ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 23 อนุภรรยาขุนศึก (ปัจฉิมบท)
ฮูหยินใหญ่สกุลอินถูกกระทบกระเทือนอารมณ์มากเกินไปจนเสียสติ
ข่าวนี้ค่อยๆ แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเหลียวเฉิง คนในบ้านสกุลอินล้วนไม่กล้าเข้าใกล้ห้องของเหยาไป๋เซียน ยกเว้นแม่ครัวอายุมาก ที่ต้องส่งอาหารให้นางตามเวลาทุกวัน ตามที่แม่ครัวบอก เหยาไป๋เซียนตะโกนเรียกชื่อสะใภ้ใหญ่ที่ตายไปแล้วทุกวัน แถมยังบอกอีกว่า นายหญิงสามก็คือสะใภ้ใหญ่ นางกลับมาล้างแค้นสกุลอิน
กับคำพูดบ้าๆ บอๆ แบบนี้ ย่อมไม่มีใครเชื่อ ส่วนอินเป่ยเกอ ผู้รู้ความจริงเพียงคนเดียวนั้น รู้มานานแล้วว่า แม่ของตนมีอคติกับซูหว่าน จึงไม่นำคำพูดของเหยาไป๋เซียนมาใส่ใจ
เช่นนี้ อำนาจใหญ่ในหลังบ้านสกุลอินทั้งหมด สุดท้ายจึงค่อยๆ ตกอยู่ในกำมือของไป๋เยียนเสวี่ย นางจัดการคนที่ไม่เห็นด้วยอย่างไม่กะพริบตา จึงกำจัดทุกคนที่ขวางทางได้หมดในเวลาอันสั้น และพอไป๋เยียนเสวี่ยรู้สึกว่าอินซุ่นค่อนข้างเบื่อตนเองแล้ว ก็เริ่มให้เขาแต่งอนุเข้าบ้านไม่หยุด
ดังคำที่ว่า หมกมุ่นในตัณหาราคะ คือบ่อเกิดแห่งหายนะ อินซุ่นถูกไป่เยี่ยนเสวี่ยป้อนยาบำรุงให้ทานไม่น้อย ทำให้เสพสมกับเหล่าอนุอย่างคึกคะนอง ร่างกายจึงค่อยๆ ทรุดโทรมลง
ตอนนี้ ทุกอย่างสุกงอมแล้ว ซูหว่านจึงแอบติดต่อกับสามีภรรยาอินเฉิงมั่วทันที เตรียมแย่งชิงอำนาจ
สองปีมานี้ อินเฉิงมั่วใช้ทรัพย์สินของตน จัดตั้งกองทัพส่วนตัวขึ้นกองหนึ่ง ฉวยโอกาสขณะที่อินเป่ยเกอนำทหารออกไปรบกับกองทัพเมืองอิ๋งเฉิง พาคนบุกเข้าไปในจวนนายพล ชิงตำแหน่งนายพลมาเป็นของตน
เรื่องพี่น้องฆ่ากันเอง ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เดิมทีอินเฉิงมั่ววางแผนมาแย่งอำนาจเท่านั้น ไม่คิดทำอะไรอินซุ่น แต่ซูรุ่ยย่อมให้ปล่อยให้เรื่องจบลงอย่างง่ายดายเช่นนี้
ขณะที่อินเฉิงมั่วแย่งอำนาจสำเร็จ และเตรียมกักบริเวณอินซุ่นนั้น ซูรุ่ยก็ส่งคนเข้าไปลอบสังหารอินซุ่นทันที…
เรื่องอินเฉิงมั่วฆ่าพี่ชายแล้วยึดอำนาจ พลันสร้างความโกลาหลไปทั่วทั้งเมืองเหลียวเฉิง
อินเฉิงมั่วอย่างไรก็เป็นเพียงพ่อค้าคนหนึ่ง เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ปัจจุบันทันด่วนเช่นนี้ คนทั้งคนก็มืดบอดสนิท โชคดีที่ยังมีซูรุ่ยและซู่หว่านอยู่ด้านข้าง คอย ‘ให้คำปรึกษา’ กับเขา
จวบจนอินเป่ยเกอนำทัพใหญ่มาประชิดเมือง อินเฉิงมั่วค่อยดันภรรยาทั้งสองคนของอินเป่ยเกอ เหยารั่วฟางกับหัวเหยาหลานขึ้นเป็นตัวประกัน
“เป่ยเกอ อารองไม่คิดจะทำแบบนี้กับแกเลย เมียแกทั้งสองคนล้วนอยู่ที่นี่ อีกอย่าง หัวเหยาหลานก็ใกล้คลอดเต็มที! แกจะได้เป็นพ่อคนแล้ว!”
เมีย ลูก
ขณะเผชิญหน้ากับคนใกล้ชิดที่สุดของตน อินเป่ยเกอลังเลใจแล้ว
สุดท้าย เพื่อความปลอดภัยของเมียและลูก เขาจึงต้องประนีประนอมกับอินเฉิงมั่วชั่วคราว
พอยึดอาวุธและรับกองทัพของอินเป่ยเกอเข้ามาเรียบร้อย อินเฉิงมั่วค่อยวางใจให้อินเป่ยเกอกลับเข้าเรือน
ใหญ่สกุลอินในเมือง
จวนนายพล ยามวิกาล
“ท่านนายพล เชื่อใจในตัวอินเป่ยเกอจริงๆ หรือ” เยี่ยนซิ่วอู่บีบนวดบริเวณไหล่ให้อินเฉิงอู่ พลางกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูเขา “ถ้าไม่ตัดรากถอนโคน ลมฤดูใบไม้ผลิพัดมา มันจะงอกใหม่ได้ ท่านนายพล ท่านต้องคิดให้รอบคอบนะ!”
ตัดรากถอนโคน?
พอได้ยินคำพูดของเยี่ยนซิ่วอู่ อินเฉิงมั่วก็หน้าเปลี่ยนสี การตายของพี่ใหญ่ไม่เกี่ยวกับเขาจริงๆ แต่คนทั้งเมืองเหลียวเฉิงล้วนคิดว่าเขาเป็นคนทำ แล้วอินเป่ยเกอจะปล่อยตนจริงหรือ
แม้รับคนของเขาไว้แล้ว แต่ตนกล้าวางใจใช้คนเหล่านั้นจริงหรือ
พอนึกถึงตรงนี้ แววตาของอินเฉิงมั่วก็มืดมนลงทันที…
ไม่ร้ายไม่ใช่สามีฉันใด คนทำเรื่องใหญ่ไยต้องกลัวรายละเอียดปลีกย่อยด้วย
หนึ่งเดือนให้หลัง หัวเหยาหลานก็คลอดลูกชายให้บ้านสกุลอินได้อย่างราบรื่น และตั้งชื่อว่า อินเฉิงจื้อ
หลังจากเด็กเกิดได้หนึ่งเดือน อินเฉิงมั่วกับปู้หนิงซานก็จัดงานเลี้ยงครบเดือนให้เด็กอย่างใหญ่โต ในงานมีแขกชั้นสูงของเมืองเหลียวเฉิงมากันมากมาย กระทั่งบ้านสกุลเหยาที่อยู่ต่างถิ่น ก็ยังส่งคนมาโดยเฉพาะ
แต่แล้ว งานเลี้ยงอาหารค่ำในครั้งนี้ พลันมีมือสังหารปรากฏตัวขึ้นจำนวนมาก คนเหล่านี้ย่อมเป็นคนที่อินเป่ยเกอกับคนสกุลเหยาเตรียมพร้อมไว้แต่แรก เพื่อทำการสังหารอินเฉิงมั่วที่ไม่ทันตั้งตัว
ซึ่งเดิมที อินเฉิงมั่วคิดหาคนมาสังหารอินเป่ยเกอในงานเลี้ยง นึกไม่ถึงว่าตนเองกลับต้องมาตายก่อน จากกระสุนที่ยิงโต้ตอบกันไปมา
ในห้องโถงใหญ่เต็มไปด้วยโลหิต ขณะมองดูศพสองสามีภรรยาอินเฉิงมั่วกับปู้หนิงซาน อินเป่ยเกอก็ค่อยๆ ยกมือขึ้นบังสายตาของหัวเหยาหลาน “เหยาหลาน คุณอย่าดูเลย พาลูกกลับห้องเถอะ”
“นายพลน้อย”
พอได้ยินคำพูดของอินเป่ยเกอ หัวเหยาหลานก็ลังเลสักพัก “ซิ่วอู่ล่ะ นายพลน้อยอย่าทำอะไรนางนะ นางไม่รู้อะไรเลย”
“ข้ารู้”
อินเป่ยเกอพยักหน้า แล้วจึงหันกายก้าวยาวๆ ออกจากห้องโถงใหญ่ คบไฟส่องสว่างในเรือน ลู่อันปั๋วนำกำลังคนกลุ่มหนึ่งมาสมทบ โดยมีซูรุ่ย ซูหว่าน และ…เยี่ยนซิ่วอู่อยู่ข้างกาย!
