ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 19 อนุภรรยาขุนศึก (19)
“เจ้าเป็นคนทำรึ”
อินเป่ยเกอก้าวเข้ามาทีละก้าว หยุดอยู่ตรงหน้ากวนหลี แล้วก้มตัวลง มือใหญ่ที่เห็นข้อต่ออย่างชัดเจนออกแรงยกคางของนางขึ้น
“อู้อี้”
กวนหลีพยายามอ้าปาก แต่กลับยังคงได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ที่คลุมเครือออกมา เมื่อครู่ตอนเจินหลานลงมือ ได้ควบคุมทักษะและพละกำลังให้ไม่หนักและไม่เบาจนเกินไป พอดีที่จะทำให้นางหมดสิทธิ์แก้ตัว
กวนหลีในตอนนี้จึงได้แต่จ้องหน้าอินเป่ยเกอที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม มองคิ้วเข้มๆ และดวงตาที่ลึกล้ำของเขา
นางกะพริบตาปริบๆ ดวงตากลมโตที่ใสกระจ่างถูกเมฆหมอกปกคลุมแล้ว…
อินเป่ยเกอ จริงหรือ เจ้าไม่รู้จักข้าแล้วหรือ
ขณะอินเป่ยเกอจ้องตาของผู้ที่อยู่ตรงหน้า พริบตานั้น ในภวังค์ เขารู้สึกได้ถึงความสับสนวุ่นวายวาบหนึ่ง
คุ้นมาก
“เป่ยเกอ”
เหยาไป๋เซียนที่นั่งอยู่ริมเตียงค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แล้วพูดเสียงเย็นชา “สาวใช้คนนี้ไม่รู้ว่าเป็นสายลับที่กองทัพอีกฝ่ายส่งมาสอดแนมบ้านสกุลอินหรือเปล่า รีบจัดการหน่อยก็ดี กันไว้ดีกว่าแก้!”
สายลับ?
แววตาอินเป่ยเกอค่อยๆ นิ่งลง ล่าสุดตงเป่ยเปิดศึกแล้ว เมืองหลวงก็ใช่ว่าสงบ ไม่รู้ว่าเมืองเหลียวเฉิงจะได้รับผลกระทบจากการสู้รบเมื่อใด
พอนึกถึงตรงนี้ เขาก็รีบเก็บความคิดคำนึงไว้ในใจ
อินเป่ยเกอคลายมือตนเองลง แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืนตัวตรง แววตาที่มองกวนหลีอีกครั้ง ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ “ลากออกไป โบย…”
“กรี๊ด!”
อินเป่ยเกอยังไม่ทันพูดจบ พลันได้ยินเสียงร้องตกใจของหัวเหยาหลานดังขึ้นที่ด้านหลัง
“หลิงหลง!”
ปู้หนิงซานที่นั่งดูความคึกคักอยู่อีกด้านก็รีบลุกขึ้นยืน ร้องเสียงเป็นกังวลออกมาเบาๆ ขณะมองไปที่ด้านหลังของอินเป่ยเกอ
หลิงหลง?
อินเป่ยเกอหันควับ ก็เห็นซูหว่านหน้าซีด ล้มลงข้างเก้าอี้
“เสี่ยว…อาสะใภ้สาม!”
‘เสี่ยวหว่าน’ สองคำนี้เกือบหลุดออกจากปาก ดีที่อินเป่ยเกอยังไม่สับสนเรื่องกาลเทศะไปเสียทั้งหมด เขารีบก้าวเข้าไป ช้อนแขนอุ้มซูหว่านขึ้น “ข้าจะพาอาสะใภ้สามไปหาหมอ!”
“เป่ยเกอ!”
เหยาไป๋เซียนที่อยู่อีกด้านคิดรั้งลูกชายตนเองไว้ แต่เสียดายที่อินเป่ยเกอรีบเดินออกไปจนไกลแล้ว เหลือเพียงแผ่นหลังสูงบางไว้ให้ทุกคนมองตาม
แววตาเหยาไป๋เซียนเปลี่ยนเล็กน้อย ขณะมองตามร่างที่จากไปไกลของเขา ส่วนปู้หนิงซานที่อยู่อีกด้านกลับหลุดรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยออกมา…
อืม นางเกือบลืมไปแล้วสิว่า ใบหน้าของหลิงหลงกับเจ้าของเรือนข้างที่ตายไป เหมือนกันมากจริงๆ!
……
อินเป่ยเกออุ้มซูหว่าน รีบเดินออกจากบ้านใหญ่สกุลอิน พอมาถึงประตูใหญ่ ร่างของเขาก็ค่อยๆ หยุดชะงัก
ซูรุ่ยยืนยิ้มตาหยีอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ โดยด้านหลังของเขา ซูหนิงเลิกม่านประตูรถม้าไว้แล้ว
“เป่ยเกอ มอบหลิงหลงให้ข้าก็พอ ลำบากเจ้าแล้ว!”
