ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 18 อนุภรรยาขุนศึก (18)
หมอกบางๆ ในตอนเช้า
กวนหลีก้าวออกจากห้องน้อยของตน มายืนยืดเส้นยืดสายในลานบ้าน วันใหม่อีกวันเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ตั้งแต่เข้าเมืองเหลียวเฉิงมาได้สองเดือน ตอนนี้นางทำงานอยู่ในโรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งหนึ่ง ยังหาโอกาสเข้าไปฝังตัวในบ้านสกุลอินไม่ได้สักที
“เสี่ยวหลี!”
ประตูห้องปีกอีกห้องในบ้านถูกคนผลักออก สาวน้อยหน้ากลมก้าวออกมาอย่างรวดเร็ว พอเห็นกวนหลีที่ลานบ้าน สาวน้อยก็มีท่าทีลับๆ ล่อๆ ลากนางให้เข้ามาอยู่ข้างกาย “เสี่ยวหลี เจ้าอยากไปทำงานในบ้านสกุลอินมาตลอดไม่ใช่หรือ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
พอได้ยินคำพูดของสาวน้อย กวนหลีก็ทอประกายตา “พี่เย่ว์เย่ว์ พี่มีลู่ทางหรือ”
พอเห็นกวนหลีตาเป็นประกาย หลินเย่ว์เย่ว์ก็ยิ้มน้อยๆ “ข้ามีญาติผู้พี่เป็นหัวหน้าคนรับใช้ในบ้านสกุลอิน ล่าสุดนายหญิงของนางอยากจะจ้างสาวใช้ที่ทำกับข้าวเป็น ไปช่วยงานในเรือนคนหนึ่ง และเจ้าก็เป็นคนแรกที่ข้านึกขึ้นได้ นี่ถ้าข้าทำกับข้าวเป็นนะ ข้าไปเองแล้ว เสียดายข้าไม่มีพรสวรรค์แบบนั้น”
พอได้ยินคำพูดของหลินเย่ว์เย่ว คิ้วและตาของกวนหลีก็เปี่ยมไปด้วยความสุข ดีมากเลย รอมาสองเดือน ในที่สุดก็รอถึงโอกาสนี้จนได้!
นางจะไปบ้านสกุลอิน ไปพบผู้ชายคนนั้น แล้วถามเขาว่า ทำไมถึงต้องฆ่าชาวบ้านในหมู่บ้านชาวประมงอย่างโหดเหี้ยมด้วย!…
หลังจากนั้นหนึ่งเดือน…
ซูหว่านนึกไม่ถึงว่าตนจะได้พบกับกวนหลีในเรือนใหญ่สกุลอิน แถมยังอยู่ในสถานการณ์ซับซ้อนเช่นนี้ด้วย
ขณะนั้น หัวเหยาหลานนอนหน้าซีดอยู่บนเตียงตัวเอง โดยมีเหยาไป๋เซียนนั่งเป็นห่วงอยู่ริมเตียง
เรื่องของเรื่องก็คือ เช้าวันนี้ หัวเหยาหลานได้ดื่มน้ำแกงตามปกติไปชามหนึ่ง ขณะคิดเอนหลังสักพัก ใครจะรู้ว่า ไม่นานนางก็ปวดท้องสุดจะทนขึ้นมา รอจนหมอมาถึง เด็กในท้องก็รักษาไว้ไม่อยู่แล้ว!
เรื่องนี้ไม่เพียงทำให้เหยาไป๋เซียนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ กระทั่งยังทำให้ท่านนายพลที่นั่งอยู่ในห้องทำงานจวนนายพลตื่นตกใจ โดยอินซุ่นได้สั่งการลงไปว่า ต้องตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด กำจัดคนที่เป็นอันตรายต่อหลังบ้านสกุลอินให้ได้
และจากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องสงสัยคนแรกที่ถูกกาหัว กลับเป็นหญิงสาวที่เพิ่งมาถึงบ้านสกุลอินคนหนึ่ง กวนหลี
พอซูหว่านได้ข่าว ก็รีบรุดมา ก่อนอื่นนางเข้าไปพูดปลอบโยนหัวเหยาหลานสองสามประโยค แล้วจึงหันมามองกวนหลีที่คุกเข่าหน้าซีดอยู่กับพื้น ค่อยเงยหน้าถามเหยาไป๋เซียน “พี่สะใภ้ใหญ่ เรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่”
“เฮ้อ”
พอได้ยินคำถามของซูหว่าน เหยาไป๋เซียนก็ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “หมอบอกว่า น้ำแกงชามที่เหยาหลานดื่ม ถูกคนวางยา และนางเด็กมาใหม่นี่ ก็เป็นคนปรุงน้ำแกงชามนั้นกับมือ”
“จริงหรือเจ้าคะ”
ซูหว่านคล้ายอึ้งไปสักพัก ค่อยก้มลงมองกวนหลีที่อยู่บนพื้น “สาวใช้คนนี้ดูไม่คุ้นหน้าค่าตาเลย มาใหม่ใช่ไหม”
พอได้ยินซูหว่านถาม เจินหลานที่อยู่อีกด้านก็รีบตอบอย่างนอบน้อม “เรียนนายหญิงสาม นี่เป็นสาวใช้ที่บ่าวเพิ่งจ้างเข้ามาในจวน ให้คอยรับใช้หัวฮูหยินเรื่องอาหารการกิน เดิมทีบ่าวเห็นว่านางมีประวัติขาวสะอาด ดูซื่อๆ เรียบร้อยดี ถึงได้วางใจรับเข้ามา นึกไม่ถึงว่า แค่เดือนเดียวก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นแล้ว!”