“ครั้งนี้ต้องขอบคุณท่านอาสาม อาสะใภ้สาม รวมทั้ง…แม่นางซิ่วอู่แล้ว!”
พอได้ยินคำพูดของอินเป่ยเกอ เยี่ยนซิ่วอู่เพียงโค้งคารวะ ส่วนซูรุ่ยที่อยู่อีกด้านยิ้มบางๆ แล้วว่า “เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก การตายของพี่ใหญ่ข้าทำอะไรไม่ได้ และข้าก็ไม่อยากยืนดูพี่รองฆ่าเจ้าตายโดยที่ไม่ทำอะไรอีก เป่ยเกอ ล้างแค้นกันไปมาแบบนี้เมื่อไหร่จะจบสิ้น อย่าทำอะไรเป่ยเยี่ยกับเป่ยเหยียนเด็ดขาด!”
พอได้ยินคำพูดของซูรุ่ย อินเป่ยเกอก็พยักหน้า “ข้ารู้ว่าควรทำอย่างไร มืดค่ำลมแรง อาสาม อาพาอาสะใภ้สามกลับไปก่อนดีกว่า นาง สุขภาพไม่ค่อยดี”
ซูหว่านไม่ได้พูดจาอะไรตั้งแต่ต้น แต่อินเป่ยเกอกลับไม่เคยละสายตาไปจากนางเลย
เขาลืมคำพูดที่เยี่ยนซิ่วอู่พูดขณะเข้าพบเขาเป็นการส่วนตัวเมื่อคืนก่อนไม่ลง…
พี่หลิงหลงมีพระคุณกับซิ่วอู่ เพื่อพี่หลิงหลงแล้ว ซิ่วอู่ยอมเสี่ยงอันตรายมาบอกข่าวนี้กับนายพลน้อย
ความจริงแล้วชีวิตนาง…ดุจตะเกียงน้ำมันใกล้หมดแต่แรก เรื่องนี้ท่านสามก็รู้ ตัวนางเองก็รู้เช่นกัน
นายพลน้อย ถ้าในใจคุณยังมีนางอยู่จริงๆ ก็ปล่อยให้นางจากไปอย่างสงบเถิด
จวบจนนาทีนั้น อินเป่ยเกอค่อยรู้ว่า ที่แท้ซูหว่านมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
เขาอยากกอดนางไว้จริงๆ แต่ทำไม่ได้ จึงได้แต่เฝ้ามองนางจากระยะไกล มองดูนางยืนเคียงข้างผู้ชายอีกคน ควงแขนผู้ชายอีกคน
เป็นเพราะเขาเลือกที่จะปล่อยนางไปแต่แรกเอง ทุกอย่างในตอนนี้ คือการลงโทษจากสวรรค์…
หลังจากอินเฉิงมั่วเสียชีวิต อินเป่ยเกอก็จัดระเบียบเมืองเหลียวเฉิงใหม่ สกุลอินค่อยๆ กลับมามีบารมีดังเดิม ทั้งหมดทั้งมวลเหมือนกำลังพัฒนาไปในทางที่ดี แต่เป็นเช่นนี้จริงหรือ
ตอนอินเฉิงจื้อครึ่งขวบ ส่งเสียงพูดอ้อแอ้ได้ ซูหว่านก็ตั้งใจอุ้มไปที่ห้องของเหยาไป๋เซียน ตอนนี้ที่ที่เหยาไป๋เซียนอยู่ ดีกว่าที่เดิมมาก อินเป่ยเกอยังคงระลึกถึงความผูกพันของแม่กับลูก เพียงแต่ตอนนี้พิษซึมเข้าร่างมาก เหยาไป๋เซียนจึงพูดไม่ได้อีก