ซูรุ่ยถือวิสาสะแย่งซูหว่านออกจากอ้อมอกอินเป่ยเกอ โดยไม่รอปฏิกิริยาตอบกลับจากเขา
“อาส...”
อินเป่ยเกออ้าปาก อยากจะพูดอะไร แต่ซูรุ่ยกลับโบกมือให้ “ข้าส่งนางขึ้นรถก่อน มีเรื่องอะไรเดี๋ยวค่อยว่ากัน”
พูดจบซูรุ่ยก็อุ้มซูหว่านอย่างทะนุถนอมขึ้นไปบนรถ จากนั้นก็กำชับเสียงเบากับซูหนิงสองสามประโยค ค่อยวางใจ ลงจากรถ กำชับสารถีให้รีบนำรถม้ากลับไปที่เรือน
พอเห็นรถม้าที่คุ้นเคยค่อยๆ วิ่งจากไปไกล ซูรุ่ยจึงหันมาเหลือบมองอินเป่ยเกอ “พอดีข้ามีเรื่องอยากพูดกับเจ้า”
“อะไรนะขอรับ”
อินเป่ยเกอจ้องมองซูรุ่ยอย่างแปลกใจอยู่บ้าง
หลังจากเปิดใจกันเรื่องตัวตนของซูหว่าน สองหนุ่มก็ไม่ค่อยลงรอยกันเรื่อยมา
ครั้งนี้ พอซูรุ่ยขอคุยกับตนก่อน อินเป่ยเกอย่อมรู้สึกผิดคาดอยู่บ้าง
“มอบกวนหลีให้ข้า แล้วข้าจะบอกความลับเรื่องหนึ่ง”
“กวนหลี?”
พอได้ยินคำพูดของซูรุ่ย อินเป่ยเกอก็หน้าเปลี่ยนสี…
ทำไมอาสามรู้จักกวนหลี
ในความทรงจำของอินเป่ยเกอ ตนรู้จักแต่กวนหลี สาวชาวประมงในหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ที่ช่วยชีวิตตนไว้เมื่อไม่นานมานี้
พอเห็นอินเป่ยเกอมีท่าทางค่อนข้างแปลกใจ แววตาซูรุ่ยก็เปลี่ยนเล็กน้อย “เจ้าไม่ลืมใช่ไหมว่า กวนหลีคือใคร”
“นางเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้ อาสาม อาก็รู้จักนางหรือ”
อินเป่ยเกอจ้องมองซูรุ่ย ในใจยังนึกสงสัยอยู่
“หึ ตอนนี้คนในบ้านสกุลอินมีใครไม่รู้จักนางบ้าง”
ซูรุ่ยมองอินเป่ยเกออย่างมีเลศนัย “อย่าบอกนะว่า เจ้าไม่รู้ว่านางคือใคร”
นาง…
พอได้ยินคำพูดของซูรุ่ย อินเป่ยเกอก็หน้าเปลี่ยนสีทันที “หรือก็คือ…”
“ไม่ผิด ก็คือแพะรับบาปคนนั้น”
ซูรุ่ยก้าวทีละก้าว ไปอยู่ตรงหน้าอินเป่ยเกอ “เจ้าอยากรู้เรื่องซูหว่านมาตลอดมิใช่หรือ เจ้ามอบกวนหลีให้ข้า ข้าก็จะบอกทุกอย่างกับเจ้า”
อินเป่ยเกอลังเลสักพัก “อาสาม ทำไมอาถึงอยากได้ตัวกวนหลีนัก ตอนนี้อาก็เป็นคนมีครอบครัวแล้ว ถ้าอากล้าทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อนาง ข้าจะไม่ปล่อยอาไว้แน่ แม้อาเป็นอาแท้ๆ ของข้า ข้าก็จะไม่ปรานี!”
“หึๆ”
พอได้ยินคำพูดของอินเป่ยเกอ ซูรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ตั้งแต่ต้นจนจบ คนที่ทำร้ายนาง มีแต่เจ้าเท่านั้น”
คำพูดของซูรุ่ย ทำให้อินเป่ยเกอใบ้กิน สัมผัสได้ถึงการดูหมิ่น อีกทั้งแววตาที่เย็นชาของเขา อินเป่ยเกอเงียบไปนาน สุดท้ายยังคงพยักน้า “ได้! ข้าจะให้คนส่งกวนหลีไปที่เรือนอา อาสาม อารู้อะไรบ้าง พูดมาเถอะ”
“เรื่องที่ข้ารู้ มีอยู่ไม่น้อย”
ซูรุ่ยยกมือขึ้นตบบ่าอินเป่ยเกอ “ทำไมหัวเหยาหลานถึงแท้งลูก ซูหว่านตายอย่างไร ซึ่งก็แค่นำลูกไม้เก่าๆ กลับมาใช้ใหม่ ส่วนคนคนนั้น เจ้าน่าจะรู้นะว่า…นางคือใคร!”
