ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 17 อนุภรรยาขุนศึก (17)
ระหว่างทางกลับเรือน ซูรุ่ยให้ซูหว่านนอนสบายๆ บนตักตนเอง ขณะมองนิ่งไปยังทิวทัศน์ยามราตรีนอกรถ
“คิดอะไรอยู่”
ซูหว่านพลันเอ่ยถามเบาๆ
พอได้ยินคำถามของซูหว่าน ซูรุ่ยก็หลุบตาลง มองนางด้วยแววตาอันอ่อนโยน “ภรรยา คุณว่าอินเป่ยเกอฟื้นคืนความทรงจำล่วงหน้าแล้ว เขายังจะแต่งกับหัวเหยาหลานอยู่ไหม”
ตอนนี้ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ขาดก็แต่ลมตะวันตะวันออก
“แต่งสิ”
ซูหว่านตอบเบาๆ ยิ่งล่วงรู้ ‘ความจริง’ อินเป่ยเกอก็ยิ่งต้องรุกก่อน
เขาต้องแต่งกับหัวเหยาหลานแน่ เพราะเขาเป็นพระเอกนี่นา
คุณไม่สามารถใช้รูปแบบความคิดของคนปกติมาเดาใจพระนางหรอก ขืนจริงจังกับพวกเขา คุณก็แพ้แล้ว
เป็นไปตามที่ซูหว่านคาด ไม่กี่วันถัดมา เหยาไป๋เซียนก็ส่งคนมาสู่ขอที่หอหลิงหลง และข่าวนายพลน้อยกำลังจะแต่งหัวเหยาหลานเข้าบ้านก็แพร่กระจายไปยังทุกตรอกซอกซอยในเมืองเหลียวเฉิง
นายพลน้อยแต่งอนุ เป็นงานมงคลใหญ่โตงานหนึ่งในเมืองเหลียวเฉิง วันนี้ คนทั้งบ้านสกุลอินล้วนยิ้มแย้มแจ่มใส ทว่าในบ้านหลังใหญ่นี้ มีเพียงเหยารั่วฟางเท่านั้นที่ไม่สบอารมณ์กับเรื่องนี้
เดิมทีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของนางกับอินเป่ยเกอก็แย่มากอยู่แล้ว ตอนนี้นางยังถูกหมอบอกอีกว่าตั้งครรภ์ไม่ได้ โดยแม้แต่ท่านป้าเองก็คนริเริ่มอยากให้อินเป่ยเกอแต่งอนุ
พอนึกถึงเรื่องที่ว่า คุณหนูบ้านสกุลเหยาที่สูงสง่าอย่างตน กลับต้องมาใช้สามีร่วมกันกับนางรำที่เติบโตมาในสโมสรบันเทิง เหยารั่วฟางก็โมโหจนต้องกัดฟันกรอดๆ ท่านหมอฟางบอกว่านางตั้งครรภ์ไม่ได้ นางก็ตั้งครรภ์ไม่ได้จริงๆ หรือ ซึ่งความจริง เหยารั่วฟางก็แอบวานให้คนที่บ้านสกุลเหยาไปเชิญหมอที่ดีที่สุดในเมืองหลวงมาแล้ว…
งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสของบ้านสกุลอิน ต้อนรับคนทั้งเมือง
ซูหว่านกับซูรุ่ยย่อมไปถึงที่จัดงานแต่เช้า พองานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้น ซูรุ่ยก็ต้องคอยทักทายแขกเหรื่อชั้นสูงคนอื่นๆ ในเมืองเหลียวเฉิงตามพี่ชายทั้งสองของตน
อินเป่ยเกอในชุดแต่งงานโบราณ จึงยกจอกสุรามายืนข้างกายซูหว่าน ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“ท่านอาสะใภ้สาม ขอบคุณที่คัดเลือกอนุภรรยาให้ข้าเป็นอย่างดี คารวะหนึ่งจอก!”
