ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 10 ตกหลุมรักศัตรูหัวใจ (10)
เมื่อได้ยินคำพูดของซูรุ่ย สีหน้าของเซียวชิงก็ยิ่งไม่สู้ดี—
เหยียนมู่ไป๋ นี่นายตั้งใจจะซ้ำเติมกันใช่มั้ย?
ทางด้านกู้ซูสิง ด้วยสัญชาตญาณความเป็นหมอ เขาพยักหน้ารับอย่างเคร่งขรึมทันทีที่ได้ยินคำพูดของซูรุ่ย
“นี่เป็นอาการปวดประจำเดือน เซียวฉิง คุณปวดแบบนี้ทุกเดือนหรือเปล่า ทุกครั้งที่ปวดต้องทนปวดนานแค่ไหน”
เซียวชิง “…..”
ข้าจะไปรู้กะผีน่ะสิ!
เมื่อเซียวชิงไม่ตอบ กู้ซูสิงก็ขมวดคิ้ว “ถ้าอย่างนั้นคุณขึ้นไปบนเตียง แล้วนอนลง ผมจะช่วยดูให้”
“ห้ะ?”
เซียวชิงกระโดดขึ้นทันทีที่ได้ยินคำพูดของกู้ซูสิง
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ทะลึ่ง นายเป็นศัลยแพทย์ไม่ใช่หรือไง นายจะไปรู้เรื่องอะไร”
กู้ซูสิง “…..”
“ผมเรียนต่อเฉพาะด้านศัลยศาสตร์ แต่ตอนที่ผมเป็นนักเรียนแพทย์ ผมต้องเรียนทั้งวิชาศัลยศาสตร์ อายุรศาสตร์ นรีเวชวิทยา กุมารเวชศาสตร์ และผมก็ได้คะแนนเต็มทุกวิชา”
กู้ซูสิงอธิบายเพื่อตอบข้อสงสัยของเซียวชิงให้เขาฟังอย่างจริงจัง
ไร้การศึกษา แย่จริง ๆ …
เซียวชิง “…..”
“ยังไงก็เถอะ! ฉัน ตอนนี้ฉันไม่เป็นไรแล้ว”
ว่าแล้วเซียวชิงก็ตั้งใจยืดตัวตรง ทว่าหน้าอกที่กระเพื่อม เล่นเอาผู้คนตาพร่ามัวไปหมด
เอ่อ
กู้ซูสิงถอยหลังไปก้าวหนึ่งอย่างกระอักกระอ่วนใจ
“งั้นผมไปส่งคุณกลับดีกว่า ให้ป้าเจียงชงน้ำโอวทึ้งให้คุณดื่มสักหน่อยคงดี”
ป้าเจียงที่เขาพูดถึงก็คือ เจียงหมิ่น แม่ของเซียวฉิง เพื่อนรักของแม่กู้ซูสิง
เมื่อได้ยินกู้ซูสิงพูดถึงเจียงหมิ่น เซียวชิงก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพูดอย่างเขินอาย
“นาย นายรอฉันเดี๋ยว! ฉันจะไปเข้าห้องน้ำน่ะ!”
ว่าแต่ไอผ้าอนามัยนี่มันเปลี่ยนยังไงกัน เมื่อคืนหลังจากที่ซูหว่านช่วยฉันใส่ได้ ฉันก็จำอะไรไม่ได้เลย! เซียวชิงเดินอย่างสับสน หรือจะรอให้กลับถึงบ้าน แล้วให้คุณแม่ที่ว่าช่วยใส่ไปเลยทีเดียวดีนะ
เธอจะคิดว่าความจำเสื่อมหรือเปล่า
เซียวชิงล็อคประตูห้องน้ำ แล้วจึงหยิบสมาร์ทโฟนของตัวเองออกมา อะแฮ่ม นั่นล่ะ มีปัญหาอะไร ก็
ถามอากู๋
หลังจากงมอยู่พักใหญ่ ในที่สุดเซียวชิงก็ทำเรื่องนี้สำเร็จ ก่อนจะเดินบิดออกมา
“ไปกัน!”
อันที่จริงเซียวชิงไม่ชอบการอยู่กับกู้ซูสิงเอาเสียเลย กู้ซูสิงเปรียบเสมือนก้อนหินเดินได้ดี ๆ นี่เอง หน้าตายแถมยังเย็นชา พูดจาก็คนละภาษากับผู้ชายธรรมดา ๆ อย่างเซียวชิง
ทว่า…
เซียวชิงก็แอบคิดสงสัยวงจรชีวิตของเซียวฉิงอยู่ครึ่งค่อนวันเช่นกัน
อุต๊ะ ข้ารู้จักแต่กู้ซูสิงหรือนี่! ก็ยังดี ดีกว่าไม่รู้จักใครเลย
…..