ถูกวางยา!
พอได้ยินคำพูดของซูรุ่ย มือทั้งสองข้างของอินเป่ยเกอก็กำแน่น…
ความจริง เขากำลังสงสัยเหยารั่วฟางอยู่ว่า มีเอี่ยวกับการ ‘ตาย’ ของซูหว่าน
เพียงแต่ยังไม่พบหลักฐานที่มีน้ำหนักเท่านั้น
สรุปก็คือ เรื่องของซูหว่านผ่านมานาน พอหมอซุนตายไปก็ไม่มีพยานหลักฐานแล้ว ตอนนี้ถึงอินเป่ยเกออยากตรวจสอบเรื่องราวในตอนนั้นอีกครั้ง ก็ตรวจสอบไม่ได้ แต่…เรื่องของหัวเหยาหลานเพิ่งเกิดขึ้น ถ้าเหยารั่วฟางเป็นคนทำเช่นกันจริงๆ ตนก็น่าจะหาหลักฐานได้!
พอคิดถึงตรงนี้ แววตาของอินเป่ยเกอก็ซับซ้อนขึ้นทันที
เขานึกถึงคำพูดเหล่านั้นที่ซูหว่านเคยพูดกับเขา นางบอกว่า ที่เขาดีกับนาง ล้วนเป็นการทำร้ายนางตลอด
ตอนนั้นอินเป่ยเกอไม่เข้าใจความหมายแฝงในคำพูดของซูหว่าน แต่ตอนนี้เขาเข้าใจหมดแล้ว
ซึ่งตอนนั้นซูหว่านก็รู้อยู่ว่าเหยารั่วฟางเป็นคนทำร้ายนางใช่หรือไม่
โดยตอนนั้นนางรู้ว่า ตัวเองถูกวางยาแล้ว แต่นางไม่ได้บอกตน กลับเลือกเชื่อใจอาสาม...
ซูหว่าน…ในใจท่าน ข้าอินเป่ยเกอไม่มีความน่าเชื่อถือสักนิดจริงๆ หรือ
พอนึกถึงเรื่องเหล่านี้ อินเป่ยเกอก็ได้แต่เจ็บปวดใจ ก้าวผิดไปก้าวเดียว ทุกก้าวก็ผิดหมด เกลียดตัวเองที่ทำผิด ยากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก
……
คืนนั้น กวนหลีที่บาดเจ็บไปทั้งตัว ก็ถูกลู่อันปั๋วส่งมายังเรือนของซูรุ่ย
“ท่านสาม แผลบนตัวนาง ผมปฐมพยาบาลเรียบร้อยแล้ว”
ตอนที่มอบกวนหลีให้ซูรุ่ยนั้น ลู่อันปั๋วเหมือนยังไม่ค่อยไว้วางใจเท่าไหร่ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดแนะนำไปสองสามประโยค
พอเห็นผู้ช่วยลู่มีสีหน้ากังวลใจ ซูรุ่ยก็ยิ้มบางๆ อย่างอดไม่ได้…
เขาเกือบลืมพระรองที่ปิ๊งรักนางเอกตั้งแต่แรกพบคนนี้ไปแล้ว!
ถูกต้อง แรกเริ่มเป็นลู่อันปั๋วที่พาคนไปรับอินเป่ยเกอกลับจากหมู่บ้านชาวประมง ซึ่งเขาก็พบกับกวนหลีตั้งแต่อยู่ในหมู่บ้านชาวประมงแล้ว และยังตกหลุมรักสาวชาวประมงที่ใสซื่อและใจดีคนนี้ตั้งแต่แรกพบอีก
“ลู่อันปั๋ว ถ้าเจ้าไม่วางใจจริงๆ ยินดีต้อนรับเจ้ามาเยี่ยมนางได้ทุกเมื่อ”
พอได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ลู่อันปั๋วก็ตะลึงงัน แล้วจึงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนใจ “ท่านสามล้อเล่นแล้ว เรื่องที่นายพลน้อยไหว้วานมา ข้าทำเสร็จเรียบร้อย ขอตัวกลับก่อนล่ะ!”
ว่าแล้วลู่อันปั๋วก็หันกาย ก้าวยาวๆ ขึ้นหลังม้า ขี่ม้าจากไป หลังจากมองตาม จนทั้งคนทั้งม้าหายไปในความมืด ซูรุ่ยก็หันกาย อุ้มกวนหลีที่สลบไสล ไปมอบให้พ่อบ้านกับมือ “พานางไปที่ห้องรับรองแขก แล้วหาสาวใช้สองคนคอยรับใช้นางก่อน!”
จะอย่างไร กวนหลีก็เป็นน้องสาวของร่างเดิม ซูหว่านต้องการต่อกรกับบ้านสกุลอิน ครั้งนี้นางจึงไม่อยากให้กวนหลีเข้าไปข้องเกี่ยวใดๆ กับคนสกุลอิน…