ภารกิจขโมยใจ ผจญภัยต่างโลก - ตอนที่ 16 เหมยเขียวครองคู่ม้าไม้ไผ่ (16)
หรือเกาอวี่ชอบผู้หญิงที่ดูเป็นผู้ใหญ่
หยางหนิงตกใจในความคิดของตนเอง ส่วนซ่งหยางที่อยู่อีกด้าน ก่อนอื่นเดินไปซื้ออมยิ้มสองอันในร้านขายของเล็กๆ ตามความเคยชิน แล้วค่อยซื้อน้ำสองขวดยื่นให้ซูรุ่ยกับหยางหนิง เขาอมอมยิ้มพลางถามซูรุ่ย “เกาอวี่ เรามารับเสี่ยวหว่านที่เลิกเรียนกันก่อนใช่ไหม”
ซูรุ่ยไม่ตอบ ส่วนหยางหนิง พอได้ยินคำพูดของซ่งหยาง ก็โล่งใจไปหนึ่งเปลาะ ที่แท้ก็มารับเด็กนักเรียนที่เลิกเรียนนี่เอง!
ไม่นานนัก เด็กๆ ที่เลิกเรียนก็ทยอยกันเดินออกมา ร่างของซูหว่านปราฏในสายตาของคนทั้งสาม ระยะเวลาปีกว่าที่ผ่านมา เนื่องจากโภชนาการดี ซูหว่านจึงสูงขึ้นไม่น้อย ส่วนสูงของเธอในตอนนี้เกือบถึงร้อยสี่สิบเซนติเมตรแล้ว ใบหน้าเล็กๆ ที่ขาวใสก็อวบกลม เป็นความกลมน่ารักแบบเด็กๆ
พอเห็นซูรุ่ยกับซ่งหยาง ซูหว่านก็ยิ้มน้อยๆ พลางโบกมือให้คนทั้งสอง แล้วพอหันไปเห็นหยางหนิง ดวงตาของซูหว่านก็กะพริบน้อยๆ
ความรู้สึกของผู้หญิงบอกเธอว่า นี่คือคู่แข่งด้านความรักของตนอย่างแน่นอน แต่ระดับชั้นต่ำเกินไป มองแวบแรกก็คือทหารที่ออกรบในสมรภูมิที่ไม่เป็นธรรม
ทว่าควรพูดว่า คู่แข่งทุกคนในสายตาของซูหว่าน ล้วนแล้วแต่เป็นทหารที่ออกรบในสมรภูมิที่ไม่เป็นธรรม
“พวกพี่มากันแล้ว!”
ซูหว่านหันไปยิ้มให้ซูรุ่ยกับซ่งหยาง ก่อนยกแขนขึ้น โยนกระเป๋านักเรียนใบใหญ่ของตนไว้ในมือซูรุ่ย “อิจฉาพวกพี่จริงๆ เลย หลังสอบเสร็จ ก็เป็นอิสระกันแล้ว!”
“ฮ่าๆ อย่าใจร้อน เธอก็ต้องโตขึ้นนี่นา!”
พอได้ยินคำพูดของซูหว่าน ซ่งหยางที่อยู่อีกด้านก็หัวเราะเสียงดังอย่างอดไม่ได้ แล้วจึงหันมองซูรุ่ยอย่างกระตือรือร้นอีก “ไปกันเถอะ ตอนนี้พาเราไปเจอแฟนนายได้แล้วสิ”
บอกตามตรง ซ่งหยางเอาใจใส่เรื่องของซูรุ่ยมากกว่าเรื่องของตนเองด้วยซ้ำ!
ในฐานะลูกน้องที่ผ่านการรับรอง เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่รู้กระทั่งเรื่องใหญ่ขนาดลูกพี่ของตนมีแฟนแล้ว
ช่างล้มเหลวเสียนี่กระไร ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง!