อินเป่ยเกอไม่รอให้ซูหว่านพูดจา ดื่มสุราในจอกตัวเองจนหมดเกลี้ยงทันที จากนั้นก็รินให้ตัวเองอีกจอก แล้วมองตาเยิ้มให้ซูหว่านที่นั่งอยู่อีกด้าน “ข้ารู้ว่าท่านสุขภาพไม่ดี ข้าคารวะท่านหนึ่งจอก ท่านไม่ต้องดื่มตอบ ข้าดื่มแทนท่านเอง!”
ว่าแล้ว อินเป่ยเกอก็ยกสุราขึ้นดื่มรวดเดียวหมดจอก
พอดื่มหมดจอกที่สอง เขาก็รั้นจะไปรินจอกที่สามอีก
“เจ้าเมาแล้ว”
ซูหว่านค่อยๆ ลุกขึ้นยืน หยุดการกระทำของเขาไว้ “เป่ยเกอ เจ้าเมาแล้ว อย่าดื่มอีกเลย”
“ท่านกำลังห่วงข้าหรือ”
อินเป่ยเกอเงยหน้าขึ้น มุ่งมั่นจ้องมองซูหว่าน
ซูหว่านยิ้มเรียบๆ “ข้าก็ต้องห่วงเจ้าสิ ข้าเป็นอาสะใภ้สามของเจ้าไม่ใช่หรือ ก็ต้องห่วงเจ้าแบบที่ห่วงเป่ยเยี่ยกับเป่ยเหยียนนั่นล่ะ”
ว่าแล้วซูหว่านก็เอี้ยวตัวไปมองอินเป่ยเยี่ยที่ยืนอยู่ด้านหลัง และมองอินเป่ยเกออย่างเป็นห่วงอยู่ตลอด “เป่ยเยี่ย พี่รองเจ้าเมาแล้ว เจ้ามาดูแลเขาหน่อย”
“ขอรับ อาสะใภ้สาม”
พอได้ยินคำพูดของซูหว่าน อินเป่ยเยี่ยก็รีบก้าวเข้ามา พยุงอินเป่ยเกอไว้ แล้วกระซิบข้างหูเขา “พี่รอง วันนี้แขกมากันเพียบ พี่อย่าก่อเรื่องนา ยังมีคนมากมายที่รอคารวะเหล้าพี่อยู่!”
คารวะเหล้า?
มิใช่อวยพรว่า สุขสันต์วันแต่งงาน มีความสุขร้อยปีหรอกหรือ
หึๆ
อินเป่ยเกอหัวเราะอย่างดูแคลน ก่อนยกมือขึ้นรินสุราให้ตัวเองอีกจอก “ไปกัน ไปทักทายแขกเหรื่อกับข้าหน่อย!”
งานเลี้ยงดำเนินไปจนถึงดึกดื่น ตอนที่แขกเหรื่อแยกย้ายกันกลับไปจนหมดแล้วนั้น เจ้าบ่าวก็เมาคอพับหลับปุ๋ย เหยาไป๋เซียนยังนึกว่า เป็นเพราะลูกชายตนดีใจมากเกินไป จึงรีบให้คนพยุงอินเป่ยเกอกลับห้องหอ…
หัวเหยาหลานแม้ชาติกำเนิดต่ำต้อย แต่ตอนอยู่ในหอหลิงหลงของซูหว่าน นางเรียนมารยาททุกประเภทโดยเฉพาะ หลังจากแต่งเข้าบ้านสกุลอิน จึงทำอะไรถูกใจเหยาไป๋เซียนไปหมด ทำให้เหยารั่วฟางรู้สึกน้อยใจเป็นอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่กระทบใจนางมากที่สุดก็คือ หลังจากหัวเหยาหลานแต่งเข้ามาได้สองเดือน ก็ถูกตรวจพบว่าตั้งครรภ์!
