ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 7 ตกหลุมรักศัตรูหัวใจ (7)
บริษัท เหิงอวิ๋น อินเวสเม้นท์ จำกัด
ช่วงพักกลางวันเป็นช่วงที่พนักงานต่างมารวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ ถ้าไม่ซุบซิบนินทา ก็พูดคุยกันในกลุ่มเพื่อน
ซูหว่านยกถาดอาหารมานั่งกินคนเดียวเงียบๆ ที่มุมหนึ่งในโรงอาหารของบริษัท เธอกำลังครุ่นคิดเรื่องลาออก อีกเพียงไม่กี่วันก็จะถึงสิ้นเดือนแล้ว เธอพิมพ์จดหมายลาออกเสร็จตั้งแต่ช่วงเช้า แต่ยังไม่ได้ส่งขึ้นไป
“เสียวหว่าน”
หลัวเยี่ยน เพื่อนร่วมงานในแผนกเดียวกัน นำถาดอาหารมานั่งข้างๆ ซูหว่าน
“ทำไมมานั่งคนเดียวล่ะเสียวหว่าน”
“เอ่อ ไม่สบายนิดหน่อยน่ะ ก็เลยอยากนั่งเงียบ ๆ”
ซูหว่านยิ้มบางๆ ให้หลัวเยี่ยน เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน หลัวเยี่ยนก็กระพริบตา
“ยังคิดเรื่องแฟนเก่าอยู่อีกหรอ”
หลัวเยี่ยนนับว่าเป็นไม่กี่คนในบริษัทที่ร่างเดิมพอจะคุยด้วยได้ เธอจึงรู้เรื่องอุบัติเหตุของเซียวชิง
“เอ่อ ไม่แล้วล่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว จะคิดไปทำไม”
ซูหว่านสั่นศีรษะ
เมื่อเห็นว่าซูหว่านปฏิเสธ หลัวเยี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะเขยิบเข้ามาใกล้เธอ
“เสียวหว่าน เธอยังจำญาติผู้น้องของฉันได้มั้ย ชิวเฟิง คนที่ทำธุรกิจของตัวเองน่ะ ตอนนี้บริษัทของเขากำลังไปได้สวยเลย ในงานเลี้ยงของเราครั้งที่แล้วเธอก็เจอเขาแล้วนี่นา เขาสนใจเธอนะ เธอเก็บไว้พิจารณาหน่อยสิ พี่เยี่ยนรับรองได้ว่าญาติผู้น้องของพี่คนนี้นิสัยดีสุดๆ ไม่เจ้าชู้ ไม่เที่ยวผู้หญิง ไม่เล่นการพนัน เรื่องสูบบุหรี่กับดื่มเหล้าก็ไม่มี เพราะงั้นไม่มีปัญหาเรื่องเมาแล้วตีเมียแน่นอน”
ซูหว่าน “…..”
“พี่เยี่ยน คืองี้…ความจริง ฉันมีแฟนแล้ว”
เมื่อเห็นว่าหลัวเยี่ยนแนะนำญาติผู้น้องให้ตนอย่างเอาจริงเอาจัง ซูหว่านก็จำต้องขัดจังหวะ เธอจึงพูดเบาๆ ด้วยสีหน้าจริงจัง
“เอ๋ เธอมีแฟนใหม่แล้ว?”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของซูหว่าน หลัวเยี่ยนก็ตกใจจนร้องเสียงดังออกมาอย่างอดไม่ได้
“ฉันก็ว่าแล้วเชียว ดาวบริษัทของเราจะไม่มีคนเข้ามาจีบได้ไง เสียวหว่านเธอนี่ไม่ใจเลย มีแฟนแล้วก็ไม่บอก!”
ไม่รอให้ซูหว่านตอบ เพื่อนร่วมงานสองสามคนที่เพิ่งกินข้าวเสร็จและได้ยินคำพูดของหลัวเยี่ยนเข้าก็รีบล้อมวงเข้ามา…
เพื่อนร่วมงาน ก. “นี่ เสียวหว่าน เธอมีแฟนใหม่แล้ว เมื่อไหร่จะพามาให้ดูบ้างล่ะ”
เพื่อนร่วมงาน ข. “นั่นน่ะสิ จะซุกไว้ทำไมกัน พวกเราไม่แย่งเธอหรอกหน่า”
เพื่อนร่วมงาน ค. “แฟนเธอทำอะไรหรอ มีรูปให้พวกเราดูมั้ย”
เมื่อต้องเผชิญกับกลุ่มหญิงสาวที่ชอบซุบซิบนินทา ซูหว่านก็เริ่มมีสีหน้าไม่สู้ดี
นี่แหละนะ สาวๆ ออฟฟิศ…
คนที่อายุมากหน่อยก็มักจะแนะนำเพื่อนชายให้คุณ ที่อายุพอๆ กับคุณก็มักคิดเปรียบเทียบแฟนตัวเองกับแฟนคุณ หรือแม้กระทั่งคนที่อายุน้อยกว่า ถ้าไม่หัวเราะเยาะสาวแกร่งที่ไม่มีแฟนอย่างคุณ ก็จะกระแนะกระแหนว่าคุณน่ะอยากแต่งงานใจแทบขาด
ผู้หญิงนะผู้หญิง จะข่มกันเองไปเพื่ออะไร
เมื่อถูกล้อมหน้าล้อมหลังด้วยบรรดาสาวออฟฟิศ ซูหว่านก็กินข้าวไม่กี่คำสุดท้ายของตนให้หมดอย่างใจเย็น แล้วจึงเริ่มอธิบายให้ทุกคนฟัง
“ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากบอกทุกคนนะ แต่เราเพิ่งจะยืนยันสถานะความสัมพันธ์ มันยังไม่มั่นคงน่ะ”
“โอ้ว พอดีเลย คืนพรุ่งนี้บริษัทจัดงานเลี้ยงแบบอนุญาตให้พาแฟนมาได้ ซูหว่าน เธอต้องพาคนที่บ้านของเธอคนนั้นมาให้ทุกคนเห็นหน้าค่าตาด้วยนะจ๊ะ!”
“จริงด้วย!”
เมื่อเห็นว่าทุกคนถกกันไปมา คนนั้นพูดคำ คนนี้พูดคำ ซูหว่านก็ได้แต่พยักหน้าพลางยิ้มเจื่อน…
ในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกงานจนได้ ซูหว่านนั่งรถเมล์กลับบ้าน ขณะเดินผ่านตลาดตรงปากทางก็แวะซื้อวัตถุดิบในการทำอาหารที่ซูรุ่ยชอบกินติดมือเล็กน้อย แต่เมื่อถึงบ้าน กลับพบว่าในบ้านไม่มีคนอยู่?
ซูหว่านตกใจไปชั่วขณะ ก่อนจะเปลี่ยนรองเท้าก้าวเข้าบ้านไป เมื่อเห็นว่าห้องเล็กๆ ของตนถูกซูรุ่ยเก็บกวาดเสียจนสะอาดสะอ้าน ซูหว่านก็ยิ้มพลางนำของไปวางไว้ในครัว และเตรียมตัวทำอาหารมื้อเย็น
กว่าซูรุ่ยจะกลับมา ฟ้าก็มืดสนิท เมื่อเห็นแม่ทัพซูที่เก็บกวาดห้องของตนจนสะอาดหมดจด ทว่ากลับมาในสภาพมอมแมมไปทั้งตัว ซูหว่านที่ยืนอยู่หน้าประตูก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองอย่างอึ้ง ๆ
“คุณไปทำอะไรมา”
คงไม่ได้ไปขับรถขุดดินมาหรอกนะ
“วันนี้ผมไปช่วยเจ้าตงเก็บของในโกดังน่ะ อืม ก็เลยถือวิสาสะบอกให้พวกเขาช่วยผมจัดเรียงสินค้าในร้านด้วย”
ว่าแล้วซูรุ่ยก็ล้วงธนบัตรจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกง มีทั้งใบร้อย ใบยี่สิบ กระทั่งใบหยวนอีกหลายใบ
“อ่ะ ที่รัก! นี่เป็นรายได้ของผมในวันนี้ ชื่นใจมั้ย”
ซูรุ่ยนำเงินทั้งหมดยัดใส่มือซูหว่าน
ถ้าพูดกันตามตรง หากเปลี่ยนเป็นโลกใบอื่นแล้วล่ะก็ เงินจำนวนนี้ยังไม่เท่าเงินที่แม่ทัพซูหาได้ในหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ แต่
ในโลกใบนี้ เขากลับต้องลำบากทั้งวันเพื่อให้ได้เงินจำนวนนี้มา มิหนำซ้ำในนี้ยังเป็นเงินทุนเสียสามส่วนด้วย
ทว่าเงินจำนวนนี้กับเงินที่พวกเขาหาได้เป็นสิบล้านเหล่านั้นย่อมไม่เหมือนกัน…
เงินทุกหยวนทุกเหมานี้ ได้มาจากการทำงานหนักของตนเอง ดังคำที่ว่า แลกมาด้วยหยาดเหงื่อและเลือดเนื้อของผู้ใช้แรงงาน