เมื่อคืนหลังจากทบทวนตัวเองอยู่ครึ่งค่อนคืน ซ่งหยางก็ตัดสินใจว่าวันนี้ต้องคงไว้ซึ่งภาพลักษณ์อันโดดเด่นและจัดจ้านต่อหน้าอาซ้อในอนาคตของตนให้ได้ จากนั้นยังต้องเอาอกเอาใจฝ่ายตรงข้ามให้ดี อืมๆ ตามนี้ล่ะ
พอได้ยินคำพูดของซ่งหยาง ซูรุ่ยก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็ยกมือขึ้นลูบหัวซูหว่านเบาๆ “ก็พาพวกนายมาเจอแล้วนี่ไง ที่รัก ทักทายพวกเขาหน่อยเร็ว”
“สวัสดี”
ซูหว่านยิ้มสดใสให้ซ่งหยางกับหยางหนิง “ฉันชื่อซูหว่าน เป็น…คู่หมั้นของเกาอวี่!”
ซ่งหยาง ‘ต้องเป็นเพราะวันนี้ฉันอมอมยิ้มผิดวิธีแน่ๆ’
หยางหนิง ‘ฉันยังไม่สร่างเมาจากเมื่อวานแหงๆ นี่เป็นภาพมายา ภาพมายาชัดๆ!’
แล้วที่ตกลงกันว่าเป็นคู่แข่งด้านความรักที่สวยสง่ามีระดับล่ะ
แล้วที่ตกลงกันว่าจะมาแข่งกันให้รู้แพ้รู้ชนะไปข้างล่ะ
ให้ตายเถอะ สาวน้อยแก้มป่องหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง นี่มัน อะไรกันเนี่ย
พอเห็นซ่งหยางกับหยางหนิงแสดงท่าทางตระหนกตกใจ ซูหว่านก็ยักไหล่ให้ซูรุ่ย ส่วนซูรุ่ยก็เอื้อมมือไปจับมือน้อยๆ ของเธอตามความเคยชิน “ที่รัก ไป เรากลับบ้านกัน ปล่อยให้พวกเขาสงบสติอารมณ์สักพัก”
ซูหว่าน ‘คุณแน่ใจว่าสงบสติอารมณ์สักพักแล้วจะดีขึ้นเหรอ’
ในใจของน้องหยางหนิงเกิดเงาขึ้นแล้ว ใครช่วยเอาออกไปได้บ้าง นี่ต้องเป็นเงาในใจไปตลอดชีวิตแน่ๆ…
เทพบุตรหล่อ หรู รวย ไม่ชอบดาวโรงเรียน ชอบสาวน้อยซะงั้น!
ให้ตายสิ หยางหนิงรู้สึกว่า ต่อไปตนเองจะไม่เชื่อใจผู้ชายอีก
“นี่คือ…”
ขณะมองตามซูรุ่ยจูงมือซูหว่านค่อยๆ จากไปไกล หยางหนิงก็พูดเสียงสั่นออกมาอย่างอดไม่ได้ “ซ่งหยาง เกาอวี่เขา นี่เขากำลังล้อเราเล่นอยู่หรือเปล่า”
ล้อเล่น?
ชั่วขณะเมื่อครู่ ซ่งหยางก็นึกว่าซูรุ่ยกำลังล้อเล่นอยู่เหมือนกัน แต่พอเห็นเขากับซูหว่านสนิทสนมและเข้ากันได้อย่างเป็นธรรมชาติขนาดนั้น ซ่งหยางก็นึกย้อนถึงสิ่งละอันพันละน้อยตอนที่ตนอยู่ด้วยกันกับพวกเขา ก็เข้าใจในทันที…
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้! เป็นอย่างนี้นี่เอง!
นาทีนี้ ประตูสู่โลกใหม่ได้เปิดให้กับเด็กชายซ่งหยางแล้ว
“เขาไม่ได้โกหก”
ซ่งหยางทิ้งประโยคนี้ไว้ ก่อนก้าวยาวๆ ไล่ตามไปยังทางที่ซูรุ่ยเดินจาก “เกาอวี่ รอก่อน รอฉันด้วยสิ!”
