ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 10 เหมยเขียวครองคู่ม้าไม้ไผ่ (10)
หลิวลี่มองไปยังซูรุ่ยอย่างตื่นเต้น ทว่าซูกั๋วเลี่ยงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย…ข้าราชการ? เขาเป็นลูกจ้างธรรมดาทั่วไป ไหนเลยจะกล้าทำความรู้จักกับญาติที่เป็นข้าราชการได้
“ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินอาฟังพูดถึงญาติที่เมืองหลวงมาก่อนเลยนะ! พ่อหนุ่ม เธอจำคนผิดหรือเปล่า?”
“เป็นไปได้ยังไงครับ?”
ซูรุ่ยยิ้มและหยิบรูปถ่ายเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าของตัวเอง รูปนั้นเป็นภาพของผู้หญิงสองคนถ่ายด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือต่งย่วนย่วนแม่ของเกาอวี่ และอีกคนหนึ่งคือฉินฟังแม่ของซูหว่าน
“นี่มัน…”
เมื่อได้เห็นรูปถ่าย ซูกั๋วเลี่ยงก็ตกตะลึงไป ไม่มีทางที่เขาจะจำภรรยาของตัวเองไม่ได้
“โธ่เอ้ย กั๋วเลี่ยง คนเขามาจากเมืองหลวง ไม่จำเป็นจะต้องมาโกหกอะไรพวกเราหรอก?”
หลิวลี่ที่อยู่ข้างๆ ยอมรับตัวตนของซูรุ่ยแล้วในเวลานี้ เธอรีบทักทายเขาด้วยรอยยิ้มในทันที “ในเมื่อวันนี้มีแขกมา งั้นคืนนี้ฉันจะทำอาหารเพิ่มอีกสักสองสามอย่าง ทุกคนอยู่ทานด้วยกันที่นี่เลย! คุณครูเซี่ยก็อย่าเพิ่งกลับนะคะ!”
“แงแง…”
จู่ๆ ซูชิงเหมยที่อยู่ในอ้อมแขนของหลิวลี่ก็ส่งเสียงดังแทรกขึ้นมาอีกครั้ง “แม่หนูกลัว หนูกลัว รีบให้เขากลับไป ให้เขากลับไป!”
“ลูกคนนี้นี่ เป็นอะไรขึ้นมาอีกล่ะเรา?”
เมื่อหลิวลี่ได้ยินลูกสาวของตนร้องไห้โฮออกมา เธอก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วน ก่อนจะยกมือขึ้นตบหลังของซูชิงเหมยเบาๆ “อย่าทำตัววุ่นวาย!”
ขณะที่พูดหลิวลี่ก็อุ้มซูชิงเหมยเดินเข้าไปในห้องด้านหลัง
“ปัง” หลิวลี่ปิดประตูห้องด้านหลังลง
เธอวางซูชิงเหมยไว้ข้างเตียงและจ้องมองซูชิงเหมยอย่างจริงจัง “อย่าร้องไห้! ลูกรู้มั้ย นั่นเป็นผู้สูงศักดิ์ของครอบครัวเรานะ ต่อไปลูกต้องเรียกเขาว่าเกาอวี่ ไม่สิ พี่เกาอวี่”
หลิวลี่พูดพลางเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของซูชิงเหมย “ตอนนี้ลูกอยู่ในห้องนี้ไปก่อนนะ ไว้ลูกเลิกทำตัววุ่นวายเมื่อไหร่ แม่ถึงจะปล่อยหนูออกไป!”
พูดจบหลิวลี่ก็รีบเดินออกจากห้องไปโดยไม่รอให้ซูชิงเหมยตอบโต้อะไร
หลังจากที่หลิวลี่ออกไปแล้ว ดวงตาของซูชิงเหมยก็เต็มไปด้วยสับสนและยากจะโต้แย้ง
ใช่สิ ตอนนี้เธอเป็นแค่เด็กอายุห้าขวบ ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรไป ก็คงไม่มีใครเชื่อ
แต่ว่า…
ทำไมเกาอวี่ถึงมาปรากฏตัวที่นี่?