เมื่อได้เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของซูรุ่ย ซูหว่านก็อดหัวเราะไม่ได้
“มีสามีหาเงินเก่งขนาดนี้ ฉันก็ต้องชื่นใจอยู่แล้ว คืนนี้ฉันทำกับข้าวให้คุณเพิ่มดีกว่า คุณอยากกินอะไร เดี๋ยวฉันไปทำให้”
“ผมอยากกิน…คุณ”
ซูรุ่ยว่าพลางโน้มตัวครึ่งท่อนบนเข้าสัมผัสริมฝีปากซูหว่านเบาๆ จากนั้นจึงค่อยๆ บดริมฝีปากและจูบอย่างดูดดื่ม มือทั้งสองข้างโอบเอวของซูหว่านไว้แน่น ทั้งสองพิงเข้ากับโต๊ะกินข้าวโดยไม่รู้ตัว ซูรุ่ยกดร่างทั้งร่างของซูหว่านลงบนโต๊ะ ซูหว่านรู้สึกได้ถึงอารมณ์ของซูรุ่ยที่ผันผวนรุนแรง จึงเบี่ยงริมฝีปากของตัวเองออก ก่อนจะมองไปยังเขาด้วยความสงสัย “ซูรุ่ย คุณเป็นอะไรไป”
เมื่อกี้นี้ยังชื่นใจมากอยู่เลยไม่ใช่หรือ
“ที่รัก”
พอได้ยินคำพูดของซูหว่าน ซูรุ่ยก็จับแขนทั้งสองข้างของเธอไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว
“จู่ๆ วันนี้ผมก็พบว่า การเป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่ได้ลิ้มลองทุกรสชาติของชีวิต ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่ง เพราะไม่ว่าเวลาอยู่นอกบ้านผมจะลำบากและสับสนเพียงใด แต่เมื่อกลับถึงบ้าน ผมก็ยังมีภรรยาที่อบอุ่นน่ารักขนาดนี้”
ว่าแล้วซูรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะจูบซูหว่านอีกครั้ง…
ความรู้สึกของการมีบ้าน มีคนรัก ทำให้ผู้คนรู้สึกพึงพอใจและมีความสุขมากกว่าการมีทรัพย์นับสิบล้านเสียอีก
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ซูหว่านก็รู้สึกโล่งใจ เธอจ้องมองซูรุ่ยพลางยิ้มตาหยีโดยไม่รู้ตัว
“แบบนี้ก็แปลว่าว่า คุณตัดสินใจที่จะขายของเล็กๆ น้อยๆ ต่อไป จะไม่เสียใจภายหลังนะ”
“ทำไมต้องเสียใจภายหลังด้วย เป็นพ่อค้าธุรกิจเล็กๆ ไม่ได้ไปขโมยไปปล้นใครสักหน่อย เงินที่ได้ก็แลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงงานของตัวเอง”
ว่าแล้วแม่ทัพซูก็ป่าวประกาศอย่างภาคภูมิใจ
“ถึงผมจะขายแต่ของก็อปเกรดเอ ผมก็ซื้อวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าให้คุณได้”
ซูหว่าน “…..”
ต้องไปเรียนรู้คำนี้มาจากพ่อค้าในตลาดค้าส่งแน่ ๆ
จะว่าไป วันนี้แม่ทัพซูก็ได้อะไรมาไม่น้อยเลยจริง ๆ
หลังจากช่วงเวลาหวานแหวว ซูหว่านก็ลงมือทำอาหารค่ำ ทางด้านซูรุ่ยก็ถือกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาคำนวณนู่นนี่ เขาวางแผนที่จะทำให้ร้านเล็กๆ ของเหยียนมู่ไป๋ดำเนินกิจการไปได้ด้วยดี ซึ่งจำเป็นต้องมีการวางแผนธุรกิจอย่างละเอียด
กระทั่งซูหว่านทำอาหารเสร็จ ขณะที่ทั้งสองกำลังจะกินข้าว เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น
น้อยคนนักที่จะรู้จักบ้านของเสียวหว่าน และยิ่งคนที่จะเจาะจงมาหาในเวลากินข้าวก็ยิ่งน้อย
ซูรุ่ยลุกขึ้นนำไปเปิดประตูก่อน เป็นเซียวชิงที่ยืนอยู่หน้าประตูในชุดกีฬาสีอ่อน
“คุณเซียว?”
ทันทีที่เห็นว่าเป็นเซียวชิง ซูรุ่ยก็กระพริบตาปริบ ๆ
“ไฮ! อ่า คือ…คงไม่ได้รบกวนเวลาพวกคุณกินข้าวนะ”
ซูรุ่ย “…..”
ซูหว่าน “…..”
แท้จริงแล้วเขารู้ทั้งรู้ว่าเวลานี้เป็นเวลาเลิกงานของซูหว่าน จึงตั้งใจกะเวลาเจาะจงมาให้ทันเวลากินข้าวสินะ