ซูรุ่ยมิได้ใส่ใจอะไรมากมายกับเรื่องของหยางหนิง ส่วนซ่งหยาง หลังจากผ่านเรื่องในครั้งนี้ไป ที่สุดแล้วก็รู้ถึงความสัมพันธ์ของซูรุ่ยกับซูหว่าน และเขาในตอนนี้ยังได้ทักษะใหม่เอี่ยมอ่องจากตัวแม่ทัพซูพ่วงมา…
ว่าด้วยเรื่อง ทำอย่างไรจึงจะมีภรรยา
อืม ซูหว่านเป็นอาซ้อของตนไปแล้ว ก็ไม่ต้องคะนึงหาอีก
อ๊ะ น้องสาวของอาซ้อ ดูไปแล้วทั้งไร้เดียงสาทั้งน่ารัก ไม่รู้ว่าเหมาะที่จะเป็นภรรยาตนหรือเปล่า
ไม่ผิด ซ่งหยางได้พุ่งความสนใจไปที่ซูชิงเหมยแล้ว ถ้าซูรุ่ยรู้ความคิดของเขา ต้องจุดธูปให้เขาแน่
ผู้หญิงอย่างซูชิงเหมยไม่เหมาะกับตัวตลกอย่างซ่งหยางจริงๆ
ตอนนี้ซูชิงเหมยหกขวบครึ่ง พอถึงฤดูใบไม้ร่วงเธอก็ต้องเข้าโรงเรียน ตั้งแต่คนสกุลซูย้ายบ้านไป ซูชิงเหมยก็เอาแต่เศร้าใจ และเพราะเธออายุน้อยเกินไป หลิวลี่จึงไม่อนุญาติให้เธอเล่นอยู่ใต้อาคารตัวคนเดียว เธอไม่ได้พบหน้าเซี่ยฉางอันมานาน ไม่รู้ว่าพี่ฉางอันเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
เรื่องเดียวที่ทำให้ซูชิงเหมยรู้สึกดีใจก็คือ ในที่สุดเกาอวี่ก็กำลังจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย และพอเขาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่เมืองหลวง จะได้ไม่ต้องปรากฏตัวต่อหน้าตนเองบ่อยๆ อีก
พริบตาเดียวก็เข้าสู่เดือนกันยายน เริ่มต้นภาคเรียนใหม่ ซูรุ่ยกับซ่งหยางไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยจิงต้า ส่วนภาคเรียนที่นี่ เซี่ยฉางอันขึ้นชั้นป.หก ซูหว่านขึ้นชั้นป.สี่ และซูชิงเหมยได้เป็นนักเรียนป.หนึ่งเต็มตัว
พอเห็นว่าเซี่ยฉางอันกำลังจะจบการศึกษา ซูชิงเหมยจึงต้องจับจองเวลาทั้งหมดในโรงเรียน ดึงความสนใจจากเซี่ยฉางอัน ทำให้เขารู้สึกถึงการดำรงอยู่ของตนตรงหน้าให้ได้
ตรงกันข้ามกับซูหว่าน การจากไปของซูรุ่ย ทำให้เธอสงบนิ่งลง ทุกๆ วันในชั้นเรียน ถ้าไม่ฟังการสอน ก็นอนหลับ รักษาเกรดไว้ให้อยู่ในระดับกลางค่อนบน ซึ่งการพายเรืออย่างหย่อนยานของซูหว่านแบบนี้ กลับเป็นที่ถูกอกถูกใจของเยี่ยคานฮวนยิ่ง
เขาได้เริ่มดำเนินการซื้อบ้านที่อยู่ใกล้ๆ กับอาคารพักอาศัยของครอบครัวสกุลซูแล้ว
ดังคำที่ว่า เหมยเขียวครองคู่ม้าไม้ไผ่ คู่กันแต่เด็กแล้วไม่แคล้วกัน ย่อมต้องเติบโตไปด้วยกัน ดังนั้นใกล้กันไว้ก่อนเป็นดี!
หนึ่งปีต่อมา พอเซี่ยฉางอันเลื่อนชั้นไปเรียนที่โรงเรียนมัธยมสือซาน ครอบครัวสกุลเซี่ยก็ย้ายไปอยู่แถวบ้านซูหว่าน เยี่ยคานฮวนหาข้ออ้างให้เซี่ยฉางอันไปสอนพิเศษให้ซูชิงเหมยที่บ้านสกุลซู ซึ่งหลิวลี่กับซูกั๋วเลี่ยงย่อมไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ กับการจัดการของเขา ซึ่งไปๆ มาๆ เซี่ยฉางอันก็ได้สอนพิเศษให้ซูชิงเหมยยาวไปสามปี!
