ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 21 อนุภรรยาขุนศึก (21)
พริบตาเดียวก็ปีใหม่อีกแล้ว
เรือนใหญ่สกุลอินในตอนนี้ไร้ซึ่งชีวิตชีวา ตั้งแต่อินเป่ยเกอกับเหยาไป๋เซียนมีปากเสียงกัน อินเป่ยเกอก็ไม่ค่อยได้กลับไปอยู่ในเรือนเก่าอีก ส่วนเหยารั่วฟางก็ย้ายออกมาอยู่ที่เรือนข้างอีกด้านหนึ่งเอง
เหยารั่วฟางคิดตกแล้ว อินเป่ยเกอไม่ได้รักตน ตนในตอนนี้ไม่สามารถมีลูกได้ แม้แต่เหยาไป๋เซียนก็ไม่เหลียวแลตนแล้ว ตนอยู่บ้านสกุลอิน จะไปมีอนาคตอะไร
เมื่อเป็นเช่นนี้ ตนจะแกว่งเท้าหาเสี้ยนอีกทำไม
ตนกลับอยากดูว่าหัวเหยาหลานจะได้รับความเอาใจใส่จากบ้านสกุลอินอีกนานแค่ไหน
และความจริง ก็เป็นดังที่เหยารั่วฟางคาด เนื่องเพราะไม่มีลูก แรกเริ่มหัวเหยาหลานได้รับความเอาใจใส่จากบ้านสกุลอินเป็นอย่างดี อินเป่ยเกอก็ดูแลนางเป็นพิเศษ แต่พอผ่านพ้นปีใหม่ไป และหัวเหยาหลานไม่ตั้งครรภ์เสียที ท่าทีของเหยาไป๋เซียนที่มีต่อนางจึงแย่ลงเรื่อยๆ
ในตอนนี้เอง เรือนใหญ่สกุลอินก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นอีกเรื่องหนึ่ง…
หูฮุ่ยเย่ว์กับนักแสดงงิ้วคนหนึ่งแอบมีความสัมพันธ์กัน โดยไม่นึกว่าจะถูกคนของเหยาไป๋เซียนจับได้คาหนังคาเขา!
นี่ย่อมเป็นความอัปยศของบ้านสกุลอิน เรื่องนี้ทำให้อินซุ่นโกรธมาก นายพลผู้สง่าผ่าเผยนึกไม่ถึงเลยว่าจะถูกนักแสดงงิ้วสวมเขา ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป จะไม่แย่กันไปใหญ่หรือ
ในคืนนั้นเอง นักแสดงงิ้วคนนั้นถูกยิงตาย ส่วนอนุหูถูกสำเร็จโทษด้วยการจับถ่วงน้ำในบ่อน้ำเก่าแก่หลังบ้านสกุลอินจนจมน้ำตาย…
เรื่องนี้ดูเหมือนเป็นแค่เรื่องคบชู้สู่ชายธรรมดา แต่กลับทำให้อินซุ่นได้สติขึ้นมาทันใด ในฐานะนายพล เขายุ่งอยู่แต่งานราชการ บ้านสกุลอินหลังใหญ่ทั้งหลังจึงมอบหมายให้เหยาไป๋เซียนเป็นคนจัดการ ซึ่งเดิมทีอินซุ่นเชื่อมั่นและเชื่อใจเหยาไป๋เซียนมาก แต่ที่ผ่านมา หลังบ้านกลับเกิดเรื่องแล้วเรื่องเล่า และเขากำลังนึกถึงการตายของเป่ยเย่ว์ การตายของซูหว่าน