“สาวใช้ที่เพิ่งมาใหม่ ก็กล้าวางยานายตนเองแล้ว ความกล้านี้ ไม่มากเกินไปหน่อยหรือ ใครเป็นคนให้ความกล้าแบบนี้กับนางกันแน่”
คนยังมาไม่ถึง เสียงมาถึงก่อน
ปู้หนิงซานในชุดกระโปรงสวยหรูค่อยๆ เดินเข้ามา พลางแย้มยิ้มขณะจ้องมองซูหว่านกับเหยาไป๋เซียนที่นั่งอยู่ในห้อง “พี่สะใภ้ใหญ่ น้องสะใภ้ ข้าว่านะ เรื่องนี้ไม่ธรรมดา”
พอปู้หนิงซานเดินมาถึงข้างกายกวนหลี ก็ยกเท้าขึ้น ใช้รองเท้าถีบนางไปทีหนึ่ง
กวนหลีถูกถีบจนหน้าคะมำ นางขมวดคิ้ว แล้วจ้องมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าอย่างโกรธแค้น
คนบ้านสกุลอิน ไม่มีดีสักคน!
“โอ้ ไม่เลวนี่”
ปู้หนิงซานเหลือบเห็นแววตาที่โกรธแค้นของกวนหลี จึงเลิกคิ้วเล็กน้อย “บอกมาดีกว่า ใครบงการเจ้า ถ้าไม่บอกความจริงออกมา เดี๋ยวเจ้าลำบากแน่!”
“ไม่มีใครบงการข้า ข้าถูกใส่ร้าย ข้าไม่ใช่คนวางยา!”
กวนหลียันกายขึ้นจากพื้น แล้วจ้องมองเหยาไป๋เซียนที่นั่งอยู่ริมเตียงอย่างแข็งกร้าว “บ่าวเป็นเพียงสาวใช้ที่เพิ่งมาใหม่คนหนึ่ง ไม่ได้เกลียดชังหรือมีความแค้นกับหัวฮูหยิน ทำไมต้องทำร้ายนางด้วย บ้านสกุลอินใหญ่โตขนาดนี้ ผู้ที่คิดทำร้ายนางควรเป็นคนอื่น!”
“สามหาว!”
พอได้ยินคำพูดของกวนหลี แววตาของเหยาไป๋เซียนก็เย็นชาลงทันที “หลักฐานมัดแน่นขนาดนี้ ยังไม่ยอมรับอีก แถมพยายามพูดให้เกิดความสับสน เจินหลาน ตบปาก!”
“เจ้าค่ะ!”
เจินหลานรีบก้าวเข้ามายืนตรงหน้ากวนหลี แล้วสั่งสาวใช้ที่ยืนอยู่ทั้งสองข้าง กดแขนกวนหลีไว้ ให้นางอยู่นิ่งๆ จากนั้นก็เงื้อมือขึ้น ตบหน้านางอย่างไม่ลังเลแต่อย่างใด
เพี้ยะๆๆ!
ขนาดฟังเสียง ซูหว่านยังรู้สึกเจ็บแทน เจินหลานไม่ใช่คนโง่ ย่อมลงมือได้เหี้ยมโหดพอ
ผ่านไปครู่หนึ่ง ใบหน้าทั้งสองข้างของกวนหลีก็บวมเปล่ง มุมปากมีรอยเลือด อยากจะพูดอะไร ก็พูดไม่ออกแล้ว
พอเห็นการลงมือของเจินหลาน ปู้หนิงซานที่ยืนอยู่อีกด้านก็ได้แต่หัวเราะอย่างดูหมิ่น ก่อนหาที่นั่ง นั่งลงตามอำเภอใจ
เหยาไป๋เซียนกำลังคิดโบยตี บีบสาวใช้คนนี้ให้สารภาพ! โดยแม้แต่โอกาสแก้ตัวก็ไม่เหลือให้ ร้อนใจหาแพะรับบาปขนาดนี้ ความจริงที่อยู่เบื้องหลังก็บ่งชัดแล้ว
เฮอะ เรื่องแค่นี้ของบ้านใหญ่สกุลอิน มีใครไม่รู้บ้างว่าใครเป็นใคร
เหยารั่วฟางนี่ก็ฉลาดเป็นกรด ที่คิดใช้สาวใช้คนใหม่เป็นเครื่องมือ
แต่ครั้งนี้เหยาไป๋เซียนเดินเกมพลาดไปก้าวหนึ่งจริงๆ นางนึกว่าบอกให้เจินหลานหาสาวใช้คนใหม่มาดูแลหัวเหยาหลาน จึงจะควบคุมได้ นึกไม่ถึงว่ากลับเข้าทางเหยารั่วฟางเสียนี่
ตอนนี้พอเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาของบ้านสกุลอิน หรือหน้าตาของบ้านสกุลเหยา เหยาไป๋เซียนล้วนต้องสนใจ ซึ่งอันที่จริงในใจนางรังเกียจอยู่แต่แรก ทว่าขณะอยู่ต่อหน้าทุกคน กลับยังต้องปกป้องเหยารั่วฟางที่มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำอีก
พอนึกถึงเรื่องเหล่านี้ ปู้หนิงซานก็รู้สึกชื่นใจแล้ว
เหอะ ลูกของอินเป่ยเกอไม่มีแล้ว ยังนับเป็นตัวอะไรได้อีก นางอยากให้สายเลือดจากลูกชายคนโตของพวกเขาสูญพันธุ์แทบไม่ทันเสียด้วยซ้ำ!