ขณะนี้ เซี่ยฉางอันได้กลายเป็นหนุ่มน้อยแล้ว และคะแนนสอบเลื่อนชั้นขึ้นม.ปลายของเขา ก็ทำให้เขาสามารถเลือกเรียนโรงเรียนที่ดีกว่าได้ แต่เซี่ยฉางอันยังคงเลือกเรียนที่โรงเรียนมัธยมสือซานอย่างไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย ด้วยรู้ว่า เกรดของซูหว่านกับฐานะทางบ้านของเธอ ต้องสอบเข้าโรงเรียนมัธยมสือซานได้แน่ และแม้เป็นเพื่อนในโรงเรียนเดียวกันได้แค่ปีเดียว เซี่ยฉางอันก็รู้สึกพอใจแล้ว
เสียดาย สิ่งที่ทำให้เซี่ยฉางอันและทุกๆ คนต้องสะดุดล้มหัวคะมำอย่างไม่คาดคิดก็คือ การสอบเข้าเรียนม.ปลายในสองปีต่อมา ซูหว่านสามารถสอบเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมที่ดีที่สุดของเมืองซีได้ จากคะแนนสอบอันดับหนึ่งของเมือง
วันประกาศผลสอบของซูหว่าน ชุมชนเล็กๆ ทั้งชุมชนเต็มไปด้วยความคึกคัก ซูกั๋วเลี่ยงจัดงานเลี้ยงฉลองเลื่อนชั้นเรียนให้ซูหว่านโดยเฉพาะ โดยทั้งเพื่อนร่วมงานในโรงงาน อีกทั้งครูใหญ่และเหล่าคุณครูล้วนมาร่วมงานกันถ้วนหน้า หลิวลี่จึงหน้าบาน ยิ้มไม่หุบตลอดทั้งวัน เธอรู้สึกว่าตนเองเป็นคนที่มีหน้ามีตาเป็นพิเศษในอาคารพักอาศัยที่ใหญ่โตแห่งนี้…นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ที่หนึ่งของเมือง! เทียบเท่ากับจอหงวนในสมัยก่อนทีเดียวเชียว!
หลิวลี่ในตอนนี้ เห็นซูหว่านอยู่ในสายตามากขึ้นเรื่อยๆ ตรงกันข้ามกับซูชิงเหมย ที่ให้เซี่ยฉางอันมาสอนพิเศษอยู่หลายปีดีดัก แต่ยังคงไม่มีความก้าวหน้าสักนิด!
ทำให้หลิวลี่รู้สึกหงุดหงิดมาก!
“ชิงเหมย ลูกเรียนรู้จากพี่เค้าให้มากๆ หน่อย ต่อไปจะได้สอบได้ที่หนึ่งของเมืองเหมือนกัน!”
ทุกครั้งที่ซูชิงเหมยได้ยินคำพูดของแม่ตน ก็ได้แต่ยิ้มบางๆ ซึ่งจริงๆ แล้ว เธอก็ประหลาดใจมาก ว่าเหตุใดจู่ๆ ซูหว่านถึงกลายเป็นคนเรียนเก่งขึ้นมาได้
ต้องรู้ว่า แม้ซูชิงเหมยกลับชาติมาเกิดใหม่ แต่ถึงกระนั้น เธอก็ไม่กล้ารับประกันว่า ตอนสอบเลื่อนชั้นม.ปลายจะทำข้อสอบได้ถูกทุกข้อ
ชาติก่อน ผลการเรียนของซูชิงเหมยอยู่ในระดับกลางๆ และเธอก็มักใช้เวลาส่วนใหญ่ในโรงเรียนไปกับการหาแฟน ไม่คิดที่จะจดจ่อกับการเรียน แม้กลับชาติมาเกิดใหม่ เธอก็ไม่เคยคิดที่จะตั้งใจเรียน แล้วใช้ความรู้เปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเอง
สิ่งที่เธอคะนึงหา ยังคงเป็นสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารักแบบชายหญิง…