ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 1 เหมยเขียวครองคู่ม้าไม้ไผ่ (1)
“นังเด็กไม่เอาไหน ยังไม่ตื่นอีก อยากลองดีรึไง”
เสียง ‘ผัวะ’ ไม้หวายแข็งๆ ฟาดลงบนร่างของซูหว่าน เธอเจ็บจี๊ดที่เอว ร่างทั้งร่างกลิ้งตกลงจากเตียงไม้ขนาดเล็กทันที แม้ว่าเธอจะเตรียมตั้งรับไว้แล้วก็ตาม เมื่อมองแขนขาเล็กๆ ของตนเอง ซูหว่านก็ขมวดคิ้วอย่างหดหู่ใจ
“นังเด็กคนนี้ ขมวดคิ้วทำไมห๊ะ! ยังไม่ลุกขึ้นมาช่วยฉันทำงานอีก!”
มีเสียงอันโหดร้ายใจดำและไม่พอใจของผู้หญิงดังอยู่ข้างกาย เมื่อซูหว่านเงยหน้าขึ้นก็พบผู้หญิงในชุดสีน้ำเงิน ผมสั้นทัดหู ผูกผ้ากันเปื้อนไว้กับเอว กำลังมองมาที่ซูหว่านอย่างเย็นชา
ผู้ที่อยู่ตรงหน้าดูอายุไม่ถึงสามสิบ หน้าตาพอจะมีความสวยอยู่บ้าง ซึ่งก็คือ หลิวลี่ แม่เลี้ยงของซูหว่าน
เธอกับพ่อของซูหว่าน ซูกั๋วเลี่ยง แต่งงานกันมาหกปีแล้ว ตอนนี้ซูหว่านอายุเพียงเก้าขวบ ส่วนน้องสาว ซูชิงเหมย อายุห้าขวบ
“แม่”
ตอนนี้เอง ซูชิงเหมยในชุดกระโปรงนอน คล้ายถูกเสียงของหลิวลี่ทำให้ตกใจตื่น จึงยืนสะลึมสะลือ ขยี้ตากลมโตสวยๆ ของตนเอง มองดูซูหว่านกับหลิวลี่
“แม่ อย่าตีพี่เขาเลย อย่าตีพี่เขานะคะ”
ว่าพลางดวงตากลมโตของซูชิงเหมยก็เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา
“โถ ๆ เด็กดีของแม่ ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง! แม่ก็ไม่ได้ตีพี่เขานี่!”
ว่าแล้วหลิวลี่ก็หันไปมองค้อนใส่ซูหว่าน
“นังเด็กไม่เอาไหน ไม่เห็นหรือไงว่าน้องร้องไห้แล้ว ยังไม่เข้าไปโอ๋อีก”
“ค่ะ”
ซูหว่านค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ก้าวทีละก้าวมาอยู่ตรงหน้าซูชิงเหมย
“อย่าร้องไห้นะน้องของพี่ พี่พาออกไปเที่ยวดีมั้ย”
“ดีค่ะ ดีค่ะ!”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของซูหว่าน ซูชิงเหมยก็หยุดร้องไห้ เธอเอื้อมมือไปจับมือเล็กๆ ของซูหว่าน แล้วสองพี่น้องก็เดินออกจากห้องไป ไม่รอปฏิกิริยาตอบกลับจากหลิวลี่
เด็กคนนี้นี่!