หลังจากส่งคนทั้งสองลงไปชั้นล่าง และมองดูกู้ซูสิงขับรถจากไป ซูรุ่ยก็กระพริบตาปริบ ๆ และหัวเราะออกมาคนเดียว จากนั้นก็หันไปหยิบเศษเงินเล็กน้อย เตรียมนั่งรถเมล์ไปเปิดร้านที่ถนนจิ่วหลิน—
วันใหม่ที่ดีอีกวัน เริ่มต้นขึ้นแล้ว
พลบค่ำ ซูหว่านกลับมาจากเลิกงานเหมือนเคย เมื่อก้าวเข้าประตูมาก็พบกับซูรุ่ยที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย กำลังเก็บกวาดบ้านอยู่
สามีดีงามตามแบบฉบับยี่สิบสี่กตัญญู ไม่มีเสียชื่อ!
“ทำไมวันนี้กลับเช้าจังคะ”
ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะเหล่มองซูรุ่ย
ซูรุ่ยยกมือขึ้นดีดนิ้ว “ก็กลัวว่าจะทำให้คุณไปงานเลี้ยงสังสรรค์ในคืนนี้สายไงล่ะ คุณดูสิ ชุดผมเป็นไงบ้าง สินค้ามาใหม่จากร้านเจ้าตง”
สเวตเตอร์ไหมพรมเส้นใหญ่ขนปุยสีแดงเลือดหมู คู่กับกางเกงยีนส์ลำลองทรงสอบเอวต่ำ
ซูหว่านมองดูการแต่งตัวของซูรุ่ย แม่ทัพซู คุณช่างดู วัยรุ่น มาก!
แต่งตัวแบบนี้แล้วดูราวกับนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่สิ หล่อระดับนี้ต้องเป็นเดือนมหาวิทยาลัยเท่านั้น
“หล่อมว๊าก!”
ซูหว่านยกนิ้วหัวแม่มือให้ซูรุ่ย เธอเคยเห็นซูรุ่ยใส่แต่ชุดสูทกับเสื้อคลุม เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเขาแต่งตัวทั้งเรียบง่ายและวัยรุ่นขนาดนี้ ดวงตาของซูหว่านจึงเปล่งประกายออกมา
“คุณว่าหล่อมากเลยหรือ”
พอได้ยินคำชื่นชมจากภรรยาของตน ซูรุ่ยก็ยกริมฝีปากขึ้นทันที
“ทั้งหมดนี่ เจ้าตงเป็นคนช่วยผมหา จะว่าไป ที่เขาหามาน่ะ คุณภาพดีมากทั้งนั้น เวลาใส่ก็นุ่มนิ่มสบายตัว ดูเหมือนจะไม่ต่างจากเสื้อผ้าที่ผมใส่เมื่อก่อนมากนัก!”
ซูหว่าน “…..”
พับผ่าสิ ต่างมากเลยต่างหาก เมื่อก่อนเฉพาะค่าตัดเสื้อก็ปาเข้าไปเจ็ดหลักแล้ว แทบจะซื้อบ้านได้หลังนึงเลย
ทว่า พอได้ใส่อามานี่ ก็จะอินเทรนด์ เป็นเทพบุตรที่แท้ทรู
“คุณรอฉันก่อนนะ ฉันเปลี่ยนชุดเสร็จจะออกมาเลย”
เพื่อให้คู่ควรกับเทพบุตรสุดหล่อของเธอ ซูหว่านจำต้องรื้อตู้เสื้อผ้าของร่างเดิมอยู่เป็นเวลานาน โชคดีที่ร่างเดิมเป็นคนตัวเล็กและแต่งตัวน่ารักเสมอ ซูหว่านหากระโปรงสวย ๆ ได้ตัวหนึ่ง จากนั้นก็แต่งหน้าเรียบ ๆ เป่าผมให้เข้ารูป แล้วจึงควงซูรุ่ยออกจากบ้านอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส
เหิงอวิ๋นอินเวสเม้นท์ ไม่ได้เป็นบริษัทที่ทำธุรกิจใหญ่โตอะไรในพื้นที่ แต่ในบริษัทอินเวสเม้นท์เอกชนด้วยกัน ก็ถือว่าเป็นบริษัทที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง งานเลี้ยงสังสรรค์ของบริษัทจึงไม่ได้จัดตามร้านอาหารเล็ก ๆ หรือร้านปิ้งย่างข้างทาง แต่จัดในโรงแรมสี่ดาวใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง
ตอนที่ซูหว่านและซูรุ่ยนั่งรถแท็กซี่มาถึง หน้าโรงแรมก็มีรถยนต์จอดอยู่ไม่น้อยแล้ว
ทั้งสองมีภูมิคุ้มกันต่อรถแบรนด์ดังทุกแบบทุกประเภทอยู่เป็นทุนเดิม จึงไม่ได้ตื่นเต้นและสอดส่องอะไรมาก ทั้งคู่ตรงดิ่งเข้าไปในโรงแรม ทันใดนั้นก็มีเสียงเย้ายวนดังมาจากด้านหลัง
“เสียวหว่าน? เสียวหว่าน เธอมาแล้ว!”