ชั่วพริบตา สถานะของหัวฮูหยินในบ้านสกุลอินก็สูงส่งขึ้นทันที
สำหรับการตั้งครรภ์ของหัวเหยาหลาน อินเป่ยเกอก็ไม่คาดคิดเช่นกัน เพราะนอกจากคืนเข้าห้องหอ ที่เขาดื่มจนเมามายไม่ได้สติและมีความสัมพันธ์กับหัวเหยาหลานแล้ว สองเดือนที่แต่งงานกันมา เขาก็ไม่เคยแตะต้องนางอีก
ทว่า เขากลับมีลูกเป็นของตนเองแล้ว อินเป่ยเกอจึงตั้งหน้าตั้งตารอคอยลูกคนแรกที่ยังไม่ถือกำเนิดของตนด้วยเช่นเดียวกัน…
หลังบ้านสกุลอิน
เพล้งเพล้ง
เหยารั่วฟางปัดชุดน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะตัวเองลงบนพื้น ใบหน้าสวยๆ เต็มไปด้วยความเคียดแค้น…
อาศัยอะไร
หัวเหยาหลานอาศัยอะไรจึงสามารถท้องลูกของอินเป่ยเกอ แต่ตนไม่สามารถ?
ขนาดหมอจากเมืองหลวงก็ยังดูไม่ออกว่านางเป็นอะไรกันแน่ จึงได้แต่จัดยาให้นางกินไม่หยุดหย่อน กินยาแล้ว กินยาอีก!
เหยารั่วฟางจึงรู้สึกว่าตนเองกลายเป็นหม้อยาไปแล้ว ตอนนี้ถึงน้ำหอมจะหอมเพียงใดก็ไม่สามารถปกปิดกลิ่นยาหม้ออันฉุนกึกบนร่างนางได้
“สะใภ้รอง สะใภ้รอง อย่าเพิ่งใจร้อน ขืนใจร้อนจนไม่สบาย จะทำอย่างไรกันดีเจ้าคะ!”
พอเห็นเหยารั่วฟางเริ่มเสียสติ เย่ว์ซิ่วที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยปากเตือนอย่างอดไม่ได้ “ฮูหยินท่านนั้นก็แค่มีลูก ยังไม่รู้ว่าเป็นลูกชายหรือลูกสาว อีกอย่าง นางจะคลอดออกมาได้หรือไม่ ก็ยังบอกไม่ได้ สะใภ้รองอย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้สิเจ้าคะ”
“หือ”
พอได้ยินคำพูดของเย่ว์ซิ่ว เหยารั่วฟางก็อึ้งไปสักพัก แล้วแววตาก็โหดเหี้ยมขึ้นวาบ…
ถูก จะปล่อยให้แม่นั่นคลอดเด็กออกมาไม่ได้ มิฉะนั้นสถานะในบ้านสกุลอินของตนพินาศแน่!
ท่านป้า อย่าโทษหลานว่าใจโหดไปเลย ท่านเองก็ยังใช้สารพัดวิธีจัดการกับเหล่าอนุของท่านลุง วันนี้หลานก็แค่ดำเนินรอยตามท่านเท่านั้น!