เมื่อทั้งสองคนออกไป หลิวลี่ก็ถอนหายใจออกมาอย่างแรง…
บ้านของซูกั๋วเลี่ยงอยู่ในเรือนสี่ประสาน[1] เรือนใหญ่หลังนี้มีคนอาศัยอยู่ด้วยกันถึงเจ็ดแปดครัวเรือน แม้หลิวลี่จะมีนิสัยค่อนข้างดุและไร้เหตุผล แต่เธอก็รู้จักกาลเทศะ ส่วนซูกั๋วเลี่ยงได้ชื่อว่าเป็นคนซื่อ ซูหว่านและซูชิงเหมยก็เป็นเด็กน่ารักน่าเอ็นดู ครอบครัวพวกเขาจึงเป็นที่รักในเรือนสี่ประสานนี้
พอเห็นซูหว่านกับซูชิงเหมยเดินเคียงไหล่กันออกมา เหล่าคนชราที่นั่งตากแดดอยู่ในลานบ้าน ก็ส่งเสียงทักทายเด็กๆ ทันที
“เสียวหว่าน พาน้องออกไปเที่ยวอีกแล้วหรอ”
“ค่ะ”
ซูหว่านตอบเสียงใส จากนั้นก็กระโดดเหยงๆ จูงซูชิงเหมยออกไป
เมื่อออกจากเรือนมา มองไปที่ถนนอิฐเก่าแก่และผู้คนมากมายที่ปั่นรถจักรยานผ่านไปมา ซูหว่านและซูชิงเหม่ยก็ถอนหายใจในใจพร้อมกัน…
แม่เจ้า นี่เป็นยุคขบถยุคหนึ่งจริงๆ
ไม่ผิด ซูชิงเหมยกลับชาติมาเกิดใหม่ เธอก็คือนางเอกของโลกใบนี้
ชาติก่อน ซูชิงเหมยเติบโตขึ้นด้วยการเลี้ยงดูแบบตามใจของหลิวลี่ เธอจึงชอบเอาชนะมาแต่เด็ก ทั้งยังเอาแต่ใจตัวเองสุดๆ ตอนนั้นหลิวลี่ร้ายกับซูหว่านมาก ซูชิงเหมยก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง
ต่อมาสองพี่น้องค่อยๆ เติบโตขึ้น ซูหว่านชอบเซี่ยฉางอันที่อยู่บ้านข้างๆ ในเรือน ยุคนั้น ความรู้สึกของผู้คนล้วนบริสุทธิ์จริงใจ ซูหว่านแอบชอบเซี่ยฉางอัน แต่ไม่กล้าบอกใคร จึงได้แต่เขียนไว้ในสมุดบันทึกของตัวเอง
และสมุดบันทึกเล่มนั้นก็ถูกซูชิงเหมยพบเข้าโดยบังเอิญ เธออายุน้อยกว่าซูหว่านสี่ปี ตอนนั้นซูชิงเหมยที่อายุเพียงสิบสองปี ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรคือความรัก เธอเพียงอยากรู้อยากเห็น คำว่าชอบที่พี่สาวเขียนหมายความว่าอะไร เซี่ยฉางอันมีดีตรงไหน
และแล้วซูชิงเหมยก็เริ่มสังเกตเซี่ยฉางอันอย่างค่อยเป็นค่อยไป นานวันเข้า เธอจึงชอบเซี่ยฉางอัน
ซูชิงเหมยต่างจากซูหว่านที่เก็บงำความรู้สึก เธอรักใครเกลียดใครก็แสดงออกมาตรงๆ ตอนอายุสิบห้า เธอไปสารภาพรักกับเซี่ยฉางอันที่ขณะนั้นอายุยี่สิบและเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว
ขณะเผชิญหน้ากับคำสารภาพรักของสาวน้อยที่โตมาด้วยกัน ทั้งยังมีใจให้กันมาตั้งแต่เด็ก ถ้าบอกว่าไม่หวั่นไหวก็โกหกแล้ว
ซูชิงเหมยสวยกว่าซูหว่าน และเติบโตภายใต้การเลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมของหลิวลี่ เคยเรียนทั้งเต้นรำและเปียโน บุคลิกโดดเด่นเป็นพิเศษ
สมบูรณ์แบบขนาดนี้ ใครกันจะไม่ชอบ
และแล้ว หลังจากซูชิงเหมยสารภาพรัก ทั้งสองก็เริ่มแอบคบกัน ทว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองอยู่ได้เพียงไม่นาน
หลังจากที่ซูชิงเหมยขึ้นชั้นมัธยมปลาย ก็ได้พบกับครูสอนวิชาประวัติศาสตร์ เกาอวี่ ผู้มีใบหน้าหล่อเหลาและดูดี เกาอวี่เป็นลูกข้าราชการและเป็นที่ชื่นชอบในโรงเรียน
เขาเป็นคนพูดเก่ง สง่างาม มีเด็กสาวในโรงเรียนแอบชอบมากมาย แต่เขากลับสนใจซูชิงเหมยตั้งแต่แรกเห็น
การรุกด้วยเงินตราและคำหวานของเกาอวี่ ทำให้ซูชิงเหมยตกหลุมพรางอย่างรวดเร็ว เธอลืมคำสัญญาของตนกับเซี่ยฉางอันไปหมดสิ้น และหันไปซบอกเกาอวี่
สองปีต่อมา เกาอวี่ลาออกจากโรงเรียน ไปทำงานในสำนักงานการศึกษา ส่วนซูชิงเหมยก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้อย่างราบรื่น เธอปรารถนามาตลอดว่า ในอนาคตหลังเรียนจบจะสร้างครอบครัวกับเกาอวี่และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ทว่าความจริงอันโหดร้ายกลับบดขยี้ความฝันอันสวยงามของเธอจนแหลกลาญ
เนื่องจากมหาวิทยาลัยที่ซูชิงเหมยสอบได้อยู่ต่างเมือง เธอกับเกาอวี่จึงมีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยลง แต่ทั้งสองก็ยังคงรักษาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดแนบแน่นต่อกันมาตลอด และครั้งหนึ่งในการตรวจร่างกายของมหาวิทยาลัย ซูชิงเหมยก็พบว่าตัวเองตั้งครรภ์อย่างไม่คาดคิด!
