักมากที่สุดในโลก
ดั่งคำที่ว่า การเปรียบเทียบจะทำให้รู้จริง เช่นเดียวกับกิ่งทองใบหยก เช่นเดียวกับยิ่งสูงยิ่งหนาว ครั้งนี้ซูหว่านต้องการแต่งกับคนคนเดียว มีครอบครัวเดียว นางต้องการทำให้ผู้ชายดีๆ ทั้งหลายของซูม่านเห็นว่า อะไรคือคู่รักสามีภรรยา อะไรคือจับมือไว้แล้วชราไปด้วยกัน
แน่นอน โจทย์แรกของทั้งหมดคือ ซูหว่านต้องจัดการกับแม่ทัพซูผู้ซุกซนก่อน
“ฝ่าบาท คุณชายเย่ว์มาแล้วเพคะ”
ในตอนนี้เอง ปี้ลั่วได้สาวเท้าก้าวเข้ามาในห้องหนังสือของซูหว่าน แล้วกระซิบเสียงเบา
ซูหว่านหัวเราะ นางรู้อยู่แล้วว่า เย่ว์ชิงต้องมาเองโดยไม่ต้องเชิญ
“เชิญเขาเข้ามาเถิด ที่นี่ใช่ว่าเขาไม่เคยมา”
ซูหว่านยิ้มเย็นชาขณะเอนหลังพิงฟูกอันวิจิตรบรรจง ไม่นานนัก ร่างของเย่ว์ชิงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า
ชุดยาวสีขาวบริสุทธิ์ เข้ากันได้ดีกับใบหน้าขาวเนียนดุจดวงจันทร์ของเขา ถ้าจะบอกว่า ดูแล้วเจริญหูเจริญตา ก็ไม่เกินไปจากนี้
“จ่างกงจู่”
เย่ว์ชิงยกแขนเสื้อขึ้น ถวายบังคมซูหว่านอย่างสง่างาม
“เย่ว์ชิง เจ้ามาแล้ว”
ตอนนี้ ซูหว่านได้เปลี่ยนแววตาท่าทางเป็นเศร้าสร้อยยากบรรยาย
“สองสามวันมานี้ ที่เจ้าไม่กล้าปรากฏตัว หรือคิดว่า ข้าจะส่งคนไปสังหารเจ้าจริงๆ”
ว่าแล้วซูหว่านก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน นางสวมชุดยาวแขนกว้าง ความเย่อหยิ่งในท้องพระโรงจึงจางหายไป ตลอดทั้งร่างดูอ่อนแอลงโดยปริยาย
พอได้ยินคำพูดของซูหว่าน ดวงตาของเย่ว์ชิงก็มีแววซับซ้อนขึ้นวาบหนึ่ง แน่นอน เขานึกว่าตนรู้จักอุปนิสัยของจ่างกงจู่มากพอ แต่ครั้งนี้เขาเดาผิดแล้วจริงๆ
“เฮ้อ”
พอเห็นเย่ว์ชิงไม่พูดไม่จาเสียที ซูหว่านก็ทอดถอนใจออกมาอย่างขุ่นเคือง “ข้านึกมาตลอดว่าในโลกนี้ เจ้าเข้าใจข้าเป็นที่สุด เสียดายความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าข้าคิดผิด ข้าทุ่มเทแรงกายแรงใจต่อสู้แย่งชิงอำนาจ เจ้าคิดว่าข้าทำไปเพื่ออะไร ข้าเป็นจ่างกงจู่สถานะสูงส่ง อยู่ใต้คนคนเดียว อยู่เหนือคนนับหมื่น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ มีอะไรที่ข้าซูหว่านไม่คู่ควรบ้าง”
ว่าพลางซูหว่านก็ก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว ก่อนเชิดหน้ามองใบหน้าอันสง่างามไร้ที่เปรียบของเย่ว์ชิงเงียบๆ “ข้าอยากมอบทุกสิ่งที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้กับคนที่ตนเองรัก ข้าอยากให้เขายืนเป็นเพื่อนข้า ยืนเคียงข้างข้าบนจุดที่สูงที่สุดในใต้หล้า ข้าอยากให้เขากลายเป็นบุรุษที่สูงส่งเสมอในใต้หล้า แค่นี้เท่านั้น แต่กลับไม่มีใครเข้าใจข้า”