นี่มันต่างจากชาติก่อนที่เธอเคยอยู่มาโดยสิ้นเชิง! ผู้หญิงอีกคนในรูปนั้นก็คือต่งย่วนย่วนจริงๆ ชาติก่อนซูชิงเหมยเคยพบแม่ของเกาอวี่มาก่อน
หรือว่า…
แม่ของเกาอวี่จะเป็นญาติห่างๆ ของแม่ของซูหว่านจริงๆ ?
ถ้าอย่างนั้น โลกนี้จะใช่โลกเดียวกับที่เธอเคยใช้ชีวิตมาก่อนหน้านี้หรือไม่?
ซูชิงเหมยรู้สึกสับสนไปชั่วขณะหนึ่ง…
ซูกั๋วเลี่ยงที่ยอมรับตัวตนของซูรุ่ยแล้ว กำลังพูดคุยกับซูรุ่ยอย่างสนุกสนานอยู่ที่ห้องโถงด้านหน้า
เมื่อเห็นคนหนุ่มคนแก่พูดคุยกันอย่างมีความสุข เยี่ยคานฮวนก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังซูหว่านที่อยู่ข้างๆ “ซูหว่าน อยากให้ครูช่วยสอนการบ้านมั้ย?”
“ขอบคุณมากครับคุณครู”
กลับเป็นซูรุ่ยที่เป็นคนตอบเยี่ยคานฮวน ซูรุ่ยยืนขึ้นและมองไปยังเซี่ยจื่อซวินอย่างใจเย็น “คุณครูยุ่งมากขนาดนี้ แถมยังต้องดูแลนักเรียนอีกตั้งหลายคน เสี่ยวหว่านของพวกเราคงไม่ต้องรบกวนคุณครูแล้วดีกว่า”
ขณะที่พูดซูรุ่ยก็หันหน้าไปมองซูกั๋วเลี่ยงด้วยรอยยิ้ม “คุณอาเขยครับ ถึงแม้ว่าผลการเรียนของผมจะอยู่ในระดับปานกลาง แต่ก็ติวหนังสือให้เด็กประถมได้ไม่มีปัญหาครับ ช่วงนี้ผมก็ไม่ค่อยมีการบ้านพอดี จากวันนี้เป็นต้นไป ผมจะมาติวหนังสือให้เสี่ยวหว่านหลังเลิกเรียนทุกวันเลยดีมั้ยครับ คุณอาคิดยังไงครับ?”
ผลการเรียนของซูหว่านนั้นแย่มาก เรื่องนี้ซูกั๋วเลี่ยงรู้แก่ใจดี น่าเสียดายที่เขาและหลิวลี่ก็เรียนหนังสือมาน้อย และที่ผ่านมาก็ไม่มีใครคอยช่วยสอนซูหว่านเลยจริงๆ อีกทั้งครอบครัวพวกเขาเองก็ไม่มีเงินมากพอที่จะจ้างครูสอนพิเศษ เมื่อได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ซูกั๋วเลี่ยงก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก “เสี่ยวอวี่ ถ้าเธอมาติวให้เสี่ยวหว่านได้มันจะดีมากเลย! เสี่ยวหว่าน ยังไม่รีบขอบคุณพี่เขาอีก!”
“ขอบคุณค่ะพี่!”
ซูหว่านพูดขอบคุณไปพลาง กระพริบตามองซูรุ่ยไปพลาง
“ไม่ต้องเกรงใจเลยครับ คุณอาเขยกับคุณครูเซี่ยเชิญคุยกันไปก่อนเลยครับ ผมไปสอนเสี่ยวหว่านทำการบ้านก่อนดีกว่า!”
ระหว่างที่พูด ซูรุ่ยก็เดินไปอยู่ข้างกายซูหว่านแล้ว จากนั้นก็ตามเธอเข้าไปในห้องเล็กๆ ของเธอ
เมื่อเข้าห้องไปแล้ว ซูหว่านก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองซูรุ่ย “รูปนั้นมันยังไงกันเนี่ย?”