แต่ละฉากแต่ละตอน เหตุการณ์ไหนบ้างที่เหยาไป๋เซียนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
ขณะที่อินซุ่นกำลังคิดถึงเรื่องบางอย่างในหลังบ้านของตนจนหัวหมุนนั้น การสู้รบทางภาคเหนือในที่สุดก็ลามมาถึงเมืองเหลียวเฉิง ตอนนี้อินซุ่นจึงต้องปล่อยวางเรื่องในบ้านลง แล้วพาอินเป่ยเกอนำทัพออกรบด้วยตัวเอง
การรบในครั้งนี้ กินเวลายาวนานครึ่งปีเต็มๆ รอจนอินซุ่นกับอินเป่ยเกอนำทัพกลับมา ก็เข้าสู่ปลายฤดูร้อนต้นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว
ขณะนั้น สถานการณ์ในเมืองเหลียวเฉิงยุ่งวุ่นวายไปทั่ว ผู้คนยุ่งอยู่กับการตักตวงผลประโยชน์ แต่ละโรงเก็บสุราอาหารล้วนยุ่งจนปลีกตัวไม่ได้ ธุรกิจบ้านสกุลอินก็มีไม่น้อย แต่อินเฉิงมั่วเป็นคนจัดการทั้งหมดมาตลอด ปีนี้ช่วงนี้ เนื่องจากการขยายตัวของสงคราม อินเฉิงมั่วอยู่ต่างเมือง ไม่มีเวลารีบรุดกลับมา อินซุ่นไม่มีทางเลือก จึงได้แต่มอบหมายกิจการทั้งหมดให้ซูรุ่ยบริหารจัดการ
ซึ่งเดิมทีนั้น เขาไม่ได้หวังอะไรเท่าไหร่ นึกไม่ถึงว่าน้องสามของตนจะจัดการเรื่องทั้งหมดได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ดีกว่าอินเฉิงมั่วเสียอีก!
หรือน้องสามของตนคิดได้แล้วจริงๆ อืม อาจเป็นเพราะอยู่กับเสวี่ยหลิงหลงมานาน เลยเรียนรู้ความฉลาดเฉลียวจากนางมา
“พี่ใหญ่ อันที่จริงกิจการในบ้านเหล่านี้ ต่อไปข้ากับหลิงหลิงช่วยพวกพี่จัดการได้นะ”
ซูรุ่ยมิได้พูดให้ชัดเจน แต่อินซุ่นเป็นคนฉลาด ความคิดจิตใจของเจ้ารองกับภรรยาตลอดสองสามปีที่ผ่านมา มีหรือที่เขาจะไม่รู้
เมื่อเทียบกับอินเฉิงมั่วที่ปีกกล้าขาแข็งแล้ว ลูกคุณหนูอย่างซูรุ่ยย่อมเป็นภัยน้อยกว่ามาก
“ฮ่าๆ”
อินซุ่นหัวเราะร่าพลางตบบ่าซูรุ่ยเบาๆ “เจ้าสาม ตอนที่พี่รองเจ้าไม่อยู่ ก็ต้องพึ่งเจ้าแล้ว!”
