ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 6 อนุภรรยาขุนศึก (6)
โลหิตสีดำที่ซูหว่านอาเจียนออกมา คือพิษที่ตกค้างอยู่ในหลอดเลือดหัวใจ
หลังจากซูหนิงเช็ดคราบโลหิตบนพื้นตามคำกำชับเรียบร้อย ในห้องก็เหลือเพียงซูรุ่ยกับซูหว่าน
ซูรุ่ยรู้สึกปวดใจอยู่บ้าง ขณะจ้องมองใบหน้าที่ซูบผอมของซูหว่าน จึงใช้มือใหญ่ๆ ของตนจับหน้านางเบาๆ แล้วใช้นิ้วมืออันอบอุ่นลูบผิวขาวซีดของนางอย่างอ่อนโยน
“ภรรยา บอกมาเถอะว่า อยากจะให้ผู้หญิงสกุลอินพวกนั้นตายยังไง”
แม้พวกเหยาไป๋เซียนจะลงมือกับร่างเดิม แต่ผู้ที่ได้รับความเจ็บปวดจากร่างกายในตอนนี้กลับเป็นซูหว่าน และเรื่องนี้ นอกจากเหยาไป๋เซียนกับเหยารั่วฟาง ผู้หญิงจอมบงการสองนางแล้ว ยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดอีกมากมาย กระทั่งพวกที่รู้ความใน แต่กลับยืนดูอยู่ด้านข้าง ทั้งหมดนี้ ซูรุ่ยจะไม่ปล่อยไว้แม้แต่คนเดียว
อืม พูดแบบนี้ เป็นอันว่าแม่ทัพซูคิดล้างบางบ้านสกุลอิน
พอได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ซูหว่านก็หัวเราะ “การทำให้เหยาไป๋เซียนตายน่ะง่าย แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น อย่างน้อยต้องให้นางจ่ายดอกเบี้ยสักหน่อย นอกจากนี้ ยังต้องรออีกสักระยะ กวนหลีจึงจะเจอกับอินเป่ยเกอ สิ่งที่เรามีก็คือเวลาที่ค่อยๆ เล่นเป็นเพื่อนพวกเขา”
ว่าพลางซูหว่านก็ยิ้มตาหยี ขณะพลิกห่อยาที่วานให้ซูหนิงไปซื้อจากร้านขายยาไปมา รอยยิ้มมุมปากก็แฝงความหมายอันลึกล้ำ…
ล้างบางบ้านสกุลอิน?
ไม่ไม่ไม่ นางต้องการให้บ้านสกุลอินล่มสลายทีละขั้น ขืนทำลายในทีเดียว จะไม่มีความหมายเท่าเฝ้ามองการสูญสลายทีละน้อย
“ภรรยา ยาห่อนี้”
ตอนนี้ซูรุ่ยได้กลิ่นเฉพาะตัวของสมุนไพรอ่อนๆ ที่โชยออกมาจากห่อยาในมือของซูหว่านแล้ว ซึ่งตัวยาชนิดนี้ เขาไม่ค่อยเชี่ยวชาญนัก
แต่เขารู้ว่าซูหว่านถนัดที่จะใช้ตัวยาชนิดนี้มาทำเป็นยาพิษมาก
“ของเหล่านี้ล้วนเป็นของดี เป็นของขวัญที่ฉันจะมอบให้อินเป่ยเกอ”
ซูหว่านขยิบตาให้ซูรุ่ย ก่อนเอนตัวเข้าข้างหูเขา กระซิบเบาๆ ประโยคหนึ่ง
พอได้ยินคำพูดของซูหว่าน สีหน้าของซูรุ่ยก็แปรเปลี่ยนเล็กน้อย…
อะไรคือ ยอมมีเรื่องกับคนระดับล่าง ดีกว่ามีเรื่องกับผู้หญิง
ให้ตายสิ ในที่สุดแม่ทัพซูก็นับว่า ตระหนักถึงแก่นแท้ของประโยคนี้แล้ว
ใต้เท้าภรรยา คุณลงมือได้โหดจริงๆ เชียว
แต่แม่ทัพอย่างผมก็ชอบนะ การปฏิบัติต่อสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าแฟนเก่า ย่อมต้องลงมือให้โหดเข้าไว้ ขอใต้เท้าภรรยาอย่าได้แคร์ ลงมือเถิด~
