ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 14 อนุภรรยาขุนศึก (14)
ตั้งแต่วันที่มีปากเสียงกันในห้อง อินเป่ยเกอก็ย้ายไปอยู่ห้องข้างๆ ไม่ร่วมเรียงเคียงหมอนกับเหยารั่วฟางอีก ทั้งสองเข้าสู่สภาวะสงครามเย็น แม้หนึ่งเดือนผ่านไป สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น นี่ทำให้เหยาไป๋เซียนกังวลใจยิ่ง
ตั้งแต่อินเป่ยเย่ว์ตายไป เหยาไป๋เซียนก็เหลืออินเป่ยเกอ ลูกชายเพียงคนเดียวแล้ว นางยังหวังให้อินเป่ยเกอกับเหยารั่วฟางมีหลานให้นางอุ้มในเร็ววัน
ทว่าเนื่องจากการตายของซูหว่าน อินเป่ยเกอที่ฟื้นความทรงจำคืนได้ไม่สมบูรณ์ กลับค่อนข้างเย็นชาต่อแม่ตนเอง และพอเหยาไป๋เซียนเห็นว่าตนว่าลูกไม่ได้ ก็ได้แต่เข้าวัดใหญ่ที่สุดในเมืองเหลียวเฉิง สวดมนต์อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หวังให้พระโพธิสัตว์ช่วยคุ้มครองลูกชายและลูกสะใภ้ตน ให้สามีภรรยาปรองดองกัน ลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง
วัดปัวเหร่อ เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเหลียวเฉิง ภายในประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิมแห่งซ่งจื่อ พระโพธิสัตว์ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในเมืองเหลียวเฉิง
ตอนที่เหยาไป๋เซียนพาเจินหลานมาที่วัด จึงมีคนในวัดมากเป็นพิเศษ
“ฮูหยิน ท่านดูสิ นั่นใช่นายหญิงสามหรือเปล่าเจ้าคะ”
เจินหลานมาถึงหน้าประตูวัด ก็เห็นร่างของซูหนิงกับซูหว่าน เหยาไป๋เซียนได้ยินจึงมองตาม พอเห็นร่างที่คุ้นเคย นางก็ใจลอยโดยไม่รู้ตัว
เหมือนมากจริงๆ ราวกับย้อนเวลากลับไปในพริบตาอย่างไรอย่างนั้น
“พี่สะใภ้”
ขณะนั้น ซูหว่านก็เห็นร่างของเหยาไป๋เซียนเช่นเดียวกัน นางพลันยิ้มน้อยๆ พลางเดินมาที่ข้างกายเหยาไป๋เซียน ทักทายอย่างยิ้มแย้ม
เสียงเรียก ‘พี่สะใภ้’ พลันดึงสติของเหยาไป๋เซียน ให้กลับจากความทรงจำ “หลิงหลง เจ้าก็มาไหว้พระเหมือนกันหรือ”
“อืม”
พอได้ยินคำของเหยาไป๋เซียน ซูหว่านก็มีสีหน้าหมองหม่นลง “หลิงหลงร่างกายอ่อนแอแต่เด็ก แต่งเข้าบ้านมานานถึงเพียงนี้ ในท้องก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว จึงรู้สึกกระวนกระวายใจ”
“หึๆ”
พอได้ยินคำพูดของซูหว่าน เหยาไป๋เซียนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “เจ้ากับหมิงเยี่ยแต่งงานกันนานแค่ไหนกันเชียว จะรีบร้อนไปทำไม รั่วฟางกับเป่ยเกอแต่งกันมาเกือบสองปีแล้ว ท้องนี้ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวเลย!”
พอพูดถึงเรื่องนี้ เหยาไป๋เซียนก็รู้สึกกลุ้มอยู่เหมือนกัน ถ้าบอกว่าทั้งสองมีความรู้สึกไม่ดีต่อกัน แต่ชีวิตปกติของสามีภรรยาก็ต้องมีสิ แล้วเหตุใดรั่วฟางถึงไม่ท้องสักทีล่ะ
พอได้ยินคำพูดของเหยาไป๋เซียน ซูหว่านก็ขยับสายตา อดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหูเหยาไป๋เซียน “พี่สะใภ้รู้หรือเปล่าว่าเมืองเหลียวเฉิงมีท่านหมอฟางอยู่คนหนึ่ง เป็นหมอผู้หญิง รักษาผู้หญิงโดยเฉพาะ อะแฮ่ม ข้าก็ไม่มีความหมายอื่นใด ถ้ารั่วฟางยังไม่ท้องสักที พี่น่าจะพานางไปตรวจดูสักหน่อย ตอนนี้ผู้หญิงที่ท้องไม่ได้ก็มีอยู่มาก เผื่อมีอะไรที่ไม่เอื้อจริงๆ พี่สะใภ้จะได้บอกเป่ยเกอให้แต่งอนุเสียแต่เนิ่นๆ ได้”
พอได้ยินคำพูดของซูหว่าน สีหน้าของเหยาไป๋เซียนก็เปลี่ยนเล็กน้อย…
ท้องไม่ได้?