“คำกำชับของพี่ใหญ่ หมิงเยี่ยไหนเลยจะกล้าขัด พี่ใหญ่สู้รบที่แนวหน้ามานาน ต้องอ่อนล้ามากแน่ แบบนี้ดีไหม ข้าให้หลิงหลงหานักร้องมาร้องเพลงให้พี่ฟังในจวน ผ่อนคลายความเครียด”
ซูรุ่ยหลุบตาแล้วเหล่มองอินซุ่นอย่างรู้ทัน ก่อนพูดลองใจเนียนๆ
พอได้ยินคำพูดของซูรุ่ย อินซุ่นก็อึ้งเล็กน้อย พลันนึกถึงไป๋เยียนเสวี่ยในหอหลิงหลงขึ้นมา สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม อยู่ในโอวาท แถมยังร้องเพลงเต้นรำเก่งคนนั้น เมื่อก่อนเป็นเพราะความแข็งกร้าวของเหยาไป๋เซียน ตนจึงมิได้พูดเรื่องแต่งอนุเรื่อยมา ตอนนี้ หลังจากหูฮุ่ยเย่ว์ตายไป หลังบ้านก็โหลงเหลง นายพลผู้สง่าผ่าเผย กระทั่งอนุก็ไม่มี ชีวิตนี้ยังจะมีความสุขอะไรอีก
“หมิงเยี่ย แม่นางไป๋ยังอยู่ที่หอหลิงหลงหรือเปล่า ข้าอยากแต่งนางเข้าจวน เจ้าคิดว่าอย่างไร”
“เป็นเรื่องดีอยู่แล้วขอรับ! เมื่อสองสามเดือนก่อนพี่รองก็เพิ่งแต่งซิ่วอู่เข้ามา ตอนนั้นพี่สะใภ้รองยังดีใจเอามากๆ ข้ารู้สึกว่าพี่สะใภ้ใหญ่เป็นคนมีเหตุมีผลคนหนึ่ง นางย่อมอยากให้พี่ใหญ่มีความสุขเช่นกัน อย่างไรเสียพี่ใหญ่ก็เป็นถึงนายพลของเมือง หลังบ้านมีผู้หญิงไม่กี่คนได้อย่างไรกัน คนที่ไม่รู้เรื่อง ยังนึกว่าพี่…กลัวเมีย!”
“ไร้สาระ!”
พอได้ยินคำพูดของซูรุ่ย อินซุ่นก็เลิกคิ้ว “ข้าจะกลัวเหยาไป๋เซียนได้อย่างไร ก็แค่เห็นแก่สถานะสามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันมานาน กับเห็นแก่หน้าสกุลเหยาเท่านั้น!”
บ้านสกุลเหยาแม้ไม่ได้อยู่ในเมืองเหลียวเฉิง แต่ก็เป็นเศรษฐีบ้านนอกของอีกเมืองหนึ่ง การรุ่งเรืองขึ้นของพี่น้องสกุลอินในตอนนั้น เป็นไปไม่ได้ถ้าปราศจากความช่วยเหลือจากสกุลเหยา
หาไม่แล้ว เหยาไป๋เซียนคงไม่ได้ปิดท้องฟ้าด้วยมือเดียวในเรือนใหญ่สกุลอินมานานหลายปีหรอก
……
พอรู้ว่าอินซุ่นคิดจะแต่งอนุ และคนที่เขาจะพาเข้าจวนเป็นคนของหอหลิงหลงอีก เหยาไป๋เซียนก็รู้สึกทันทีว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง…
อนุของเป่ยเกอเป็นคนของหอหลิงหลง
อนุของเฉิงมั่ว ก็เป็นคนของหอหลิงหลง
ฮูหยินของเจ้าสามเป็นเถ้าแก่เนี้ยหอหลิงหลง และตอนนี้ ท่านนายพลยังจะแต่งคนของหอหลิงหลงมาเป็นอนุอีก นี่ไม่จงใจไปหน่อยหรือ
เสวี่ยหลิงหลง…
พอนึกถึงใบหน้านั่น เหยาไป๋เซียนก็หงุดหงิดใจยิ่ง
คืนนั้น เหยาไป๋เซียนจึงจัดการต้มน้ำซุปโสมให้อินซุ่นด้วยตัวเอง แล้วยกไปให้เขาที่ห้องหนังสือ
“ท่านพี่ เรื่องที่ท่านพี่ว่ามา ข้าคิดดูแล้ว ถ้าท่านพี่จะแต่งอนุ ข้าไม่ขัดข้อง แต่…ต้องไม่ใช่คนของหอหลิงหลง ข้าช่วยท่านพี่คัดสรรจากสาวๆ ที่เลือกมาได้ หรือไม่ ท่านพี่เห็นว่าเจินหลานเป็นเช่นไร”
เจินหลาน?