ในเวลานั้น แน่นอนว่าเป็นเรื่องอื้อฉาวที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัย ซูชิงเหมยยังไม่ทันได้จัดการอะไร และยังไม่ได้โทรศัพท์บอกเกาอวี่ เธอรีบนั่งรถไฟกลับบ้าน แต่แล้วตอนที่เธอมาถึงบ้านเกาอวี่ กลับเห็นเกาอวี่กำลังจูบกับเพื่อนร่วมงานสาวคนหนึ่งอย่างดูดดื่ม
“ฉันกับเธอก็แค่คบกันเล่นๆ เท่านั้น ซูชิงเหมย อย่าบอกนะว่าเธอจริงจัง!”
ซูชิงเหมยไม่มีวันลืมหน้าตาท่าทางของเกาอวี่ในตอนนั้น มันช่างน่าขยะแขยงจริงๆ
เรื่องตั้งครรภ์ ทำให้เธอถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย จึงไม่กล้ากลับบ้าน บนตัวไม่มีกระทั่งเงินที่จะใช้ทำแท้ง และในตอนนี้เอง ซูชิงเหมยก็ได้พบเจอเซี่ยฉางอัน
เซี่ยฉางอันแต่งงานกับซูหว่านแล้ว และเป็นพี่เขยของซูชิงเหมย
ทันทีที่รู้เรื่องของซูชิงเหมย เซี่ยฉางอันก็ช่วยเธอจัดการเรื่องโรงพยาบาล เพื่อความสบายใจของเธอ เขาจึงยุ่งทั้งนอกทั้งในเพียงคนเดียว ไม่ได้บอกคนบ้านสกุลซู กระทั่งด้านมหาวิทยาลัย เซี่ยฉางอันก็เดินทางไปจัดการด้วยตัวเอง เขาขอร้องอ้อนวอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนมหาวิทยาลัยยอมให้ซูชิงเหมยพักการเรียนชั่วคราว และค่อยกลับมาเรียนใหม่ในอีกหนึ่งปี
ขณะนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยความเยียบเย็น มองดูใบหน้าอันอ่อนล้าแต่ยังคงความอ่อนโยนของเซี่ยฉางอันที่นั่งอยู่ข้างเตียง ซูชิงเหมยพลันรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง…
ตอนนั้น ทั้งที่มีผู้ชายที่แสนดีคนนี้ ทำไมเธอถึงไม่รู้จักรักษาไว้
เป็นต้องถูกคารมหวานๆ ชื่อเสียงจอมปลอมและเงินตรา บดบังสายตาไปได้
ถ้าหากเรื่องของเธอกับเกาอวี่แพร่งพรายออกไป เธอจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร เซี่ยฉางอันยอมทุ่มเทแรงกายแรงใจช่วยเธอเช่นนี้ เขาต้องยังรักเธออย่างลึกซึ้งแน่
น่าเสียดาย ตอนนี้เขาเป็นสามีของซูหว่านไปแล้ว ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ถ้าสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ เซี่ยฉางอัน ฉันต้องไม่คลาดจากเธอ ไม่มีทางคลาดจากเธอแน่…
แล้วซูชิงเหมยก็ผล็อยหลับไปบนเตียงผู้ป่วยทั้งความคิดนี้ กระทั่งเธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองได้ย้อนกลับมาในวัยห้าขวบอย่างไม่คาดฝัน
ปีนี้ ครอบครัวของเซี่ยฉางอันเพิ่งย้ายเข้ามาในอำเภอนี้
ปีนี้ ตนกับซูหว่านยังเป็นสาวน้อยที่รู้ไม่เท่าทันโลก
ปีนี้ ทุกอย่างยังมีโอกาส…เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง!
—
[1] เรือนสี่ประสาน คือบ้านในรั้วกำแพง ที่มีลานบ้านอยู่ตรงกลางและห้องหับล้อมรอบอยู่ทั้งสี่ด้าน แต่ละห้องหันหน้าเข้าสู่ลานบ้าน