“อู้อี้…อู้อี้”
กวนหลีที่อยู่บนพื้นพยายามดิ้นรน คิดจะพูดอะไร แต่กลับพูดไม่ออก
ในตอนนี้เอง พลันมีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังขึ้นที่หน้าประตู อินเป่ยเกอในเครื่องแบบทหารสาวเท้าก้าวเข้ามา
“ท่านแม่ เหยาหลานเป็นอย่างไรบ้าง”
อินเป่ยเกอถามถึงอาการของหัวเหยาหลานทันทีที่เข้าประตูมา
พอได้ยินคำถามของอินเป่ยเกอ เหยาไป๋เซียนก็หลุบตาลง ส่วนหัวเหยาหลานที่เก็บอารมณ์อยู่บนเตียงมานาน ก็น้ำตาไหลทันที “นายพลน้อย นายพลน้อย! ข้าขอโทษ! ข้ารักษาลูกของเราไว้ไม่ได้! ปล่อยให้ข้าตายเถอะ ข้าตายไปจะได้สิ้นเรื่อง ข้าจะตายพร้อมลูก!”
ว่าพลางหัวเหยาหลานก็พยายามพุ่งศีรษะเข้าไปชนเสาหัวเตียง
ซูหว่านพูดไม่ออก…
น้องสาวคนดี ทักษะการแสดงนี้ก็ไม่เลวอยู่นา
“เหยาหลาน เจ้าจะทำอะไรน่ะ”
เหยาไป๋เซียนที่นั่งอยู่ริมเตียงตื่นตกใจ ส่วนซูหว่านที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ใกล้เตียงมากสุดก็รีบลุกขึ้นยืน จะเข้าไปห้ามหัวเหยาหลาน
เพียงแต่มีคนคนหนึ่งเร็วกว่านาง
อินเป่ยเกอก้าวยาวๆ เข้าไป ใช้แขนทั้งสองข้างรัดร่างของหัวเหยาหลานไว้แน่น “พอแล้ว! อย่าฟุ้งซ่าน สุขภาพสำคัญกว่า! ลูก…ต่อไปยังมีได้อีก”
“นายพลน้อย…”
หลังจากได้ยินประโยคนี้จากอินเป่ยเกอ หัวเหยาหลานที่น้ำตาคลอหน่วยก็กระโจนเข้าไปในอ้อมอกเขาทันที “นายพลน้อย แก้แค้นให้ลูกในท้องของเราด้วย! ใครกันใจโหดถึงเพียงนี้ แม้แต่เด็กคนหนึ่งก็ไม่ละเว้น! นายพลน้อย ลูกของเราตายอย่างน่าอนาถ!”
เสียงของหัวเหยาหลานไพเราะเสนาะหูอยู่แล้ว ตอนนี้ยังได้การแสดงที่กลมกลืนเสริมเข้ามาอีก ย่อมทำให้ผู้ชมเศร้าใจ ผู้ฟังน้ำตาไหล!
และแล้ว พอได้ยินเสียงร่ำไห้ของหัวเหยาหลาน สายตาที่เย็นชาอยู่แต่เดิมของอินเป่ยเกอ ก็ยิ่งเย็นยะเยียบ “ท่านแม่ จับฆาตกรได้หรือยัง”
“นางนี่ไง”
เหยาไป๋เซียนชี้ไปที่กวนหลีบนพื้นอย่างไม่สบอารมณ์
“อู้อี้ อู้อี้”
กวนหลีที่ถูกกดให้คุกเข่าอยู่กับพื้นสั่นศีรษะสุดชีวิต ดวงตาจับจ้องอยู่แต่ร่างของอินเป่ยเกอ
นาทีนี้ นางหวังให้อินเป่ยเกอจดจำนางได้ อย่างไรนางก็เป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเขาไว้!
น่าเสียดาย…
ตอนนี้กวนหลีหน้าบวม ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง อินเป่ยเกอจึงจำนางไม่ได้เลย…