นางไม่เคยครุ่นคิดถึงปัญหานี้เลยจริงๆ ตอนนี้ตนมีเป่ยเกอเป็นลูกชายเพียงคนเดียวแล้ว ถ้าเหยารั่วฟางท้องไม่ได้จริงๆ แล้วใครจะสืบเชื้อสายให้พวกเขาเล่า
ความอกตัญญูมีสามประการ แต่ที่สุดของความอกตัญญูคือ การไร้ซึ่งทายาทสืบสกุล
ไร้ซึ่งทายาท เป็นบาปมหันต์!
เรื่องบางอย่าง ท่านไม่ต้องพูดละเอียดจนเกินไป อวดอ้างจนเกินไป ซูหว่านมั่นใจว่า ขอเพียงตนหว่านเมล็ดพันธุ์ลงไปในใจของเหยาไป๋เซียน นางก็จะกินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะเรื่องนี้เอง
นางต้องไปหาท่านหมอฟางแน่ ด้วยนั่นเป็นหมอหญิงที่ดีที่สุดในเมืองเหลียวเฉิงแล้ว
เหยาไป๋เซียน ตอนนี้เกมเพิ่งเริ่ม เราค่อยๆ สะสางบัญชีกันไป!
กลับจากวัดปัวเหร่อมาถึงหอหลิงหลง ซูหว่านยังไม่ทันลงจากรถ ผู้จัดการหอก็รีบก้าวเข้ามาต้อนรับ “ท่านเจ้าหอ นายพลน้อยมาแล้ว กำลังอยู่ที่ชั้นบน”
“อ้อ”
ซูหว่านพยักหน้า จากนั้นก็ให้ซูหนิงพยุงตนขึ้นไปบนชั้นสี่ ที่นั่นเป็นชั้นที่สูงที่สุดของหอหลิงหลง ขณะเดียวกัน อินเป่ยเกอที่สวมเสื้อกั๊กทับเสื้อเชิ้ต รองเท้าบูททหารสีดำ กำลังยืนถือป้านสุราพิงหน้าต่าง พอได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็หันมามองหน้าตาเฉย แต่พอเห็นหน้าซูหว่าน แววตาของเขาก็เลื่อนลอยไปสักพัก จนป้านสุราในมือเกือบหล่นลงบนพื้น
“เป่ยเกอ เจ้ามาได้อย่างไร นั่งสิ”
ซูหว่านลากเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างมาให้ผู้ชายที่ยืนอยู่ริมหน้าต่าง พลางยิ้มตาหยี “หอของท่านอาสะใภ้สามเจ้ามีอาหารเลิศรสกับเหล้าดีๆ ไม่น้อย เจ้าจะลองชิมดูไหม”
“ไม่ ไม่ต้องหรอก”
อินเป่ยเกอรีบหันหลังกลับ “ข้าผ่านทางมา เลยแวะมาดูเท่านั้น”
“อ้อ แบบนี้นี่เอง!”
ซูหว่านจ้องมองอินเป่ยเกอ แล้วจึงยิ้มบางๆ “ปลายเดือนนี้ หอหลิงหลงเราจัดการแสดงขึ้นมาชุดหนึ่ง เป่ยเกอ ถึงตอนนั้นถ้าเจ้าว่างก็มาเป็นกำลังใจให้อาสะใภ้สามหน่อยเป็นอย่างไร”
ปลายเดือน…
อินเป่ยเกออึ้งไปชั่วขณะ อาการบาดเจ็บของเขา ปลายเดือนนี้ก็เกือบจะหายดีแล้ว และหมู่นี้เขาก็รู้สึกเบื่อหน่ายจริงๆ
“ขอรับ ข้ารู้แล้ว ข้าจะมา อา อาสะใภ้สาม ข้าไปก่อนล่ะ!”
