ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 2 อนุภรรยาขุนศึก (2)
ในฐานะที่เป็นเป้าของลูกกระสุนปืนใหญ่ เจ้าของร่างเดิมของซูหว่านได้เสียชีวิตไปก่อนวันส่งท้ายปีเก่าของปีนี้
วันที่นางจากไปนั้น มีหิมะตกหนัก อินเป่ยเกอกลับมาจากค่ายทหารพร้อมดวงดาวและดวงจันทร์ ก็เพียงเพื่อจะได้พบซูหว่านเป็นครั้งสุดท้าย
ขณะที่นางยังมีชีวิตอยู่ ซูหว่านได้มอบหัวใจของนางให้กับอินเป่ยเกออีกครั้ง และอินเป่ยเกอก็เชื่ออย่างแท้จริงว่านางไม่เคยทรยศต่อเขา และนางก็รักเขาด้วยใจจริงมาโดยตลอด ช่างน่าเสียดายที่ทุกอย่างกลับสายเกินไปเสียแล้ว
หลังการเสียชีวิตของซูหว่าน อินเป่ยเกอก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำสิ่งใดอีกต่อไป มีครั้งหนึ่งระหว่างการต่อสู้กับเหล่าโจรพเนจรที่ออกปล้น อินเป่ยเกอฟุ้งซ่านจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและตกลงไปในทะเล
อินเป่ยเกอแม้จะเกือบตายแต่ก็ยังรอดมาได้ เขาได้รับการช่วยเหลือจากกวนหลีหญิงชาวประมงที่เรียบง่ายและจิตใจดีงาม ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของกวนหลี อาการบาดเจ็บของอินเป่ยเกอก็ค่อยๆ ดีขึ้น แต่เป็นเพราะศีรษะของเขาได้รับการกระทบกระเทือนจึงทำให้เขาสูญเสียความทรงจำส่วนมากไป เขาจำตัวตนของตัวเองไม่ได้ และจำผู้อื่นไม่ได้เลย เขาจำได้เพียงอย่างเดียวว่าเขามีภาพของผู้หนึ่งอยู่ในใจ ภาพนั้นช่างเลือนราง เป็นภาพของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง และสาวน้อยคนนั้นก็ร้องเพลงพื้นบ้านได้ไพเราะมาก
อินเป่ยเกออยู่ในหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ แห่งนี้ต่อไป จนกระทั่งคืนหนึ่งที่เขาตื่นขึ้นมาในกลางดึกและได้ยินเสียงเพลงพื้นบ้านที่แสนคุ้นเคยนั้น อินเป่ยเกอเดินตามเสียงเพลงนั้นไป ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องสว่าง เขาเห็นสาวน้อยยืนร้องเพลงอยู่เบาๆ ที่ริมทะเล
ในวันนั้น กวนหลีสวมชุดสีขาวบางๆ ผมสีดำพลิ้วไสว จ้องมองไปยังชายหาดและร้องเพลงอยู่เบาๆ ในเสียงเพลงนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
เป็นเพลงนี้เอง
อินเป่ยเกอมองไปยังแผ่นหลังของกวนหลีด้วยความมึนงง เงาร่างของนางค่อยๆ ทับซ้อนเข้ากับเงาร่างในหัวใจของเขาอย่างพอดิบพอดี คล้ายคลึงกันมาก ใช่นางหรือไม่
อินเป่ยเกอไม่รู้แน่ชัดว่ากวนหลีจะใช่คนเดียวกับเด็กผู้หญิงที่อยู่ในใจเขาหรือเปล่า แต่นับจากวินาทีนั้นมา กวนหลีในใจเขาก็แตกต่างไปจากคนอื่นแล้ว
ใช่แล้ว กวนหลีก็คือนางเอกของเรื่อง และความจริงแล้วนางเป็นพี่สาวต่างมารดาของซูหว่าน