“พี่สะใภ้ใหญ่ ข้ามาเยี่ยมอีกแล้ว”
ตอนที่ซูหว่านอุ้มเด็กเดินเข้ามานั้น เหยาไป๋เซียนที่อยู่บนเตียงเพิ่งกินข้าวอิ่ม พอเห็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มของซูหว่าน แววตาของเหยาไป๋เซียนก็ดุร้ายขึ้นทันที
“พี่สะใภ้ใหญ่ยังสติแจ่มใสดีนี่! ดูสิข้าพาใครมาเยี่ยม”
ซูหว่านยื่นเด็กในอ้อมอกไปข้างหน้า พอเห็นหลานตนเอง แววตาของเหยาไป๋เซียนก็มีความสุขขึ้นวาบ ก่อนหันมองซูหว่านอย่างหวาดระแวง
“ทำไม กลัวว่าข้าจะทำอันตรายหลานของท่านหรือ”
ซูหว่านยิ้มน้อยๆ พลางคลายมือข้างหนึ่งลง “ท่านว่า ถ้าตอนนี้ข้าคลายมือทั้งสองข้างลง เขาจะตกลงไปตายไหม อืม อย่างมากก็แค่พิการ”
“อู้ อู้อี้”
เหยาไป๋เซียนพยายามตะโกนร้อง เสียดายที่อย่างไรก็ไม่มีเสียงดังออกมา
“ฮ่าๆ”
ขณะมองดูสภาพของนาง ซูหว่านก็อดหัวเราะออกมาดังๆ ไม่ได้ “ไม่ต้องเครียด ข้าไม่นำชีวิตลูกคนอื่นมาสนองตอบความต้องการของตัวเองหรอก อีกอย่าง…ท่านน่าจะยังไม่รู้”
ซูหว่านวางเด็กไว้ด้านหนึ่ง แล้วจึงเข้ากระซิบที่ข้างหูเหยาไป๋เซียน “เด็กคนนี้น่ะ จริงๆ แล้วไม่ใช่ของอินเป่ยเกอหรอก!”
อะ อะไรนะ
พอได้ยินคำพูดของซูหว่าน เหยาไป๋เซียนก็ถลึงตามอง ตะลึงงันอยู่อย่างนั้น
“ไม่เชื่อใช่ไหม งั้นข้าบอกความลับอีกอย่างให้”
รอยยิ้มที่มุมปากของซูหว่านลึกขึ้นเรื่อยๆ “ลูกชายท่านชั่วชีวิตนี้จะไม่มีวันมีทายาทได้อีก บ้านสกุลอินของพวกท่านน่ะ ไร้ผู้สืบสกุลแล้ว”
ว่าพลางซูหว่านก็ล้วงหญ้าสมุนไพรตากแห้งออกมาจากอกเสื้อต้นหนึ่ง แกว่งไปมาอยู่ตรงหน้าเหยาไป๋เซียน “เจ้าสิ่งนี้ไง ที่พกติดตัวหลายปีแล้วทำให้ผู้ชายเป็นหมันน่ะ ตอนนั้นข้านำสิ่งเหล่านี้บดเป็นผง มอบให้อินเป่ยเกอ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังพกติดตัวอยู่ ลุ่มหลงในความรักเสียจริง ช่างเป็นคนที่ลุ่มหลงในความรักอะไรเช่นนี้!”