ขณะพูด อินเป่ยเกอรีบเก็บสายตาตนเอง แล้วก้าวยาวๆ จากไปอย่างรวดเร็ว
อันที่จริงวันนี้เขาบังเอิญผ่านทางมาแถวนี้จริงๆ แต่แล้วเขาก็เดินเข้ามาที่นี่โดยไม่รู้ตัว
ซูหว่าน…
นามนั้น เงาร่างนั้น
หมู่นี้อินเป่ยเกอมักฝัน ซึ่งในฝัน มีความทรงจำกระจัดกระจายอยู่
เขาค่อยๆ นึกหน้าของซูหว่านออก นึกถึงเพลงพื้นบ้านที่นางชอบร้อง นึกถึงหน้าหนาวนั่น และรอยยิ้มอันสดใสมีเสน่ห์ของสาวน้อยชุดแดงท่ามกลางเกล็ดหิมะสีขาวที่ปลิวว่อน…
เสวี่ยหลิงหลง
นางเหมือนซูหว่านมาก ไม่ใช่แค่หน้าตา
อินเป่ยเกอรู้สึกว่าบนตัวนางมีลมหายใจที่ตนคุ้นเคย แต่…ซูหว่านตายไปแล้ว ทุกคนล้วนบอกว่านางตายไปแล้ว
อินเป่ยเกอใจลอยเหมือนกำลังอยู่ในความฝัน ในสภาวะที่เคยฝันว่านางตายในอ้อมอกตน
ดังนั้น นี่อาจเป็นเพียงภาพลวงตาที่ตนสร้างขึ้น
อย่างที่เหยารั่วฟางพูด สิ่งที่ตนสูญเสียไปชั่วชีวิต ตนไม่มีโอกาสเป็นเจ้าของและได้รับการชดเชยอีก…
หลังจากอินเป่ยเกอจากไป ซูหว่านก็รีบสั่งซูหนิงให้เรียกหัวเหยาหลานมาที่ห้องตน ปลายเดือนนี้ เป็นโอกาสที่ดีที่สุดแล้ว ทั้งเวลา สถานที่และคนล้วนเหมาะสม!
เรือนใหญ่สกุลอิน
ตั้งแต่กลับจากวัด เหยาไป๋เซียนก็มีความกังวลในใจมากมายมาตลอด รวมทั้งเซียมซีที่เสี่ยงได้ ก็ทำให้นางกระสับกระส่ายอยู่บ้าง
คำพูดของซูหว่านวนเวียนอยู่ในหัวสมองนางอีกโดยไม่รู้ตัว…
ใช่หรือไม่ว่า ร่างกายของเหยารั่วฟางมีปัญหาจริงๆ
พอเกิดความคิดเช่นนี้ขึ้น ความสงสัยนี้ก็หยั่งรากลึกอยู่ในหัวสมองของเหยาไป๋เซียน นางแอบตรึกตรองอยู่สองสามวัน สุดท้ายก็หาข้ออ้าง พาเหยารั่วฟางไปให้ท่านหมอฟางตรวจดูจนได้ และพอผลตรวจออกมา ก็ทำให้เหยาไป๋เซียนเกือบจะเป็นลม…
เหยารั่วฟางไม่สามารถตั้งครรภ์ได้จริงๆ!
“นี่…”
เหยารั่วฟางมองดูรายงานผลการตรวจที่สลับซับซ้อนแผ่นนั้น พลางหน้าซีดวิงเวียนศีรษะ จากนั้นก็จ้องมองหมอหญิงที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง “ท่านหมอฟาง นี่หมายความว่าอะไร ข้า…ท้องไม่ได้จริงๆ หรือ”
“ใช่”
ท่านหมอฟางพูดอย่างเฉียบขาด “การตรวจของข้า เป็นที่เชื่อถือที่สุดในเมืองเหลียวเฉิงอย่างแน่นอน แต่ท่านก็ใช่ว่าจะตั้งครรภ์ไม่ได้เลย ข้าจ่ายยาปรับสภาพร่างกายให้ท่านได้ แต่ข้าไม่กล้ารับประกันว่า ร่างกายของท่านจะแข็งแรงสมบูรณ์เมื่อไหร่ อาจเป็นปีหนึ่ง หรือต้องใช้เวลาอีกหลายปี หรือ…ปรับไม่ได้ตลอดชีวิต!”
ตลอดชีวิต?
พอได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของท่านหมอฟาง เหยารั่วฟางก็ตาเหลือก เป็นลมล้มลงในอ้อมอกเย่ว์ซิ่วทันที
“นายหญิงรอง!” เหล่าคนรับใช้ที่ยืนอยู่อีกด้านพากันเข้าไปช่วยเย่ว์ซิ่วพยุงเหยารั่วฟางไว้
ส่วนเหยาไป๋เซียนก็วางค่ารักษาไว้บนโต๊ะท่านหมอฟาง “ท่านหมอ จ่ายยาเถอะ เอายาที่ดีที่สุดนะ!”
เหยารั่วฟางเป็นหลานสาวแท้ๆ ของเหยาไป๋เซียน เป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่เหลียวแล แต่ถ้าคิดในแง่ของทายาทสกุลอิน หรือนางควรคิดพิจารณาสักหน่อย เรื่องหาอนุให้เป่ยเกอ แต่ลูกคนนี้ ยิ่งมาก็ยิ่งดื้อ เรื่องแต่งอนุ เขาจะเห็นด้วยง่ายๆ หรือ
และถ้าเขาไม่ร่วมมือด้วย ไม่ยอมเข้าห้องหอ ถึงตนจัดอนุเป็นสิบแต่งเข้ามาให้เขา ก็ช่วยอะไรไม่ได้!