เสียงนี้มีความหวานหยดย้อยเป็นพิเศษ
ใช่แล้ว เสียงเย้ายวนขนาดนี้ ย่อมต้องเป็นพี่ใหญ่ในออฟฟิศของพวกเธอเท่านั้นแหละ
“คังหย่า”
ซูหว่านยกริมฝีปากขึ้น หันมายิ้มตาหยีให้คังหย่า เธอสวมชุดราตรีหรูหรา บนคอยังสวมสร้อยประดับเพชรราคาแพง ไม่จำเป็นต้องดูอะไรมาก ของแท้แน่นอน
“เสียวหว่าน คุณคนนี้เป็นแฟนเธอหรอ”
คังหย่ายิ้มน้อย ๆ ให้ซูหว่าน ทว่าแววตากลับเป็นประกายเมื่อเห็นซูรุ่ย
“แฟนเธอหล่อมาก! ดูหนุ่มมากด้วย ไม่ใช่ว่า ยังเรียนมหา’ลัยอยู่นะ”
“เรียนมหา’ลัยอะไรกัน ประถมยังเรียนไม่จบเลย”
พอได้ยินคำพูดของคังหย่า ซูรุ่ยที่อยู่อีกด้านก็ยักไหล่พลางยิ้มทะเล้น
“คุณคนนี้คือคุณคังใช่มั้ยครับ อยู่ในบริษัท อย่าลืมดูแลภรรยาผมให้มาก ๆ นะครับ!”
คังหย่า “…..”
นึกว่าเป็นหนุ่มหล่อชั้นสูง แม่เจ้า ที่แท้ก็ของก็อป ข้างนอกสุกใส ข้างในต๊ะติ๊งโหน่ง
“เหอ ๆ”
คังหย่ายิ้มให้ซูรุ่ย ก่อนจะหันไปใช้สองแขนของตัวเองควงชายหนุ่มดูดีมีสกุลที่อยู่ข้าง ๆ
“คนนี้แฟนฉันเอง ลู่เฉิง”
“สวัสดีครับ!”
ลู่เฉิงสวมชุดสูทแบรนด์เนม เขายิ้มน้อย ๆ พลางล้วงนามบัตรใบหนึ่งออกจากกระเป๋า ก่อนยื่นให้ซูหว่านและซูรุ่ยที่อยู่ตรงหน้า “เจอกันครั้งแรก ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
ซูรุ่ยรับนามบัตรจากมือของลู่เฉิง จากนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น ยิ้มตาหยีพลางถาม
“โอ้ ผู้จัดการแผนกนี่ บริษัทพวกคุณมีคนใช้กระเป๋าก็อปเกรดเอหรือเปล่า ถ้ามีก็มาซื้อกับผมนะ ผมลดให้พวกคุณเลยสามสิบเปอร์เซนต์!”
ลู่เฉิง “…..”
ชนชั้นสูงรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ
“ฮ่า ๆ ซูหว่าน แฟนเธอนี่อารมณ์ขันจริง ๆ เลย” คังหย่าก็ยิ้มแหย ๆ ให้ ก่อนคล้องแขนลู่เฉิงเดินไปข้างหน้า “เราเข้าไปก่อนนะ!”
เมื่อเห็นแผ่นหลังของทั้งสองจากไป แม่ทัพซูก็ทำหน้าเบื่อหน่ายพร้อมส่ายศีรษะ
“ผู้ชายพอคบได้ แต่ผู้หญิงไม่ไหว”
น่าจะตัดไฟแต่ต้นลม
แม่ทัพซูคะ เปลี่ยนอาชีพไปเป็นพิธีกรรายการหาคู่ดีกว่ามั้ย
“เอาหน่า”
ซูหว่านแอบขำก่อนจูงมือซูรุ่ย “เข้าไปกันเถอะ! นี่ก็ได้เวลาแล้ว สายไปจะไม่ดี”
เมื่อมาถึงชั้นที่ทางบริษัทเหมาไว้ ก็มีผู้คนมากมายอยู่ในห้องโถงใหญ่
“เสียวหว่าน ตรงนี้!”
หลัวเยี่ยนที่นั่งอยู่เหลือบเห็นซูหว่าน จึงรีบลุกขึ้นยืนโบกไม้โบกมือให้
เมื่อซูหว่านและซูรุ่ยเดินเข้ามาใกล้ ถึงได้เห็นว่าข้างกายของหลัวเยี่ยนมีชายหนุ่มอีกคนนั่งอยู่ และเขากำลังมองดูซูหว่านอย่างไม่ละสายตา
แน่นอน คุณคนนี้คือ ชิวเฟิง ญาติผู้น้องของหลัวเยี่ยน