ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 5 ตกหลุมรักศัตรูหัวใจ (5)
กู้ซูสิงขับรถพาซูหว่านและซูรุ่ยไปส่งยังอาคารในชุมชนเล็กๆ แห่งหนึ่ง
เซียวชิงที่นั่งข้างคนขับมองตามแผ่นหลังของคนทั้งสองที่เดินเคียงข้างกันเข้าไปในประตูอาคารด้วยแววตาที่ซับซ้อน พลางกัดฟันกรอด สองมือกำชุดผู้ป่วยของตัวเองแน่น
“เซียวฉิง?”
กู้ซูสิงรู้สึกว่าอาการของเซียวฉิงนั้นไม่ปกติ จึงเหลือบมองเธออย่างไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา
“คุณไม่เป็นไรนะ”
“ไม่เป็นไร!” เซียวชิงตะเบ็งเสียงสวนเขาทันที
กู้ซูสิง “…..”
หยาบคาย
กู้ซูสิงหลุบตาลง จากนั้นจึงสตาร์ทรถโดยไม่พูดอะไรอีก
ขณะเดียวกัน ซูหว่านและซูรุ่ยได้ขึ้นไปถึงชั้นบนแล้ว ทั้งสองมองดูกู้ซูสิงขับรถออกไปจากหน้าต่างชั้นบน
ซูหว่านอดรนทนไม่ไหวและหัวเราะออกมา
“ที่รัก คุณว่าตอนนี้กู้ซูสิงจะรู้สึกอย่างไร เขาจะรู้สึกมั้ยว่าเซียวฉิงเป็นคนพิเศษ”
ในเนื้อเรื่องเดิม หลังจากร่างเดิมของซูหว่านและเซียวชิงแยกทางกัน เสียวหว่านย่อมมีความรู้สึกที่ดีกับกู้ซูสิง แต่กู้ซูสิงผู้แสนเย็นชาและน่าเบื่อเสมอมากลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อไมตรีจิตที่เสียวหว่านหยิบยื่นให้แต่อย่างใด
หลังจากที่รู้ว่าเซียวชิงเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ‘เสียชีวิต’ เสียวหว่านก็เกิดความรู้สึกผิดในใจ ความคิดในการตามตื๊อเทพบุตรจึงจางหายไป และตัดสินใจออกจากเมืองนี้ไปอย่างเงียบๆ คนเดียว
ต้องบอกว่า เธอเป็นเพียงตัวเชื่อมที่แทรกเข้ามาในเรื่องราวของเซียวชิงกับกู้ซูสิงเท่านั้น
เพราะการดำรงอยู่ของเสียวหว่าน เซียวชิงที่กลับชาติมาเกิดเป็นเซียวฉิงถึงได้เข้าใจผิดมาตลอดว่ากู้ซูสิงแย่งแฟนสาวของตนเองไป
ด้วยเหตุผลนี้เซียวชิงจึงเป็นปฏิปักษ์กับกู้ซูสิงในทุกๆ เรื่อง แต่เมื่อตัวเชื่อมอย่างเสียวหว่านจากไป นางรองที่แท้จริงในชีวิตของกู้ซูสิงจึงค่อยเดินนวยนาดเข้ามา
เหยาซานซาน รักแรกของกู้ซูสิง
เหยาซานซานนั้น เปรียบได้ดั่งเทพธิดา ไม่ว่าจะหน้าตา ชาติตระกูล หรือแม้กระทั่งความฉลาดและคุณสมบัติที่เรียกได้ว่าเพียบพร้อม
หลังจากที่เธอกลับมาจากเมืองนอก เธอตัดสินใจที่จะคืนดีกับกู้ซูสิง เมื่อเห็นว่าเทพธิดาที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ กลับต้องวิ่งเข้าหาอ้อมอกผู้ชายเจ้าชู้อย่างกู้ซูสิง เด็กน้อยเซียวชิงก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที เขาจึงเริ่มใช้สถานะของ ‘คู่หมั้น’ เพื่อสร้างความลำบากใจให้กู้ซูสิง ทั้งยังพูดจาให้ร้ายกู้ซูสิงต่อหน้าเหยาซานซาน
ทว่ายิ่งเขาทำเช่นนี้ เหยาซานซานก็ยิ่งคิดว่า ‘เธอ’ กำลังสนใจกู้ซูสิง ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่าง ‘ผู้หญิง’ ทั้งสองคนตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ
ซึ่งในขณะนั้น เซียวชิงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตนเองกำลังเป็นศัตรูหัวใจของเหยาซานซาน
เขายังคงไปมาหาสู่กับเหยียนมู่ไป๋อย่างไม่แคร์สายตาของเหยาซานซาน ในฐานะของผู้หญิงผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลมคนหนึ่ง เพียงแค่มองแวบแรก เหยาซานซานก็ดูออกว่าเหยียนมู่ไป๋สนใจเซียวฉิง เธอจึงมอมเหล้าทั้งสองคนแล้วจับโยนขึ้นเตียง ก่อนจะชักนำให้กู้ซูสิงมาเห็น เพื่อให้เขาเข้าใจว่าทั้งสองคนกำลังมีอะไรกัน
น่าเสียดายที่เหยาซานซานประเมินศักยภาพการต่อสู้ของเซียวชิงต่ำจนเกินไป…
แค่นอนเตียงเดียวกันกับเหยียนมู่ไป๋จะไปเป็นอะไร อาบน้ำด้วยกันยังเคยมาแล้ว!