ขณะเหรารั่วฟางวางแผนแล้วว่าจะทำให้หัวเหยาหลานเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย ในเรือนหลัก เหยาไป๋เซียนก็กำลังถือถ้วยน้ำชาขณะใบหน้าเคร่งขรึม โดยมีเจินหลานยืนก้มหน้าอยู่ด้านหลัง รอคำสั่งจากเหยาไป๋เซียนอย่างนอบน้อม
“เจินหลาน”
“บ่าวอยู่นี่เจ้าค่ะ”
“เจ้าส่งคนไปจับตาดูสะใภ้รองกับเย่ว์ซิ่วให้ดี จะปล่อยให้เกิดอุบัติเหตุกับลูกคนนี้ของเป่ยเกอไม่ได้เป็นอันขาด เจ้าเข้าใจใช่ไหม”
“บ่าวเข้าใจเจ้าค่ะ บ่าวรู้ว่าควรทำอย่างไร”
เจินหลานผงกศีรษะติดต่อกัน ส่วนเหยาไป๋เซียนก็มองนิ่งพลางค่อยๆ วางถ้วยน้ำชาลง
ตนเห็นเหยารั่วฟางเติบโตมาแต่เด็ก พอเด็กคนนี้เลิกคิ้ว ตนก็รู้แล้วว่านางคิดจะทำอะไร อาจเป็นเพราะเมื่อก่อนตนโอ๋นางมากจนเกินไปจริงๆ จนนางคล้ายลืมไปแล้วว่า ที่นี่ไม่ใช่บ้านสกุลเหยา แต่เป็นบ้านสกุลอิน
ในบ้านสกุลอินหลังนี้ ไม่มีเรื่องใดที่หลุดรอดจากการควบคุมของเหยาไป๋เซียนไปได้…
ขณะที่เหยาไป๋เซียนและเหยารั่วฟางกำลังวางแผนระแวดระวังกันเองนั้น ซูหว่านกับซูรุ่ยก็กำลังยุ่งอยู่กับอีกเรื่องหนึ่ง โดยนับวันเวลาแล้ว นางเอกตัวจริงอย่างกวนหลี น่าจะใกล้มาถึงเมืองเหลียวเฉิงแล้ว
ซึ่งตอนนี้ ซูหว่านได้วางตัวหัวเหยาหลานไว้ในจวนสกุลอินแล้ว แต่สำหรับกวนหลีนั้น ซูหว่านยังไม่มีความคิดอะไร นางเพียงหวังว่า หลังจากนางเอกท่านนี้เข้ามาในบ้านสกุลอินแล้ว จะไม่ทำให้แผนของตนเสีย ดังนั้นพอซูหว่านกับซูรุ่ยไตร่ตรองกันสักพัก ก็ส่งคนไปเฝ้าดูบริเวณรอบประตูเมืองแต่เนิ่นๆ ถ้าเห็นร่างของกวนหลี ค่อยคิดหาวิธีล่อนางมาที่เรือนของท่านสาม ถึงตอนนั้นตนย่อมมีวิธีทำให้นางเชื่อฟังและอยู่ที่นั่นดีๆ
เพียงแต่เรื่องนี้ ดำเนินการได้ไม่ราบรื่นเท่าไหร่ เพราะคนของซูรุ่ยไม่เห็นร่างของกวนหลีทั้งนอกเมืองกับแถวประตูเมืองเลย
ตามเนื้อเรื่องเดิม ตอนนี้นางเอกน่าจะมาถึงเมืองเหลียวเฉิงแล้วนี่นา!
เช่นนั้น กวนหลีไปไหนแล้วล่ะ
ซึ่งตอนนี้ กวนหลีก็ได้มาถึงเมืองเหลียวเฉิงแล้วจริงๆ
ในเรื่องเดิม กวนหลีเดินทางไปพักไป ลำบากมากกว่าจะมาถึงเมืองเหลียวเฉิงในช่วงปลายเดือนสิบ แต่ครั้งนี้ ต้นเดือนแปด นางก็มาถึงเมืองเหลียวเฉิงแล้ว
ที่แท้ เนื่องจากงานวิวาห์ของอินเป่ยเกอ เจ้าหน้าที่มากมายในอำเภอเล็กๆ รอบเมืองเหลียวเฉิงล้วนรีบเดินทางมาดื่มสุรามงคลที่บ้านสกุลอิน ทำให้กวนหลีที่อยู่ระหว่างการเดินทาง ล่วงรู้ข่าวนายพลน้อยแต่งอนุ พอดีตอนนั้นขบวนรถหลายขบวนขาดแคลนแรงงาน กวนหลีจึงได้เข้าไปคลุกคลีอยู่ในขบวนส่งของขวัญขบวนหนึ่ง ติดตามรถม้าของพวกเขา มาถึงเมืองเหลียวเฉิงล่วงหน้า