ในตอนนั้นเถียนเมิ่งหวามารดาผู้ให้กำเนิดซูหว่านก็เกิดในหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ แห่งนี้เช่นกัน ในขณะนั้น เธอ สามี และกวนหลีลูกสาวแรกเกิดของเธอ อาศัยอยู่ในครอบครัวที่ยากจน อยู่มาวันหนึ่งกองเรือของสกุลซูมาที่นี่เพื่อเก็บดอกเบี้ย ใต้เท้าซูก็ตกหลุมรักเถียนเมิ่งหวาตั้งแต่แรกเห็น เถียนเมิ่งหวาที่ปรารถนาเมืองใหญ่และชีวิตที่มั่งคั่งก็เดินทางออกจากหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ แห่งนี้ไป ละทิ้งสามีและลูกสาว กลายเป็นฮูหยินซู หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ให้กำเนิดบุตรสาวแก่ใต้เท้าซู ก็คือซูหว่าน
เมื่อครั้งที่ซูหว่านยังเล็ก เถียนเมิ่งหวาก็แอบคิดถึงบุตรสาวอีกคนของนางเป็นครั้งคราว เมื่อคิดถึงนางขึ้นมา เถียนเมิ่งหวาก็จะร้องเพลงพื้นบ้านที่ตนเองเรียนรู้มาจากหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ แห่งนั้นยามที่นางยังเป็นเด็ก ต่อมาซูหว่านจึงเรียนรู้เพลงนี้ไปโดยปริยาย โดยเฉพาะเมื่อเถียนเมิ่งหวาเสียชีวิตจากไปด้วยความตรอมใจ ซูหว่านก็จะร้องเพลงพื้นบ้านนี้เมื่อนางเหงาในเวลาที่อยู่ต่างบ้านต่างเมือง
และในเวลานั้นเองที่อินเป่ยเกอมักจะได้ฟังซูหว่านร้องเพลง เป็นธรรมดาที่มันจะตราจิตตรึงใจของเขา
จึงพูดได้ว่า ในฐานะที่เป็นเป้าลูกกระสุนปืนใหญ่ การคงอยู่และจากไปของซูหว่าน เป็นเพียงแค่การสร้างตัวละครพระนางขึ้นมาเท่านั้น
หลังจากนั้นสองเดือน อินเป่ยเกอก็ถูกคนสกุลอินพบเข้าและโดนใช้กำลังบังคับกลับไป เนื่องจากตัวตนของอินเป่ยเกอถูกเปิดเผยออกมา หลังจากที่เขากลับไป เป็นผลให้ชาวบ้านในหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ทั้งหมดถูกฆ่าโดยโจรสลัด
กวนหลีรอดพ้นมาจากโศกนาฏกรรมครั้งนั้นได้ นางเข้าใจผิดมาโดยตลอดว่าคนของอินเป่ยเกอฆ่าคนในหมู่บ้าน ดังนั้นนางจึงหลบหนีเข้าไปในเมืองเหลียวเฉิง ปลอมตัวเข้าไปเป็นสาวรับใช้สกุลอิน และรอโอกาสลอบสังหารอินเป่ยเกอเพื่อล้างแค้น
อินเป่ยเกอในยามนี้เองสามารถฟื้นความทรงจำกลับมาได้แล้ว และดูเหมือนว่าเขาจะสูญเสียความทรงจำเกี่ยวกับการมีอยู่ของกวนหลีไป
จนกระทั่งมีการจัดงานเลี้ยงขึ้นในจวนอิน อินเป่ยเกอดื่มจนเมามายแล้ว กวนหลีฉวยโอกาสนี้ลอบสังหารเขา แต่นางกลับโดนลู่อันปั๋วผู้ช่วยของอินเป่ยเกอจับได้คาหนังคาเขา
เรื่องการลอบสังหารของกวนหลี นายพลอินและฮูหยินย่อมโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเป็นธรรมดา เมื่อยึดตามกฎของจวนนานยพลแล้ว นางจะต้องถูกปลิดชีพเท่านั้น เพียงแต่ในคราวนี้อินเป่ยเกอกลับพูดออกมาว่าสนใจในตัวกวนหลีและอยากแต่งนางเข้ามาเป็นอนุภรรยาของเขา
ใช่แล้ว นี่เป็นละครฉากใหญ่ประจำปีที่เกี่ยวข้องกับโศกนาฏกรรมแห่งรักและจริยธรรมของครอบครัวที่เกิดขึ้นในจวนสกุลอิน