เซียวชิงเผชิญหน้ากับหลุมพรางของเหยาซานซานด้วยความสงบ ซึ่งความสงบและความใจกว้างของเขา ทำให้กู้ซูสิงเริ่มมองคู่หมั้นที่หยาบคายและบ้าบิ่นเปลี่ยนไป หากจะมองในอีกมุมหนึ่งแล้วก็แสนจะพิเศษ
ที่จริงแล้วเขาก็แปลกใจอยู่บ้างว่า เหตุใดผู้หญิงคนหนึ่งถึงได้หยาบคายและหลุดโลกได้ขนาดนี้
เอาล่ะ ต้องยกโทษให้พระเอกที่ไม่รู้จักคุณเซียวของตนเองตั้งแต่ต้นจนจบ ว่ามีวิญญาณของลูกผู้ชายที่หยาบกระด้างในร่างของเทพธิดา
ว่ากันว่า หากผู้ชายคนหนึ่งเริ่มอยากรู้อยากเห็นในตัวตนของผู้หญิงคนหนึ่ง นั่นย่อมเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์
กู้ซูสิงเริ่มสังเกตเห็นว่า เซียวฉิงมิได้เลวร้ายอย่างที่ตนเคยเข้าใจ เธอเอาใจใส่และช่วยเหลือเหยียนมู่ไป๋รวมทั้งพ่อค้าแม่ขายบนถนนจิ่วหลินโดยไม่เห็นแก่ค่าตอบแทนใดๆ อีกทั้งไปมอบสิ่งของและพูดคุยกับเด็กๆ ที่ไร้ญาติขาดมิตรในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นประจำทุกสัปดาห์
เธอทำสิ่งเหล่านี้เองเงียบๆ โดยไม่เคยบอกใคร
จิตใจงาม
ในที่สุดพระเอกก็พบแสงสว่างในตัวนางเอกแล้ว เขาจึงเริ่มเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อเซียวฉิงอย่างเงียบๆ ตอนที่เกิดเรื่องขึ้นกับบ้านสกุลเซียว ก็มีแต่กู้ซูสิงที่กินไม่ได้นอนไม่หลับ วิ่งวุ่นจัดการเรื่องราวต่างๆ ให้พวกเขา…
ไม่ว่าจะเป็นเพราะความผูกพันจากการอยู่ร่วมกันนานๆ ก็ดี นิสัยใจคอที่เกื้อกูลกันก็ดี หรือการทำให้ใจเต้นตึกตักก็ดี สุดท้ายแล้ว ทั้งสองก็รักกันและเป็นคู่ชีวิตของกันและกัน
เซียวชิงตัดสินใจบอกลาอดีตของตน แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ในชาตินี้ ใช้ชีวิตอยู่ต่อไปในสถานะเซียวฉิง...
เมื่อนึกถึงตอนที่กู้ซูสิงสารภาพรักในเนื้อเรื่องเดิมแล้ว เซียวชิงก็ตื่นตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ซูหว่านเองก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นอีกครั้ง
“คุณสามี คุณว่าถ้ากู้ซูสิงรู้ว่าแท้จริงแล้วเซียวฉิงเป็นผู้ชาย เขาจะยังชอบ ‘เธอ’ อยู่หรือเปล่า”
ซูรุ่ย “…..”
เป็นคำถามที่ดีมาก เล่นเอาแม่ทัพซูพูดไม่ออก ไม่รู้เลยว่าจะตอบอย่างไรดี
เมื่อเห็นว่าซูรุ่ยที่อยู่ด้านหลังของตนเงียบไป ไม่พูดจา ซูหว่านก็รับรู้ได้ว่า พล็อตเรื่องของโลกใบนี้ทำให้แม่ทัพซูแปลกใจและมึนงง
แม่ทัพซู ที่แท้ท่านก็มีพื้นที่ให้มึนงงด้วย!
พอนึกถึงตรงนี้ ซูหว่านก็นึกสนุกขึ้นมาทันที เธอยิ้มตาหยีแล้วหันมามองซูรุ่ยที่อยู่ด้านหลัง “ถ้างั้นภารกิจนี้ คุณกับฉันลองสลับบทบาทกันดูไหม”
“หา?”
ซูรุ่ยที่ได้ยินคำพูดของซูหว่าน ก็รู้สึกถึงลางร้ายในทันที
เมียจ๋า คุณคิดจะเล่นอะไรอีก
“ครั้งนี้คุณมีหน้าที่ทำให้พวกเขาเลิกรากัน ส่วนฉันจะทำให้พวกเขาคืนดีกันเอง คุณว่ายังไง”
ซูหว่านกระพริบตาปริบๆ รอคอยคำตอบจากซูรุ่ย
เอ่อ
แม่ทัพซูมีสีหน้าตะลึงงัน ภรรยาของตนก็ไม่น่าจะใช่สาววายนะ
แม้ว่าจะตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่ในที่สุดซูรุ่ยก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
“ในเมื่อคุณอยากเล่น ผมก็จะเล่นเป็นเพื่อนคุณ แต่ตกลงกันก่อนนะ คนแพ้ห้ามร้องไห้!”