“เหอๆ”
ซูรุ่ยหยิบรูปใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าของเขา มันคือภาพเดี่ยวของฉินฟังที่เจ้าของเดิมหวงแหนมาโดยตลอด
“ฉันเอารูปนี้มาจากอัลบั้มรูปของเธอเมื่อวาน เช้านี้ฉันเลือกรูปของแม่มาอีกใบ จากนั้นฉันก็ไปหาสตูดิโอถ่ายภาพ แล้วถ่ายมันออกมาด้วยกัน”
ที่แท้ก็ได้เทคโนโลยีมาช่วยเปลี่ยนโชคชะตา!
“นายนี่มองการณ์ไกลจริงๆ !”
ซูหว่านอดยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ได้ จากนั้นเธอก็โยนกระเป๋านักเรียนลงไปบนเตียงเล็กๆ นั่น
“เซี่ยจื่อซวินคนนั้น นายรู้หรือยังว่า เขาเป็นคนจากแผนกการเกิดใหม่…”
“เยี่ยคานฮวน”
ซูรุ่ยพูดชื่อเยี่ยคานฮวนออกมา “สวีเช่อเคยให้ฉันดูข้อมูลของเขา ฉันเคยบันทึกข่าวสารทางวิญญาณของเขามาก่อน”
โอเค
เมื่อได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ซูหว่านก็พยักหน้าด้วยสายตาที่แน่วแน่ “ใช่แล้ว เขานั่นแหละ ครั้งนี้เขาจงใจเปิดเผยตัวตนของเขาต่อหน้าพวกเรา ฉันคิดว่าเขาต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับนายเป็นหลัก”
“ถ้าอย่างนั้นเขาก็คงต้องผิดหวังแล้วล่ะ เพราะว่าแม่ทัพซูคนนี้…ยากแท้หยั่งถึง!”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน ซูรุ่ยก็อดลำพองใจไม่ได้
“นี่ นายน่ะยากแท้หยั่งถึง งั้นขอถามแม่ทัพซูผู้ยากแท้หยั่งถึงสักหน่อยสิ ตอนนี้นายใช้รูปถ่ายปลอมจัดการซูกั๋วเลี่ยงกับหลิวลี่ได้แล้ว แล้วนายจะใช้วิธีไหนมาจัดการกับพ่อแม่ของเกาอวี่ต่อล่ะ?”
ถ้าดูจากอายุของซูชิงเหมยในตอนนี้แล้ว เกรงว่าซูหว่านและซูรุ่ยคงต้องอยู่ในโลกนี้มากกว่าสิบปีเป็นแน่ ถ้าเป็นอย่างนั้น ในช่วงเวลาสิบกว่าปีนี้ ซูกั๋วเลี่ยงและภรรยาของเขาคงต้องได้พบเจอกับเกาเจี้ยนและภรรยาบ้างใช่มั้ย?
เมื่อถึงตอนนั้น คำโกหกของซูรุ่ยก็จะถูกเปิดเผยออกมา
ซูกั๋วเลี่ยงอาจจะคุ้นเคยกับเครือญาติของฉินฟัง แต่คงไม่มีทางที่ต่งย่วนย่วนจะไม่รู้จักว่าญาติของตัวเองเป็นแน่!
เอ่อ
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน ซูรุ่ยก็ชะงักไปทันที ให้ตายเถอะ ตอนที่แม่ทัพซูคิดวิธีนี้คิดมาได้นั้น เขาไม่ได้พิจารณาถึงด้านของต่งย่วนย่วนเลย!
เพราะฉะนั้นถึงมีคำพูดที่ว่า สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง!