“จ่างกงจู่…”
พอได้ยินคำพูดชุดนี้ของซูหว่าน แววตาของเย่ว์ชิงก็หวั่นไหวเล็กน้อย
ทั้งนี้ทั้งนั้นซูม่านก็ดีกับเย่ว์ชิงมากเช่นเดียวกัน และพรสวรรค์ของซูม่านก็ทำให้เย่ว์ชิงทั้งรักและเคารพ แต่ซูม่านไม่เคยสารภาพรักอย่างลึกซึ้งกับเย่ว์ชิงเช่นนี้มาก่อน
“เอาล่ะๆ”
ซูหว่านโบกมือ ตัดบทพูดที่เย่ว์ชิงอยากจะพูด “ข้ากับเจ้าอาจมีบุญแต่ไร้วาสนา เย่ว์ชิง ที่ข้าทำเพื่อเจ้าได้ก็มีเพียงเท่านี้ ต่อไปถ้าเจ้าเข้าวังแล้ว ก็ขอให้อยู่กับฝ่าบาทอย่างมีความสุขแล้วกัน!”
ว่าแล้วซูหว่านก็หันกาย หันหลังให้เย่ว์ชิงอย่างไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย
“ซูหว่าน”
เย่ว์ชิงที่อยู่ด้านหลังกำลังลังเลใจ จึงยังคงเรียกชื่อซูหว่านออกมา ชื่อนี้เคยตราตรึงอยู่ในใจของเขาเช่นเดียวกัน ทว่าตั้งแต่เขาหลงรักซูม่าน เงาของซูหว่านที่อยู่ในใจก็ค่อยๆ เลือนรางลง ทว่าวันนี้ เมื่อได้พบเจอกันอีกครั้ง กลับทำให้เขาใจลอย นึกถึงเรื่องราวมากมายในอดีตอีก
พวกเขาเคยหวานซึ้ง เคยมีความสุข เรื่องราวในอดีตเหล่านั้นคล้ายเพิ่งเกิดขึ้นตรงหน้า…
“ขอโทษด้วย”
เย่ว์ชิงหลุบตาลง เสียงต่ำยิ่ง
“หึ”
ซูหว่านเพียงแค่นหัวเราะเบาๆ “ข้าไม่ต้องการคำขอโทษจากเจ้า เย่ว์ชิง จริงๆ นะ ข้าไม่ต้องการคำนี้ ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่ต้องการ!”
พอได้ยินคำพูดของซูหว่าน เย่ว์ชิงก็กำมือทั้งสองข้างแน่น สุดท้ายกลับไร้แรงคลายออก แม้เกิดความทุกข์ใจและหวั่นไหวชั่วขณะ แต่เขาชัดเจนและรู้ดีว่า ตนเองกำลังรักซูม่าน ต้องเป็นซูม่าน
“จ่างกงจู่ ขอบคุณที่ท่านสนับสนุน! มิตรภาพของท่าน เย่ว์ชิงจักไม่มีวันลืม ลาก่อน”
ขณะพูด เย่ว์ชิงได้ก้มศีรษะพลางหันกายเดินออกไป รอจนเย่ว์ชิงจากไปนานมาก ซูหว่านค่อยหันกายมา ใบหน้าฉายแววเย้ยหยันขึ้นวาบหนึ่ง…ที่บอกว่า คนหล่อเจ้าชู้แต่ไหนแต่ไรมา คนโบราณไม่ได้หลอกจริงๆ
เจ้ามีใจเป็นอื่นเอง ยังมีหน้ามาทำเป็นขมขื่นอีก ขืนคนที่ไม่รู้เรื่องเดินผ่านมา อาจนึกไปจริงๆ ว่า ฉันซูหว่านกำลังจะแยกคู่รักออกจากกัน
หลังจากเย่ว์ชิงจากไปไม่นาน ปี้ลั่วก็ก้าวเข้ามาในห้องนอนซูหว่านอีกครั้ง “ฝ่าบาท จะปล่อยเขาไปเช่นนี้หรือเพคะ”
“ปล่อยเขาไป?”
ซูหว่านยิ้มน้อยๆ “เขากับฝ่าบาทรักกัน สุดท้ายเป็นของกันและกัน เป็นเรื่องที่ดีนี่นา! ตอนนี้หัวใจอันเปราะบางของข้าเจ็บปวดแสนสาหัส ข้าไม่อยากจะเชื่อในความรักอีกต่อไป หรือจะหาใครสักคนมาแต่งงานด้วยให้รู้แล้วรู้รอด”
ปี้ลั่ว “…”
ฝ่าบาท กิริยาท่าทางของท่านเปลี่ยนแปลงเร็วเกิน ท่านให้เวลาข้าแสดงท่าทีตอบกลับสักพักก่อนสิ
พอเห็นปี้ลั่วยืนนิ่งอยู่กับที่ ซูหว่านก็หัวเราะ
บทสนทนาเมื่อครู่ ทำให้ซูหว่านมั่นใจว่า เย่ว์ชิงไม่ใช่ซูรุ่ยอย่างแน่นอน ซึ่งแม่ทัพซูนั้น พอได้ยินตนสารภาพรักอย่างลึกซึ้งกับชายอื่นเช่นนี้ ถ้าเขายังอดรนทนไหว เขาก็ไม่ได้ชื่อซูรุ่ยแล้ว!
ดังนั้นตอนนี้ ซูหว่านพอจะรู้สถานะของแม่ทัพซูแล้ว
มีเพียงคนผู้นั้นเท่านั้น ใช่หรือไม่ใช่เขา คืนนี้รู้กัน
“ปล่อยข่าวลือว่าข้าท้อแท้และหดหู่ใจ จึงตัดสินใจแต่งโหลวเซียวเซียวเข้าจวน อืม ข่าวลือนี้ เจ้าเพียงให้คนคนหนึ่งรู้เป็นใช้ได้”
ว่าแล้วซูหว่านก็พูดชื่อหนึ่งออกมาหน้าตาเฉย พอได้ยินชื่อนี้ ปี้ลั่วก็อึ้งไปสักพัก แต่ก็ยังคงรีบผงกศีรษะ “บ่าวทราบแล้วว่าควรทำเช่นไรเพคะ!” แล้วนางก็หันกาย เดินออกไปจัดการ
มีลูกน้องหญิงที่มีประสิทธิภาพ วรยุทธ์สูง และหน้าตาดีมากเช่นนี้ ค่อยรู้สึกดีเป็นพิเศษจริงๆ
พอปี้ลั่วจากไป ซูหว่านก็เอนหลังลงบนฟูกอันวิจิตรบรรจงของตนเองอีกครั้ง…
ซูรุ่ย ฉันรู้ว่าคุณอยู่ที่นั่น
เมื่อคุณซ่อนตัวได้เนียนถึงขนาดนี้ ครั้งนี้ฉันก็ต้องลงมือก่อน ตามแผนล่อเสือออกจากถ้ำ
ค่ำคืน ในจวนกงจู่
ซูหว่านอาบน้ำแต่เช้า หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย ก็โบกมือให้บ่าวทุกคนถอยออกไป จากนั้นก็ดับเทียนทั้งหมดในห้องนอน แล้วนั่งเบื่อๆ อยู่บนเตียงคนเดียว เฝ้าเตียงรอแม่ทัพ
ค่ำคืนฤดูใบไม้ผลิ ลมกลางคืนยังคงแรง
เมื่อลมเย็นๆ สายหนึ่งพัดเข้ามาในห้องนอน ซูหว่านก็กะพริบตา ขณะจะลุกขึ้นยืน ตลอดทั้งร่างพลันถูกแขนที่ทรงพลังคู่หนึ่งอุ้มไว้ “ใครอนุญาตให้เจ้าแต่งกับโหลวเซียวเซียว”
น้ำเสียงต่ำแฝงความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“โอ้”
ซูหว่านเงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะ เมื่อต้องเผชิญกับเค้าความรุนแรงของบุรุษในความมืด นางจึงอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบแก้มเขา “ทำไมไม่ดำน้ำและเล่นน้ำลึกต่อล่ะ หึๆ เล่นละครเก่งจริงนะ แม่ทัพซู?”