และในละครฉากนี้ นอกจากเป้ากระสุนใหญ่อย่างอินเป่ยเย่ว์กับซูหว่านแล้ว ทุกคนในนี้ต่างก็มีบทบาทสำคัญไม่มากก็น้อย…
ความลับและสงครามระหว่างสตรีสกุลอิน การแข่งขันระหว่างเหยารั่วฟังและกวนหลี การต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจระหว่างใต้เท้าทั้งสามของสกุลอิน ความรักและการฆ่าฟันของกวนหลีและอินเป่ยเย่ว์ สรุปแล้วละครเรื่องนี้ช่างน่าตื่นตาตื่นใจเสียจริง
และยังมีการแข่งขันของตัวประกอบชายที่สำคัญอีกสองคนในโลกนี้
คนหนึ่งก็คือลู่อันปั๋วผู้ช่วยของอินเป่ยเกอ เขาตกหลุมรักกวนหลีตั้งแต่แรกเจอ เขาเป็นตัวประกอบชายที่เป็นคนอบอุ่นและมีความรู้สึกลึกซึ้ง ลู่อันปั๋วแอบรักกวนหลีข้างเดียวมาโดยตลอด เป็นห่วงและช่วยเหลือนางอยู่อย่างเงียบๆ จนถึงกระทั่งยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อนางและอินเป่ยเกอ
สำหรับตัวประกอบชายอีกคน ก็คืออินหมิงเยี่ย ท่านสามที่เป็นลูกคุณหนูแห่งสกุลอิน
อินหมิงเยี่ยนอกจากจะเป็นลูกคุณหนูแล้ว เขาเป็นคนประสาทที่เกกมะเหรกเกเรสำมะเลเทเมา ในตอนที่กวนหลีเพิ่งเข้าไปในจวนสกุลอินเป็นครั้งแรก เขามักจะพยายามจับมือถือแขนนาง เมื่อเผชิญหน้ากับการแทะโลมของท่านสามสกุลอิน คนอื่นๆ ต่างก็ทนอยู่อย่างเงียบๆ มีเพียงแค่กวนหลีผู้เดียวเท่านั้นที่กล้าลุกขึ้นต่อต้าน
ยิ่งนางต่อต้านมากเท่าใด ท่านสามสกุลอินก็ยิ่งสนใจมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งนางเป็นเช่นนี้ท่านสามสกุลอินก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาได้พบรักแท้เข้าแล้ว! ส่งผลให้ใต้เท้าลูกคุณหนูอย่างเขา กลายเป็นตัวประกอบชายแบบฮาร์ดคอร์~
ซูหว่านนวดและลูบหัวบริเวณที่ปวดหนึบ ตอนนี้ อินเป่ยเกอนำลู่อันปั๋วไปโจมตีพวกโจรที่นอกเมือง ไม่มีทางกลับมาในเวลาอันสั้น
ดังนั้น ถ้าซูรุ่ยคือลู่อันปั๋วแล้วละก็ แบบนั้นฉันก็ต้องรอเขาอีกสองสามวันสินะ แต่ว่า…ถ้าซูรุ่ยเป็นท่านสามสกุลอินล่ะ
บ้าจริง นี่กลายเป็นละครศีลธรรมใหญ่ประจำปีไปแล้วจริงๆ~
“ท่านสะใภ้ใหญ่!”
ขณะที่ซูหว่านกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่นั้น ทันใดนั้นซูหนิงที่ได้รับคำสั่งให้ออกไปเมื่อก่อนหน้านี้ก็รีบกลับมาในห้องทันที
“ซูหนิง เหตุใดเจ้าจึงกลับมาเร็วเช่นนี้”
ซูหว่านมองซูหนิงด้วยความประหลาดใจ นางเพิ่งบอกให้ซูหนิงออกไปซื้อยาที่ร้ายขายยาใหญ่บนถนนเส้นถัดไป ยายเด็กคนนี้กลับมาเร็วเกินไปแล้วหรือเปล่า
อย่างไรก็ตามจวนสกุลอินนั้นใหญ่มาก และซูหว่านที่อยู่ในฐานะสะใภ้ใหญ่ที่เป็นหม้าย นางสามารถอาศัยอยู่ได้เพียงในเรือนข้างเท่านั้น
เมื่อเดินจากลานด้านข้างนี้ไปยังประตูหลังจวนสกุลอินจะใช้เวลานานมาก
“ท่านสะใภ้ใหญ่ คือว่า…ทะ ท่านสามมาแล้ว!”