ซูหว่าน “…..”
พูดยังกับว่าฉันจะแพ้งั้นแหละ
จะว่าไป ซูหว่านผ่านโลกมาก็หลายใบ แต่ยังไม่เคยทำให้พระนางคู่ไหนสมหวังกันเลย แล้วจู่ๆ เกิดนึกสนุกอะไรขึ้นมาในโลกใบนี้ได้ล่ะ
อืม
ซูเสียวหว่านทำทีว่า นี่เป็นความลับ
แม่ทัพซู “…..”
เมียจ๋า หางจิ้งจอกโผล่ออกมาแล้ว อย่านึกว่าผมไม่รู้นะว่า คุณกำลังคิดอะไรไม่ดีอยู่
…..
หลังจากที่นอนในห้องซูหว่านคืนหนึ่ง วันรุ่งขึ้น ตอนที่ซูรุ่ยตื่น ซูหว่านก็เตรียมอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเธอกำลังยืนจัดชุดทำงานให้เข้าที่อยู่หน้ากระจก
“คุณจะไปทำงานหรอ”
ซูรุ่ยมองเครื่องแบบสีดำที่ซูหว่านสวมใส่อยู่ และอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “เมียจ๋า ถ้าคุณไปทำงาน แล้วร้านของผมจะทำยังไงดีล่ะ”
“มันก็ไม่ง่ายหรอก คุณจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อย จากนั้นก็ไปยืนหน้าร้าน คุณจะเป็นป้ายที่มีชีวิตขึ้นมาทันที! ขอเพียงคุณโพสท่าให้ดี ยิ้มให้สง่างามหน่อย แค่นี้ก็ทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ที่เดินผ่านไปมาหลงใหลได้ปลื้มแน่ๆ แบบนี้แล้วพวกเธอยังจะไม่กรูกันเข้ามาซื้อของในร้านคุณอีกหรือ”
ซูหว่านจัดสูทของตนเอง อมยิ้มน้อยๆ ขณะที่พูดเสียงเบา
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเธอ ซูรุ่ยก็มีสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที...แม่ทัพซูผู้อาจหาญ จะไปขายขำข้างถนนได้อย่างไร
“หรือวันนี้ผมปิดร้านซะก็สิ้นเรื่อง”
ซูรุ่ยกินอาหารเช้าพลางพูดพึมพำอย่างเบื่อหน่าย
แม่ทัพซูมิได้ดูแคลนธุรกิจค้าขายเล็กๆ น้อยๆ เพียงแต่งานบริการที่ต้องคอยดูสีหน้าคนไม่ใช่แนวของแม่ทัพซูเอาเสียเลย เขาไม่สามารถทำเรื่องที่ไม่พึงประสงค์นี้ได้จริง ๆ
“อือ ก็ได้”
พอได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ซูหว่านก็พยักหน้าให้เขา “งานของฉัน สิ้นเดือนนี้ก็ลาออกแล้ว ถึงตอนนั้นเราค่อยมาทำธุรกิจของเราเอง”
คนสองคนหาธุรกิจทำธุรกิจเล็กๆ ด้วยกัน อาจจะหัวฟูบ้างแต่ก็อบอุ่น นี่ก็คือชีวิตอีกแบบหนึ่ง
ชีวิตแบบนี้ ใครว่าไม่มีความสุขเล่า
…..
ซูหว่านออกจากบ้านแต่เช้าตามเวลาทำงานประจำวันของร่างเดิม หลังจากที่ซูหว่านออกไป ซูรุ่ยก็ช่วยเธอเก็บกวาดทั้งในและนอกห้อง
เมื่อเก็บกวาดจนเสร็จ ขณะที่ซูรุ่ยกำลังจะลงไปชั้นล่างเพื่อซื้อหนังสือพิมพ์เศรษฐกิจการเงินมาดูแนวโน้มเศรษฐกิจของโลกใบนี้เสียหน่อย มือถือก็อปแบรนด์เนมในกระเป๋าเสื้อของเขาก็ดังขึ้น
ตัวอักษรขนาดใหญ่คำว่า ‘เจ้าตง’ ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ซูรุ่ยลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า เจ้าตง มีชื่อจริงว่าสวี่ตง เป็นเพื่อนรักบนถนนจิ่วหลินของเหยียนมู่ไป๋
“ฮัลโหล เจ้าตง?”
ซูรุ่ยรับโทรศัพท์พลางใส่รองเท้าที่วางอยู่หน้าประตู แต่เสียงที่ดังออกจากโทรศัพท์เป็นเสียงตื่นตระหนกและวิตกกังวลของสวี่ตง
“พี่เสี่ยวไป๋ พี่รีบมาเถอะ! ป้าหวังถูกเทศกิจตีจนบาดเจ็บแล้ว!”