พอได้ยินคำพูดของเหยาไป๋เซียน เจินหลานที่อยู่ด้านหลังของนางก็ตัวแข็งทื่อ รีบก้มหน้าที่ซีดขาวลง
ส่วนอินซุ่นที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะหนังสือ เงยหน้าขึ้นมองเหยาไป๋เซียนอย่างเย็นชา “ในบ้านหลังนี้ ข้าเป็นคนตัดสินใจ หรือเจ้าเป็นคนตัดสินใจกันแน่”
“ท่านพี่ย่อมเป็นคนตัดสินใจ”
เหยาไป๋เซียนยิ้มพลางพูดอย่างอ่อนโยน “มาเจ้าค่ะ ท่านพี่ อยากดื่มซุปโสมแล้วใช่ไหมเจ้าคะ!”
ว่าพลางนางก็ย้ายซุปโสมมาวางตรงหน้าอินซุ่น
“ข้าไม่ดื่ม!”
อินซุ่นยกมือปัดถ้วยซุปที่มีควันลอยฉุยๆ คว่ำลง น้ำซุปร้อนๆ กระเด็นถูกหลังมือของเหยาไป๋เซียน “เหยาไป๋เซียน เจ้ามักพูดว่าปู้หนิงซานของเจ้ารองทั้งเจ้าเล่ห์และขี้อิจฉา แล้วตัวเจ้าเองล่ะ คนเขายังรู้จักเอาใจสามี หาคนที่ละเอียดอ่อนและปรนนิบัติเก่งๆ มาให้ เหยาไป๋เซียน หลายปีมานี้ ข้าอินซุ่นปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไร เรื่องหลังบ้านเหล่านั้น การแต่งงานของเป่ยเกอกับเป่ยเย่ว์ เรื่องแย่ๆ ของเหยารั่วฟาง ข้าเคยถือสาหาความเจ้าไหม ตอนนี้ข้าแค่อยากแต่งอนุ เจ้ากลับมาอ้างโน่นอ้างนี่แบบนี้ หมายความว่าอะไรกันแน่”
พอได้ยินคำพูดของอินซุ่น แววตาของเหยาไป๋เซียนก็มืดมนลง ขณะจ้องมองหลังมือที่แดงไปหมดของตน “ท่านพี่ สมัยหนุ่มๆ ท่านพี่แต่งอนุ ข้าเคยขวางหรือ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน คนของหอหลิงหลงมีปัญหา! สรุปก็คือ ข้าจะไม่ปล่อยให้ท่านพี่แต่งคนของหอหลิงหลงเข้าบ้านสกุลอิน!”
“หึ”
พอได้ยินคำพูดของเหยาไป๋เซียน อินซุ่นก็ยิ้มเย็นชาเช่นกัน “แต่ข้าจะแต่งเสียอย่าง และไม่แต่งอนุแล้ว แต่งฮูหยินคนที่สองเลย! ข้ายังจะจัดงานเลี้ยงในเมืองเหลียวเฉิงให้ใหญ่โตอีกด้วย!”
“ท่านพี่…อินซุ่น พี่ทำกับข้าแบบนี้ ไม่รู้สึกละอายใจหรือ”
พอได้ยินคำพูดของอินซุ่น สีหน้าของเหยาไป๋เซียนก็เปลี่ยนในที่สุด
“ละอายใจ? เจ้ากับข้าใครต้องละอายใจกว่ากัน ย่อมรู้อยู่แก่ใจตัวเอง!”
อินซุ่นไม่คิดจะอดทนกับเหยาไป๋เซียนอีกต่อไป เป็นสามีภรรยากันมายี่สิบกว่าปี หากพูดถึงเรื่องความรัก หลายปีมานี้ อาจเสื่อมคลายลงจนใกล้จะหมดเต็มที…
ต้นเดือนสิบ อินซุ่นก็แต่งไป๋เยียนเสวี่ยเข้ามาเป็นฮูหยินคนที่สอง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลังบ้านสกุลอินก็กลายเป็นสมรภูมิอันโหดร้ายอีกครั้ง…