น้ำเสียงของซูหนิงในเวลานี้เต็มไปด้วยความสยองขวัญที่ไม่รู้จบ
เดิมทีนางวางแผนจะเดินผ่านประตูหลังตามคำแนะนำของซูหว่าน แต่ใครเลยจะรู้ว่านางจะได้เห็นหน้าที่เต็มไปด้วยความมืดมนของท่านสามก่อนจะได้เดินออกไปจากสวนหลังจวน
ให้ตายสิ ท่านสามใบหน้าของท่านปกติก็แย่และน่ากลัวพออยู่แล้ว ตอนนี้แทบจะทำให้คนกลัวจนฉี่ราดได้เลยไม่ใช่หรือ
จะบอกว่าเจ้านายที่เหล่าสาวใช้ในจวนสกุลอินกลัวที่สุดนั้น หาใช่ฮูหยินใหญ่หรือฮูหยินรองไม่ แต่เป็นท่านสามสกุลอินผู้ยังไม่เคยแต่งงาน!
ท่านสามผู้นี้ ไม่เพียงแต่เป็นชายเจ้าชู้ชื่อดังของเมืองเหลียวเฉิงเท่านั้น แต่เขายังมีเรื่องวิปริตและกลอุบายมากมายอยู่ในมือ ตลอดทั้งปีหญิงสาวแสนดีที่โดนเขาทำลายและฆ่าตายหากไม่ถึงหลักร้อยก็ต้องมีหลักสิบคน
กล่าวโดยสรุปคือ เมื่อท่านสามก้าวย่างออกไปบนถนน แม้แต่แม่ไก่สักตัวบนถนนท่านก็ไม่มีทางได้เห็น~
ในเมืองเหลียวเฉิง ทุกบ้านทุกเรือนที่มีบุตรสาว ในทุกค่ำคืนนั้นต้องป้องกันไฟไหม้ ป้องกันโจรสลัด ป้องกันท่านสาม!
ควรจะกล่าวว่า หลังจากที่ซูหนิงติดตามซูหว่านที่แต่งงานเข้าสกุลอินแล้ว เนื่องจากฐานะอันเป็นเอกลักษณ์พิเศษของซูหว่านทำให้ทั้งสองคนอาศัยอยู่ในเรือนข้างตลอดเวลา ดังนั้น นางจึงมีโอกาสน้อยมากที่จะได้พบเจอท่านสามผู้นี้…
“นำข้าไปพบสะใภ้ใหญ่”
ท่านสามในขณะนั้นออกคำสั่งอย่างเย็นชาโดยไม่แม้แต่จะลืมตาขึ้น เมื่อได้ยินคำพูดของอินหมิงเยี่ย ขาของซูหนิงก็อ่อนลง แต่เมื่อคิดได้ว่านี่คือสกุลอิน อย่างไรเสียคุณหนูของนางก็เป็นสะใภ้ใหญ่ของสกุลอิน และปกติก็ยังมีท่านรองคอยช่วยเหลืออยู่ ถึงแม้ท่านสามคนนี้จะวางแผนล่อลวง ก็คงไม่สามารถทำมิดีมิร้ายนางได้ใช่หรือไม่
ดังนั้น ในท้ายที่สุดซูหนิงจึงกลับมาที่ลานบ้านอย่างว่านอนสอนง่าย
ในขณะนี้ ซูหนิงเข้าไปในห้องด้านหลังและรายงานกับซูหว่านทันทีด้วยความตระหนกตกใจ นางพูดยังไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงเย็นเฉียบดังขึ้นมาจากข้างหลัง “ไสหัวออกไปซะ!”
ซูหนิง “……”
ท่านสะใภ้ใหญ่ ช่วยข้าด้วย!
“พรืด”
ซูหว่านกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ ทันใดนั้นเธอก็ยกมือขึ้นและลูบหลังมือของซูหนิงเพื่อปลอบใจ “ไม่เป็นไร ซูหนิงเจ้าลงไปชงชาก่อนเถอะ ข้าจะคุยกับ…ท่านอาสาม สักหน่อย”