คืนนี้ ซูรุ่ยอยู่เฝ้าจนซูหว่านผล็อยหลับไป ตั้งแต่รู้ว่านางสุขภาพไม่ค่อยดี เขาก็นั่งอยู่ข้างเตียง จับมือนางอย่างสม่ำเสมอ ขอเพียงรู้สึกว่าฝ่ามือนางเย็นลงเล็กน้อย เขาก็จะถ่ายพลังภายในส่วนหนึ่ง เข้าไปในเส้นลมปราณของนางตามจิตใต้สำนึก
ขณะฟ้ายังไม่สาง ซูหนิงก็เข้ามาจุดไฟในห้องของซูหว่านเหมือนเช่นเคย แต่พอก้าวเข้ามาในห้อง ก็รู้สึกได้ถึงไออุ่นที่อบอวลอยู่
เห็นเตาไฟที่ก่อไฟไว้นานแล้ว ยังมีชายหนุ่มที่นั่งพิงอยู่ข้างเตียงโดยไม่ได้นอนทั้งคืน
ซูหนิงอึ้งไปสักพัก ไม่รู้ทำไม พลันนึกถึงคุณชายใหญ่ที่เสียชีวิตไปแล้ว
ในตอนนั้น แม้คุณชายใหญ่สุขภาพอ่อนแอ แต่ก็ตื่นก่อนสะใภ้ใหญ่ทุกวัน เขามักสวมเสื้อผ้า แล้วนั่งนิ่งๆ บนเตียง จ้องมองสะใภ้ใหญ่ที่หลับใหลอยู่ ทุกครั้งที่ซูหนิงเข้ามา คุณชายใหญ่จะโบกมือบอกอย่างอบอุ่นว่า อย่ารบกวนสะใภ้ใหญ่ที่กำลังนอนหลับฝันดี
ซูหนิงไม่เคยนึกชอบใครเลย และไม่เข้าใจด้วยว่าความรักคืออะไร
แต่ตอนนั้น นางคิดว่า คุณชายใหญ่เป็นผู้ชายที่ดีอะไรเช่นนี้ แม้ขณะจ้องมองแผ่นหลังของสะใภ้ใหญ่ในทุกๆ วัน สายตาของเขาก็มีแต่ความอ่อนโยน หรือนั่นคือความรัก
เสียดาย…
คนที่สะใภ้ใหญ่ชอบมาโดยตลอด คือคุณชายรอง
ซูหนิงจึงทอดถอนใจออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ชู่”
ซูรุ่ยที่นั่งอยู่บนเตียง ลุกขึ้นยืนเบาๆ แล้วเหลือบมองซูหนิง “อย่าทำนางตื่น ให้นางนอนต่ออีกหน่อย รู้ใช่ไหม”
“อ้อ เจ้าค่ะ”
ซูหนิงรีบพยักหน้าหงึกๆ เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกว่า ท่านสามมิได้น่ากลัวอย่างที่เล่าลือกัน
“ข้าไปล่ะ”
ซูรุ่ยเดินออกไปเบาๆ ก่อนไป ยังหันกลับมามองแล้วมองอีก ไม่อยากจากไปเป็นอย่างยิ่ง
“ดูแลนางดีๆ วางใจ นอกจากนางแล้ว ข้าไม่สนใจหญิงอื่นอีก ขอเพียงเจ้าดูแลนางให้ดี ต่อไปถ้าเจ้าไปอยู่ที่เรือนข้า ท่านสามอย่างข้าจะเป็นพ่อสื่อหาคู่ดีๆ ให้เจ้าเอง!”
ซูรุ่ยเอนเข้าข้างกายซูหนิง กระซิบบอกเบาๆ แล้วค่อยหันกายจากไป
ขณะมองตามร่างเพรียวบางที่จากไป ซูหนิงก็หันกลับมามองซูหว่านที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง…
สะใภ้ใหญ่เจ้าคะ ท่านแต่งเข้าบ้านสกุลอิน จริงๆ แล้วมีความสุขหรือไม่มีความสุขกันแน่หนอ
หลายวันติดต่อกัน ที่ซูรุ่ยมาหลังค่ำคืน และจากไปก่อนรุ่งสาง
จนซูหนิงเคยชินกับคืนวันเช่นนี้ไปแล้ว ซึ่งท่านสามก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่ผ่านมา เพียงแต่พอนึกขึ้นได้ว่า อีกไม่กี่วันตนก็จะจากสะใภ้ใหญ่ไป ก็มักรู้สึกว่า ไม่อยากจากไปเลย
“ท่านสาม บ่าวรู้สึกว่าท่านเก่งกาจมาก ท่านพอจะช่วยสะใภ้ใหญ่ได้ไหม”
เช้าวันที่สี่ ซูหนิงก็อดไม่ได้ที่จะเข้าขวางทางเดินของซูรุ่ย
ช่วยนาง?
ต้องช่วยแน่นอน แต่…
“บ้านสกุลอินไม่ต้องการสะใภ้ใหญ่แล้ว ซูหนิง เจ้าควรเข้าใจในจุดนี้”
ไม่ต้องการสะใภ้ใหญ่?
ซูหนิงตะลึงงันอยู่กับที่ พูดไม่ออกบอกไม่ถูกอยู่บ้าง รอจนนางดึงสติคืนกลับ ซูรุ่ยก็เดินตัวปลิวจากไปนานแล้ว
พอถึงวันที่ห้า ซูรุ่ยก็มิได้ปรากฏตัว เพราะวันนี้ อินเป่ยเกอกลับมาแล้ว
นายพลน้อยที่กลับจากสมรภูมิรบ พอกลับถึงจวนก็ตรงดิ่งไปที่เรือนข้าง ทำให้เหยารั่วฟางที่อยู่ในเรือนหลักกัดฟันกรอดๆ อย่างจงเกลียดจงชัง
ชายหนุ่มผู้อ่อนล้าจากการเดินทาง ก้าวเข้ามาในห้องโถงทั้งที่ยังสวมเครื่องแบบทหารสีเขียวอมเทาอยู่
อินเป่ยเกอส่งหมวกทหารให้ซูหนิง
“สุขภาพของพี่สะใภ้ใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง”
พอได้ยินคำถามของอินเป่ยเกอ สีหน้าของซูหนิงก็หมองหม่นลง “คุณชายรอง สะใภ้ใหญ่นาง…หมู่นี้ลงจากเตียงไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ!”
“อะไรนะ”
ได้ยินเช่นนี้ อินเป่ยเกอก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น ชั่วพริบตาก็เข้ามาในห้องแล้ว
ในห้องอุ่นเป็นพิเศษ แต่ห้องเล็กๆ ห้องนี้กลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความอ้างว้าง
“พี่สะใภ้ใหญ่?”
พอก้าวเข้าประตูมา อินเป่ยเกอก็เห็นหญิงสาวใบหน้าซูบผอมนอนอยู่บนเตียง
ทั้งๆ ที่เพิ่งอายุยี่สิบกว่าๆ กำลังเป็นปีที่ดีที่สุดของหญิงสาว แต่นางในตอนนี้กลับไม่สามารถสวยงามโดดเด่นอย่างในอดีตได้อีก ด้วยอาการป่วยทำให้ร่างกายอ่อนแอและหดหู่ ดวงตางามๆ มืดหม่น ไร้ชีวิตชีวา
“น้องรอง กลับมาแล้วหรือ”
พอเห็นชายหนุ่มหน้าตาคมคายลึกล้ำ สวมเครื่องแบบทหารยืนหลังตรงอยู่หน้าประตู ซูหว่านก็เค้นแรงยันกายให้ลุกขึ้นนั่ง ทว่านางพยายามสองครั้งก็แล้ว ไม่สำเร็จ
“หึ”
ซูหว่านอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะตนเอง “ดูจากร่างกายที่ใช้ไม่ได้แบบนี้ ข้าก็ไม่ลุกขึ้นพูดจาด้วยแล้ว เจ้าไม่ถือสานะ!”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน ได้เห็นความรู้สึกเปลี่ยวเหงาในสายตาเย้ยหยันตัวเองของนาง แววตาของอินเป่ยเกอก็มืดมนลง เขาก้าวยาวๆ เข้าไปที่ข้างเตียง ไม่รอปฏิกิริยาตอบกลับจากซูหว่าน ก้มตัวลง ใช้แขนที่มีแรงเป็นพิเศษทั้งสองข้างโอบกอดนางไว้ในอ้อมอก “ก่อนที่ข้าจะจากไป ได้บอกท่านแล้วไม่ใช่หรือว่า มีเรื่องอะไรให้เขียนจดหมายไปหาข้า ท่านป่วยขนาดนี้แล้ว ยังทำเป็นแข็งแกร่งอะไรอีก”
“อินเป่ยเกอ เจ้าทำอะไรน่ะ”
พอเห็นอินเป่ยเกอกอดตนเองโดยไม่คำนึงถึงมารยาททางสังคม ซูหว่านที่สีหน้าไม่สู้ดีอยู่แต่เดิม ก็ร้อนรนขึ้นมา “เจ้ารีบ เจ้ารีบปล่อยข้าเร็ว! นี่ไม่ใช่ธรรมเนียมปฏิบัติที่ถูกต้อง!”
“ข้าไม่ปล่อย! ข้าจะพาท่านไปหาหมอ หมอที่ดีที่สุดในเมืองเหลียวเฉิง ถ้าหมอในเมืองเหลียวเฉิงรักษาท่านไม่หาย ข้าก็พาท่านไปเมืองหลวง ถ้าเมืองหลวงรักษาไม่หาย ก็พาท่านไปต่างแดน! ซูหว่าน ท่านจะตายไม่ได้!”
อินเป่ยเกอก้มหน้าลง ดวงตาอันลึกล้ำจ้องมองใบหน้าซูหว่าน น้ำเสียงหนักแน่นเป็นพิเศษ
“ก่อนที่พี่ใหญ่จะตาย…ได้ฝากท่านไว้กับข้า และข้าไม่อนุญาตให้ท่านตาย!”