พอได้ยินคำพูดของซูหว่าน ดวงตาทั้งสองข้างของเหยาไป๋เซียนก็แดงก่ำ นางโกรธและอาฆาตแค้น แต่กลับทำอะไรไม่ได้
“เหยาไป๋เซียน เมล็ดพันธุ์ที่ท่านเพาะไว้ในวันนั้น วันนี้ก็ปล่อยให้ลูกชายท่านลิ้มรสความขมของมันไปเถิด ข้าจะให้เขาเลี้ยงลูกแทนคนอื่นไปชั่วชีวิต แถมในใจยังห่วงหาอาวรณ์ผู้หญิงที่ไม่มีวันเป็นของเขาตลอดไปอีก ท่านว่าชีวิตเขาน่าเศร้าไหมล่ะ น่าขันไหมล่ะ”
“อู้ อู้อี้…”
ร่างกายที่อยู่บนเตียงของเหยาไป๋เซียนกระตุกอย่างแรงสองสามครั้ง จากนั้นพลันกระอักโลหิตออกมาหนึ่งคำใหญ่ โลหิตเหล่านี้กระเด็นโดนชุดกี่เพ้าของซูหว่าน
ซูหว่านมิได้หลบเลี่ยง นางมองดูเหยาไป๋เซียนถอนหายใจเฮือกสุดท้ายตรงหน้าตนเอง
ความจริง ภารกิจในโลกใบนี้ได้สำเร็จลุล่วงลงอย่างดีที่สุดแล้ว ตอนที่ซูหว่านมาถึง กระทั่งพระนางก็ยังไม่ได้พบเจอกัน ทำให้นางมีวิธีมากเหลือเกินที่จะทำภารกิจให้สำเร็จ จึงพักอยู่ที่นี่มาตลอด อาจเป็นเพราะในใจส่วนหนึ่งรู้สึกถึงความอยุติธรรม
มีแต่คนที่เคยถูกบีบให้ไปตายในสงครามที่ไม่เป็นธรรมจริงๆ ถึงจะเข้าใจจิตใจที่ไม่ยินยอมแบบนั้น
ร่างเดิมไม่เคยทำอะไรผิด แต่กลับต้องตกอยู่ในสภาพที่น่าเวทนาเช่นนั้น
อีกทั้งในโลกเดิม ก็จบที่อินเป่ยเกอกับกวนหลีอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข สุดท้ายเหยาไป๋เซียนยังสามารถเปลี่ยนตัวเอง ประพฤติตัวเป็นคนใหม่ได้อีก
เป็นเพราะรัศมีของนางเอก ทำให้เหยาไป๋เซียนซาบซึ้งใจหรือ
ทว่าซูหว่านรับบทสรุปแบบนี้ไม่ได้ ต่อให้เหยาไป๋เซียนเปลี่ยนเป็นคนใหม่ได้ แล้วคนที่เคยถูกนางข่มเหงรังแก จะตายตาหลับหรือ
คนอย่างเหยาไป๋เซียน ซูหว่านไม่คิดไว้ชีวิต ไม่สามารถไว้ชีวิตได้
สำหรับทุกสิ่งอย่างที่ร่างเดิมพานพบประสบมา นอกจากซูหว่านแล้ว ยังมีใครเกิดความรู้สึกร่วมได้อีก
ท่านไม่ใช่นาง ดังนั้น อย่าลืมตัว ฟันธงว่าท่านรู้ในความทุกข์ของนางดี ท่านไม่รู้หรอกว่า นอกจากนางเองแล้ว ไม่มีใครรู้หรอกว่าความทุกข์แบบนั้นมีรสชาติอย่างไร…
การตายของเหยาไป๋เซียนไม่ได้ทำให้บ้านสกุลอินเกิดความปั่นป่วนมากนัก หลังจากเหยาไป๋เซียนตาย ซูหว่านกับซูรุ่ยก็ไปจากเมืองเหลียวเฉิง ขณะจากเมืองเหลียวเฉิงไป ยังพากวนหลีไปด้วย