พอได้ยินคำพูดของซูหว่าน ซูรุ่ยก็อึ้งไปพักหนึ่ง “ผมพยายามลดบทบาทของตัวเองลงแล้ว คุณไม่น่าหาเจอเลย”
ไม่ผิด สองสามวันมานี้แม่ทัพซูดำน้ำอย่างรอบคอบ พยายามเล่นบทบาทของตนเองอย่างขยันขันแข็ง กระทั่งไม่มองตาซูหว่านแม้แต่นิดเดียว เช่นนั้นปัญหาอยู่ที่ ซูเสี่ยวหว่านค้นพบแม่ทัพซูได้อย่างไรกัน
เมื่อคุณเข้าใจคนผู้หนึ่งเพียงพอ ก็ต้องคุ้นเคยกับทุกจุดอ่อนของเขา ต่อให้เขาเล่นละครได้อย่างไร้ช่องโหว่ ก็ยังเผยให้เห็นจุดอ่อนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างนั้น ขอถามว่าคุณลักษณะของแม่ทัพซูคืออะไร
ตอบ คลั่งรักภรรยา และต้องตายถ้าไม่ได้แสดงความรัก
เช่นนั้นตอนนี้ปัญหาอยู่ที่ เมื่อคลั่งรักภรรยา เหตุใดถึงนำผู้ชายมาทิ้งไว้ในห้องภรรยาตนเอง แถมยังมีกำยานกระตุ้นกำหนัดติดมาด้วย คำถามนี้ผ่าน! ต้องการกำจัดโหลวเซียวเซียวเป็นคนแรกแน่
และซูหว่านก็คัดโหลวเซียวเซียวออกเป็นคนแรกจริงๆ แต่ภายหลังนางจงใจช่วยโหลวเซียวเซียวที่หอฉู่เฟิง กระทั่งต่อมายังหยอกเขาเล่นอีก นี่เป็นเพราะซูหว่านแน่ใจว่า แม้ซูรุ่ยไม่สะกดรอยตนด้วยตัวเอง ตามนิสัยของเขา ต้องส่งคนมาจับตามองตนเองตลอดเวลาแน่
ถ้าเขารู้ว่าตนกับโหลวเซียวเซียวยังคบกันอยู่ จากนั้นตนก็ปล่อยข่าวลืออีกว่าจะแต่งกับโหลวเซียวเซียว แม้รู้ทั้งรู้ว่าเป็นกับดัก เขาก็ต้องปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย
ไม่ผิด นางกำราบเขาได้เช่นนี้นี่เอง
“เอาล่ะ”
บนเตียงนอน พอซูหว่านรู้สึกว่ามือทั้งสองของซูรุ่ยที่อุ้มตนอยู่นั้น กระชับแน่นขึ้นเรื่อยๆ ก็อดไม่ได้ที่จะซบลงบนทรวงอกของเขา “ใต้เท้าเสนาบดีกลาโหมเจ้าคะ ตอนนี้เรามาถกกันเรื่องสถานะของท่านก่อนดีกว่า จากเฟิงอู๋ซวง ท่านกลายเป็นเฟิงอู๋เฉินไปได้อย่างไรกัน อย่าบอกนะว่าเฟิงอู๋เฉินก็แอบรักซูม่าน!”
เอ่อ พอพูดถึงเรื่องนี้ ในท้องของแม่ทัพซูก็เต็มไปด้วยน้ำตา!