“ช่างเถอะ ช่างเถอะ”
ซูรุ่ยโบกมือไปมา “ถึงเวลานั้นฉันต้องมีวิธีจัดการกับต่งย่วนย่วนแน่”
ขณะที่พูด ซูรุ่ยก็ก้าวขายาวๆ ไปข้างหน้าและใช้มือทั้งสองข้างจับซูหว่านเข้ามากอดในอ้อมแขนของตัวเอง “ตอนนี้เธอผอมเกินไปแล้ว ไม่ได้การแล้ว ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ฉันจะชดเชยให้เธอเอง ชดเชยอย่างยิ่งใหญ่เลย เธอจะได้สูงขึ้น โตขึ้น เร็วๆ !”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูรุ่ย ดวงตาของซูหว่านก็วาวโรจน์ขึ้น “สูงขึ้นโตขึ้นแล้วดียังไงกัน? นายไม่รู้รึไงว่าตอนนี้พวกเด็กๆ เขาชอบเด็กผู้หญิงตัวเล็กกันน่ะ? โตเร็วไป ก็โตนำพวกหนุ่มหน้าใสตัวน้อยกันหมดสิ แบบนั้นก็ไม่มีใครกล้าตามจีบกันพอดี?”
“ทำไม มีคนตามจีบเธองั้นหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของซูหว่าน หน้าของซูรุ่ยก็ดำทมึนขึ้นทันที…
ตัวเองเป็นถึงข้าราชการรุ่นที่สองที่สง่าผ่าเผย รูปงามทั้งยังร่ำรวย ไม่เป็นที่สองรองใคร ตั้งแต่เข้าโรงเรียนมัธยมปลายสิบสามมาจนตอนนี้ แม้แต่จดหมายรักสักฉบับก็ยังไม่เคยได้รับ นี่มันเป็นไปไม่ได้ แล้วนี่ซูหว่านจะมาบอกว่าเด็กหญิงตัวน้อยที่อายุเก้าขวบก็มีคนมาจีบแล้ว โลกนี้มันจะไม่ประหลาดมากเกินไปหน่อยหรือไง?
เมื่อมองไปที่ใบหน้าของซูรุ่ย ซูหว่านก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เธอยื่นมือเล็กๆ ทั้งสองข้างออกมาแล้วบีบใบหน้าของเขาอย่างแรง “หยอกเล่นหรอกน่า เพื่อนร่วมชั้นในโรงเรียนต่างก็ไร้เดียงสากันทั้งนั้น เด็กอายุไม่กี่ขวบจะไปรู้อะไรกัน?”
อันที่จริง นี่ยังเป็นยุคที่ค่อนข้างจะอนุรักษ์นิยม
แต่ทว่า คำพูดของซูหว่านกลับทำให้ซูรุ่ยนึกถึงเซี่ยฉังอาน...
นั่นมัน “หนุ่มหน้าใสตัวน้อย” ที่คิดเลยเถิดกับคุณภรรยาของเขาไม่ใช่หรือไง?
ในเมื่อเซี่ยฉังอานคือคนที่กลับมาเกิดใหม่จากโลกอีกใบหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นในโลกเดิมที่เขาอยู่ แท้จริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
สายตาของซูรุ่ยค่อยๆ กลับมาจริงจังอีกครั้ง แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังทำอะไรเซี่ยฉังอานไม่ได้ แต่เขาก็สามารถลงมือกับเยี่ยคานฮวนได้นี่?
แม้ว่าสำนักงานใหญ่จะกำหนดให้หน่วยเฉพาะกิจไม่สามารถฆ่ากันเองได้เมื่อปฏิบัติภารกิจ แต่ตราบใดที่ไม่ทำให้ถึงตาย ก็ยังมีเรื่องอื่นที่ทำได้อีกมาก
“ฮัดเช้ย!”
ทันใดนั้น เยี่ยคานฮวนที่กำลังพูดคุยอยู่กับซูกั๋วเลี่ยงในห้องโถงก็จามขึ้นมา เขาเย็นวาบไปทั่วทั้งร่างทันที
ทำไมคุณชายของเราถึงได้มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีแบบนี้นะ?