กวนหลีในตอนนี้ รู้มานานแล้วว่าตนเข้าใจอินเป่ยเกอผิด จากคำอธิบายของซูรุ่ย จึงเลิกล้มความคิดอันน่าขันที่จะไปลอบสังหารอินเป่ยเกอ
และซูหว่านก็ยังเล่าประสบการณ์ชีวิตของตนให้กวนหลีฟังอีก พอคนใสซื่อบริสุทธิ์อยู่แต่เดิมอย่างกวนหลีรู้ว่าซูหว่านเป็นน้องสาวตนเอง ย่อมยินยอมอยู่กับซูหว่าน และไปจากเมืองเหลียวเฉิง ที่ที่มีแต่ความวุ่นวาย พร้อมกับนาง…
หลังจากซูหว่านกับซูรุ่ยไปได้ไม่นาน ร้านรวงของสกุลอินก็เริ่มเกิดปัญหาขึ้นไม่หยุดหย่อน ด้วยเงินทองในทุกๆ ร้านถูกซูรุ่ยยักย้ายถ่ายโอนไปจนเกลี้ยง สิ่งที่เหลือไว้ให้อินเป่ยเกอ ก็มีแต่เรื่องยุ่งวุ่นวาย
อินเป่ยเกอต้องใช้เวลา กำลังคน และกำลังทรัพย์มากมาย ในการทำให้ธุรกิจเหล่านั้นของสกุลอินมีเสถียรภาพ ไม่ง่ายเลยกว่าที่เขาจะจัดการทุกอย่างจนเสร็จสิ้น แต่สกุลอินยังไม่ทันฟื้นคืนบารมี จู่ๆ อินเป่ยเชาก็กลับบ้านเกิด
อัจฉริยะทางการเงินผู้กลับจากต่างแดน เขา กลับมาเพื่อล้างแค้นผู้ฆ่าแม่!
หลังกลับบ้านเกิด อินเป่ยเชาได้ตามหาอินเป่ยเยี่ยกับอินเป่ยเหยียนที่แยกออกไปอยู่ข้างนอกจนเจอ ทั้งสามรวมตัวกัน เป้าหมายคือทำลายสกุลอินและสกุลเหยา
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพี่น้องในอดีต อินเป่ยเกอยอมถอยให้ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาอยากเปลี่ยนจากสงครามเป็นสันติภาพมาก แต่ขณะนั้น พวกอินเป่ยเชาได้รับการสนับสนุนจากขุนศึกในเมืองหลวงกะทันหัน สถานการณ์ของทั้งสองฝ่ายจึงพลิกผันอย่างน่าตกใจในทันที
ขุนศึกแห่งยุค สกุลอินที่ยิ่งใหญ่ เดิมทีเป็นตระกูลเฟื่องฟู ครอบครัวสมานฉันท์ เสียดายสุดท้ายกลับต้องมาเข่นฆ่ากันเอง นำไปสู่จุดจบที่น่าเศร้า…
หลายปีต่อมา สกุลอินพ่ายแพ้ เมืองเหลียวเฉิงตกเป็นของผู้อื่น เหยารั่วฟางกับสกุลเหยาก็ไม่มีแล้วเช่นกัน เหลือเพียงอินเป่ยเกอตัวคนเดียว
โดยหัวเหยาหลานได้หอบลูกไปพึ่งใบบุญของเถ้าแก่หวงตั้งแต่เมื่อสองสามปีก่อนแล้ว ที่แท้คนผู้นี้ก็คือพ่อที่แท้จริงของเด็ก
อินเป่ยเกอพลันรู้สึกว่า ชีวิตของตนเหมือนเรื่องตลกฉากหนึ่ง
ในค่ำคืนหิมะโปรยปราย เขาหดตัวอยู่ในห้องพักซอมซ่อ ค่อยๆ ล้วงถุงผ้าแพรที่ซูหว่านเคยให้ไว้ออกมาดูแล้วดูอีก เขายิ้มน้อยๆ พลางหลับตาลง…
ชั่วชีวิตนี้ เขาไม่มีโอกาสรู้แล้วว่า เส้นผมที่อยู่ในถุงผ้าแพร จริงๆ แล้วไม่ใช่ของซูหว่าน