วันที่เขาเข้าปฏิบัติภารกิจนั้น สถานการณ์ยังปกติดี แต่แล้วตอนจิตวิญญาณเชื่อมต่อกับร่างกายของเฟิงอู๋ซวงนั้น กลับตรวจพบว่า ร่างกายนี้ได้เสียชีวิตลงแล้ว หมดสิทธิ์เข้าร่าง
พับผ่าสิ เนื้อเรื่องไม่ได้เป็นแบบนี้นี่ ตอนนั้นสำนักงานใหญ่ก็ส่งข่าวมาว่า เกิดความผิดพลาดขณะแผนกธุรการรวบรวมสถิติเนื้อเรื่อง พวกเขาให้ซูรุ่ยเลือกถอนตัวออกจากภารกิจ ไม่ก็เลือกสวมบทบาทตัวประกอบชายอีกคนหนึ่ง
ซึ่งตอนนั้น ร่างของเฟิงอู๋ซวง ไม่สิ ควรเรียกศพถึงจะถูก ศพของเขาถูกวางไว้ในโถงไว้ทุกข์แล้ว และคนเฝ้าศพก็มีเฟิงอู๋เฉินเพียงคนเดียว…
เช่นนี้ ก็มีเพียงตัวเลือกเดียวสิ
แม่ทัพซูที่เลือกไม่ได้ จึงต้องกลายเป็นเฟิงอู๋เฉิน หลังจากหน้าตาเปลี่ยนไป ซูรุ่ยพลันเกิดแรงบันดาลใจอย่างหนึ่ง…
ถ้าตนปลอมตัวเองขึ้นมา ซูหว่านจะยังจดจำตนเองได้ไหม
นางจะหาตนเองเจอไหม
และแล้ว แม่ทัพซูก็ดำเนินการตามแผน
เกมช่วยเหลือซูเสี่ยวหว่านตามหาคนจึงเปิดฉากขึ้นด้วยประการฉะนี้
“ทำไมคุณไม่สงสัยหลิ่วเสวียนล่ะ” หลังจากซูรุ่ยเล่าเรื่องของตนจบ ก็อดไม่ได้ที่จะถามซูหว่านทันที
เหตุเพราะความผิดพลาดของแผนกธุรการ เนื้อเรื่องที่ทั้งสองได้รับแต่แรกจึงมีบางส่วนที่เบี่ยงเบนไป ตัวตนจริงๆ ของหลิ่วเสวียนถูกกำหนดให้เป็นยอดฝีมือที่เร้นกายอย่างมิดชิด
และซูรุ่ยก็รู้ในจุดนี้ จึงจงใจลดบทบาทตนเองลง ปล่อยให้ซูหว่านพุ่งเป้าไปที่หลิ่วเสวียนแทน
ต้องบอกว่า แม่ทัพซูฝืนใจตนเองมาก…แม้ทุ่มเทแรงกายแรงใจซ่อนเร้นตนเอง ก็ยังหวังเป็นอย่างยิ่งให้ซูหว่านค้นหาตนเองเจออีก ความรู้สึกเช่นนี้ขัดแย้งกันจริงๆ
“หลิ่วเสวียนน่าสงสัยกว่าโหลวเซียวเซียวมากจริงๆ แต่ฉันเคยทดสอบเขาแล้ว”
ซูหว่านหัวเราะ นึกถึงตอนที่ตนจงใจเหยียบถูกกับดักในบ้านสกุลหลิ่ว ถ้าหลิ่วเสวียนคือซูรุ่ย แม้แน่ใจว่าซูหว่านไม่เป็นไร แม้รู้ทั้งรู้ว่าตนไม่ควรยื่นมือเข้าช่วย แต่แม่ทัพซูต้องยื่นมือเข้าไปอย่างแน่นอน
เพราะเขาคือซูรุ่ยนี่!
เขาไหนเลยจะสามารถทนดูซูหว่านเสี่ยงอันตรายต่อหน้าต่อตาได้ แม้อันตรายนี้ไม่สามารถคุกคามนางได้ก็ตาม
โหลวเซียวเซียวไม่ใช่ หลิ่วเสวียนไม่ใช่ เย่ว์ชิงก็ไม่ใช่ เช่นนั้นผู้ต้องสงสัยที่เหลืออยู่ ก็มีแต่เฟิงอู๋เฉิน…
นิยายสืบสวนสอบสวนมากมายบอกเราว่า ผู้ที่ดูไปแล้ว ไม่มีความรู้สึกของการดำรงอยู่มากสุด ไม่เหมือนฆาตกรมากสุด ต้องเป็นฆาตกรอย่างแน่นอน!